2.ปัดวิบากกรรม

ผู้สาวสายฝอ

-A A +A

2.ปัดวิบากกรรม

 

ปัดวิบาก...ตัดกรรม

--------------------------------

 

สุธนเดินเข้าไปในห้องนอนของคนึงนิจ มองสำรวจไปรอบๆ เห็นตุ๊กตาหล่นอยู่ที่พื้นหนึ่งตัว ซึ่งเป็นตัวเดียวกับเมื่อวานที่เขามอบให้เธอ เขาเดินไปหยิบขึ้นมาและมองจ้องเปิดดูเสื้อผ้าที่ใส่เป็นเดรสสีชมพู หน้าตาของตุ๊กตายิ้มสวยกว่าอีกตัวที่เธอเพิ่งเอามาด้วยซ้ำ เขาคิดว่าน่าจะเป็นตัวนี้ที่ส่งเสียงกรี๊ดจนเธอตกใจรีบทิ้งลงพื้นแล้ววิ่งออกมากอดเขา

 

“ไม่เห็นมีอะไรเลย...นิจ เข้ามาดูสิ ผมอุ้มขึ้นมากอดอยู่” เขากอดตุ๊กตาไว้ที่อกตะโกนออกมา แต่ไม่ได้ยินเสียงของเธอ เลยเดินออกจากห้องเพื่อเอาไปให้ดูว่าไม่มีอะไร

“ไม่ค่ะ...นิจ ขอคืนให้คุณพ่อนะคะ” สาวน้อยแทบไม่อยากมองมันเลย

“หนูว่า...คงจริงอย่างที่พ่อปู่เตือน” คำพูดเธอทำให้สุธนสงสัย

“มีอะไร...รึ”

“ลุงหมอดูเตือนว่าหนูมีเคราะห์ และไม่ควรอยู่ที่บ้าน”

“อย่างมงาย...”

“แล้วตุ๊กตานี่ไปได้จากที่ไหนมาคะ...” เธออยากรู้

“ผมไม่รู้ เพราะลูกน้องใน สน. มอบให้ผู้กำกับ แต่ท่านไม่เอา ดันมาวางไว้บนโต๊ะผม” เขามองหน้าสาวน้อยส่ายหัว

“ไว้เข้า สน.พรุ่งนี้ผมจะถามพวกนั้นดู”

“แล้วจะให้ผมเอาไปไว้ไหนดี...” เขามองเธออย่างไม่เข้าใจ แต่จะพยายามเอาใจเพื่อให้เธอรู้สึกดีกับเขา

“คุณพ่อ...เอาไปไว้ข้างบนห้องนอนเลยค่ะ หนูคงนอนไม่รับแน่ๆ คืนนี้ พรุ่งนี้คุณพ่อจะกลับบ้านใช่ไหมคะ...”

“ใช่...ทำไม”

“หนูขออนุญาตไม่อยู่บ้านสองวันนะคะ จะไปปัดวิบากที่บ้านพ่อปู่”

“แล้วมีใครไปด้วยไหม...ผมเป็นห่วง” สุธนมองหน้าเธออย่างไม่ค่อยเห็นด้วย

“มีค่ะ...เพื่อนหนูเอง เธอมีปัญหาครอบครัวต้องไปอาบน้ำมนต์ด้วยกัน”

“แล้วเรามีอะไร ต้องไปอาบน้ำมนต์ด้วย ผมไม่เห็นคุณจะมีอะไร”

“พ่อปู่ทักว่าหนูมีเคราะห์ค่ะ...” คำพูดของเธอทำสุธนถอนหายใจ

“เอา...ผมไม่ว่าอะไร แต่ถ้ามีเหตุร้าย รีบโทรมาจะสั่งให้จ่าไปดู” เขาเริ่มกังวล

“บ้านหมอดูอยู่แถวไหน...” เขาเริ่มไม่ไว้ใจกับคำพูดของสาวน้อย

“แถวบางบัวทอง เส้นทางออกไปสุพรรณบุรี”

“ก็คงแถว สน. ที่ผมรับผิดชอบ มีอะไรให้ช่วย รีบโทรมาทันที” เขาสั่งเธอเสียงเข้ม

 

เธอบอกน้อยหน่าในไลน์ให้ช่วยหาข้อมูลจากป้าของเธอ เพราะหญิงสาวเริ่มกังวลกับความประหลาดของตุ๊กตาที่รับมา

 

ทั้งคู่นัดกันที่ร้านขายกาแฟหน้าปากซอยบ้านลุงหมอดู คนึงนิจนั่งรถแท็กซี่ไปเอง เธอตกใจตื่นแต่เช้าเพราะฝันแปลกมาก เธอไม่กล้าเล่าให้สุธนรับรู้เกรงว่าเขาจะไม่สบายใจ

“เรามาถึงตั้งแต่แปดโมง กลัวสายเพราะอยู่ไกล” น้อยหน่ากำลังดื่มกาแฟรอ

“เราไม่ดื่มนะ เมื่อคืนมีเรื่องโคตรน่ากลัว” คนึงนิจเล่าอย่างขนลุก

“เป็นยังไง...” น้อยหน่าทำหน้าตกใจ

“ตุ๊กตาตัวที่มีอยู่ก่อนแล้ว ส่งเสียงกรี๊ดนะสิ” เธอพูดอย่างกังวล

“เฮ้ย...ตกลงรู้ไหมว่าตัวไหน ถ้ามีอยู่หนึ่งตัวก่อนแล้ว มันคงไม่ใช่เพราะเป็นตัวที่ไม่ได้ลงคาถา...จะส่งเสียงได้ยังไง” เพื่อนเธอแย้ง

“นั่นล่ะ...ที่เราตกใจ กำลังเอาตัวที่อุ้มไปเมื่อวานวางข้างตัวที่มีอยู่ก่อนแล้วตรงหัวเตียง ไอ้ตัวที่วางอยู่ก่อนแล้วดันร้องกรี๊ด ฉันตกใจปัดมันกระเด็น วิ่งออกจากห้องแทบบ้า” เธอพูดแล้วยังตกใจไม่หาย

“เราเอากุมารทองไป...ลูกร้องไห้งอแงทั้งคืนเลย วันนี้เอาพี่เลี้ยงกับลูกไปฝากบ้านแม่ตั้งแต่เช้า เราแทบไม่ได้นอน ง่วงสุดๆ กะจะดื่มอีกแก้วนะเนี่ย กลัวหลับตอนทำพิธี” น้อยหน่าก็มีเรื่องประหลาดเหมือนกัน

“แล้วถามป้ารึยัง”

“ป้าเขียนมาบอกสั้นๆ ว่า ลุงคนนี้แกมีญาณวิเศษ รู้อะไรจะเกิดล่วงหน้า และทำนายแม่นมากกก” น้อยหน่าลากเสียงยาว

“เราฝันเมื่อคืนด้วย น่ากลัวอ่ะ” คนึงนิจไม่อยากเล่า เธอตกใจตื่นตอนตีสี่เหงื่อท่วมทั้งที่ห้องเปิดแอร์เย็นฉ่ำ

 

คนึงนิจไม่ได้เล่าให้เพื่อนฟังเพราะไม่อยากให้เธอตกใจ หรือเพราะเธอเก็บเอาเรื่องที่ลุงหมอดูทำนายไปฝัน

 

ทั้งคู่ไปถึงหน้าบ้านของลุงหมอดูเกือบเก้าโมงตามนัด มีผู้ชายอายุเกือบหกสิบหน้าตาเหี่ยวแห้งน่ากลัวพอๆ กับลุงหมอดูเมื่อวานออกมาเปิดประตูหน้าบ้านต้อนรับ

“ทำไมไม่เห็นมีใครมาดูหมอเลย เงียบจนวังเวง” น้อยหน่ากระซิบข้างหูของคนึงนิจ

“ดีแล้ว...ไม่ต้องรอนาน แต่คืนนี้เราต้องอยู่ที่นี่ มันน่ากลัวกว่าตอนนี้นะ” สาวน้อยหน้าหวานอย่างคนึงนิจก็ปอดแหกเหมือนกัน

 

ทั้งสองคนเดินตามลุงคนนี้อ้อมจากด้านหน้าเข้าไปด้านหลังของตัวบ้าน พวกเธอเดินไปตามทางแคบๆ ด้านข้างแล้วไปโผล่เห็นลานหลังบ้านกว้าง เป็นลานซีเมนต์มีห้องน้ำอยู่สามห้องเพื่อเข้าไปเปลี่ยนเสื้ออาบน้ำ ก่อนที่ลุงหมอดูจะออกมาทำพิธี พวกเธอเห็นสายยางที่เป็นหัวฉีดสปริงถูกต่อเข้ากับก๊อกน้ำซึ่งมีท่อต่อลงในอ่างน้ำซีเมนต์ขนาดใหญ่ที่ทำเป็นคอกสี่เหลี่ยม น้ำจากในอ่างนี้คงถูกส่งตรงเข้าสู่หัวฉีดสปริงเมื่อเปิดก๊อก

“พวกหนูเข้าไปเปลี่ยนเสื้ออาบน้ำในห้องน้ำนั่น แล้วออกมาเตรียมตัว” ลุงหน้าตาเหี่ยวแห้งสั่งสาวทั้งสองคน

“เร็วนะ...พ่อปู่กำลังจะลงมา” พวกเธอรีบเดินเข้าห้องน้ำทันทีหลังจากได้ยินเสียงสั่ง

 

พ่อปู่ลุงหมอดูเมื่อวานกำลังเดินออกมาจากประตูหลังบ้านถือขันน้ำเก่าๆ ขนาดโตเท่าชามน้ำแกง ตรงมาที่อ่างน้ำซีเมนต์แล้วเทน้ำจากขันลงไป แล้วเสกคาถาร่ายมนต์เป็นภาษาที่คนึงนิจคิดว่าเหมือนเมื่อวานนี้

“ทั้งสองคนพนมมือขึ้น พ่อปู่จะเอาสายยางฉีดทั่วตัว” เสียงแหบแห้งของลุงหมอดูสั่งเธอทั้งสองคน

“น้ำเย็นนิดหน่อย..มีอะไร ห้ามวิ่งออกไปจากที่นี่เด็ดขาด” ชายชราสั่งเสียงเข้ม

 

ขณะที่สายยางน้ำฉีดออกมาที่ตัวของหญิงสาวสองคนเบื้องหน้า เสียงร่ายมนต์คาถาเสกเป่าออกมาจากปากของลุงหมอดูตลอดเวลา ตามด้วยเสียงหวีดหวิวโหยหวนผสมผสานราวกับประสานเสียงกันไม่ขาดสาย ทำให้คนึงนิจขนลุกซู่ด้วยความหวาดกลัว ส่วนน้อยหน่าก็หนาวสั่นตัวโยนราวผีสิง

เวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงพิธีกรรมในการปัดวิบากของทั้งสองคนจึงจบลงด้วยดี โดยที่ทั้งสองไม่เตลิดออกจากบริเวณที่ลุงหมอดูได้สั่งไว้ก่อนแล้ว

 

“ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเข้าไปรอด้านหน้า พ่อปู่จะตัดกรรมให้” เสียงแหบแห้งกล่าวเบาๆ

 

คนึงนิจรู้สึกใจสั่นยังไม่หาย ส่วนน้อยหน่าเพื่อนสาวยังมีอาการตัวสั่นสะท้านไม่หยุด ทั้งสองได้แต่มองหน้ากันไม่ได้พูดอะไรก่อนจะต่างคนต่างเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องน้ำ ทันทีที่ทั้งสองเปิดประตูออกมาเกือบพร้อมกัน น้อยหน่าจึงเอ่ยขึ้นก่อน

“ทำไมตัวสั่นไม่หายเลยอ่ะ น้ำก็ไม่ได้เย็นมาก”

“เราก็ใจสั่นหวิวๆ เหมือนจะเป็นลมอ่ะ” คนึงนิจจ้องหน้าเพื่อนอย่างหวั่นใจ

 

ทั้งสองสาวจับมือให้กำลังใจกัน และเดินตามลุงคนที่รออยู่เพื่อนำพวกเธอไปเข้าประตูด้านหน้าบ้าน ลุงหมอดูพยักหน้าให้สัญญาณเข้าไปนั่งพับเพียบตรงหน้าเขา

“อีหนูคนนี้...เรากรรมหนักนะ” คนึงนิจสะดุ้งใจสั่น

“มีอะไรหรือคะ”

“ต้องนั่งเข้ากรรม ตัดกรรมกับพ่อปู่ทั้งคืน”

“ฮ่ะ...ไม่ต้องนอนเลยรึคะ” เสียงใจเต้นดังมากราวกับจะระเบิดออกมา

“ไม่ต้องกลัว...นางคนนี้อีกคนจะต้องนั่งเข้ากรรมทั้งคืนเหมือนกัน”

“เหรอคะ...หนูต้องทำยังไงกันคะ” น้อยหน่าถามขึ้น

“พวกเราสองคน...นั่งหลับตา ห้ามลืมตาจนกว่า...พ่อปู่จะบอก ห้ามออกจากตรงนี้เด็ดขาด ไม่ว่าจะได้ยินเสียงอะไร” เสียงสั่งของชายชราหมอดูทำทั้งสองคนหันมองหน้ากันทันที

 

จากนั้นพ่อปู่ให้ทั้งสองคนเดินตามเข้าไปห้องด้านในที่เป็นเหมือนห้องพระ คนึงนิจตาเบิกโพลงตกใจ น้อยหน่าเช่นกันตัวสั่นสะท้านหนักกว่าเดิม

“โห...อะไรนั่น เต็มห้องไปหมดเลย” ทั้งสองคนแทบจะพูดขึ้นพร้อมกัน ขนหัวลุกซู่ จนต้องหันมากอดกันกลม

“ไม่ต้องกลัว...พ่อปู่อยู่ตรงนี้” ลุงหมอดูพูดเสียงกังวาน

“อวิช...ชา...” คนึงนิจปากสั่นตะกุกตะกักเบาๆ

“เดรฉาน...วิชา” น้อยหน่าเอ่ยอย่างหวาดกลัว

 

คนึงนิจมองจ้องวัตถุทรงกลมสีเทาดำที่วางอยู่บนแท่นด้านบนสุด ใจเต้นรัวขาสั่น...หลอนสุดขีด

“เฮ้ย...นั่นมัน...”

 

 

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.