ตอนที่ 11 .. “ เสียงของหัวใจ ”

องค์หญิงใบ้ กับ เจ้าชายยาจก

-A A +A

ตอนที่ 11 .. “ เสียงของหัวใจ ”

ฟังเพลงเพราะๆ ประกอบ นิยาย องค์หญิงใบ้ กับ เจ้าชายยาจก

  เป็นเพียงความบันเทิงในการฟังเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศ รวมถึง เหตุการณ์ของตัวละครในนิยาย เพื่อให้เกิดอรรถรสในการอ่านเท่านั้น ไม่ได้มีผลใดๆกับทางการค้าทั้งสิ้น .. ด้วยความเคารพผู้ประพันธ์นิยาย .. มัชฌิมา

จตุคามลามทุ่ง - คาราบาว

https://www.youtube.com/watch?v=u9jKWPKCXGs&index=47&list=PLVs28MKGCFuPKg2wvU9Sic5pWEWtgC839

ขอขอบคุณ วงคาราบาว จาก ค่าย วอร์เนอร์ มิวสิค ที่เอื้อเฟื้อเพลงให้มาประกอบในนิยาย

Romance Fiction - นิยายรัก / รักโรแมนติก

ตอนที่ 11 .. “ เสียงของหัวใจ ”

“ว่า ระดับที่ว่าบิ๊กหนะ มันบิ๊กแค่ไหน มิน่าหละ มันถึงรอดได้ทุกครั้งและออกมาเดินเล่นได้ขนาดนี้”

   เมืองราม พูดไม่ออก ก็เลยค่อยๆหยิบเอกสารสำนวนคดีต่างๆมาอ่านไปพลางๆ

“แล้วเรื่องเมฆไปถึงไหนแล้ว นายได้อะไรเพิ่มไหมกับที่กบดานของมันตอนนี้”

“ก็ได้มาบ้างนะ แต่ยังไม่มั่นใจ เพราะสายสืบบอกว่า ไอ้นี่มันเปลี่ยนที่ไปเรื่อยๆล่าสุด ก็พึ่งย้ายออกไปจากแหล่งกบดานล่าสุด”

“แถวไหนวะ” เมืองรามใจร้อนอยากรู้ “ก็ละแวกนี้แหละ” ชาญชัยชี้มือไปด้านนอก

“ฉันมั่นใจว่า มันต้องอยู่แถวนี้แหละ เพราะเหยื่อมันอยู่แถวนี้ แต่ฉันยังไม่แน่ใจว่า เหยื่อที่มันตามอยู่หนะคือใคร”

“เอาน่า ฉันรับปากนายแล้วจะช่วยก็คือช่วย ใจเย็นๆ อ่านเอกสารไปก่อนแล้วกัน ฉันขอตัวทำงานก่อน”

+++++ ------ +++++

   9 นาฬิกา หลังจากที่พยาบาลและคุณหมอคนสวยมาดูอาการให้กับนกและบอกว่าสุขภาพร่างกาย ไม่เป็นไรแล้ว แผลที่หัวก็แห้งดีไม่มีอาการอะไรแทรกซ้อนแล้ว ธวัชดีใจมาก จะได้กลับบ้านเสียทีบ่ายนี้ จึงเตรียมเก็บข้าวของและเสื้อผ้าของตัวเอง

“เป็นอันว่า คราวนี้ กลับบ้านได้แน่แล้วนะคะ เมื่อวานก็ไม่มีอาการอะไรแทรกซ้อน ตรวจดูสุขภาพน้องเค้าก็เริ่มจะแข็งแรงดีแล้ว ขออย่างเดียว จำไว้ อย่าให้น้องเค้าคิดมากและ อะไรที่ไม่สบายใจบอกน้องเค้า อย่าเก็บเอาไปคิด เดี๋ยวมันจะกำเริบขึ้นมาอีก นอกนั้นก็ไม่มีอะไร ทานยาให้ตรงเวลา ตามที่หมอบอก และมาหาหมอตามที่นัดให้ตรงก็พอ”

“ขอบคุณ คุณหมอมากๆเลยนะครับ ผมไม่มีอะไรจะให้คุณหมอเป็นการตอบแทน ก็ขอมอบสิ่งนี้ให้กับคุณหมอแล้วกัน”

   คุณหมอ เกรงใจจึงไม่อยากรับกระเช้าผลไม้ ขนาดที่ไม่ใหญ่มาก จากธวัช

“มันอาจจะดูไม่มีค่าในสายตาของคุณหมอ เล็กๆน้อยๆจากคนจนๆอย่างผมครับ”

“ไม่ต้องถึงขนาดนี้ก็ได้ค่ะคุณธวัช ยังไงหมอก็ต้องรักษา คนไข้ทุกคนหมอต้องช่วยเหลืออยู่แล้ว”

“ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ ก็อย่างที่ผมบอก เล็กๆน้อยๆ รับไปเถอะครับ เพื่อความสบายใจของผม”

“ก็ได้ค่ะ ขอบคุณมากๆเลยนะคะ” แล้วคุณหมอก็รับ และก็ส่งต่อให้กับพยาบาลอีกที

“ถ้าเช่นนั้น หมอก็ขอตัวก่อนแล้วกันนะค่ะ ขอให้หายไวๆ ก็แล้วกัน”

“ครับ” แล้วหมอก็หันเดินออกไป ธวัชนึกขึ้นได้จึงเรียกคุณหมอ

“คุณหมอครับ” หมอสาวหันกลับมา “ขา มีอะไรคะ”

“เออ วันสงกรานต์ ที่จะถึงนี้ ถ้าคุณหมอไม่มีธุระไปไหน หรือเที่ยวที่ไหน ผมขอเชิญที่วัดและไปร่วมงานของคนในซอยด้วยนะครับ แค่ แค่นี้หละครับ” หมอสาวยิ้มให้ “ค่ะ ถ้าหมอว่างหมอจะไปนะคะ”

 แล้วหมอสาวก็เปิดประตูออกไป หารู้ไม่ว่า แอบยิ้มหน้าแดงเลย ที่ธวัชหนุ่มหล่อชวนเธอไปเที่ยวงาน พยาบาลก็ไม่ได้สังเกตุ แล้วมีรึที่คุณหมอสาวจะไม่ไป

<<<<< ===== >>>>>

   เที่ยงกว่าๆ หลังจากออกจากวังบุษบง ริชาร์ดพาหญิงยุไปถ่ายรูป และทำกิจกรรมต่อ เพื่อให้งานเสร็จเร็วๆจะได้มีเวลาสะสางเรื่องของหัวใจซะที และงานที่รับปากหญิงยุไว้คือสืบเรื่องจาก Facebook สถานที่ รวมถึงเส้นทางที่สืบหา แต่มันได้ขาดหายไป

“คุณหญิง” ริชาร์ด พาหญิงยุมานั่งที่สวนสาธารณะ “ว่าไงคะริช”

“ผมสืบต่อไม่ได้อีกแล้วนะครับ เรื่องเพื่อนของคุณจาก Facebook” หญิงยุทำหน้างง “ทำไมหละ”

“ก็เพราะเรื่องราวหลังจากวันนั้น มันขาดหายไปเลย เหมือนกับว่า คนๆนั้นไม่ได้เล่นหรือโพสต์เรื่องราวอะไรอีกเลย นี่มันก็หลายวันแล้วนะครับ ตั้งแต่วันที่ 7 เท่าที่ผมติดตามให้ คุณไม่ได้สังเกตุบ้างเหรอ”

“มันก็จริงนะ ขนาดขอเป็นเพื่อน เขาก็ยังไม่ตอบรับเลย”

“เอาน่า เท่าที่ผมตามรอยจากรูปภาพและสถานที่ มันก็อยู่ไม่ไกลจากละแวกวัดที่มันเกิดเรื่องเหมือนกันนะ”

“จริงดิ” หญิงยุเดินเข้ามา ริชาร์ด ชี้บางอย่างให้หญิงยุดูในรูปภาพ

“จริง นี่ไงไม่เชื่อ คุณดูตรงนี้ซิ ในรูปนี้ตรงข้างหลังหนะ ถ้าไม่สังเกตุ ก็มองไม่เห็นหรอกว่าคือชื่อวัด”

“ไหน” แล้วหญิงยุ ก็ลองมองใหม่ชัดๆ เธอซูมภาพเพื่อเข้าไปดูใกล้ๆเห็นเป็นชื่อวัดจริงๆ

“นี่มันวัด” แล้วทั้งสองคนต่างก็ชี้มือไปที่ตัวของทั้งสองคนพร้อมกัน

“ใช่ครับ..วัดที่เราเจอคุณเมืองราม เมื่อวันก่อน”

“ถ้างั้น พรุ่งนี้ เราลองไปดูที่สุดท้ายที่เพื่อนคุณ ทิ้งร่องรอยเอาไว้” ริชาร์ด มีความคิดดีๆเพื่อให้หญิงยุสบายใจ

“ขอบคุณมากเลยนะคะริช” หญิงยุ เผลอไปจับมือ ริชาร์ดโดยไม่ได้ตั้งใจ ริชาร์ด ได้แต่มองหน้าและยิ้มให้

+++++ ***** +++++

   บ่ายสอง เมืองรามรีบมาที่โรงพยาบาลเพื่อรับธวัชและนกกลับบ้าน เพราะรับปากเพื่อนไว้ เมืองรามเปิดประตูหลังรอรับนก ธวัชเข็นรถมาส่งนกแล้วพยุงขึ้นรถ หลังจากที่ขนข้าวของและเสื้อผ้าเสร็จ เมืองรามก็ไปชำระค่ารักษาพยาบาล จากนั้นก็พานก กลับไปพักฟื้นที่บ้าน

   ขณะขับรถกลับเมืองรามสังเกตุและมองนกจากกระจกมองหลังเป็นระยะๆแต่ก็ยังไม่ฟันธงว่าใช่องค์หญิงหรือไม่ เพราะภาพที่เห็นคือ สภาพหน้าที่อิดโรย มีผ้าพันแผลปิดหัว ผมเพ้ารุงรัง ก็เลยปล่อยไปก่อน เอาไว้ให้ร่างกายดีขึ้นค่อยว่ากันใหม่ และอีกอย่างยังไม่อยากถามเพื่อนเพื่อไม่ให้เกิดความไม่สบายใจ

   รถเมืองรามมาจอดที่ข้างร้าน งามตา จ้อยและเอี้ยง ได้เข้ามาช่วยขนของและพยุงนกลงจากรถ แต่ธวัชไม่สนใจใคร เขาตัดสินใจอุ้มนกขึ้นแขนและเดินเข้าบ้านทันที จึงทำให้งามตามองตามด้วยสายตาที่ไม่สบายใจ เมืองรามก็ไม่รู้จะทำยังไง เพราะเข้าใจดีกับความรู้สึกนี้ ของคนที่ไม่สมหวังในความรัก หรือรักเขาข้างเดียวนั่นเอง

   เสียงของหัวใจ แต่ละคนมันดังไม่เหมือนกันแล้วในตอนนี้ ถ้าจะวัดความสั่นสะเทือน เสียงหัวใจของ ธวัช คงจะเต้นเร็วมาก เพื่อบอกว่า นกอย่าเป็นอะไรนะหายไวๆ ส่วนเมืองราม ก็คงจะเต้นปานกลางตุบตับตุบตับ เพราะเป็นห่วงความรู้สึกงามตา และสุดท้าย งามตา คงจะเต้นช้าเอามากๆ เพราะความเย็นชาของธวัชที่ไม่เคยมองเธอเลย

   สะอิ้งเห็นธวัชอุ้มนกขึ้นมา เลยเปิดห้องเตรียมไว้ให้ ธวัชอุ้มนกเข้ามาไว้ที่ห้อง วางเธอลงบนเตียงอย่างเบาๆนกหลับมาตลอดทางเพราะอ่อนเพลีย ยังไม่แข็งแรงสักเท่าใด นกค่อยๆลืมตาขึ้นมา

“พี่วัช” ปากเธอขยับ ธวัชรู้ว่านกพูดอะไร เลยบอกนก

“ยังไม่ต้องพูดอะไรนะคนดี พักผ่อนเยอะๆ ตื่นมาช่วงเย็น ค่อยทานอาหาร อย่าดื้อเดี๋ยวไม่หาย เข้าใจไหมครับ”

   นกพยักหน้า เพื่อนๆเข้ามาเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นจ้อย เอี้ยง งามตา และเมืองราม ทุกคนยิ้มให้กับนก นกยกมือไหว้ขอบคุณทุกคนและขอตัวนอน ธวัชก็เลยขอให้ทุกคนออกไปคุยกันข้างนอกห้อง

“ทำใจให้สบายนะไอ้วัช กูเข้าใจ อย่างน้อยเปราะแรกมันก็ได้ผ่านพ้นไปด้วยดีแล้ว”

“กูขอบใจมึงมากไอ้รามที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือในครั้งนี้”

“ก็อย่างที่บอก ถือซะว่า หนี้ชีวิตของกูที่ผ่านมา เราหมดกัน ตามนี้นะ”

“ได้เพื่อน” แล้วทั้งสองคนก็จับมือ แสดงความรักของเพื่อนสนิท แล้วก็หันไปมองงามตา จ้อยและเอี้ยง

“ขอบใจทุกคนมากเลยนะที่มาช่วย โดยเฉพาะงามที่คอยมาช่วยดูแลนก แล้วช่วงนี้ไม่เรียนเหรอ”

“ตอนนี้ปิดช่วงสงกรานต์ อีกอย่างหนูแค่ลงเรียนสอบซ่อมวิชาที่ไม่ผ่านเท่านั้น ปีสุดท้ายแล้วพี่ ไม่ต้องห่วง”

“ยังไงก็ขอบใจนะ อืม ถ้าสอบซ่อมผ่าน ก็คงจะจบซะทีนะ”

“ค่ะ..จบแล้วหนูจะได้มาช่วยพี่ได้เต็มที่สักที” ธวัชยิ้มให้งามตา และหันไปสั่งงานลูกน้อง

“เออ จ้อยกับเอี้ยง วันนี้ถ้างานที่ร้านไม่เยอะ ก็ปิดได้เลยนะ ช่วงเทศกาลคนคงไม่เยอะ แล้วพรุ่งนี้ก็ปิดร้านได้เลย จะได้ทำความสะอาดร้านด้วย ถ้าว่างจากดูนก แล้วฉันจะเข้าไปช่วย”

“ครับพี่” แล้วสองคนก็กอดคอเดินลงบันไดไป เมืองรามเดินเข้ามาหาธวัช และแตะไหล่เพื่อน

“ถ้าไม่มีอะไรกูขอตัวกลับก่อนนะ มีงานที่ต้องรีบสะสางเยอะเลย”

“เออ กูขอบใจมึงมาก แล้วยังไงวันที่ 13 มึงอย่าลืมมางานที่นี่หละ และอย่าลืมไปรับน้องยุ้ยด้วยหละ ชวนเขาแล้ว ก็ต้องทำตามสัญญานะมึง” ธวัชเตือนสติเพื่อน “เออ กูไม่ลืมหรอก ไปหละ” แล้วก็หันไปที่งามตา

“ว่าไงงาม จะกลับรึยัง พี่จะได้ไปส่ง”

“ยังหรอกพี่ หนูจะอยู่เป็นเพื่อนพี่วัชก่อน”

“วัช เดี๋ยวแม่ไปซื้อกับข้าวก่อนนะ”

“ครับแม่ วันนี้ขอแกงจืดวุ้นเส้นนะแม่ นกจะได้ทานได้”

“เออ รู้แล้ว” แม่ตอบแบบไม่มองหน้า “ผมลาหละครับแม่”

“จร้า ขอบใจมากนะลูกที่มาส่งนกมัน”

“ถ้างั้น ผมไปส่งนะครับ แม่จะไปตลาดใช่ไหม”

“ขอบใจมากลูก ไปไป” แล้วสะอิ้งก็หยิบร่มและเดินลงบันไดไป เมืองรามเดินตามลงไปด้วยใบหน้าที่หดหู่

“ทำไมไม่กลับพร้อมเมืองรามหละ ถึงงามอยู่ก็ไม่มีอะไร”

“อย่าไล่หนูเลยพี่ ถึงพี่จะไล่หนูยังไง หนูก็ไม่ไป หนูขอดูแลพี่สักนิดก็ยังดี พี่ทำเพื่อคนอื่นมามากแล้ว วันนี้หนูขอทำเพื่อพี่บ้าง พี่ไปนอนพักเถอะเชื่อหนู คนเราไม่ใช่เครื่องจักรนะพี่ ถ้าพี่เป็นอะไรไปอีกคนแล้วนกจะทำยังไง”

   คำพูดประโยคนี้ ทำให้ธวัชต้องยอมใจงามตาเลย เพราะงามตาพูดถูก เขาไม่ได้พักผ่อนสักเท่าใด เพราะต้องคอยดูแลนก เขาจึงยอมเข้าไปนอนพักพร้อมๆกับนก หลังจากที่ธวัชเข้าไปนอนพัก งามตาก็ออกมานั่งคิดอะไรอยู่คนเดียวเพลินๆที่ศาลาหน้าบ้าน เสียงของหัวใจ มันบอกว่า ขอแค่ได้ดูแลก็พอ ถึงธวัชจะไม่เคยหันมาเห็นความรักและความห่วงใยที่เธอมีให้ ก็ขอทำอะไรเพื่อคนที่เธอรักบ้างก็พอใจแล้ว โดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทน และงามตาก็มองเข้าไปยังธวัช ชายที่เธอรัก ซึ่งกำลังหลับอยู่

<<<<< ===== >>>>>

   เมืองราม นั่งอ่านเอกสาร แฟ้มของเมฆ ยุ้ยโทรเข้ามา จึงทำให้เขาได้พักสมอง

“ทำอะไรอยู่คะพี่ราม มืดแล้ว”

“ก็สะสางคดีนิดหน่อย ยุ้ยมีอะไรกับพี่เหรอ”

“ก็ไม่มีอะไรหรอก จะมาถามว่า คุณนกเขาเป็นยังไงบ้าง พรุ่งนี้ว่าจะไปเยี่ยมที่โรงพยาบาล”

“ไม่ต้องไปหรอก เขากลับไปพักผ่อนที่บ้านแล้ว เมื่อบ่ายนี้ พี่เป็นคนไปส่งเอง”

“หายดีแล้วเหรอคะ” ยุ้ยพยายามที่จะหาทางไปเจอหน้าธวัชให้ได้

“ยังหรอก แต่ก็ดูดีขึ้นมากนะ ถ้าอยากจะไปเยี่ยม ก็คงต้องไปที่บ้านแล้วหละ”

“แต่หนูไปไม่ถูก หนูไม่เคยไปบ้านพี่เจ้าชายเลยนี่”

“ถ้าอยากไปจริงๆ เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่จะไปรับนะ”

“พี่ว่างแล้วเหรอ วันนี้หนูติดต่อพี่ทั้งวันไม่ได้เลย”

“ติดงานนิดหน่อย ต้องขอโทษด้วยนะ งั้นแค่นี้ก่อนแล้วกัน พี่ขอสะสางงานก่อน พรุ่งนี้จะได้ไปรับหนูได้ ถ้ามัวแต่พูดอยู่แบบนี้ พรุ่งนี้อดนะ ว่าไง” ยังไงยุ้ยก็ต้องพึ่งเมืองราม จึงต้องยอม

“ได้ค่ะได้ ตามนี้แล้วกัน” ยุ้ยดีใจมาก “แล้วเจอกันพรุ่งนี้นะ”

“ราตรีสวัสดิ์เลยแล้วกัน” ยุ้ยรีบเข้านอนทันที “ครับ เช่นกัน ราตรีสวัสดิ์”

   เสียงของหัวใจ สาวยุ้ยอยู่ดีๆก็เต้นขึ้นมาแปลกๆยังไงก็ไม่รู้ จึงทำให้ยุ้ย เริ่มไม่เข้าใจตัวเองขึ้นมาทันทีว่า ตัวเองเป็นอะไรกันแน่ ทำไมเวลาที่พูดกับเจ้าชายกลับปกติ แต่เมื่อไหร่ที่ได้สนทนากับเมืองราม ทำไมใจมันเต้นแปลกๆแบบนี้ทุกที

<<<<< ===== >>>>>

   หลังจากที่ได้ทานมื้อค่ำกันแล้ว ทุกคนก็ต่างแยกย้ายกันเข้าห้อง งามตาไม่ได้กลับบ้านได้โทรไปบอกคุณยายแล้วว่า คืนนี้จะขอดูแลนกที่บ้านธวัช ยายก็ไม่ได้ว่าอะไร งามตายืนมองดูพระจันทร์ที่ระเบียงคนเดียวด้วยหัวใจที่หดหู่ รู้ทั้งรู้ว่าผู้ชายเขาก็ไม่ได้รักแต่ทำไมถึงต้องมาทนอยู่แบบนี้ก็ยังไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน เสียงของหัวใจ ทำไมถึงไม่มีคำตอบออกมา

   ธวัช มองดูงามตาจากในมุ้ง ด้วยความสงสาร จึงเดินออกไปหา เป็นจังหวะเดียวกับที่งามตาหันตัวกลับเพื่อจะไปนอน

“พี่วัช” ธวัชมองหน้างามตา แล้วเอามือลูบหัว และเอื้อมมือไปจับมือสองข้างขึ้นมากำไว้

“พี่เข้าใจนะงาม พี่ต้องขอโทษงามด้วย ที่พี่ทำตามสัญญาที่เคยให้ไว้กับงามไม่ได้”

“ช่างเถอะค่ะ หนูเข้าใจ เรื่องแบบนี้มันบังคับกันไม่ได้” แล้วงามก็ดึงมือออกมาจากมือของธวัชแล้วเดินไป

“งาม” งามตาหยุด ธวัชเดินตามแล้วอ้อมไปหยุดยืนที่ด้านหน้า

“พี่จะพูด จะบอกกับงามยังไงดีหละ เพื่อให้งามเข้าใจ”

“พี่ไม่ต้องพูดอะไรหรอกค่ะพี่วัช เสียงของหัวใจ ของเราแต่ละคน มันเต้น มันบอกไม่เหมือนกัน สำหรับงาม พี่คือคนที่งามรักและอยากอยู่ด้วยเสมอตลอดมา” แล้วน้ำตาของงาม ก็ไหลออกมา

   ธวัช เอามือมาจับที่ไหล่ทั้งสองของงามตา

“ฟังพี่ให้ดีนะ งามตา” ธวัชจ้องหน้างามตา แล้วเอามือขวาเชยคางงามตาที่ก้มลงขึ้นมา

“งามเหมือนน้องสาวแท้ๆของพี่ พี่รักงามแบบอื่นไม่ได้ เสียงของหัวใจ พี่บอกแบบนั้นเสมอ ถ้ามันทำให้งามตาเจ็บ พี่ก็ต้องขอโทษด้วย หลายปีที่ผ่านมาพี่ไม่เคยมองงามตาเป็นอย่างอื่นเลย”

   งามไม่พูดอะไร ได้แต่ร้องไห้และค่อยๆเอียงตัวไปซบไหล่ธวัช นกซึ่งนอนอยู่ในห้องได้ยินทุกคำพูดที่ทั้งสองคนพูดกัน นกก็นอนร้องไห้เช่นกันไม่รู้จะทำยังไงเพราะ เสียงของหัวใจ ของเธอก็มีแต่คำว่ารักธวัชคนเดียวเท่านั้นเช่นกันเหมือนกับงามตา

   งามตาเดินเข้ามาด้วยสีหน้าที่ไม่ดี ปิดประตูห้องและขึ้นไปนอนบนเตียงข้างๆนก นกแกล้งหลับ แต่ก็ยังได้ยินเสียงสะอื้นเบาๆของงามตาตลอดทั้งคืน นกนอนหันหน้ามาทางขวา เพื่อไม่อยากให้งามตารู้ว่าเธอก็ร้องไห้เช่นกัน งามตาซึ่งนอนอยู่ทางซ้ายมือเธอ ก็นอนเอียงไปทางซ้าย สรุปคืนนั้นทั้งสองคนนอนร้องไห้ด้วยกันทั้งคืน จนหลับไปไม่รู้ตัว

***** &&&&& *****

   เช้าที่สดใสของวันที่ 12 เมษา ผู้คนหลายคนก็ยังคงเดินไปทำงาน ทำมาหากินตามปกติ..ธวัชเปิดประตูห้องเข้าไปดูสองสาว ซึ่งหันมานอนกอดกันได้ยังไงก็ไม่รู้ ธวัชยิ้มคล้ายจะมีความสุขเหมือนว่า ทั้งสองคงเข้ากันได้ดี ขณะที่ธวัชยืนยิ้มอยู่ สะอิ้งเดินเข้ามา

“เกะกะ มาทำอะไรในห้องสาวๆเขาหละเนี่ยเจ้าวัช หลบๆ”

“แหมแม่ ก็วัชดีใจนี่ ที่เห็นสองคนนั้นเค้าเข้ากันได้ ไม่เห็นเหรอหนะ นอนกอดกันกลมเลย”

“เออๆ แหม ดีใจยังกะ เมียหลวงเมียน้อย สามัคคีกันยังงั้นแหละไอ้วัช”

“ดูพูดเข้าแม่..แต่เอ ถ้าเป็นได้อย่างที่แม่พูด ก็น่าจะดีนะ ฮิฮิ”

“ทำพูดดีไปเถอะ สักวันแล้วแกจะรู้สึก ไปไป แม่จะทำความสะอาดห้อง กับข้าวอยู่โน้น ช่วยตัวเองนะไป เกะกะ บอกให้ไป”

“ไปก็ได้แม่” แล้วธวัชก็ ออกไป ทานมื้อเช้า แล้วก็ไปที่ร้าน ทำความสะอาดเพื่อต้อนรับปีใหม่ไทย และเข้าไปหาหลวงตาบุญ

+++++ ***** +++++

   ริชาร์ด พาหญิงยุมาที่วัดที่เกิดเรื่องตามสัญญา แต่คลาดกับธวัช เพราะธวัชออกไปทำธุระให้หลวงตาบุญ

“สวัสดีครับหลวงตา” ริชาร์ด กราบหลวงตาบุญ หญิงยุ ก็ก้มกราบเช่นกัน

“เจริญพร โยม มีอะไรกันรึเปล่า เห็นหน้าตาไม่ค่อยจะดีเอาเลย โดยเฉพาะโยมผู้หญิงคนนั้นหนะ”

“หลวงตารู้ด้วยเหรอคะ ว่าหนูมีเรื่องไม่สบายใจ”

“แหม สีหน้าออกจะชัดขนาดนั้น ใครดูไม่ออกก็แย่แล้ว”

“หลวงตาจำหนูได้ไหมค่ะ” ยุ้ยยิ้มให้หลวงตา

“ไม่ได้หรอก บอกตามตรง คนมันเยอะ อาตมาต้องขอโทษโยมด้วยนะ”

“ไม่เป็นไรค่ะ คือหนูเคยได้คุยกับหลวงตาครั้งหนึ่งเมื่อครั้งที่มากับผู้กองเมืองรามหนะค่ะ เมื่อเดือนที่แล้วเรื่องคดีที่มีการยิงกันที่งานวัดครั้งโน้นหนะค่ะ พอจำได้รึยังคะ”

“พอจะจำได้บ้างแล้ว แล้ววันนี้มีอะไรที่จะให้อาตมาช่วยรึ ถึงได้มาหาได้วันนี้”

“คือบอกตามตรง หนูก็ไม่คิดว่าหลวงตาจะช่วยอะไรหนูได้หรอกค่ะ ก็แค่อยากจะถามว่า พอจะมีข่าวอะไรหรือความคืบหน้าของคดีบ้างไหมคะ เพราะตัวของหนูเอง ก็พอจะได้ร่องรอยและเบาะแสมาบ้างว่า เพื่อนของหนูน่าจะอยู่แถวๆนี้หนะค่ะหลวงตา เพราะเมื่อหลายวันก่อน หนูเห็นเขาโพสต์รูปที่เขาไปเที่ยวหลายรูป และมีอยู่สองสามรูปที่เป็นวัดแห่งนี้”

“จริงเหรอโยม แล้วยังไง จะให้อาตมาช่วยอะไรรึ”

“คือ ทางคุณหญิงยุเนี่ยเขาหมายความว่า อยากจะมาขอสอบถามเกี่ยวกับคนในรูปนี่สักหน่อยหนะครับ”

   ริชาร์ดขยับเข้าไปหาหลวงตา “ว่าหลวงตาพอจะรู้จัก หรือเคยเห็นบ้างไหม”

“ได้ซิ ถ้าอาตมาช่วยได้ ก็ยินดี ถ้าอาตมารู้จักอาตมายินดีจะบอกนะ แล้วไหนหละ ใคร ขออาตมาดูหน่อยซิ”

“ขอกราบประทานโทษนะครับ” ริชาร์ด ยกมือไหว้หลวงตาแล้วก็ยื่นโทรศัพท์ให้หลวงตาบุญดู

   เมื่อหลวงตาเห็น ก็ต้องตกใจนิดหน่อย เพราะภาพที่เห็นคือธวัช ถึงมันจะไม่ชัดมาก เพราะภาพมันไกล ขยายภาพมันก็แตก แต่ก็พอจะเห็นว่าใช่เจ้าชายแน่นอน “เป็นไงบ้างครับหลวงตา พอจะรู้จักไหม”

“รู้จักดีทีเดียว” หลวงตายิ้มและบอกออกไป “จริงเหรอค่ะ หลวงตา”

   หญิงยุดีใจมากที่คิดไม่ผิดที่ตัดสินใจมาที่นี่ตามคำแนะนำของริชาร์ด

“แล้วผู้ชายในรูปเขาเป็นใครคะ นิสัยใจคอเป็นยังไง ดีไหม แล้ว..”

“ใจเย็นๆ โยม ใจเย็นๆ ฟังอาตมานะ” แล้วหลวงตาก็จิบน้ำชา

“เขาชื่อธวัช เป็นคนดี นิสัยใจคอดีมาก ชอบช่วยเหลือคนอื่น ไม่ใช่คนไม่ดีที่ไหนหรอก”

“แล้วผมกับหญิงยุ จะเจอคุณธวัชนี่ได้ที่ไหนครับหลวงพ่อ”

“เสียดาย วันนี้เขาไม่อยู่ ออกไปทำธุระให้อาตมาสักพักนี่แหละ เอางี้ซิ..พรุ่งนี้ วันสงกรานต์ ที่นี่เขาจัดงาน 3 วัน คงจะได้เจอ ถ้างานไม่ยุ่งจนเกินไป เพราะวัชเขาเป็นแม่งาน หัวเรี่ยวหัวแรง ลองมานะถ้าโชคดี อาตมาจะแนะนำให้รู้จัก”

“แล้วบ้านเขาอยู่ที่ไหนหละคะหลวงพ่อ หนูไปหาเขาที่บ้านก็ได้”

“คงจะไม่สะดวกมั้งโยม เห็นได้ข่าวว่า ภรรยาของเขาไม่สบายมาก ไม่รู้ว่ากลับมาบ้านรึยัง หรือยังอยู่โรงพยาบาล”

“ว่าไงนะคะ ภรรยาป่วย อ้าว คุณธวัชอะไรของหลวงตาเนี่ย มีเมียแล้วเหรอคะ แล้ว..”

   ริชาร์ด รีบเอามือปิดปากหญิงยุ แล้วขยิบตาให้หญิงยุหยุดพูดหยุดถาม หญิงยุจึงหยุดได้ หลวงตามองหญิงยุที่มีอาการแปลกๆ

“อาตมาว่า อย่าพึ่งไปรบกวนเขาเลย เขาคงยังไม่สะดวก เอาไว้สักพักนะค่อยไปดีกว่า”

“ทำไมหละคะหลวงตา” หญิงยุใจร้อน อยากจะเจอเพื่อน

“ให้ภรรยาเขาหายดีก่อนแล้วค่อยว่ากันใหม่ ดีไหมโยม” หลวงตารีบตอบกลับ

“จริงครับ หลวงตาพูดถูก เอาเป็นว่า พรุ่งนี้ผมกับหญิงยุ จะมาเที่ยวงานที่วัดนี่ตามคำเชิญของหลวงตาก็แล้วกันนะครับ เผื่อโชคดีจะได้เจอกับคุณธวัชด้วย ถ้างั้นผมกับหญิงยุ ขอตัวลาหลวงตาก่อนนะครับ”

“เจริญพรนะโยม สะดวกก็มานะ” แล้วริชาร์ด ก็ลากตัวหญิงยุออกไป

   หลวงตาก็มองตาม ไม่รู้ว่าหญิงยุ เป็นอะไร พอออกมาพ้นกุฏิ หญิงยุก็สะบัดตัวออก มือของริชาร์ดจึงหลุดออกจากปาก หญิงยุไม่พอใจ “ทำอะไรของคุณหนะ หญิงยุ” ริชาร์ดรีบถามทันที เพราะหญิงยุเกือบทำให้เสียแผน

“คุณนั่นแหละ มาห้ามหญิงทำไม หญิงจะรู้อยู่แล้วว่าไอ้คุณธวัชอะไรนั่นมันเป็นใครและทำไมถึงได้มาอยู่กับหญิงรันได้ และที่สำคัญหลวงตาบอกว่า เขามีเมียแล้ว แล้วทำไมถึงได้อยู่กับหญิงรันแบบนั้น เขาจะมาหลอกเพื่อนหญิงทำไม ถ้าเขามีเมียอยู่แล้ว โอ๊ย มัน มัน มัน..จะบ้าตาย” หญิงยุกำลังสติแตก “ใจเย็นๆ ซิครับหญิง” ริชาร์ดมองหน้าหญิงยุ เขาเอามือจับไหล่ แล้วจ้องหน้า

“ฟังผมนะ หลวงตา ท่านบอกเท่าที่ท่านรู้ ท่านไม่ได้โกหกอะไรเรา แต่วันนี้เราโชคไม่ดีที่มาแล้วไม่พบคุณธวัชอะไรนั่น”

“แต่..” หญิงยุ ยังคงดื้อ จ้องหน้าริชาร์ดได้สักพัก แล้วก็หลบสายตา

“ถ้าคุณหญิงยังดื้ออยู่แบบนี้อีก พรุ่งนี้ผมจะไม่พามาที่นี่อีกเลย..ว่าไง”

“คือ..” หญิงยุ ยังคงหลบหน้า ริชาร์ด เอามือเชยคางขึ้นมา “ว่าไงครับ” ริชาร์ดมองหน้า หญิงยุพยักหน้า

“ดีครับ งั้นวันนี้เรากลับไปพักผ่อนกันก่อน แล้วพรุ่งนี้เราค่อยมาเริ่มต้นสืบกันใหม่ และที่สำคัญ เราต้องพบกับคนที่ชื่อธวัชให้ได้ เพราะเขาเป็นคนเดียวเท่านั้นในตอนนี้ที่เป็นกุญแจสำคัญในการที่จะจบเรื่องร้ายๆพวกนี้ได้ ตกลงไหมครับ”

“ค่ะ..หญิงต้องขอโทษริชด้วยนะคะ อย่าโกรธหญิงนะ” แล้วหญิงยุก็สวมกอดริชาร์ดโดยไม่รู้ตัว ด้วยสีหน้าที่ไม่ดีเท่าใดนัก

“ผมไม่เคยโกรธคุณหญิงเลยนะครับ” แล้วริชาร์ด ก็เอาสวมกอดหญิงยุ เอามือลูบหลังให้กำลังใจ  

>>>>> +++++ <<<<<

   สะอิ้งกำลังเก็บกวาดห้อง นกกับงามตา ตื่นมาไล่ๆกัน งามตารู้สึกตัวก่อน พอลืมตามาก็เห็นหน้านก มือซ้ายตัวเองกอดนกอยู่ พองามขยับตัว นกก็ลืมตาขึ้นมา เห็นหน้างาม มือขวาตัวเองกอดงามตาอยู่ ทั้งสองคนจึงผละออกจากกัน แล้วก็ลุกขึ้นมาพร้อมกัน แต่นกยังคงปวดหัว งามตาจึงเขาไปประคอง “เป็นไงบ้างนก ค่อยๆนะ”

“อ้าวตื่นกันแล้วเหรอลูก เป็นไงบ้างนก ยังปวดหัวอยู่อีกรึเปล่า” นกพยักหน้า

“งามไปหยิบยาที่โต๊ะให้ป้าหน่อยป่ะวัชมันบอกเอาไว้ ถ้านกปวดหัวให้รีบเอายาให้ทานได้เลย แล้วอย่าลืมให้ทานมื้อเช้าด้วย ยังไงก็ต้องทานนะ สักนิดก็ยังดี”

“รอเดี๋ยวนะป้า” แล้วงามตาก็ลุกไปหยิบมาให้ พร้อมแก้วน้ำ สะอิ้งป้อนยา และให้นกนอนพัก

“แกไปอาบน้ำก่อนไป เดี๋ยวจะได้มาผลัดเวรดูนกกัน”

“ได้ค่ะป้า งั้นหนูขอตัวก่อนนะ” แล้วงามตา ก็ไปอาบน้ำ

“นอนพักก่อนนะลูก เดี๋ยวแม่จะเอาข้าวต้มมาให้ทาน” นกพยักหน้า

   สักครู่ใหญ่ งามตาก็เดินเข้ามาหลังจากอาบน้ำเสร็จ นกมองงามในชุดผ้าถุงมีผ้าเช็ดตัวคล้องคอ เลยชี้ไปที่ตู้เสื้อผ้า

“ขอบใจนะนก” แล้วงามก็ไปเลือกชุดของนกมาใส่ พอแต่งตัวเสร็จ ก็ขึ้นมานั่งที่เตียงเอาน้ำลูบหน้านกและเช็ดตัวให้

“เอามาทานข้าวกัน..ดีแล้วลูกเช็ดตัวให้สดชื่น” แม่เอาข้าวมาให้ แล้วก็เดินออกไป งามตาพยุงนกขึ้นมานั่ง

“ทานข้าวเยอะๆนะนก จะได้หายเร็วๆ” แล้วงามตาก็ป้อนข้าวนก นกจ้องหน้างามตา งามตารู้ว่านกมองเธอ งามตาป้อนได้สักครึ่งชาม นกก็เอามือขวาขึ้นมาจับมืองาม แล้วก็หยิบกระดาษมาเขียนคุยกัน

“นกรู้นะว่างามรักพี่วัช นกรู้ตัวดีว่านกคงอยู่ได้ไม่นาน นกต้องขอโทษด้วยนะที่มาทำให้งามไม่สบายใจ ถ้านกพอช่วยตัวเองได้ นกจะไปจากที่นี่นกให้สัญญา” พองามตาอ่านจบ งามตาก็ขยำกระดาษแผ่นนั้นทิ้ง แล้วก็ป้อนข้าวต่อ และก็พูดไปด้วย

“สบายใจได้ ฉันไม่โกรธนกหรอก ฉันรู้ตัวเองดี ถึงไม่มีนก พี่วัชเขาก็ไม่คิดไม่มองฉันแบบที่มองนกหรอก อย่าคิดมากเลย”

“แต่..” นกมองหน้า งามตาวางช้อนลง และเบือนหน้าหนีนก แล้ววางชามข้าวลงบนที่นอน ขยับตัวจะลงเตียง นกเอื้อมมือซ้ายไปดึงแขนขวางามตา แล้วพยักหน้า เหมือนขอร้องให้เข้าใจเธอด้วยว่า ตัวนกเองไม่ได้มีเจตนาที่จะมาแย่งใครไปจากงามตา

“ทานเองแล้วกันนะ ฉันขอตัวไปทานข้าวก่อน คงมีแรงทานได้เองแล้วนะ”

   แล้วงามตาก็เดินออกไปทานข้าว “ลุงหนูขอทานข้าวด้วยคนนะ”

   ทิ้งให้นก นั่งน้ำตาซึมอยู่บนที่นอน มองงามตาแล้วก็มองรูปธวัชที่อยู่บนข้างฝา นึกถึงความดีของธวัชและเหตุการณ์ต่างๆที่ผ่านมา เสียงของหัวใจ ของเธอเต้นไม่เป็นจังหวะ พยายามทำใจให้อยู่ในสภาวะปกติ เลิกขี้แยและกลับมาเข้มแข็งให้ได้

<<<<< ----- >>>>>

   เมืองรามมารอรับยุ้ยหน้าคอนโด ตามที่ได้รับปากเอาไว้เมื่อคืน

“ขอโทษด้วยนะคะพี่รามที่ออกมาช้าหน่อย พอดีวันเบาๆมา ก็เลยต้องเสียเวลาทำตัวให้เรียบร้อยซะหน่อย”

“ไม่เป็นไรครับ ตามสะดวก เอาที่สบายใจ แล้วพร้อมรึยังครับ” ยุ้ยยิ้มให้ “พร้อมแล้วจร้า”

   แล้วเมืองรามก็พายุ้ยไปหาธวัชตามที่ได้รับปากไว้ พอมาถึงที่ร้าน ก็ต้องผิดหวังที่เห็นร้านของธวัชปิด อ่านป้ายที่ติดไว้

“หยุดสงกรานต์ 5 วัน 12 – 16 เมษายน..หยุดยาวเลยพี่” หันไปมองหน้าเมืองราม

“งั้น ก็เข้าไปที่บ้านซิ คงอยู่ที่บ้านหละมั้ง เดี๋ยวๆ” เมืองราม ทำท่าหนักเพรากระเช้าที่ถืออยู่

“ถามจริงๆเถอะ ที่บ้านทำสวนรึไง ถึงได้เอามาเยอะขนาดนี้”

“เปล่าพี่ ไม่ได้ทำสวนผลไม้ แต่ทำสวนยาง 5555+..ไปนำทาง”

   แล้วยุ้ยก็ดันตัวเมืองรามให้เดินนำหน้า สักพักเมืองรามกับยุ้ยก็มาถึงหน้าบ้าน เมืองรามกำลังจะเปิดประตูเข้าไป

“เดี๋ยวพี่” ยุ้ยดึงเสื้อเมืองราม เพราะกำลังทำใจ “อะไรอีกหละ” เมืองรามงง

“เออๆ เขาจะว่าเราไหมเนี่ยที่มาโดยไม่ได้รับเชิญเนี่ย มันจะดีไหม” เมืองรามเอามือโยกหัวยุ้ย

“เอาอะไรมาคิดเนี่ย คนไม่สบาย เรามาเยี่ยม ไม่มีใครที่ไหนเขาว่าหรอก ไป” แล้วเมืองรามก็เปิดประตูเข้าไป เดินนำขึ้นบ้าน

“อ้าว พี่ราม มาได้ยังไงเนี่ย” พอเห็นยุ้ย ก็เหมือนไม่ชอบขี้หน้า ทำหน้าเมินไม่ทัก

“มาเยี่ยมนกเหรอพี่” งามตาถามเมืองราม “ใช่ นกเป็นยังไงบ้าง”

“ทานมื้อเช้า และยาไปแล้ว นอนหลับอยู่ข้างใน จะเข้าไปเยี่ยมไหม”

“ได้ด้วยเหรอ ก็เห็นบอกว่าหลับอยู่ไม่ใช่เหรอ”

“ได้ค่ะ ไม่รู้ว่าตื่นรึยัง ก็นอนนานแล้วนะ นี่ก็เกือบเที่ยงแล้ว คงจะตื่นแล้วหละ”

   พองามตาเมืองรามและยุ้ยเดินเข้าไป นกรู้สึกตัวพอดี กำลังจะลุก ยุ้ยวิ่งเข้าไปพยุง

“ระวังนะคะ” นกหันมามองหน้า เพราะไม่รู้จักไม่รู้ว่าใคร ยุ้ยมองหน้าและยิ้มให้

“ชื่อยุ้ยค่ะ เป็นเพื่อนพี่เมืองราม” นกยิ่งทำหน้างง เข้าไปอีก งามตาเลย แทรกตัวเข้าไปอธิบายให้ฟัง

“จุ้นจ้าน ถอยไป ถอย..นก สองคนเนี่ยเป็นเพื่อนพี่วัชนะ คนนี้ชื่อพี่เมืองราม” นกยกมือสวัสดี เมืองรามรับไหว้

“ส่วนคนนี้ ตัวเล็กๆเนี่ย ชื่อ แม้นมาศ หรือยุ้ย” นกก็สวัสดีอีก ยุ้ยรีบยกมือห้าม

“โอ๊ย ไม่ต้องมาไหว้หนูหรอก ท่าทางจะแก่กว่าหนูด้วยเนาะ”

   แล้วนกก็หยิบกระดาษมาเขียน ยุ้ยงง ว่าทำไมต้องเขียน เลยหันไปถามงามตา ชี้ไปที่นกว่าเขียนทำไม

“ขอขอบคุณทุกคนนะคะที่มาเยี่ยมนก”

“แล้วทำไมไม่พูดหละคะ จะมาเขียนให้มันเมื่อยมือทำไม”

“คือนกเขาพูดไม่ได้หนะค่ะยุ้ย”

“พูดไม่ได้นี่คือมันยังไง มันเจ็บคอ หรือ..”

“ใบ้ค่ะ นกเป็นใบ้ พูดกับใครไม่ได้ ต้องสื่อสารด้วยวิธีนี้เท่านั้น”

   ยุ้ยมองไปมองมา ถึงแม้ว่าตอนนี้หน้าของนกออกจะโทรมๆแต่ยุ้ยก็มั่นใจว่า ใช่แน่ จึงหยิบโทรศัพท์ออกมาดูเพื่อเปรียบเทียบอีกครั้ง ยุ้ยจำได้ว่าหน้าตาแบบนี้เคยเห็นที่ไหน พอเปิดเจอจึงหันไปถามนกว่าใช่เธอไหม

“คนที่อยู่ในรูปนี้ ใช่นกหรือเปล่า” นกมองดูแล้วก็พยักหน้า ยุ้ยตบน่องตัวเอง

“ว่าแล้ว ไม่ผิดตัว ใช่จริงๆด้วย”

“ไหน อะไรรูปอะไรเหรอครับ ขอพี่ดูหน่อยซิ” แล้วเมืองรามก็ขอดูรูปจากโทรศัพท์ยุ้ย”

   เมื่อเมืองรามเห็นก็อึ้งไปพักใหญ่ และเขามั่นใจว่าผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเขาคือ พระองค์เจ้าหญิง อรัญญิกา บุษบง แน่นอน เพราะ เป็นใบ้ และไม่รู้ที่มาที่ไป ถามอะไรไป ธวัชไม่เคยบอกอะไรเขา เมืองรามจึงหันหลังและหยิบรูปที่อยู่ในกระเป๋าสตางค์เขาขึ้นมาดู เปรียบเทียบโครงหน้าและลักษณะรูปพรรณสัณฐาน แต่เขาเลือกที่จะเงียบไม่ถามอะไรไปมากกว่านี้ เพราะสภาพของเธอตอนนี้แย่มาก แต่ถ้าคนที่อยู่ตรงหน้าเขา เป็นพระองค์เจ้าหญิง อรัญญิกา บุษบง จริงๆก็ถือว่าน่าสงสารและน่าเป็นห่วงมาก เพราะธวัชบอกเขาว่า เธอมีเนื้องอกในสมองที่ต้องรักษา จะเอายังไงดี ถึงถามอะไรไป นกคงจะตอบอะไรเขาไม่ได้ เพราะเท่าที่ดูแล้ว นกไม่พร้อมเลยที่จะตอบคำถามอะไร ถ้าจะถามธวัชตรงๆก็คงไม่ดีแน่ จะเอายังไงดี ทางเดียวที่จะทำได้ในตอนนี้ก็คือเงียบไว้ก่อน แล้วค่อยๆมาสืบอีกที “พี่รามๆ” งามตาสะกิด “ครับ” เมืองรามหันไปมองงามตา

“เป็นอะไรมากรึเปล่าเนี่ย” เมืองรามเงียบไปพักใหญ่ “เปล่าๆ”

“ถ้าเปล่าก็หันมาได้แล้ว ไปทำอะไรทางโน้น คนป่วยอยู่ตรงนี้”

“สบายดีรึยังคะนก” แล้วยุ้ยก็ เอามือลูบหน้าลูบตาปัดผมให้กับนก

   นกเอื้อมมือมาจับมือของยุ้ยแล้วก็กำเอาไว้ ยิ้มให้ทั้งๆที่สภาพของเธอยังอิดโรยอยู่ นกพยายามจะลุกขึ้น

“จะไปไหนเหรอค่ะ” นกชี้ไปนอกห้อง ยุ้ยก็พยุงนก เพราะอยู่ใกล้สุด ทั้งหมดก็ลุกตามกันออกมานั่งข้างนอก

“เที่ยงแล้ว งั้นงามขอตัวไปเอาข้าวมาให้นกทานก่อนนะคะ จะได้ทานยา”

   แล้วงามตาก็เดินหายเข้าไปในครัว นกขอให้ยุ้ยพามานั่งที่ศาลา เมืองรามส่งเสื้อให้ยุ้ยบอกว่าให้นกใส่ เห็นนกตัวสั่นคงจะหนาว ยุ้ยใส่เสื้อให้นก นกยิ้มให้ ยิ่งมองยุ้ยเหมือนถูกชะตากับนก นกชี้ไปที่โทรศัพท์ และชี้ไปที่ห้อง เมืองรามพอจะเข้าใจ เลยบอกว่า เดี๋ยวเข้าไปเอาให้ เขาเดินเข้าไปในห้องแล้วมองหาโทรศัพท์ เห็นแล้วว่าอยู่ใต้หมอน จึงหยิบแล้วเอามาส่งให้ถึงมือนก

   นกเปิดเครื่อง แล้วเขี่ยไปมาสักพัก เห็นว่าไม่สบาย แต่นกก็พอจะจำหน้ายุ้ยได้ จึงหันไปถามยุ้ยว่าใช่คนนี้ไหมใน Face

“ใช่ค่ะ” เมื่อได้คำตอบ นกก็กดรับเป็นเพื่อนให้ทันที ยุ้ยดีใจมากที่นกจำเธอได้เช่นกัน

   แล้วนกก็บอกว่า ขอไลน์ยุ้ยด้วย เพราะเราเป็นเพื่อนกันแล้ว นกยื่นโทรศัพท์ให้ยุ้ย ยุ้ยก็เพิ่มเพื่อนให้ทันที เท่ากับว่าตอนนี้ยุ้ยมีทั้งไลน์และเฟสของนกแล้ว และเป็นเพื่อนกันด้วย นกยิ้มและดีใจมากที่เธอมีเพื่อนเพิ่มอีก 1 คน และนกก็ไม่ลืมที่จะหันไปมองหน้าเมืองราม ยกมือขอบคุณเขาอีกครั้งที่ไปหยิบโทรศัพท์ให้ เพื่อนสิ่งที่ไม่มีชีวิตสิ่งเดียวของเธอมาให้ นกยื่นโทรศัพท์ให้เมืองราม เมืองรามงง ยุ้ยจึงบอกเมืองรามไป

“นกเขาอยากให้พี่เพิ่มความเป็นเพื่อนให้เธอด้วยค่ะพี่ เพราะเธอไม่มีเพื่อนที่ไหนเลยนอกจากพี่วัช งามตาและหนูเป็นคนที่สาม ถ้าพี่เพิ่มเธอพี่ก็จะเป็นคนที่สี่ รบกวนช่วยนกด้วยนะค่ะพี่ราม” เมืองราม ทำตัวไม่ถูก “เออ..”

“ไม่ต้องคิดนานเลยพี่ มา..” แล้วยุ้ยก็ดึงโทรศัพท์ที่อยู่กระเป๋าหลังเมืองราม แล้วจัดการเองแทนเมืองรามซะเลย

“เท่านี้ ก็เรียบร้อย นี่จ๊ะนก” ยุ้ยเอาโทรศัพท์ส่งคืนให้นก

   นกยกมือขอบคุณทั้งสองคน ขณะเดียวกัน งามตาก็ยกถาดข้าวมาวางที่โต๊ะอาหาร

“มา มา มาทานข้าวกัน กับข้าวเต็มเลย นกมาทานข้าว”

   แล้วทั้งสี่คนก็นั่งทานข้าวด้วยกัน แบบมีความสุข

<<<<< ***** >>>>>

   ธวัช สั่งงานจ้อยกับเอี้ยง ขณะที่ขนของมาที่วัด

“ของครบไหมไอ้จ้อย กล่องนั้นใช้วันพรุ่งนี้นะ ธูปเทียน พร้อมนะ แล้วไอ้เอี้ยงหละ ดอกไม้ที่ให้ไปหามา เรียบร้อยนะ”

“เรียบร้อยหมดแล้วพี่ ฉันหนะทำงานดีกว่าไอ้พวกเด็กวัดบางคนซะอีก”

“อ้าว ไอ้จ้อย ทำไมต้องมาแขวะข้าด้วยวะ ถึงข้าจะเป็นเด็กวัด แต่ข้าก็มีความรับผิดชอบนะโว๊ย”

“เออ แค่นี้ต้องมาทะเลาะกันด้วย เอากล่องพวกนี้ ไปไว้บนกุฏิ รีบขน เสร็จแล้วข้าจะได้เอารถกระบะไปใช้อีก เดี๋ยวต้องไปเอาของที่จัดเวทีคืนพรุ่งนี้อีกนะ นี่มันก็บ่ายแล้ว ร้านเราก็ยังปัดกวาดไม่เสร็จเลย เดี๋ยวพอขนพวกนี้เสร็จ แกสองคน รีบไปจัดการร้านเราก่อนเลย เข้าใจไหม เหลืออีกนิดเดียวเอง”

“ได้พี่” แล้วเอี้ยงก็มองหน้าจ้อย “มีไร ไอ้เด็กวัด”

   จ้อยแซวเพื่อน “ยังอีกไอ้สองตัวนี่ ไปรีบขน”

----- ===== -----

   บ่ายสามกว่าๆในที่ทำงานของตัวเอง หญิงยุนั่งมองรูปหญิงรันเพื่อนรัก แล้วถอนหายใจ คิดไปต่างๆนาๆกับรูปภาพที่ปรากฏอยู่ในเฟส “เธอไปอยู่ไหนนะหญิงรัน ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้าง จะกินจะอยู่ยังไง ทำไมไม่ติดต่อกลับมาหาฉันบ้างเลย เธอมัวทำอะไรอยู่” เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมา < กริ๊งๆๆ > “สวัสดีค่ะ”

“เป็นอะไรรึเปล่าหญิงยุ” หญิงยุงง “อ้าว ทำไมโทรหาหญิงเบอร์นี้หละคะ ทำไม..” ริชาร์ดรีบพูดสวนทันที

“ก็ผมโทรหาคุณที่มือถือแล้วตั้งนาน คุณไม่รับ ผมก็เลยโทรเข้ามาเบอร์สำนักงานไง ถามเจ้าหน้าที่ เขาก็บอกว่าคุณกลับเข้าสำนักงานนานแล้ว” หญิงยุก็เลย มองหาโทรศัพท์ ค้นไปค้นมาอยู่ในกระเป๋า หยิบขึ้นมาดู

“ขอโทษค่ะริช สงสัยคิดอะไรเพลินไปหน่อย เลยไม่ได้ยิน แล้วโทรมามีอะไรกะหญิงไหมค่ะ พึ่งแยกกันไม่ถึงชั่วโมง”

“คิดถึงครับ” สั้นๆง่ายๆ ทำเอาหญิงยุนิ่งอึ้งไปเลย เสียงของหัวใจ เต้นตุ๊บตั๊บ ไปหมด เร็วและแรงมาก หน้าแดงขึ้นมาทันที

“คุณหญิง คุณหญิงๆ” ริชาร์ด เรียกหญิงยุ “ขา..ว่าไงคะริช”

“เดี๋ยวค่ำนี้ผมไปรับที่วังนะครับ จะพาไป Dinner กับบรรยากาศดีๆที่สวยงาม แต่งตัวให้สวยๆนะครับ แล้วเจอกัน”

“ค่ะ..แล้วเจอกัน” หลังจากที่วางสายแล้ว หญิงยุก็หันไปมองหน้าเพื่อนในเฟสอีกครั้ง

“ฉันต้องหาเธอให้เจอให้ได้หญิงรัน ฉันจะไม่ยอมแพ้ฉันขอสัญญา”

----- +++++ -----

   เย็นแล้ว ขณะที่ยุ้ยกำลังดูแลนกอยู่ในห้อง เมืองรามเห็นงามตามีอาการเศร้าๆแปลกๆยืนอยู่ตามลำพังคนเดียวที่หน้าบ้าน เขาจึงเดินออกไปหา เมืองรามมายืนอยู่ข้างขวางามตา เธอยังไม่รู้เลยว่ามีใครอยู่ข้างๆ เมืองรามเลยพูดออกมาลอยๆ

“พี่นึกว่าพี่เป็นอยู่คนเดียวนะอาการนี้” งามตาค่อยๆหันมาดูตามเสียงว่าใคร

“พี่หมายความว่าอะไร หนูไม่เข้าใจ”

“จำที่พี่เคยบอกงามได้ไหมที่ศาลาข้างวัดวันนั้น งามยังไม่ได้ให้คำตอบพี่เลยนะว่าจะรับพี่ไว้พิจารณาบ้างไหม”

“เออ..” งามตาอยากให้โอกาสกับตัวเองบ้าง จึงให้โอกาสเมืองรามด้วยเช่นกัน ไม่ลองไม่รู้ แล้วเธอก็หันไปมองเมืองราม

“ตกลงค่ะพี่ราม” เมืองรามหันไปมองหน้างามตา แล้วเอื้อมมือซ้ายไปจับมือขวางามตา

“จริงๆนะงาม” แล้วก็ดึงงามตามากอด ด้วยความลืมตัว งามตาดันตัวเมืองรามออกไป

“อะไรพี่ เดี๋ยวหนูยังบอกไม่หมดเลย”

“ก็พี่ดีใจนี่ครับที่งามพิจารณาพี่แล้วและยอมเป็นแฟนพี่”

“อะไร ขี้ตู่ ยังๆ ยังเลย อย่ามามั่ว ยัง ยังไม่ใช่แฟน เขาเรียกว่าให้โอกาส ต้องลองคบกันก่อน แค่ยอมให้มารับมาส่ง ยอมคบด้วย ตามที่พี่ขอ ดูซิว่าเราสองคนจะไปกันได้ไหม เข้าใจไหมคะ ถ้าพี่มีความประพฤติดี และทำได้อย่างที่พี่พูด ค่อยเลื่อนสถานะจากคนรู้ใจมาเป็นแฟน Ok ทำได้ไหม”

“ได้ครับ ต่อไปนี้พี่จะแบ่งเวลาให้งาม และงานอย่างลงตัวที่สุด ขอบใจมากๆเลย ถือว่าเป็นของขวัญให้พี่ในวันปีใหม่ไทยเลย”

   แล้วเมืองรามก็บีบมืองามตาจนงามเจ็บ “เจ็บพี่หนูเจ็บ”

“อุ้ย..ขอโทษ” แล้วก็ดึงงามตามากอดอีกครั้ง งามตาทุบหลังอยู่สักพักก็หยุดและกอดรับทันที

   เมืองรามดันตัวงามตาออกมาแล้วหอมหน้าผาก และจะเลื้อยลงไปที่แก้ม งามตาชี้นิ้วไปจิ้มที่หน้าทันที เมืองรามจึงหยุดได้

“เนียนนะ เนียนเลย พอเลย ให้แค่หน้าผากก็ถือว่าดีแล้วนะ” เมืองรามทำหน้าแหยๆ

“ได้คืบจะเอาศอก พอไม่ว่าหนะเลื้อยเชียวนะ” งามตาชี้ไปที่หน้าเมืองราม

   แล้วก็เอามือขวาทุบไหล่ ชี้หน้า “แล้วอย่าให้รู้นะว่าแอบไปทำเจ้าชู้ที่ไหน”

“ทำไมครับ ที่รัก..” งามตาชี้หน้าเมืองราม “ใครให้เรียก เนียนอีกแล้ว”

“แล้วจะให้พี่เรียกอะไรหละ” เมืองรามอ้อน “ก็งามนี่แหละ ขืนทำตัวแบบนี้ ยังไงก็ไม่ผ่าน”

“ใจร้าย..แล้วเมื่อกี้จะพูดว่าอะไร” เมืองรามบีบมืองามตาไว้ “เลิกคบ เข้าใจรึยัง”

“ชัดครับ..เจ้านาย” แล้วเมืองรามก็ทำท่าตะเบ๊

“ดีมาก..เออ คำนี้ใช้ได้ เจ้านาย ดีๆหนูมีลูกน้องกะเขาด้วย 5555+ เจ้านาย”

   ระหว่างที่สองหนุ่มสาวเตรียมสานสัมพันธุ์กัน ภายในห้อง ยุ้ยกับนก ก็นั่งยิ้มให้กันกับภาพที่เมืองรามและงามตา ตัดสินใจคบกัน จึงทำให้นกสบายใจขึ้น เริ่มแข็งแรงขึ้นทั้งร่างกายและจิตใจ

“ดีใจด้วยนะคะพี่นก ดูแข็งแรงขึ้นมากเลย” นกหันมามองยุ้ย งง ว่าทำไมถึงเรียกเธอว่าพี่

“เออ..ไม่รู้ซิว่าเผลอเรียกไปได้ยังไงก็ไม่รู้ ก็คงเพราะความของน่ารักของพี่มั้ง งั้น..หนูขอเรียกว่าพี่นกเลยแล้วกันนะคะ”

   นกยิ้มและก็ยกมือขวาขึ้นมาเตรียมเช็คแฮนด์ยุ้ยมอง แล้วก็จับมือด้วย และสุดท้ายนกอ้าแขนรับน้องสาวคนใหม่ ยุ้ยไม่เข้าใจ นกก็เลยเขียนใส่กระดาษให้อ่าน

“ขอต้อนรับน้องสาวคนใหม่” ตอนนี้เข้าใจแล้ว ยุ้ยก็เลยโผเข้ากอดกับนก

   เมืองรามกับงามตาเดินเข้ามา งงกับภาพที่เห็น นกก็เลยหยิบกระดาษแผ่นเมื่อกี้ให้เมืองรามอ่าน พออ่านจบเมืองราม ก็ยกนิ้วให้สองข้างเลย “ดีใจด้วยนะยุ้ย มีพี่สาวเพิ่มอีกคนแล้วซิ”

   หลังจากนั้นไม่นาน ทั้งสองคนก็ขอตัวกลับ เพราะมืดมากแล้ว

“งั้นวันนี้พี่ขอตัวกลับก่อนนะครับนก หายไวๆนะ”

   นกยกมือสวัสดีเมืองราม ยุ้ยโบกมือบ๊ายบายนก

“หนูกลับก่อนนะพี่นก” นกยิ้มและโบกมือให้ งามตาทำเหมือนไม่อยากสนใจ

“ถึงบ้านเดี๋ยวพี่โทรหานะงาม ขอตัวไปส่งยุ้ยก่อน ทุ่มนึงแล้ว แล้วพรุ่งนี้เจอกัน”

“เดินทางกลับดีๆนะพี่ แล้วเจอกันพรุ่งนี้”

   พ่อกับแม่เดินเข้าบ้านมาพอดี “อ้าวกลับแล้วเหรอพ่อหนุ่ม”

“ครับพ่อ มืดแล้ว แล้วพ่อกับแม่ไปไหนมาครับเนี่ย”

“ไปช่วยกันที่วัด พรุ่งนี้มีงานแล้ว กว่าจะเสร็จก็แทบแย่ แม่ขอตัวหละไม่ไหวร้อน”

“งั้นผมสองคนขอตัวกลับก่อนหละครับ” แล้วเมืองรามกับยุ้ย ก็ยกมือสวัสดีทด และเดินกลับออกไป

>>>>>>>>>> ********** <<<<<<<<<<

โปรดติดตามตอนต่อไปใน ตอนที่ 12 .. “ มันอยู่ที่ใจ ”

ตอนที่ 11 .. “ เสียงของหัวใจ ”

Romance Fiction - นิยายรัก / รักโรแมนติก

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.