บทที่ 243 น้องใหม่
บทที่ 243 น้องใหม่
ตอนแรกสมาชิกชมรมเทควันโดกำลังส่งเสียงเชียร์เมื่อได้เห็นลูกเตะของหวังรุ่ย แต่ใครจะไปคิดว่าในวินาทีถัดไปลู่หยางจะโจมตีสวนกลับจนทำให้หวังรุ่ยเป็นลมหมดสติไปแบบนี้
ทุกคนตกตะลึงไปชั่วครู่หนึ่ง ก่อนที่พวกเขาจะรีบวิ่งมาดูอาการของหวังรุ่ยอย่างรวดเร็ว
“กัปตันเป็นอะไรหรือเปล่า?”
“กัปตันรีบตื่นขึ้นมาเร็วเข้า!”
…
หวังจิงตกใจกับเหตุการณ์ในครั้งนี้มาก เขากับครูฝึกอีกคนจึงรีบวิ่งเข้ามาดูสถานการณ์ในทันที แต่เมื่อเขาได้เห็นว่าแท้ที่จริงหวังรุ่ยไม่ได้หมดสติเพียงแค่จุกจนขยับตัวไม่ได้ ครูฝึกทั้งสองต่างก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
หวังรุ่ยพยายามที่จะลุกยืนขึ้นแต่เขากลับบอกว่าแขนขาของตัวเองไม่สามารถจะขยับเขยื้อนได้เลย ประธานชมรมเทควันโดจึงทำได้เพียงจ้องมองไปยังลู่หยางด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความแค้นเคืองเท่านั้น
ลู่หยางเดินเข้ามาหน้าหวังรุ่ย ก่อนที่เขาจะพูดขึ้นมาว่า
“อย่าพยายามขยับเลย เมื่อช่องท้องถูกกระแทกเข้าอย่างแรง เส้นประสาทในช่องท้องจะถูกกระตุ้นทำให้มันส่งสัญญาณไปยังศูนย์ควบคุมเส้นประสาท ในเวลานั้นหัวใจจะเต้นช้าลงกว่าเดิมมากแต่หลังจากผ่านไปสักครึ่งชั่วโมงเดี๋ยวคุณก็ลุกขึ้นมาได้เอง”
“ลู่หยาง คราวนี้นายเล่นแรงเกินไปแล้วนะ” หวังจิงกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว
“คุณก็รู้ว่าถ้าผมออกแรงมากกว่านี้อีก 3 ส่วน หัวใจของเขาก็คงจะหยุดเต้นไปแล้วล่ะ ถ้าผมไม่ได้เล็งชกที่ท้องแต่เป็นตรงบริเวณเหนือกระดูกต้นคอ ตอนนั้นสมองของเขาก็จะได้รับความเสียหายถาวรจนกลายเป็นคนไม่เต็มเต็ง การที่ผมไม่ได้ทำอะไรพวกนั้นมันก็ถือว่าผมปราณีเขามากแล้ว” ลู่หยางกล่าว
จิตสังหารที่แผ่ซ่านออกมาจากตัวของลู่หยางทำให้สมาชิกชมรมเทควันโดขนลุกขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ เหตุการณ์นี้จึงทำให้ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมาอีกและแม้แต่หวังจิงและครูฝึกอีกคนก็ยังรู้สึกตกตะลึงไม่แพ้กัน
“ทำไมจิตสังหารของเขาถึงรุนแรงขนาดนี้?” ครูฝึกหญิงหันมาถามหวังจิงเบา ๆ
ลู่หยางไม่ได้สนใจบทสนทนาระหว่างครูฝึกทั้ง 2 คน แต่เลือกที่จะหันไปพูดกับหวังรุ่ยที่กำลังนอนรอเปลหามอยู่บนพื้น
“ฉันขอเตือนอีกครั้งว่าถ้าหากนายยังมายุ่งกับฉัน คราวหน้านายจะไม่โชคดีแบบนี้แน่”
ในที่สุดหวังจิงก็เข้าใจว่าทั้งสองเคยมีเรื่องบาดหมางกันมาก่อน เขาจึงมองไปยังลู่หยางพร้อมกับขมวดคิ้ว ก่อนจะหันไปพูดกับครูฝึกที่อยู่ข้าง ๆ
“รีบพาเขาไปห้องพยาบาลกันก่อนเถอะ”
“ทุกคนอยู่ที่นี่ห้ามออกไปไหนเด็ดขาด พวกชมรมเทควันโดเข้ามาช่วยหามกัปตันของพวกนายหน่อย” ครูฝึกหญิงกล่าว
เหล่าบรรดาสมาชิกชมรมเทควันโดพยายามหามหวังรุ่ยไปยังห้องพยาบาลอย่างวุ่นวาย ซึ่งในระหว่างนั้นโม่หลงก็ได้เดินเข้ามาพูดกับลู่หยางว่า
“ฉันไม่คิดมาก่อนเลยนะเนี่ยว่านายจะเก่งขนาดนี้”
“ฉันแค่ต่อยออกไปมั่ว ๆ ใครจะไปรู้ว่าเขาจะทนรับหมัดมั่ว ๆ ของฉันไม่ได้” ลู่หยางกล่าวอย่างหน้าตาเฉย
“พวกเราก็อุตส่าห์เป็นห่วงตั้งนาน ที่แท้นายฝึกการต่อสู้มาก่อนก็ไม่บอก” เสินเมิ่งเหยาเดินเข้ามาหาลู่หยางด้วยสีหน้าที่เป็นห่วง โดยมีเพื่อน ๆ เดินตามมาอยู่ใกล้ ๆ
“ฉันไม่ได้เก่งหรอก แต่หวังรุ่ยอ่อนแอเกินไปต่างหาก ใครจะไปรู้ว่าเขาจะรับหมัดฉันไม่ได้แบบนี้” ลู่หยางยังคงตีหน้าซื่อเล่าความเท็จต่อไป
“อ๋อ งั้นเหรอ แล้วทำไมนายถึงวิเคราะห์ผลข้างเคียงหลังจากการชกได้ละเอียดขนาดนั้นล่ะ? อย่าคิดว่าก่อนหน้านี้ฉันไม่ได้ยินนะ” เสินเมิ่งเหยากล่าว
“โอเค ๆ ฉันยอมรับก็ได้ว่าฉันตั้งใจชกเขาจริง ๆ แต่สำหรับผู้ชายเลว ๆ แบบนี้มันก็ควรจะโดนสั่งสอนกันบ้าง” ลู่หยางกล่าว
“ขอบใจนะ” เสินเมิ่งเหยากล่าวอย่างซาบซึ้งใจเล็กน้อย
“ไม่เป็นไร” ลู่หยางกล่าว
“ลู่หยางมานี่” หวังจิงเรียกลู่หยางด้วยสีหน้าไม่พอใจทันทีหลังจากที่เขากลับมาจากห้องพยาบาล
ลู่หยางแสดงสีหน้าออกมาอย่างจนใจ ก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปหาหวังจิง
“มีอะไรเหรอครับครูฝึก?”
“ความจริงแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” หวังจิงถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
“ถ้าคุณสัญญาว่าจะไม่บอกใครเดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟัง” ลู่หยางกล่าว
“เล่ามา” หวังจิงกล่าว
“สำหรับหน่วยรบพิเศษอย่างคุณ ถ้ามีคนพยายามมาแย่งภรรยาคุณแล้วยังท้าทายคุณต่อหน้าสาธารณะอีก คุณจะทำยังไง?” ลู่หยางถาม
“ฉันจะฆ่ามัน” หวังจิงตอบกลับด้วยน้ำเสียงอันเย็นยะเยือก
“ก็นั่นแหละครับ” ลู่หยางกล่าวพร้อมกับชี้ไปที่เสินเมิ่งเหยา
“เธอคนนั้นคือภรรยาในอนาคตของผม หวังรุ่ยมีผู้หญิงอยู่แล้ว 2 คนแต่ก็ยังพยายามจะมาตามจีบเสินเมิ่งเหยาอีก ที่สำคัญคราวนี้เขาตั้งใจจะทำให้ผมขายหน้าต่อหน้าผู้หญิงที่ผมรักแล้วแบบนี้ผมจะปล่อยเขาไปง่าย ๆ ได้ยังไง?”
เมื่อได้ฟังความจริงจากปากของลู่หยาง เขาก็อดที่จะหัวเราะขึ้นมาไม่ได้
“ฮ่า ๆ ๆ เอาเป็นว่าเรื่องนี้ฉันจะยอมปล่อยไปก็แล้วกัน ว่าแต่ข้อเสนอที่ฉันเสนอไปก่อนหน้านี้นายสนใจไหม?”
“เรื่องเป็นทหารน่ะเหรอครับ?”
“ใช่ หลังจากที่นายเป็นนักเรียนทหารที่นี่ 1 ปี ในปีหน้านายก็เข้าไปฝึกในกองทัพได้เลย หลังจากฝึกพิเศษครบ 2 ปีแล้วในเวลานั้นนายก็จะได้กลายเป็นหน่วยรบพิเศษตัวจริง” หวังจิงกล่าว
“ขอผมคิดดูก่อนก็แล้วกัน” ลู่หยางกล่าว
ก่อนหน้านี้ลู่หยางไม่เคยมีความคิดที่จะเข้ากองทัพเลยแม้แต่นิดเดียว แต่เมื่อลองคิดดูการเป็นทหารก็เป็นตัวเลือกที่ไม่เลวเหมือนกัน เพราะอย่างน้อยในยุคสมัยนี้ทหารก็มีสถานะที่สูงมาก ยิ่งในอนาคตกองทัพยิ่งจะมีส่วนร่วมกับสถานการณ์ต่าง ๆ มากยิ่งขึ้น
“ขอแค่ให้คำตอบฉันก่อนการฝึกทหารจบลงก็พอแล้ว ฉันจะรายงานเรื่องนี้ไปยังผู้บังคับบัญชาเอง เอาล่ะตอนนี้กลับไปฝึกต่อเถอะ” หวังจิงกล่าว
เพื่อให้ทุกคนลืมเรื่องที่เพิ่งเกิดไปเมื่อสักครู่ หวังจิงจึงเริ่มการฝึกอย่างโหดร้ายทำให้ตลอดทั้งบ่ายทั้งนักศึกษาชายและนักศึกษาหญิงต่างก็ถูกฝึกจนหมดแรง ทำให้พวกเขาอยากจะกลับไปทิ้งตัวลงนอนโดยไม่ต้องอาบน้ำเลยด้วยซ้ำ
แน่นอนว่าการฝึกแค่นี้ยังไม่มากพอที่จะทำให้ลู่หยางเหนื่อยขนาดนั้น หลังจากนั่งพักไปเพียงแค่ 5 นาทีเรี่ยวแรงส่วนใหญ่ของเขามันก็ฟื้นคืนกลับมาเรียบร้อยแล้ว
“ทำไมนายถึกจังวะ” โม่หลงกล่าวพร้อมกับหอบแฮก ๆ
“แค่นายออกกำลังกายบ่อย ๆ ร่างกายของนายก็จะอึดเหมือนกับฉันเอง” ลู่หยางกล่าว
“ถึงฉันจะฝึกหนักแต่ฉันก็ไม่มีทางอึดได้แบบนายหรอก ว่าแต่นายเล่นเซคคัลเวิลด์ไหม? ฉันเล่นเป็นเผ่ามนุษย์อยู่ในเมืองเซนต์กอลล์ชื่อบอร์นแฮนซั่ม ตอนนี้เลเวล 15 แล้ว”
เมื่อโม่หลงเริ่มพูดถึงเซคคัลเวิลด์ ฮวงเชียงกับจางเฉียงก็เข้ามาล้อมวงพูดคุยด้วยเช่นเดียวกัน เพราะท้ายที่สุดเกม ๆ นี้ก็กำลังเป็นที่นิยมในหมู่นักศึกษามาก
เสินเมิ่งเหยาแอบฟังบทสนทนาอยู่ใกล้ ๆ โดยที่สายตาของเธอยังคงจับจ้องมองไปยังลู่หยาง เพราะท้ายที่สุดชายหนุ่มคนนี้ทำให้เธอนึกถึงหัวหน้ากิลด์ เพียงแต่ลู่หยางภายในเกมปฏิบัติตัวกับเธออย่างอ่อนโยน แต่ลู่หยางคนนี้กลับปฏิบัติตัวกับเธออย่างแข็งกระด้าง
“ฉันก็เล่นเป็นเผ่ามนุษย์อยู่ในเมืองเซนต์กอลล์เหมือนกัน” ลู่หยางกล่าว
“ตอนนี้นายเลเวลเท่าไหร่แล้ว?” เสินเมิ่งเหยาถาม
“เลเวลฉันก็เท่า ๆ กับคนอื่น ๆ นั่นแหละ” ลู่หยางตอบส่ง ๆ
เสินเมิ่งเหยาถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เพราะตอนแรกเธอกังวลว่าลู่หยางคนนี้จะเป็นลู่หยางคนเดียวกับในเกม ซึ่งถ้าหากว่ามันเป็นแบบนั้นเธอก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะต้องวางตัวยังไง เนื่องจากลู่หยางในเกมกับลู่หยางที่อยู่ตรงหน้าปฏิบัติตัวกับเธออย่างแตกต่างกันดั่งคนละโลก
ยิ่งไปกว่านั้นเธอยังชื่นชมลู่หยางภายในเกมมาก เพราะไม่ว่าจะเป็นบุคลิกอันสง่างามหรือความสามารถในการควบคุมสถานการณ์ มันจึงทำให้เธอตกหลุมรักลู่หยางภายในเกมไปแล้ว
“ฉันเลเวล 20 แล้ว เดี๋ยวฉันจะพาพวกนายไปเก็บเลเวลเอง ว่าแต่เสินเมิ่งเหยาเธอเลเวลเท่าไหร่แล้วล่ะ?” ฮวงเชียงกล่าว
ทุกคนต่างก็จับจ้องมองไปยังเสินเมิ่งเหยาเป็นตาเดียวกัน เพราะทุกคนต่างก็อยากรู้เลเวลของเธอ
“เลเวลฉันไม่สูงเท่าไหร่หรอก แต่ช่วงนี้ฉันมีธุระต้องจัดการไม่มีเวลามาเที่ยวเล่นหรอก พวกนายไปหาฉู่อวี้กับจางเหมิงดีกว่า”
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 163
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น