บทที่ 304 ก้อนเขียว
บทที่ 304 ก้อนเขียว
“นี่คืออุปกรณ์ที่พิเศษมากเลยนะ โดยมันจะแสดงคุณสมบัติที่แท้จริงออกมาก็ต่อเมื่อผู้เล่นสวมใส่มันเข้าไปเท่านั้นและมีแต่ผู้สวมใส่ที่มองเห็นมันได้ ส่วนบางชิ้นหลังจากที่สวมใส่มันเข้าไปแล้วผู้เล่นก็ไม่สามารถจะถอดมันออกมาได้ด้วย” ลู่หยางกล่าว
“หา?! แล้วแบบนี้ถ้าคุณสมบัติมันไม่ดีเราจะทำยังไงได้ล่ะคะ?” มู่หยูถาม
“ก็แค่ให้คนอื่นมาฆ่าเราจนอุปกรณ์ดรอปลงไปไง” ลู่หยางตอบ
“โหดร้ายจังเลย” มู่หยูกล่าวพร้อมกับส่ายหน้า เพราะการเสียชีวิตครั้งหนึ่งมันต้องสูญเสียค่าประสบการณ์ถึง 10% ซึ่งมันเป็นค่าถอดอุปกรณ์ที่แพงมากจนเกินไป
“แต่อุปกรณ์ลักษณะนี้มันมีความพิเศษมากเลยนะ แม้บางชิ้นจะมีคุณสมบัติแย่กว่าอุปกรณ์ระดับหิน แต่บางชิ้นมันก็มีคุณสมบัติดีกว่าอุปกรณ์ระดับตำนานได้เหมือนกัน” ลู่หยางกล่าว
ในชาติที่แล้วเคยมีผู้เล่นเสี่ยงโชคกับอุปกรณ์ในลักษณะนี้อย่างมากมาย ซึ่งคนที่โชคดีก็ได้รับอุปกรณ์ที่มีคุณสมบัติเทียบเท่ากับอุปกรณ์ระดับตำนานกลับมา ส่วนคนที่โชคร้ายก็วิ่งออกไปฆ่าตัวตายเพื่อบังคับให้อุปกรณ์ร่วงหล่นลงมาจากตัว
“แล้วพวกเราจะจัดการกับอุปกรณ์พวกนี้ยังไงดีคะ?” ฮั่นอิ่งถาม
“พี่ซื้อกระเป๋าเก็บของขนาด 500 ช่องมาด้วย 20 ใบเพื่อเก็บอุปกรณ์มิติพวกนี้โดยเฉพาะ หลังจากพวกเรากลับไปพวกเราค่อยทดลองอุปกรณ์พวกนี้ทีละชิ้น ถ้าเราเจออุปกรณ์ระดับตำนานจริง ๆ ในเวลานั้นเราค่อยมาคิดหาวิธีจัดการกับมันอีกที” ลู่หยางตอบ
“ได้ค่ะ” ฮั่นอิ่งกับมู่หยูพยักหน้ารับ ก่อนที่พวกเธอจะมารับกระเป๋าจากลู่หยางไปช่วยเก็บอุปกรณ์ที่ดรอปอยู่บนพื้น
ห้องทดลองใต้ดินแห่งนี้ถูกแบ่งออกเป็นห้องสี่เหลี่ยมจัตุรัสหลาย ๆ ห้องที่มีความด้านยาวด้านละ 80 เมตรถูกเชื่อมด้วยทางเดินแคบ ๆ ขณะที่อุปกรณ์จากต่างมิติก็ไม่ได้ดรอปลงมาจากบอสจริง ๆ เท่านั้น เพราะบอสตัวปลอมบางส่วนก็ดรอปอุปกรณ์ประเภทนี้มาด้วย ลู่หยางจึงพาสองสาวจัดการมอนสเตอร์ไปตามห้องต่าง ๆ พร้อมกับทำการไล่เก็บอุปกรณ์มาใส่กระเป๋า
ในระหว่างที่นกฟีนิกซ์ของมู่หยูเข้าใกล้ลองโบว์สเกลเลตันตัวหนึ่ง ทันใดนั้นโครงกระดูกที่ถือคันธนูยาวก็ยกแขนขึ้นพร้อมกับยิงลูกธนูไฟเข้าใส่นกฟีนิกซ์
-10,200
การโจมตีนี้รุนแรงเป็นอย่างมากและการยิงธนูออกมาเพียงแค่ครั้งเดียวก็ทำให้ร่างของนกฟีนิกซ์ร่วงหล่นลงกับพื้น
ลองโบว์สเกลเลตัน (บอส)
เลเวล 40
พลังชีวิต 97,891/100,000
“พวกเราเจอบอสตัวจริงแล้ว” ลู่หยางกล่าว
“ปกติบอสเลเวล 30 มันมีพลังชีวิต 300,000 หน่วยขึ้นไปไม่ใช่เหรอคะ ทำไมบอสตัวนี้มันถึงมีพลังชีวิตแค่แสนเดียวเอง?” มู่หยูถามอย่างสงสัย
“มันถือว่าเป็นบอสพิเศษที่ปกติจะอยู่ในป้อมปราการของบลัดไทแรนท์” ลู่หยางตอบ
ลองโบว์สเกลเลตันเป็นบอสเลเวล 40 ที่มีพลังชีวิตน้อยที่สุด แต่ก็ถือว่าเป็นหนึ่งในบอสที่จัดการได้ยากมากที่สุดอีกด้วย โดยมันเป็นโครงกระดูกที่มีความสูงกว่าผู้เล่นอยู่เล็กน้อยและมีสกิลโจมตีทางกายภาพที่รุนแรงมากคือเรจแอรโรว์ โดยสกิลนี้สามารถสร้างโบนัสความเสียหายได้สูงถึง 3,200 หน่วย
สกิลที่ 2 ของมันคือแรพพิดไฟร์ที่เมื่อเปิดใช้งานจะเป็นการเพิ่มความเร็วในการโจมตีขึ้นอีก 150% จนทำให้แม้แต่ลู่หยางก็ไม่สามารถจะหลบการโจมตีของมันได้พ้นหากเขาเข้าไปภายในระยะ 30 เมตร
สกิลที่ 3 ของบอสมีชื่อว่าสแคทเทอร์ชอท โดยหลังจากใช้สกิลบอสจะโจมตีทุกเป้าหมายภายในรัศมีครึ่งวงกลมด้านหน้า ซึ่งถ้าหากว่าในระยะมีลองโบว์สเกลเลตัน 20 ตัวยืนอยู่ด้วยกัน โครงกระดูกเหล่านี้ก็จะโจมตีมาพร้อม ๆ กับบอส และทำให้แม้แต่นักรบสายป้องกันที่มีสกิลไอร่อนวอลล์และชิลด์วอลล์ก็สามารถทนรับการโจมตีได้เพียงแค่ไม่กี่วินาที
—
ขณะเดียวกันบลัดเติสตี้ก็กำลังบุกโจมตีป้อมปราการสกายมิสท์ แต่บลัดไทแรนท์กลับกำลังยืนมองลองโบว์สเกลเลตันกว่า 2,000 ตัวภายในลานฝึกอย่างปวดหัว
“ใครมีวิธีดี ๆ ในการจัดการกับพวกมันบ้างไหม?” บลัดไทแรนท์ถาม
เซาธ์โคสท์, เย่กู่ซิง, ดีม่อนบลัด, สโนวี่รีเวอร์และคนอื่น ๆ ต่างก็ก้มหน้าลงอย่างละอายใจ เพราะพวกเขาพยายามทดลองวิธีต่าง ๆ ที่ทุกคนคิดได้แล้ว แต่มันก็ยังไม่มีใครสามารถเจาะทะลุแนวป้องกันของโครงกระดูกนักธนูเหล่านี้ไปได้
“หัวหน้า พวกเราลองเรียกฉู่หานมาดีไหมครับ? บางทีเขาอาจจะมีวิธีการดี ๆ ก็ได้” ดีม่อนบลัดกล่าว
“รีบไปเรียกมันมาเร็วเข้า!” บลัดไทแรนท์กล่าวพร้อมกับโบกมือ
หลังจากสงครามกับบลัดบราเธอร์จบลง ฉู่หานก็ถูกลดตำแหน่งไปเป็นเพียงแค่หัวหน้าทีมขนาดเล็ก ขณะเดียวกันเขาก็นำทีมบุกตามคำสั่งของคนอื่น ๆ และตายภายใต้เงื้อมมือของลองโบว์สเกลเลตันมาแล้วถึง 5 ครั้งทำให้เขากำลังอารมณ์เสียอยู่พอดี
“รีบตามฉันมาเร็วเข้า ตอนนี้มันเป็นโอกาสของนายแล้ว” ดีม่อนบลัดวิ่งเข้ามาหาฉู่หานอย่างตื่นเต้น
“มีอะไรเหรอ?” ฉู่หานถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
“ตอนนี้ไม่มีใครคิดหาวิธีจัดการโครงกระดูกพวกนี้ได้เลย แต่ฉันรู้ว่านายจะต้องมีวิธีการดี ๆ แน่ หากนายวางแผนพาทีมจัดการโครงกระดูกพวกนี้ได้หมด บางทีหัวหน้าอาจจะคืนตำแหน่งแม่ทัพให้กับนายก็ได้” ดีม่อนบลัดกล่าว
ฉู่หานพยักหน้าก่อนที่จะเดินตามชายตรงหน้าไปยังห้องบัญชาการ
“หัวหน้า ผมมาแล้วครับ” ฉู่หานกล่าวอย่างนอบน้อม
“ตอนนี้กิลด์ของเรายังหาวิธีจัดการกับโครงกระดูกพวกนี้ไม่ได้ นายพอจะมีวิธีจัดการกับพวกมันไหม?” บลัดไทแรนท์ถาม
“มีครับ แต่มันอาจจะต้องใช้ทักษะที่สูงหน่อย” ฉู่หานกล่าว
ตอนแรกบลัดไทแรนท์แค่ลองถามไปเท่านั้น ไม่คิดว่าฉู่หานจะมีแผนการอยู่จริง ๆ
“เราต้องทำยังไง? รีบอธิบายมาเร็วเข้า” บลัดไทแรนท์ถาม
“พวกเราแค่ต้องส่งนักรบที่มีสกิลยั่วยุหมู่ออกไป 30 คนและให้พวกเขาผลัดกันใช้สกิลยั่วยุกันคนละที หากคนกลุ่มนี้สามารถประสานงานกันได้เป็นอย่างดี ลองโบว์สเกลเลตันจะไม่มีโอกาสได้ยิงธนูออกมาเลยแม้แต่ดอกเดียว” ฉู่หานอธิบาย
เมื่อได้ฟังแนวคิดจากฉู่หาน ทุกคนก็สามารถจินตนาการภาพตามได้ในทันที
“มันมีวิธีแบบนี้อยู่ด้วยเหรอเนี่ย?!” ดีม่อนบลัดกล่าวอย่างตื่นเต้น
“รีบไปออกคำสั่งให้ทุกคนเตรียมตัวเร็วเข้า ส่วนฉู่หานอยู่ที่ห้องบัญชาการ หลังจากนี้นายจะได้รับหน้าที่ในการบุกเบิกป้อมปราการโดยเฉพาะ” บลัดไทแรนท์ตะโกนสั่ง
“ได้ครับ” ฉู่หานตอบ
—
ในดันเจียน
ลู่หยางใช้วิธีในลักษณะเดียวกันกับฉู่หานเพียงแต่เขาได้แปลงร่างเป็นอสูรเพลิงเพื่อที่จะใช้สกิลควบคุมอย่างต่อเนื่อง ส่วนทางด้านมู่หยูกับฮั่นอิ่งและนกฟีนิกซ์ทั้ง 2 ตัวก็คอยโจมตีอยู่ใกล้ ๆ
บอสตัวนี้มีพลังป้องกันและพลังชีวิตที่น้อยมากอยู่แล้ว ในที่สุดมันก็ถูกสังหารในเวลาเพียงแค่ไม่ถึง 2 นาที
“พี่ พวกเราได้บลูปริ้นของนักธนูมาด้วย” มู่หยูพูดอย่างดีใจ
บลูปริ้น: เกราะอกนักล่า (ระดับทอง)
ลู่หยางพยักหน้ารับ ก่อนจะพูดว่า “พวกเรารีบไปต่อกันเถอะ”
ระยะเวลาการแปลงร่างเป็นอสูรเพลิงมีอยู่เพียงแค่ครึ่งชั่วโมง ภายในช่วงเวลานี้ชายหนุ่มจึงอยากจะสังหารลองโบว์สเกลเลตันให้ได้มากที่สุด
หลังจากนั้นพวกเขาก็เคลียร์มอนสเตอร์ไปอีก 4 ห้อง ซึ่งภายในมอนสเตอร์กลุ่มนั้นมีลองโบว์สเกลเลตันอยู่ถึง 8 ตัวและมีลองโบว์สเกลเลตันที่เป็นบอสตัวจริงอยู่ 1 ตัว แต่น่าเสียดายที่มันไม่ได้ดรอปบลูปริ้นลงมา
“น่าเสียดายจริง ๆ” ลู่หยางกล่าวหลังจากที่เขากลายร่างกลับมาเป็นมนุษย์
“พวกเราเสียเวลากับพวกลิชคิงและไวท์บอร์มากเกินไปหน่อย” มู่หยูกล่าว
“ช่างมันเถอะ พวกเรามานั่งพักกันแล้วเดี๋ยวค่อยกลับไปสู้กันต่อ” ลู่หยางกล่าวโดยมี 2 สาวพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
อย่างไรก็ตามในระหว่างที่ทั้ง 3 กำลังนั่งพักอยู่นั้น จู่ ๆ มันก็มีลูกบอลสีเขียวอ้วนกลมกระโดดไปมาท่ามกลางฝูงมอนสเตอร์ ซึ่งในระหว่างที่มันกำลังกระโดดไปกระโดดมาอยู่นั้น มันก็ถูกเจ้าอสูรตัวหนึ่งเตะจนกระเด็นออกไปไกล
“น่ารักจัง” มู่หยูรีบวิ่งเข้าไปหาก้อนกลมสีเขียวที่ถูกเตะกระเด็นมาไม่ห่างจากพวกเขามากนัก
เมื่อลู่หยางได้เห็นก้อนกลมที่กระเด็นมา เขาก็รีบตะโกนออกไปอย่างตกใจว่า
“มู่หยูรีบกลับมาเร็วเข้า!”
“มีอะไรเหรอคะ?” มู่หยูถามอย่างไม่เข้าใจขณะยืนนิ่งอยู่กับที่
“นั่นคือบอสตัวสุดท้ายของแผนที่นี้ แม้แต่พี่ก็สู้กับมันไม่ได้หรอกนะ” ลู่หยางกล่าว
“ไอ้ก้อนเขียวนี่คือบอสเหรอคะ?!” มู่หยูถามอย่างตกใจขณะมองดูก้อนกลมที่กำลังกลิ้งเข้ามาใกล้
“รีบกลับมาเร็วเข้า อย่าให้มันสังเกตเห็นเธอเด็ดขาด!” ลู่หยางตะโกน
“ค่ะ” มู่หยูกล่าวก่อนที่จะรีบวิ่งกลับไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นทั้ง 3 ก็ถอยห่างออกไปจากก้อนกลมประมาณ 50 เมตรพร้อมกับพยายามซ่อนตัวอยู่หลังกำแพงเพื่อดูสถานการณ์
“พี่ มันคือตัวอะไร? ทำไมมันถึงดูไม่ค่อยน่ากลัวเลย?” มู่หยูถาม
“เธอลองดูนี่ก็แล้วกัน” ลู่หยางกล่าวก่อนที่เขาจะสั่งให้นกฟีนิกซ์บินเข้าไปใกล้ก้อนกลม
ทันทีที่นกฟีนิกซ์บินเข้าไปในระยะ 30 เมตร ดวงตาของก้อนกลมก็จ้องไปที่นกฟีนิกซ์ในทันที จากนั้นมันก็มีแสงสีเขียวสว่างวาบอย่างฉับพลันพร้อมกับตัวเลขที่ทำให้ทุกคนอ้าปากกว้างด้วยความตกตะลึง
-99,999
น่ารักแบบนี้เอามาเป็นสัตว์เลี้ยงได้ไหม? หลอกศัตรูให้ตายใจคงสนุกน่าดู
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 179
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น