บทที่ 244 สลัม
บทที่ 244 สลัม
“ขอโทษนะทุกคน แต่ฉันก็มีธุระด่วนเหมือนกัน อาจจะยังเล่นไม่ได้ไปอีก 2-3 วัน พวกนายเล่นกันไปก่อนเถอะ” ลู่หยางกล่าว
ทุกคนต่างก็ผิดหวังที่เสินเมิ่งเหยามาเล่นเกมด้วยกันไม่ได้ แต่ไม่ได้มีใครติดใจเรื่องที่ลู่หยางไม่ว่างเลย หลังจากเวลาได้ล่วงเลยผ่านไปอย่างช้า ๆ ในที่สุดมันก็ถึงเวลาเลิกเรียน
หวังจิงประกาศให้ทุกคนแยกย้ายกันกลับไปพักผ่อน และพรุ่งนี้เช้าตอน 8 โมงให้ทุกคนกลับมารวมตัวกันที่นี่อีกครั้ง
“ในที่สุดก็เป็นอิสระสักที ขอไปเดินห้างชอปปิงหน่อยก็แล้วกัน” จางเหมิงกล่าว
“ขอไปพักก่อนไม่ได้เหรอ?” หลิวฉ่วงพูดพร้อมกับทำหน้าเหมือนกับจะตายอยู่แล้ว
“ถ้าเธออยากลดน้ำหนักเร็ว ๆ การเดินห้างมันก็ช่วยได้นะ” ฉู่อวี้กล่าว
“ไปด้วยกันเลย ไม่ต้องบ่น” เสินเมิ่งเหยาเข้าไปคว้าแขนซ้ายของหลิวฉ่วง ขณะที่จางเหมิงเข้าไปคว้าแขนขวา ก่อนที่ทั้งสองคนจะช่วยลากตัวหลิวฉ่วงออกไป
ลู่หยางยืนดูสาว ๆ อย่างตลกขบขัน ซึ่งหลังจากที่เขาเดินคุยกับหวังจิงไปจนถึงมหาลัย มันก็มีรถลัมโบร์กีนีคันหนึ่งแล่นมาจอดตรงหน้าทุกคนอย่างรวดเร็ว
“ว้าว ลัมโบร์กีนี” จางเหมิงอุทานพร้อมกับเบิกตากว้าง
“เขาเป็นหนุ่มหล่อคณะไหนกันนะ?” หลิวฉ่วงกล่าว
หลังรถลัมโบร์กีนีจอดสนิท เจียงเจ๋อก็เปิดประตูเดินลงมาจากรถ
“หล่อจัง” ฉู่อวี้พูดขึ้นมาเบา ๆ
“เขาคงไม่ได้มาจีบเสินเมิ่งเหยาอีกคนใช่ไหม?” จางเหมิงถามอย่างสงสัย
เสินเมิ่งเหยาส่ายหัวเป็นคำตอบเพื่อบอกว่าเธอไม่รู้จักคนคนนี้ และในขณะที่ทุกคนกำลังสงสัยว่าเจียงเจ๋อกำลังจะทำอะไรอีกฝ่ายก็เดินเข้ามาหาลู่หยาง
“ในที่สุดฉันก็หานายเจอสักที”
“มีอะไรเหรอ?” ลู่หยางถาม
“พูดที่นี่คงไม่เหมาะเท่าไหร่ รีบขึ้นรถเถอะ” เจียงเจ๋อกล่าวอย่างร้อนรน
ลู่หยางพยักหน้าก่อนจะเดินขึ้นรถไป จากนั้นรถลัมโบร์กีนีคันสีดำก็แล่นออกไปจากมหาลัย
“ที่แท้ลู่หยางก็ไม่ใช่คนธรรมดา ๆ นี่เอง” จางเหมิงพูดอย่างประหลาดใจ
“ขนาดเพื่อนยังขับลัมโบร์กีนีมารับ ตัวเขาก็คงจะไม่ธรรมดาเหมือนกันแน่ ๆ” หลิวฉ่วงกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
ตอนแรกเสินเมิ่งเหยาคิดว่าตัวเองรู้จักลู่หยางมากพอสมควรแล้ว แต่หลังจากเหตุการณ์ในครั้งนี้เธอก็ได้พบว่าความจริงเธอแทบจะยังไม่รู้จักอีกฝ่ายเลยด้วยซ้ำ
“เพราะแบบนี้เองสินะเขาถึงไม่กลัวหวังรุ่ยเลย” โม่หลงพูดภายในกลุ่มที่อยู่ห่างออกไป
“หลังจากนี้พวกเราก็ให้ลู่หยางเลี้ยงข้าวอย่างสบายใจได้สินะ” หลินตงกล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะ
โม่หลงส่งเสียงหัวเราะเบา ๆ พร้อมกับพยักหน้าอย่างเห็นด้วย มีเพียงฮวงเชียงที่แสดงสีหน้าออกมาไม่ค่อยดีนัก เพราะในตอนแรกเขาคิดว่าตัวเองเป็นคนที่มีฐานะดีที่สุดภายในห้อง แต่หลังจากได้เห็นรถลัมโบร์กีนีที่ขับเข้ามารับลู่หยาง มันก็มีความรู้สึกพ่ายแพ้ค่อย ๆ ผุดขึ้นมาภายในใจของเขา
—
บนรถ
“นายจะมาเสียเวลาฝึกทหารไปทำไม?” เจียงเจ๋อถาม
“ฉันไม่ได้รวยแบบนายนะที่จะใช้เงินแก้ปัญหาได้ทุกอย่าง” ลู่หยางกล่าว
“นึกว่าติดสาวที่ไหนจนต้องมาฝึกทหารซะอีก” เจียงเจ๋อพูดแซว
“ความจริงฉันก็กำลังชอบผู้หญิงคนหนึ่งที่ยืนอยู่ตรงหน้านายตอนที่นายจอดรถนั่นแหละ ฉันตั้งใจจะจีบเธอมาเป็นแม่ของลูกฉันให้ได้ นายเตรียมตัวเรียกเธอว่าพี่สะใภ้ได้เลย” ลู่หยางกล่าว
“เฮ้ย! เร็วขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“มาเข้าเรื่องกันเถอะ มันมีปัญหาอะไรกันแน่ถึงรีบมาหาฉันแบบนี้?” ลู่หยางกล่าว
“ตอนนี้ในเกมกำลังมีเรื่องใหญ่เลยล่ะ ฉือมู่เพิ่งได้รับคำสั่งป้อมปราการและกำลังจะบุกเบิกพื้นที่ใหม่ แต่จู่ ๆ เขากลับถูกลูกน้องทรยศทำให้ตอนนี้ในเกมกำลังวุ่นวายกันสุด ๆ เลย” เจียงเจ๋อกล่าว
“เดี๋ยวฉันรีบเข้าเกมไปดูก่อน” ลู่หยางกล่าว
—
หลังกลับเข้าเกมลู่หยางก็ได้เห็นแผนที่ตำแหน่งป้อมปราการถูกส่งเข้ามาภายในกล่องจดหมายของเขาแล้ว ซึ่งมันเป็นป้อมปราการที่อยู่บริเวณทิศตะวันออกของเมืองเซนต์กอลล์
“ผมได้ยินว่าคุณเจอป้อมปราการงั้นเหรอ?” ลู่หยางติดต่อไปหาฉือมู่
“ใช่แล้ว ฉันกำลังจะถือโอกาสที่บลัดเติสตี้ติดสัญญากับพวกเราในการบุกเบิกพื้นที่ใหม่น่ะ” ฉือมู่กล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะ
“ตำแหน่งของป้อมปราการนี้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่เพราะมันอยู่ใกล้กับเมืองหลักทั้งเมืองแฮนนิบัล, นอร์ทวินด์และดีพวอเตอร์พอร์ต หากคุณยึดครองป้อมปราการนั้นไปมันจะกลายเป็นจุดศูนย์รวมของสงครามเลยนะ” ลู่หยางกล่าวเตือน
“อย่าพูดถึงเรื่องนั้นเลย หลังจากที่ฉันได้รับคำสั่งบุกป้อมปราการมาฉันก็คิดเรื่องนี้อยู่นานแล้ว แต่ฉันเป็นถึงหัวหน้ากิลด์ใหญ่จะให้ฉันเอาคำสั่งบุกป้อมไปขายก็ไม่ได้ใช่ไหมล่ะ? ยิ่งไปกว่านั้นลูกน้องของฉันยังมาทรยศอีกทำให้กิลด์ขนาดกลาง 10 กว่ากิลด์กำลังพยายามหาเรื่องฉันอยู่” ฉือมู่กล่าวพร้อมกับถอนหายใจ
“คุณต้องการความช่วยเหลือไหม? ถ้าไม่ไหวจริง ๆ ผมพร้อมจะนำกำลังไปช่วย” ลู่หยางถาม
“ขอบใจมาก แต่ฉันขอดูสถานการณ์ก่อน ตอนนี้พวกเขายังไม่เป็นอันตรายสำหรับฉันหรอก” ฉือมู่กล่าวอย่างรู้สึกซาบซึ้งภายในใจ
กิลด์ขนาดกลางที่กำลังพยายามหาเรื่องเขาอยู่เป็นกิลด์ที่มีขนาดเพียงแค่ประมาณ 30,000 คนเท่านั้น ขณะเดียวกันเพอร์เพิลโกลด์เดสตินี่เป็นกิลด์ขนาดใหญ่ที่มีสมาชิกอยู่มากกว่า 130,000 คน แล้วพวกเขายังมีกองกำลังชั้นยอดที่ประกอบไปด้วยผู้เล่นเลเวล 20 ขึ้นไปอยู่มากกว่า 20,000 คน
ดังนั้นหากมันมีการปะทะเกิดขึ้นมาจริง ๆ ฉือมู่ก็สามารถกวาดล้างกิลด์เหล่านั้นได้ในคราวเดียว นอกจากนี้หากเขาสามารถบุกยึดป้อมปราการได้สำเร็จ ผู้เล่นที่สนใจจะสมัครเข้าร่วมกิลด์ก็คงจะเพิ่มขึ้นจากเดิมอีกมาก
สำหรับคำเตือนที่ลู่หยางพูดออกมาฉือมู่ก็คิดว่าอีกฝ่ายกำลังอิจฉาเขาเฉย ๆ ส่วนเรื่องการส่งกำลังคนไปช่วยก็เพราะอีกฝ่ายต้องการส่วนแบ่งจากป้อมปราการ ฉือมู่จึงยังไม่ต้องการความช่วยเหลือจากลู่หยางในตอนนี้
ลู่หยางพอจะเดาได้อยู่แล้วว่าฉือมู่กำลังคิดอะไรอยู่ เพียงแต่เขาติดต่อเข้ามาเพื่อยืนยันว่าพันธมิตรของพวกเขายังมั่นคง หลังจากพูดคุยกันอีก 2-3 ประโยคเขาก็วางสายไปแล้วติดต่อไปถามสถานการณ์ของพวกฉิงชางและแม่ทัพคนอื่น ๆ ต่อ
หลังจากยืนยันได้ว่าไม่มีเรื่องอะไรเร่งด่วน ลู่หยางก็เดินทางไปยังเขตสลัมทางตอนใต้ของเมืองเซนต์กอลล์
เขตสลัมถือว่าเป็นสิ่งที่แสนพิเศษภายในเกม เพราะไม่ว่าในเมืองหลักแต่ละเมืองจะมีความหรูหรามากแค่ไหน แต่ในมุม ๆ หนึ่งของเมืองเหล่านั้นมันก็จะมีพื้นที่ทรุดโทรมซุกซ่อนอยู่
จากเนื้อเรื่องของตัวเกม เขตสลัมเป็นผลที่เกิดมาจากการทำสงคราม เพราะหลังจากสงครามระหว่าง 3 เผ่าพันธุ์ มันก็ได้ก่อให้เกิดการสูญเสียต่อครอบครัวต่าง ๆ อย่างมากมาย และเมื่อคนเหล่านั้นได้มารวมตัวกัน มันจึงก่อให้เกิดเขตสลัมภายในเมืองนี่เอง
ลู่หยางเดินผ่านตรอกอันคับแคบลงบันไดเข้าสู่พื้นที่อันมืดครึ้ม ซึ่งบริเวณนี้เต็มไปด้วยกลิ่นน้ำที่เน่าเหม็นและคนสวมเสื้อผ้าขาดรุ่งริ่งเดินไปมาอย่างมากมาย
“คุณชายขออาหารหน่อยได้ไหม?” ขอทานคนหนึ่งเดินมาขวางหน้าลู่หยาง
“เอานี้ไป” ลู่หยางกล่าวพร้อมกับหยิบเนื้อกวางออกมาจากกระเป๋า
“นี่มันเนื้อกวางมูนสคาร์!” ขอทานรับเนื้อกวางพร้อมกับออกวิ่งไปอย่างดีใจ แต่จู่ ๆ เขากลับเปลี่ยนทิศทางการวิ่งอย่างกะทันหันจนมาชนเข้ากับลู่หยางแล้วเซถลาวิ่งเข้าไปภายในสลัมลึก
ลู่หยางเผยรอยยิ้มออกมาอย่างเยือกเย็น เพราะในตอนนี้เงินทั้งหมดภายในกระเป๋าของเขาได้ถูกฉกหายไปจนหมดแล้ว
โจรหรือคนแจกภารกิจพิเศษ? ทุกคนว่าอันไหน
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 182
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น