4. เรื่องจริง (หรือฝัน)

ผู้สาวสายฝอ

-A A +A

4. เรื่องจริง (หรือฝัน)

 

เธอพบเขาในฝัน

--------------------------------

สองสาวตกใจเมื่อหญิงสาวอายุประมาณสามสิบวิ่งถลันออกมาจากห้องด้านในที่เป็นห้องพบแพทย์

“คุณ!...หมอยังไม่ทันตรวจ เป็นอะไร” หมอตามออกมาหน้าตาตกใจ

“ไม่ค่ะ...ฉันกลัว” หญิงสาวคนนี้วิ่งเข้ามากอดคนึงนิจแน่นไม่ยอมปล่อย แม้หมอจะให้ผู้ช่วยในคลินิกมาช่วยกันพูดก็ตาม

“คุณ...ไม่ต้องกลัวนะ” คนึงนิจเสียงเบากำลังจะเป็นลม ใจเต้นหวาดผวาไปด้วย

 

แล้วน้อยหน่าต้องรีบประคองเพื่อนสาวที่ถูกผู้หญิงที่ส่งเสียงร้องกรี๊ดกอดเอาไว้แน่น เธอตกใจเช่นกันว่าเกิดเรื่องอะไรที่แปลกประหลาดขนาดนี้

“เฮ้ย...นิจ อย่าหลับเชียวนะ ฉันกลัวอ่ะ” น้อยหน่าตบหน้าคนึงนิจเบาๆ

 

น้อยหน่าเรียกหมอให้เข้ามาดูว่าเพื่อนของเธอเป็นอะไร

“ผมจะตรวจดูก่อน...ช่วยประคองเพื่อนคุณเข้าไปห้องตรวจข้างใน เร็วนะ” หมอเร่งให้ผู้ช่วยในคลินิกสองคนมาช่วยน้อยหน่า

“เพื่อนคุณเป็นลม ชีพจรเต้นเบา คงต้องฉีดกลูโคส” หมอจัดเตรียมยาฉีดให้เพื่อนสาว ส่วนผู้หญิงคนที่ร้องกรี๊ด ถูกผู้ช่วยในร้านพาเธอไปนอนพักที่ห้องตรวจอีกห้องเพื่อรอญาติมารับกลับ

 

“คุณหมอคะ ผู้หญิงคนที่ร้องกรี๊ดเธอเป็นอะไรคะ” น้อยหน่ายังสงสัย จึงถามขึ้น

“เธอประสาทหลอน ญาติพามาตรวจ แล้วออกไปทำธุระ ให้รอญาติมารับกลับไป” หมอพูดคร่าวๆ

“เธอทำไมถึงร้องขนาดนั้น” น้อยหน่าถามอีก

“เธอคงเห็นผมเป็นพวกหมอผีล่ะมั้ง”  หมอพูดขำๆ

“เอ้า...แปลกจังเลย”

“ญาติบอกว่า ไปหาหมอดู กลับมาแล้วหลอนไม่หยุด”

“หรือคะ...ตายจริง พวกเราสองคนกำลังเป็นเหมือนกันเลยค่ะ” น้อยหน่าบอกหมอ หมอทำหน้าสงสัย

“ผมว่า...คุณอย่าเชื่อเรื่องพวกนี้เลย ทำให้วิตกกังวล”

“จริงนะคะ...”

 

น้อยหน่ายังคุยกับหมอไม่นานเท่าไหร่ คนึงนิจส่งเสียงโวยวายเหมือนละเมอ

“อย่านะ...อย่าเข้ามา ...อย่า...อย่า” เสียงเพื่อนของน้อยหน่าดังลั่นคลินิก ทำให้คนไข้ที่รออยู่ด้านนอกอีกสองคนตกใจ

 

น้อยหน่าใจสั่นไม่หาย ใจเต้นแรงจนเธอรู้สึกหอบ หมอต้องให้เธอเข้าห้องตรวจด้านใน หมอฉีดยาระงับประสาททั้งสองคน และให้ทั้งสองนอนพักจนถึงเวลาคลินิกปิด

 

อีกหนึ่งชั่วโมงต่อมา น้อยหน่าตื่นขึ้นมาพบว่าเพื่อนเธอยังนอนสลบไม่ได้สติ หมอสั่งให้ผู้ช่วยโทรไปที่โรงพยาบาล ซึ่งอยู่ใกล้ที่สุดให้ส่งรถพยาบาลมารับเธอเข้าแอดมิตทันที

 

น้อยหน่าตามเพื่อนไปดูอาการที่โรงพยาบาลด้วยความเป็นห่วง เธอไม่รู้จักญาติพี่น้องของคนึงนิจเลย ตัวเธอเองจำเป็นต้องรีบกลับไปดูอาการของลูกชายที่บ้านแม่ แต่เธอได้ให้หมายเลขโทรศัพท์กับโรงพยาบาลไว้ หากเพื่อนของเธอฟื้นมีสติขึ้นมาแล้ว

 

น้อยหน่าอาการดีกว่าคนึงนิจ แต่ความรู้สึกหลอนยังอยู่ในสมอง ภาพของลุงหมอดูที่เหมือนปีศาจยังจำติดตา เธอเล่าเรื่องราวให้แม่ฟังอย่างหวาดกลัว

“คราวหน้าจะไปทำอะไร ต้องคิดดูให้ดี อย่าไปเชื่อป้าสร้อยมากนัก ยัยนั่นมันบ้าหมอดู”

“แม่คะ...ป้าสร้อยแกทำไมว่า ลุงหมอดูนี่แม่นมาก”

“ฉันไม่เคยไปกับป้าแก...มันเชื่อของมันอย่างไม่ลืมหูลืมตา”

“ลุงหมอดู...ไปมากลายร่างเป็นปีศาจ แล้วแก้ผ้าล่อนจ้อน ราวคนบ้า”

“นั่นล่ะ...คนไปดู ถูกมันข่มขืนจะทำยังไง พวกแกรอดมาได้นี่ บุญแล้วนะ” แม่พูดอย่างกังวล

“แล้วมันมีคาถาอาคมอะไร ใครจะไปรู้ เกิดมันเสกคาถามารใส่พวกแก สมัยก่อนเป็นบ้าเลยนะ” แม่ของน้อยหน่าเล่าจนน่ากลัว

“แล้วเพื่อนเราเป็นยังไงบ้าง”

“ลุงแกบอกว่า เพื่อนหนูมีเคราะห์หนัก”

“นั่น...มันจะเสกของใส่เพื่อนแกล่ะมั้ง”

“นี่เธอยังไม่ฟื้นเลย เป็นห่วงจัง ทำไงดี หนูไม่รู้จักบ้านเธอด้วย”

“แจ้งความที่โรงพักแถวบ้านเธอให้ช่วยตามหาญาติ” แม่ของน้อยหน่าบอกให้เธอรีบไปจัดการ

 

น้อยหน่าขึ้นประกาศออนไลน์และโทรไปแจ้งความไว้กับสน.แถวบ้านของคนึงนิจ ไม่นานมีคนเข้ามาทักเธอในแช็ต

“ผมเป็นญาติของคนึงนิจ มีอะไรครับ” ชายหนุ่มเข้ามาสอบถาม

“เธอแอดมิตที่โรงพยาบาล ยังไม่รู้สึกตัวค่ะ” น้อยหน่าตอบไป

 

น้อยหน่าส่งแผนที่ของโรงพยาบาลแถวบางบัวทองไปให้ ซึ่งน่าจะไม่ไกลจากบ้านของเพื่อนสาว เพราะเท่าที่เธอพอรู้ บ้านของคนึงนิจน่าจะอยู่แถวนั้น

 

สุธนตำแหน่งรองผู้กำกับสน. รีบสั่งลูกน้องให้เดินทางไปดูอาการของหญิงสาว เขายังไม่ว่างติดคดีสอบสวนผู้ต้องหาคดีสำคัญอยู่ แต่ก่อนที่จ่าแดงจะออกไปตามคำสั่ง เขาได้โทรไปที่โรงพยาบาลตามหมายเลขที่น้อยหน่าส่งมาให้ จึงได้รู้ว่าอาการของเธอยังไม่ดีขึ้น

 

เขาขับรถมาถึงโรงพยาบาลเกือบสองทุ่ม หลังจากจ่าแดงขอตัวกลับไปเข้าเวรที่สน. เขาเดินไปสอบถามอาการของหญิงสาวที่เคาน์เตอร์ของชั้นที่เธอแอดมิต ชายหนุ่มเปิดประตูเข้าห้องเดินตรงไปที่เตียง พบสายน้ำเกลือที่สอดมายังฝ่ามือของสาวน้อย

 

ขณะมองหญิงสาวที่ยังไม่ได้สติอยู่บนเตียง สุธนหวนนึกถึงภาระที่ไม่เคยคาดคิดว่าสาวน้อยคนนี้จะเข้ามาอยู่ในชีวิตของตนเอง มันเป็นเรื่องบังเอิญอย่างเหลือเชื่อ เมื่อต้นปีเขากำลังขับรถไปหาร้านอาหาร สาวน้อยคนนี้ขับมอเตอร์ไซด์ตกหลุมบนถนนแล้วพลาดมาชนรถของเขา ทำให้ต้องลงมาพูดคุยรอประกันมาเคลียร์ เขาเลยชวนเธอไปกินข้าวด้วยกัน จึงกลายเป็นที่มาของการตกไปอยู่ในภาระจำยอมเลี้ยงดูสาวน้อยคนนี้ไปโดยไม่รู้ตัว ด้วยความรู้สึกสงสารและเห็นใจที่เธออยู่คนเดียวต้องช่วยเหลือน้องชาย พ่อแม่เสียชีวิตไปตั้งแต่เธออายุเพียงสิบห้า และต้องระหกระเหินไปอยู่ในครอบครัวของญาติพี่น้องของพ่อบ้างแม่บ้าง อดมื้อกินมื้อจนเติบโตมาได้ ถือว่าลำบากอย่างแสนสาหัส

 

ตอนที่ต่อรองกันเพื่ออุปถัมภ์เธอ สุธนรู้สึกว่าทำไมจึงกลายเป็นคนเลิศเลอสมเป็นแมนดีแท้

“ผมจะกลับมาอยู่บ้านแค่อาทิตย์ละสามวัน อังคารพุธพฤหัส หนูนิจมาอยู่เป็นแม่ครัวทำกับข้าวให้ผมกิน อยู่เป็นเพื่อนผมแค่นั้นพอใจไหม ยังไม่อยากบังคับ” เขามีข้อเสนอล่อใจดีมาก ไม่บังคับให้ยอมเป็นคู่นอน

“เอ่อ...ค่ะ หนูไม่ต้องนอนห้องเดียวกับคุณพ่อใช่ไหมคะ” เขายอมให้เธอเรียกเป็นคุณพ่ออย่างจำยอม จริงๆ เขาไม่ได้ดูแก่ขนาดนั้น แต่ด้วยอายุของเขานั้นไล่เลี่ยเท่าป้าของเธอ

“แล้วแต่...ไม่อยากขึ้นเตียงให้ผมกอด...เอาเลย ไปเลือกเอาห้องไหนก็ไปจัดการ” จะว่าไปเขานี่ใจกว้างสุดๆ ไม่เอาเปรียบ ปล่อยให้เธอไปเลือกห้องว่างอีกสองห้อง ชั้นบนหนึ่งห้องและชั้นล่างอีกหนึ่งห้อง เธอขอเลือกเป็นห้องชั้นล่าง น่าจะสะดวกและปลอดภัยในความรู้สึก เพราะไม่อยากใช้ห้องน้ำข้างบนร่วมกับเขา

“เอ่อ...หนูต้องใช้หนี้ด้วยการอยู่แบบนี้ไปสักกี่เดือนคะ...”

“หักไป เดือนละสองพันบาท คิดไปที่เราเป็นหนี้อยู่มันเท่าไหร่”

“...เอ่อ...อ่า เกือบสี่ปีค่ะ” เขาเห็นใบหน้าของหญิงสาวครุ่นคิดกับหนี้ค่าเล่าเรียนของน้องชายน่าจะเกือบประมาณเท่านี้ 

 

สุธนตัดสินใจนอนเฝ้าคนึงนิจคืนนั้น เขากลับไปเอาเสื้อผ้าจากบ้านมาเปลี่ยนและหลับบนโซฟาจนถึงรุ่งเช้าอีกวัน เขาเดินไปมองเธอบนเตียง เห็นยังไม่ขยับเขยื้อน เขาจึงออกมาจากห้องและไปสั่งพยาบาลตรงเคาน์เตอร์ด้านนอกว่า ถ้าเธอมีอาการอะไรช่วยโทรแจ้งเขาด้วย

คนึงนิจมารู้สึกตัวเกือบค่ำของวันนั้น เธอหลับฝันไปอย่างกับอยู่ในดินแดนมหัศจรรย์ สุธนมาถึงเกือบสองทุ่มซื้ออาหารเบาๆ มาฝาก และสอบถามอาการ

“เป็นยังไงบ้าง...”

“หนูหลับไปนานเกือบสองวันเลยหรือคะ” เธอเอ่ยขึ้นอย่างแปลกใจ

“ใช่...พยาบาลว่าอย่างนั้น”

“ทำไม...ถึงสลบไปล่ะ”

“หนูออกมาจากบ้านลุงหมอดู ไปเป็นลมที่คลินิก แล้วมาที่ได้ยังไงคะ”

“เพื่อนเรา...ตามหาญาติ ผมไปเห็นบนออนไลน์” สุธนเล่าเรื่องราวให้เธอฟัง

น้อยหน่าได้ทำเรื่องลางานให้คนึงนิจ เธอสอบถามมาที่โรงพยาบาลตลอดอย่างเป็นกังวล

“วันพรุ่งนี้ เธอบอกว่าจะมาเยี่ยม” เขาเปิดข้อความในแช็ตที่คุยกับน้อยหน่า

“หมอบอกว่า เธอประสาทหลอน” เขาบอกเธออย่างกังวล

 

“หนู...ฝันว่า ไปอยู่บ้านใครไม่รู้ มีสีสันแปลกมาก เหมือนบ้านในยุโรป” สุธนได้ยินเธอพึมพำ เขาหัวเราะทันที

“เคยไปยุโรปเหรอ ถึงได้ฝัน...” สีหน้าของเขาเริ่มกังวล

“ไม่เคยค่ะ...แต่นิจอยู่ที่นั่นจริงๆ นะคะ”

“ฝันล่ะสิ”

“จริงค่ะ” เธอไม่อยากเล่าว่า เธอได้พบหนุ่มยุโรปคนหนึ่งซึ่งพาเธอไปบ้านเพื่อแนะนำให้เธอรู้จักพ่อแม่

“เป็นไง...เล่าให้ฟังหน่อย” สุธนทำท่าเหมือนอยากรู้ เขาเดินไปเปิดตู้เย็นเอาเบียร์กระป๋องที่แช่ออกมาเปิดดื่ม

“เอ่อ...ไม่ดีกว่าคะ หนูกลัว” เสียงของเธอสั่นขึ้นมาทันที

สุธนนั่งดื่มเบียร์เงียบๆ เปิดอ่านข้อความต่างๆ ในกลุ่มไลน์ของที่ทำงาน แต่ละวันงานของเขามีแต่เรื่องคดีความ ซึ่งเครียดแย่พออยู่แล้ว เขาจึงไม่อยากเอาเรื่องอะไรของหญิงสาวคนนี้มาหนักสมองอีก

 

รุ่งขึ้นเขาพาเธอกลับบ้านช่วงบ่ายหลังจากคุยกับหมอและรับยาแล้ว

“นิจ...หนูยังไม่ต้องไปทำงานนะ ลางานหรือพักร้อนไปได้ไหม”

“เหรอคะ...หนูต้องไปทำงานหรือคะ” เธอ งง กับคำถาม

“เอ้า...ก็เรามีงานทำนี่...ถ้าไม่ลา บริษัทก็ให้ออกนะ” เขาทำเสียงหงุดหงิดกับอาการของเธอ

สุธนตกใจทันทีที่คนึงนิจตอบเขา

“หนู...อยู่ยุโรปนะคะ...”

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.