บทที่ 58: ชายชุดดำลึกลับ
คนที่เดินออกมาจากในห้องนอกจากจะสวมเสื้อคลุมสีดำที่มีฮู้ดแล้ว เขายังสวมหน้ากากสีดำอีกด้วย
สภาพของเขาตอนนี้ไม่ต่างจากอีกาที่ดำไปทั้งตัว
อย่างไรก็ตาม เมื่อมองผ่านช่องว่างระหว่างฮู้ดและหน้ากาก หลินหยวนมองเห็นสีผิวของผู้ชายคนนั้น ซึ่งมันขาวซีดมาก ยิ่งไปกว่านั้นมันดูซีดเซียวจนน่าขนลุก
ทันใดนั้นชายชุดดำก็ดูเหมือนจะรับรู้ถึงสายตาของเด็กหนุ่ม เขาจึงเงยหน้าขึ้นมามองอีกฝ่ายด้วยสายตาเย็นชา
วินาทีที่ทั้งคู่สบตากัน แววตาของหลินหยวนก็เปลี่ยนไป เพราะนัยน์ตาของคนตรงหน้าเป็นสีแดงก่ำดูแปลกประหลาด มันเหมือนกับดวงตาของแวมไพร์ที่มีประกายชั่วร้าย
เด็กหนุ่มที่ประหลาดใจก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย เขารู้สึกแปลก ๆ อย่างบอกไม่ถูก และเขาไม่รู้จะอธิบายอย่างไรดี เขารู้สึกว่าชายชุดดำคนนี้จะต้องไม่ใช่คนธรรมดาสักเท่าไหร่
หลังจากนั้นเหล่าหลี่ก็แนะนำหลินหยวนด้วยรอยยิ้ม “แขกท่านนี้ก็จะมุ่งหน้าไปที่ป้อมปราการสงครามเหมือนกัน ในเมื่อพวกคุณ 2 คนมีวาสนาได้พบกันแล้ว พวกคุณก็ไปด้วยกันเลยดีไหม?”
ก่อนที่เด็กหนุ่มจะทันได้พูดอะไร ชายชุดดำก็พูดขึ้นมาก่อนว่า
“เหล่าหลี่ ผมไม่คุ้นกับการเดินทางร่วมกับคนอื่น เอาแบบนี้ดีไหม คุณช่วยหารถส่วนตัวให้ผมได้ไหมครับ เรื่องราคาผมไม่เกี่ยง” เสียงของเขาแหบพร่าฟังเหมือนกับแผ่นเหล็กขึ้นสนิม 2 แผ่นกำลังเสียดสีกัน คนที่ได้ฟังจึงรู้สึกขัดหูไม่น้อย
ทางด้านหลินหยวนก็รีบพูดขึ้นทันทีว่า “ถ้าเป็นไปได้คุณก็ช่วยหารถส่วนตัวให้ผมด้วยนะครับ เรื่องราคาผมเองก็ไม่มีปัญหาเหมือนกัน”
ในเมื่อไม่มีปัญหาเรื่องเงิน การจะทำอะไรนั้นย่อมสะดวกเป็นธรรมดา
อย่างไรก็ตาม พอเหล่าหลี่ได้รับคำขอในทางเดียวกันจากทั้งคู่ เขาก็ยิ้มแห้ง ๆ แล้วกล่าวว่า “แขกทั้ง 2 ตอนนี้ปัญหามันไม่ใช่เรื่องเงินแล้ว พวกคุณก็รู้ว่าการจะหารถหุ้มเกราะดี ๆ ที่เหมาะสำหรับการเดินทางระยะไกลในภูมิประเทศที่แตกต่างกันนั้นมันยุ่งยากมากแค่ไหน แล้วสิ่งที่ยุ่งยากที่สุดก็คือ การจัดการกับทหารตามจุดตรวจระหว่างทาง”
“ปกติแล้วรถที่จะมุ่งหน้าไปยังแนวหน้าจะมีทุก ๆ 15 วันเท่านั้น ทุกครั้งแขกหลายคนก็เดินทางร่วมกัน ถ้าผมหารถพิเศษให้กับพวกคุณทั้ง 2 นอกจากมันจะเป็นการไม่รับผิดชอบต่อแขกท่านอื่นแล้ว มันยังเป็นการทำลายชื่อเสียงตัวแทนการจัดหารถเดินทางที่ใหญ่ที่สุดของเมืองอีกด้วย”
“ถ้ายังไง… ผมขอร้องให้แขกทั้ง 2 ช่วยเมตตาคนทำธุรกิจอย่างผมหน่อยเถอะ”
หลังจากเหล่าหลี่พูดจบ เขาก็มองลูกค้าทั้ง 2 ด้วยท่าทางอ้อนวอน
ชายชุดดำเองก็ไม่ได้กดดันอีกฝ่าย เขากล่าวขึ้นว่า “ในเมื่อมันเป็นกฎของพวกคุณ ผมก็คงทำอะไรไม่ได้ แต่ผมมีคำขอเพียงข้อเดียวเท่านั้นก็คือ คุณจะต้องส่งผมไปให้ถึงป้อมปราการสงคราม”
หลินหยวนก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องตอบกลับไปว่า “ถ้างั้นผมเองก็เหมือนกันครับ”
ชายสูงวัยรีบพยักหน้าแล้วรับปากกับพวกเขาว่า “แน่นอนครับ ผมจะคอยดูแลให้พวกคุณเดินทางไปถึงที่หมายอย่างปลอดภัย”
จากนั้นเขาก็หันไปพูดกับหลินหยวนต่อว่า “แขกท่านนี้ เรามีกฎอีกข้อหนึ่งนั่นก็คือ หากมีผู้ค้ำประกัน คุณเพียงแค่ต้องจ่ายเงินมัดจำเท่านั้น แต่ถ้าหากคุณไม่มีผู้ค้ำประกัน คุณจะต้องจ่ายค่าตั๋วราคาเต็มก่อนที่จะออกเดินทางครับ”
เด็กหนุ่มพยักหน้ารับเบา ๆ “เข้าใจแล้วครับ ผมต้องจ่ายเท่าไหร่?”
“ถ้าคุณจะเดินทางไปป้อมปราการสงคราม ค่าเดินทางอยู่ที่ 10 ล้าน และมีค่าผ่านทางที่เราจำเป็นจะต้องจ่ายอีก 5 ล้าน รวมทั้งหมดเป็น 15 ล้านครับ” เหล่าหลี่กล่าว “อีกอย่าง ที่นี่เราไม่รับบัตรธนาคาร เรารับเฉพาะเงินสดหรือทองคำแท่งเท่านั้น ถ้าคุณไม่มีเงินสดติดตัวมามากขนาดนั้นก็สามารถนำไปแลกเป็นทองคำแท่งแล้วค่อยเอามาจ่ายก็ได้”
“ถ้าเดินทางออกจากที่นี่ไป ร้านรับแลกเงินจะตั้งอยู่ทางใต้ห่างออกไปไม่กี่ร้อยเมตร”
“15 ล้านเลยเหรอ?” หลินหยวนพึมพำเบา ๆ “ผมไม่มีเงินติดตัวมากขนาดนั้นหรอก คุณคิดว่าของชิ้นนี้เพียงพอที่จะจ่ายค่าตั๋วไหมครับ?”
หลังจากพูดจบเขาก็หยิบแกนสมองของไททันภัยพิบัติออกมาจากแขนเสื้อแล้วยื่นให้เหล่าหลี่
พอชายสูงวัยเห็นแกนสมองตรงหน้า ดวงตาของเขาก็เบิกกว้าง ในฐานะผู้คร่ำหวอดที่คลุกคลีอยู่ในเมืองใต้ดินมานานหลายปี เขาย่อมรู้จักของดี ๆ มากมาย
มูลค่าของแกนสมองไททันระดับสูงแบบนี้ต้องมากกว่า 15 ล้านหยวนอย่างแน่นอน!
“ไม่คิดเลยว่าคุณจะมีของดีขนาดนี้ติดตัวมาด้วย ถ้าหากยังมีเหลืออยู่อีก ผมมีช่องทางที่จะช่วยให้คุณขายของพวกนี้ในราคาสูง…” เหล่าหลี่หัวเราะร่า ในขณะที่ดวงตาแสดงออกถึงความเจ้าเล่ห์ แค่มองปราดเดียวว่ารู้ว่าเขากำลังคิดหาผลกำไรมหาศาลจากหลินหยวน
แต่เด็กหนุ่มไม่ได้แสดงท่าทีสะทกสะท้านอะไร เขาตอบอย่างใจเย็นว่า “ไม่จำเป็นหรอกครับ แกนสมองนี้ผมบังเอิญได้มาก็เท่านั้น มีแค่อันเดียว ถ้าคุณตกลง ผมจะใช้มันจ่ายค่าตั๋วรถแทนเงินสด”
“น่าเสียดายจริง ๆ” ชายแก่ถอนหายใจเบา ๆ
เขาที่ถูกคนขนานนามว่าเป็นจิ้งจอกเฒ่า เขาไม่มีทางเชื่อว่าแขกคนนี้มีแกนสมองระดับสูงอยู่ในมือเพียงอันเดียว เพราะอีกฝ่ายมีท่าทีสงบนิ่งจนเกินไป ดูเหมือนว่าเจ้าตัวไม่ได้ยี่หระเลยสักนิดที่ใช้แกนสมองนี้จ่ายแทนเงินสดเพียง 15 ล้านหยวน ไม่รู้ว่าในมือเขานั้นมีแกนสมองไททันอยู่มากแค่ไหน
แต่ในเมื่อชายคนนี้ไม่ได้มีเจตนาที่จะทำการค้าขายกับตน เขาเองก็ไม่สามารถบังคับอีกฝ่ายได้
ในเวลาเดียวกัน หลินหยวนสังเกตเห็นว่าหลังจากที่เขานำแกนสมองไททันออกมา ดวงตาของชายชุดดำที่อยู่ตรงข้ามก็ดูเหมือนจะดุดันมากขึ้น
แต่เด็กหนุ่มก็ไม่แน่ใจว่าเขาคิดไปเองหรือเปล่า เพราะตอนที่อีกฝ่ายเห็นแกนสมองไททัน สายตาของเขาก็เปลี่ยนเป็นเกลียดชัง
หลินหยวนจึงอดสงสัยไม่ได้
ในความคิดของเขา ชายชุดดำคนนี้ดูแปลก ๆ แต่เขาไม่รู้ว่ามันแปลกตรงไหน ถ้ามีโอกาสเขาก็อยากจะลองสืบประวัติของอีกฝ่ายดู
เพราะถ้าไม่มีความผิดพลาดอะไร ผู้ชายคนนี้ก็จะไปยังจุดหมายปลายทางเดียวกันกับเขา และน่าจะได้เดินทางไปด้วยรถคันเดียวกัน
หลังจากเหล่าหลี่เก็บแกนสมองไททันไปอย่างเบามือแล้ว เขาก็หันมายิ้มพูดว่า “แขกทั้ง 2 รถที่จะเดินทางไปยังแนวหน้าจะมาถึงภายในอีก 5 วัน ขอให้พวกคุณมารอให้ตรงเวลานัดที่นี่ตอน 8 โมงเช้า ขออวยพรให้พวกคุณเดินทางอย่างปลอดภัยล่วงหน้านะครับ”
…
เมื่อหลินหยวนออกจากร้านของเหล่าหลี่แล้ว เขาก็ไปหาโรงแรมใกล้ ๆ ทันที
ถึงเขาจะบอกว่าโรงแรม แต่จริง ๆ แล้วมันมีเพียงเตียงไม้กับผ้าห่มเก่า ๆ เท่านั้น ในสภาพแวดล้อมแบบนี้ ค่าที่พักวันละ 500 หยวนก็นับว่าถูกมากแล้ว ต้องบอกว่าโรงแรมที่นี่มีหน้าตาคล้ายกันหมด คนที่สัญจรไปมาก็มีทั้งคนดีคนชั่วปะปนกัน คงไม่มีใครมาทำธุรกิจดี ๆ กันในที่กันดารแบบนี้
ถึงกระนั้นเด็กหนุ่มก็ไม่ได้สนใจ เพราะอย่างไรเสียเขาเพียงแค่อยากจะหาที่พักเท่านั้น ส่วนเรื่องสภาพแวดล้อม เขาไม่ได้ใส่ใจเลยสักนิด แถมตัวเขาก็ไม่ใช่คนขี้ขลาดขนาดนั้น
ยิ่งไปกว่านั้น ตอนที่เขาออกไปล่าไททันที่นอกเมืองหนานเจียง เขายังเคยนอนอยู่ในป่าด้วยซ้ำ
หลังจากเช็กอินเรียบร้อยแล้ว หลินหยวนก็ล้มตัวนอนลงบนเตียงไม้ หลับตาเตรียมจะพักผ่อนสักครู่ แต่ในใจของเขากลับคิดถึงใบหน้าของชายชุดดำ
ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร… เขาคือใครกันแน่?
แล้วเขามีจุดประสงค์อะไรถึงได้มุ่งหน้าไปที่ป้อมปราการสงคราม?
แม้ว่าเด็กหนุ่มจะเพิ่งเคยพบอีกฝ่ายครั้งแรก แต่ความแปลกประหลาดของเจ้าตัวก็ทำให้เขาจดจำได้ขึ้นใจ
น่าเสียดายที่เขาไม่รู้ว่าชายชุดดำคนนั้นพักอยู่ที่ไหน
ถึงแม้ว่าเมืองแห่งนี้จะไม่ได้ใหญ่โตมากนัก แต่อย่างน้อยก็มีคนมารวมตัวกันอยู่ที่นี่เกิน 1,000 คน ต้องบอกเลยว่าการที่จะตามหาตัวเป้าหมายมันก็ไม่ต่างจากการงมเข็มในมหาสมุทร
ดังนั้นหลินหยวนจึงล้มเลิกความคิดนี้ไปชั่วคราว เพราะในอีก 5 วันหลังจากนี้ เขาก็จะได้พบผู้ชายคนนั้นอีกครั้ง
…
และแล้วเวลาก็ไหลผ่านไปอย่างรวดเร็วจนกระทั่งถึง 5 วันต่อมา
แสงแดดยามเช้าได้ส่องลอดผ่านช่องว่างทางหน้าต่างเข้ามาภายในห้อง ทว่าในตอนนี้หลินหยวนไม่ได้นอนอยู่บนเตียง เขากำลังวิดพื้นโดยใช้นิ้วเดียวอยู่
ภาพเด็กหนุ่มที่เหงื่อไหลโทรมกายไปทั้งตัว บัดนี้เหงื่อไหลจากศีรษะผ่านกรอบหน้าหยดลงพื้นทีละหยด ถึงแม้ว่าเขาจะใช้เพียงนิ้วเดียวในการพยุงร่างกายกับพื้น แต่ตัวเขากลับขยับขึ้นลงอย่างมั่นคง
“1,998… 1,999… 2,000!”
หลังจากหลินหยวนวิดพื้นครบ 2,000 ครั้ง เขาก็ลุกขึ้นยืนแล้วหยิบผ้าขนหนูมาเช็ดเหงื่อที่หน้าผากเตรียมตัวจะไปอาบน้ำล้างเหงื่อไคล
ปัจจุบันมีเวลาเหลืออีกเกือบ 45 นาทีก่อนจะถึงเวลานัดหมายตอน 8 โมงเช้า
สำหรับเขานี่ยังเหลือเวลาอีกมาก พอคิดแบบนี้เด็กหนุ่มก็พูดขึ้นว่า “ระบบ ฉันต้องการลงชื่อเข้าใช้”
วินาทีต่อมาเสียงแจ้งเตือนของระบบก็ดังขึ้น
“ติ๊ง! ขอแสดงความยินดี คุณลงชื่อเข้าใช้สำเร็จเป็นเวลา 235 วัน ได้รับรางวัล: คริสตัลอัปเกรดพลัง x5, หนังสืออัปเกรดสกิล x1!”
จนกระทั่งตอนนี้เขาก็ลงชื่อเข้าใช้ครบ 235 วันแล้ว และรางวัลลงชื่อเข้าใช้ในครั้งนี้ก็ทำให้เขาต้องประหลาดใจ
“หนังสืออัปเกรดสกิล?”
พอหลินหยวนเห็นรางวัลลงชื่อเข้าใช้ครั้งนี้ เขาก็นึกขึ้นได้ทันทีว่าดูเหมือนเขาจะมี [หนังสือสกิลแบบสุ่ม] 2 เล่มที่ยังไม่ได้ใช้งาน
ในตอนที่เขาเริ่มใช้รางวัลลงชื่อเข้าใช้ เขาก็มุ่งความสนใจไปกับการอัปเกรดระดับพลังพิเศษเพียงอย่างเดียว แต่หนังสือสกิล 2 เล่มนั้นกลับถูกทิ้งเอาไว้ในช่องเก็บของโดยที่ไม่ได้รับความสนใจอีกเลย
“ในเมื่อตอนนี้ยังพอมีเวลา งั้นมาลองเรียนรู้กันหน่อยเถอะ” หลินหยวนพึมพำกับตัวเองพลางหยิบหนังสือสกิล 2 เล่มออกมาจากช่องเก็บของ


แสดงความคิดเห็น