3. จิตแตกกระเจิง

ผู้สาวสายฝอ

-A A +A

3. จิตแตกกระเจิง

 

หลอน...มู...จนขาสั่น จิตกระเจิง

--------------------------------

“สะ...สะ เสียงดังกังวาน...ออกมาจาก หะ...หัวกะ...กะ...โหลกนั่น...” คนึงนิจหันไปกอดกับน้อยหน่าหลับตาปี๋ เสียงเบาตะกุกตะกัก

“บอกแล้วไม่ต้องกลัว...พ่อปู่สื่อวิญญาณอยู่” ลุงหมอดูเดินเข้ามาจับหัวสาวทั้งสอง และตบหลังพวกเธอเบาๆ

เอาล่ะสิ...คนึงนิจสะดุ้งขาสั่น ขนใต้ผิวหนังตั้งชันเหมือนจับไข้ น้อยหน่าเหงื่อแตกด้วยความกลัว สองสาวยังกอดกันค่อยเขยิบก้าวถอยหลังอย่างอัตโนมัติ

“ห้ามออกไปจากห้องเด็ดขาด...เข้ามานั่งพับเพียบตรงหน้าพ่อปู่” ชายชราหมอดูเสียงเปลี่ยนเป็นห้าวก้อง หน้าตาจากที่เหี่ยวแห้งกลับดูเป็นหนุ่มมีพละกำลัง

 

เขานั่งลงในท่าขัดสมาธิหลับตาลง สองสาวมองหน้ากันอยากวิ่งออกไปแต่ประตูห้องดันถูกปิดจากด้านนอก พวกเธอจำยอมค่อยๆ หย่อนตัวลงนั่งพับเพียบกับพื้น ก้มหน้าไม่ยอมมองตรงไปข้างหน้า กลัวพวกหัวกะโหลกแยกเขี้ยวอยู่เต็มห้อง มองไปทางไหนเหมือนกำลังจ้องมาที่พวกเธอ

 

“วิธังเสติ ......” พ่อปู่ร่ายคาถายาวไปเรื่อยๆ อย่างช้าๆ และยกมือทำท่าเหมือนโปรยคาถาครอบคลุมไปทั่วห้อง

“โอม...นะมะจิตตัง...ยะจับใจ ...พุทธะหลงใหล...” เสียงของผู้เฒ่าหน้าทารก ณ บัดนาวดังกึกก้องราวหนุ่มน้อยไม่ปาน

 

น้อยหน่าเงยหน้าขึ้นหลังจากที่พ่อปู่สั่งให้เธอขยับเข้าไปใกล้อีกนิด

“เฮ้ย...เอามือออกไป” น้อยหน้ายกมือปัดฝ่ามือของพ่อปู่ เขากำลังจับหน้าผากเธอประคองหัวเข้าไปใกล้ปากของเขา

“ไม่ต้องกลัว พ่อปู่กำลังจะเป่าหน้าผากให้ผัวรักผัวหลง” ชายชราตอนนี้อยู่ในร่างคนหนุ่มแน่นกำลังจะทำอะไรบางอย่าง เขาเริ่มถอดเสื้อสีดำคลุมร่างตัวโคร่งออก เห็นกล้ามหน้าอกเป็นมัด คนึงนิจตัวสั่นเอามือปิดตาแต่ยังแอบมองลอดนิ้วออกมา

“อีหนูอีกคน เข้ามาใกล้กว่านี้หน่อย พ่อปู่จะเป่ามนต์ปกป้องไม่ให้เกิดอะไรขึ้น” พ่อปู่ในร่างชายหนุ่มอายุราวสามสิบเศษกำลังโน้มตัวเข้ามาและลุกยืนขึ้นส่วนบนเปลือยเปล่า ส่วนล่างสวมกางเกงสีดำตัวฟิตเห็นกล้ามเนื้อเป็นมัดๆ ร่างกายเหมือนพวกเล่นกล้าม

“ขะ...ขออยู่ห่างๆ ได้ไหมคะ...” เสียงคนึงนิจสั่นๆ และพยายามขยับตัวถอยออกมาเรื่อยๆ แต่เหมือนชายชราในร่างใหม่ขยับใกล้เข้ามาอยู่เรื่อยๆ

“ไม่ต้องกลัว...อีหนู พ่อปู่กำลังปัดเคราะห์หนักให้” เขาพยายามจะเข้ามากอดเธอ แต่คนึงนิจไม่ยอม หันไปมองน้อยหน่าว่ายังไง

“เฮ้ย...ทำอะไรเพื่อนฉันน่ะ...” เสียงน้อยหน่าตะโกนขึ้น ตกใจที่เขากำลังถอดกางเกงสีดำตัวฟิต

 

ทั้งสองสาวลุกยืน น้อยหน่าตัวอวบกว่าคนึงนิจเลยพยายามผลักชายชราในร่างใหม่ออกไปห่างๆ แต่เหมือนร่างกายของเขาแทบจะไม่ไหวติงกับแรงผลักของสาวอวบนี้เลย ทำไมชายชราจึงกลายเป็นคนแข็งแรงดุจปีศาจ

คนึงนิจตกใจที่เห็นร่างเปลือยเปล่าเต็มไปด้วยรอยสักเป็นรูปประหลาดที่บริเวณลำตัวส่วนล่าง และเจ้าหนูลูกมหาเทพนั้นเธอนึกถึงคำตลกเรียกมันว่า apple เต็มไปด้วยลวดลายงูเลื้อยพันกันจนถึงต้นขา

“เวร...มาเจอเรื่องลามก วิชามารให้แล้ว” คนึงนิจตะโกนกรีดร้องอย่างสุดเสียง

“ไม่ต้องโหยหวนเป็นเปรต ข้ากำลังทำพิธี...” ชายร่างใหม่กำลังนั่งลงร่างกายเปลือยเปล่า แต่สาวทั้งสองลุกยืนถอยหลังชนประตูห้อง แต่ยังไงก็ไม่สามารถดันประตูออกไปได้เหมือนมันถูกล็อกไว้จากด้านนอก

“มานั่งลง...ข้าจะทำพิธีต่อ” เสียงชายหนุ่มสั่งแบบไม่พอใจพวกเธอสองคน

ทั้งสองคนเห็นเขานั่งหลับตาบริกรรมคาถาเงียบๆ โดยไม่ลืมตาเลย สองสาวมองหน้ากันว่าจะยังไงดี คนึงนิจพยักหน้าให้เพื่อนสาวอย่างใจกล้า ค่อยๆ ก้าวไปข้างหน้าและนั่งพับเพียบต่อหน้าเขา ตามด้วยสาวอวบที่ยังตกใจอยู่

 

และแล้วพวกเธอกำลังนั่งเงียบๆ อยู่เฉยๆ เสียงดังตูมตามด้านนอกทั้งประตูถูกเขย่าแทบจะแตกออก ทำให้ทั้งสองสาวขยับเข้ามาใกล้กันหันหลังไปมองว่าเกิดอะไรขึ้น

“ไม่ต้องหันไปดู!!!...” เสียงก้องกังวานจากชายร่างกำยำสั่ง

“ห้ามออกจากที่ห้องนี้เด็ดขาด” เขายังสั่งเสียงดุ

 

แต่เสียงด้านนอกยังเหมือนกำลังสู้รบกันอย่างดุเดือด เสียงคล้ายประทัดระเบิดตูมตามราวกับหนังไซไฟ คนึงนิจร้องไห้ออกมาด้วยความกลัว น้อยหน่าตัวสั่นเข้าไปกอดเพื่อน รู้สึกผิดมากๆ ที่ชวนเธอมาเป็นเพื่อนแล้วเกิดเหตุการณ์สยองจนขนหัวลุก

“ข้าจะเอาอีนาง...พวกนี้ไป” เสียงแหลมทะลุจากด้านนอกเข้ามา

“มึงเข้ามากูจะเอาให้เข็ด...ไป ไป ไป” เสียงชายร่างกำยำตะโกนเสียงดังไล่เสียงที่ทะลุเข้ามาตลอด สองสาวกอดกันแน่นมือของทั้งสองเย็นเยียบเหมือนน้ำแข็ง

 

เวลาแห่งความน่าหวาดผวาผ่านไปจนเกือบย่ำรุ่ง น้อยหน่าง่วงนอนมากเธอหลับฟุบลงไปนอนที่พื้นข้างคนึงนิจ ส่วนสาวน้อยหน้าหวานใจสั่นเครียดจนสมองล้า เธอก็นั่งหลับสัปหงกหัวทิ่มอยู่เช่นกัน

รุ่งสางประมาณตีสี่เศษ ลุงหมอดูเปิดประตูออกไป และยังคงไม่ปลุกสาวสองคน เขาออกไปเดินบริกรรมจงกรมอยู่ด้านหลังบ้านที่เป็นลานสำหรับอาบน้ำมนต์

 

ทันใดนั้นคนึงนิจตกใจตื่นและเขย่าตัวเพื่อนสาวทันที บอกให้ลุกขึ้นและมองไปยังประตูเห็นเปิดอยู่ ภายในห้องเธอไม่เห็นชายหนุ่มกำยำนั้นเลย น้อยหน่ายังเอาแต่งัวเงียสลืมสลือ

“เฮ้ย...น้อยหน่าไปเถอะ อย่าอยู่อีกคืนเลย ฉันกลัวแทบจะช็อกตายอยู่แล้ว”

“เออ...ไม่ได้กินข้าวตั้งแต่เที่ยงเมื่อวานจนป่านนี้ ไม่รู้สึกหิวเลยว่ะ” สาวอวบจิตผวาไม่รู้สึกอยากกินอะไรเลย

“นั่นดิ...เราเหมือนกัน จิตแตกกระเจิง”

 

ทั้งสองลุกขึ้นค่อยย่องออกจากห้องเดินไปที่ประตูด้านหน้าแล้วผลักออกไป เมื่อไม่เห็นมีใครทั้งสองจึงก้าวออกจากรั้วบ้าน พวกเธอรีบสาวเท้าไปที่รถเก๋งแล้วน้อยหน่าก็เปิดประตูสตาร์ทรถทันที แต่เธอยังอดไม่ได้หันไปมองตัวบ้านที่โทรมจนไม่น่าเรียกว่าอะไรได้ นอกจากคำว่า ‘บ้านผีสิง’

 

รถบึ่งออกไปอย่างรวดเร็วไปจนถึงหน้าปากซอย น้อยหน่าเห็นร้านข้าวแกงเปิดอยู่เลยจอดรถแล้วเดินลงไปหาอะไรกิน

“ป้าคะ...รู้จักบ้านหมอดูญาณทิพย์ข้างในไหม” น้อยหน่าเริ่มถามขณะเจ้าของร้านกำลังยกจานอาหารมาส่งให้

“น่ากลัวใช่ไหมล่ะ”

“ค่ะ...”

“...มีคนมาทำพิธีกันอยู่บ่อยๆ เห็นเข้าออกกันอยู่เป็นประจำ”

“แล้วป้าเคยเข้าไปดูไหมคะ” คนึงนิจยิงคำถาม

“เคยไปดูครั้งหนึ่ง แกให้ไปเข้าพิธีอะไรนี่ล่ะ ป้ากลัวจนต้องไปหาหมอ”

 

ทั้งสองคนมองหน้าป้าตาค้าง

“ขนาดนั้นเลยรึคะ”

“ใช่...ลุงแกเป็นปีศาจ”

“ฮะ...อะไรนะคะ”

“แกถอดเสื้อผ้า รอยสักเต็มตัว แล้วก็ทำอะไรประหลาดๆ”

“ยังไงคะ”

“อย่าให้ป้าเล่าเลย...เดี๋ยวญาณแกมาทำร้ายป้า”

“โห...ขนาดนั้นเลยหรือ” ป้าจ้องหน้าสองคนแล้วเดินเข้าไปหลังร้าน

 

น้อยหน่ามีสีหน้ากังวล รีบกดโทรศัพท์หาป้าเธอทันที

“ป้าสร้อยคะ...หนูกลัวมากเลยค่ะ ลุงหมอดูเป็นคนแปลกๆ ไหมคะ”

“แม่นมากกก  อย่าทำอะไรให้แกโกรธนะ จะตามมาเอาคืน”

“ฮะ...ตายห่า...”

“มันจะยุ่งล่ะ ต้องอยู่ให้ครบสองวัน ถ้าแกบอกให้ไปปัดวิบาก” ป้าของเธอยังแนะนำต่อ

“ป้าไม่กลัวรึ น่ากลัวมากเลย”

“ฉันเจอมาเยอะ สมัยก่อนน่ากลัวกว่านี้ นี่แค่น้องๆ”

“อะไรนะ...หนูไม่เข้าใจ”

“พิธีกรรม...ไม่ได้มีอะไรเลย แค่นั่งสมาธิ ลุงแกจะถอดเสื้อถอดผ้าก็เรื่องของแก เพราะแกมีวิชาอาคม และบางทีแปลงร่าง...”

“โห...ขนาดไม่มีอะไรนะเนี่ย กลัวจนขนหัวลุกหมดแล้ว”

“ถ้าไม่อยู่ต่อ ไม่มีใครว่า ลุงแกแค่เตือนเท่านั้น”

“ค่ะ...แค่นี้นะคะ” น้อยหน่าวางสาย เธอหันไปมองหน้าคนึงนิจที่ละเลียดข้าวแทบไม่ลงคอ เพื่อนสาวดื่มน้ำตลอดเหมือนคอแห้งกลืนข้าวไม่ลง

“เอาไงดี...” น้อยหน่าขอความเห็นเพื่อนที่นั่งอยู่ตรงข้างหน้า

“ไปกันเถอะ...เราจะเป็นลม ว่าจะแวะคลินิกแถวใกล้ๆ บ้าน ส่งเราลงตรงนั้น” คนึงนิจไม่อยากอยู่ต่อ เธอเหมือนกำลังจับไข้ เหมือนคนโบราณบอกว่าจับไข้หัวโกร๋น

 

ทั้งสองคนไปถึงคลินิกขณะกำลังนั่งรอหมอ

 

“กรี๊ด...กรี๊ด...กรี๊ด ช่วยด้วย!!!”

 

 

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.