Realm of Tales : Road To Fantasy Warfare (AU) บทที่ 13 แมงมุมตัวทดลองในประภาคาร

Realm of Tales : Road To Fantasy Warfare (AU)

-A A +A

Realm of Tales : Road To Fantasy Warfare (AU) บทที่ 13 แมงมุมตัวทดลองในประภาคาร

หมวดหนังสือ: 

        เวลาผ่านไป เมืองเกิดของลีได้กลายมาเป็นที่ตั้งแคมป์ของทหารฟาร์คิงดอมและนักรบวิลเลเจอร์ พร้อมกับเครื่องมือป้องกันบ้านของพวกเขา

        “พี่จอห์น นั่นอะไรน่ะ?” ลีถามเมื่อได้เห็นหนังสือที่วางอยู่ใกล้เตียงของลี

        “พอดีว่าพี่มีธุระจะออกไปข้างนอก” จอห์นตอบ “พี่ได้เขียนหนังสือไว้ น้องค่อยอ่านตอนที่พี่ไปแล้วกันนะ”

        ลีเก็บหนังสือไว้แล้วสงสัยว่าทำไมต้องอ่านตอนที่จอห์นไม่อยู่ ดังนั้น ลีจึงต้องถามผู้พันมาร์คัสเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น

        “อ๋อ ถ้าอย่างนั้นเขาก็คงจะไปทำธุระส่วนตัวข้างนอกกระมัง” ผู้พันมาร์คัสตอบ “เห็นเขาบอกฉันมา”

        หลังจากนั้นลีก็ขึ้นมา

        “ไง จอห์นเขาบอกว่ายังไงบ้าง?” ลุงพีถาม

        “ไม่รู้สิ พี่จอห์นเขาไปตามทางของเขามั้ง” ลีตอบ จากนั้นเขาก็ได้เห็นจอห์นเดินเตร็ดเตร่อยู่รอบ ๆ บ้านใหม่ของลี และเจอกับนักรบวิลเลเจอร์คนใหม่ ๆ ตลอดเวลา บางคนก็มาเป็นชุดและดาบเนเธอไรต์เลยทีเดียว

        “ครั้งล่าสุดพี่จอห์นบอกว่าให้เราไปประภาคาร เพราะอาจจะมีนักวิทยาศาสตร์เหลือรอดและให้คำตอบกับพวกเราได้” ลีพูด

        จากนั้นลีก็เดินเข้าไปในบ้านและตั้งของ ซึ่งลีรู้สึกปลอดภัยเพราะว่าเหมือนมีคนคุ้มกันดีมาก พวกศัตรูน่าจะไม่ทำอะไรเขาได้หรอก

        แต่ทันใดนั้นการบุกรุกระลอกใหม่ของพวกซอมบี้หมวกเหล็กก็เกิดขึ้นอีกครั้ง แต่ลีก็ไม่ทำอะไรอยู่แล้วเพราะพวกนักรบวิลเลเจอร์กับทหารฟาร์คิงดอมช่วยจัดการให้หมดแล้ว สิ่งที่ลีต้องทำก็คือ การทำบันไดปีน และทำทางขึ้นให้มันผาดโผนขึ้นมาหน่อย เพื่อที่จะให้พวกมันขึ้นมายากขึ้น

        ซึ่งลีก็ให้อาหารแจ้ไปด้วยระหว่างรอ แต่มือที่ให้อาหารดันไปโดนเชือกที่เสาทำให้เชือกหลุด ซึ่งเป็นเรื่องที่ลีไม่ได้สังเกตจนกระทั่งการบุกระลอกใหม่เกิดขึ้น แล้วแจ้กับลุงพีก็หายไปด้วย เขาเห็นทหารฟาร์คิงดอมไล่ตีซอมบี้หมวกเหล็กที่มันมาทุบกระจก และจอห์น เหล่านักรบวิลเลเจอร์ และลุงพีก็พุ่งเข้าไปผสมโรงด้วย ทั้งหมดสังหารซอมบี้หมวกเหล็กถืออีเต้อชุดนั้นตายคาที่ แต่ลีต้องล่อแจ้ด้วยเมล็ดปลูกข้าว และในที่สุดลีก็เจอแจ้สักที

        “เจ้านายนี่รู้ใจผมจริง ๆ เลยนะ” แจ้พูด

        “รู้ใจบ้าอะไรของนาย นายเกือบตายแล้วนะ” ลีว่า

        “เจ้านาย พอดีว่าตอนเจ้านายให้อาหาร มือเจ้านายมันไปโดนเชือกขาดแล้วผมก็สไลด์ตกลงมา” แจ้บอก

        “มีการมือไปโดนเชือกขาดได้ด้วยเหรอ?” ลีถาม

        “อะไรมันก็เกิดขึ้นได้ ของเก่าก็ย่อมมีวันพังเป็นธรรมดา” แจ้บอก

        “อะฮ้า!” ลีร้องเมื่อได้เห็นเชือกอีกครั้ง เขาหยิบมาล่ามแจ้ไว้กับเสาไม้ข้างล่าง “ทุกทีเลยนะ ฉันต้องขังนายไว้ข้างล่างแล้วล่ะ”

        หลังจากนั้นลีก็ขึ้นมานอนทันที

 

        เช้าวันต่อมา ลีเห็นว่าจอห์นไปจากที่นี่แล้วจริง ๆ ลีจึงได้โอกาสอ่านหนังสือที่ได้มาจากจอห์น แล้วจากนั้นก็จะไปประภาคารซะเลย ดังนั้น เขาหยิบหนังสือที่จอห์นเขียนมาอ่าน เนื้อความในหนังสือบอกไว้ว่า...

 

ถึงน้อง พี่คงต้องไปแล้ว

เจอกันอีกทีครั้งหน้า

ถ้าเรามีโอกาส

พี่ต้องไปช่วยครอบครัวของพี่ จาก จอห์น

 

        “ผมเข้าใจสถานการณ์นะ” ลีออกความเห็น “เป็นผมก็ต้องไปช่วยครอบครัวเหมือนกัน เจอเหตุการณ์แบบนี้ผมก็ไม่ไหวเหมือนกัน”

        ในที่สุด ลีก็ได้ตัดสินใจมุ่งหน้าไปยังประภาคารทันที และเสร็จแล้วก็ไปตรวจสอบที่บ้านเก่าของเขา

        “แต่ไอ้พวกนั้นก็ยังอยู่นี่ ถ้าเราไปทางโน้นมันก็ยังจัดการเราได้อยู่นี่” ลีคิด

        แต่หน้าประภาคารมีป้ายเขียนไว้ว่า !!DANGER!! STEEP CLIFF” แต่ลีไม่ค่อยสนใจป้ายนี้เท่าไหร่ ดังนั้น ลีจึงมุ่งหน้าไปสู่ทางเข้าประภาคารทันที แต่เมื่อเขาเข้าไปข้างใน เขากลับพบกับแมงมุมตัวหนึ่งที่อยู่ข้างใน และก็มีกล่องอยู่ข้างใน เมื่อเขาเปิดฝาดู ก็พบหนังสืออยู่ข้างใน โดยลีหยิบขึ้นมาอ่านดู พบว่าข้างในถูกเขียนไว้ดังนี้...

 

กรุณาเก็บมันให้ปลอดภัย...

ส่งเสริมเขาให้กลายเป็นคนดี

ห้องทดลองหมายเลข 3 เซ็กเตอร์ 03

 

        “ส่งเสริมเขาให้กลายเป็นคนดี คนที่ไหน แมงมุมชัด ๆ!” ลีออกความเห็นกับข้อความในหนังสือ

        “สวัสดีครับ” แมงมุมพูด (เนื่องจากมันพูดสำเนียงคนใต้ ดังนั้น ไรต์ขอสงวนสิทธิ์ในการแปลให้รีดเข้าใจโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า) “ช่วยผมทีครับ”

        “นี่มันสำเนียงอะไรกัน?” ลีพูด “เอาเถอะ นายอาจจะต้องการความช่วยเหลือก็ได้ เอาเป็นว่า ฉันจะตั้งชื่อให้นายละกัน นายตัวสีดำเหมือนมังคุด งั้นฉันจะตั้งชื่อให้นายว่า มังคุด ละกันนะ” (Munkud The Spider) (สงสัยลีจะตาบอดสี เพราะผลมังคุดมันสีม่วงเข้มไม่ใช่เหรอ)

        “มังคุด เดินได้ไหม?” ลีถาม แล้วเดินนำไปก่อน

        “เดินได้ครับ” มังคุดตอบ

        “สำเนียงอย่างนี้ต้องให้แจ้แปล” ลีพึมพำ จากนั้นเขาก็พยายามขุดทางให้มังคุดออกมาได้ พร้อมกับเอามังคุดออกมาจากประภาคารที่แคบมาก ๆ ให้ออกมาได้ง่าย ๆ

        “ไหนล่ะนักวิทยาศาสตร์ที่พี่จอห์นบอก ไม่เห็นมีเลย มีแต่แมงมุม” ลีพึมพำ “ต้องอยู่กับแมงมุมพูดได้อย่างนั้นเหรอเนี่ย”

        “เอาล่ะ มังคุด นายมาจากแถวไหนเนี่ย?” ลีถามมังคุด

        “ผมมาจากทุกแถวครับ” มังคุดตอบ

        เมื่อออกมาจากประภาคารแล้ว ลีก็ได้พามังคุดกลับไปอยู่ที่บ้าน โดยพวกฟาร์คิงดอมก็แอบมองลีว่าเขาพาตัวอะไรมา

        “นี่นายพาใครมาเนี่ย?” หนึ่งในทหารฟาร์คิงดอมถาม

        “อ๋อ เป็นแมงมุมครับ” ลีตอบ “มันไม่ได้ทำร้ายคนเหมือนแมงมุมทั่วไป ดังนั้นผมเลยเลี้ยงมันมาครับ”

        “อ๋อ แล้วไป ดีนะที่เป็นตัวนี้ ถ้าเป็นตัวอื่นพวกเรากำจัดทิ้งไปแล้ว” หนึ่งในทหารฟาร์คิงดอมพูด

        “โอเค ถ้าอย่างนั้นผมจะเข้าบ้านของผมละนะ ตามมา มังคุด” ลีพูด แล้วพามังคุดเข้าไปข้างใน ซึ่งเขาพบว่าพอจอห์นหายไป พวกนักรบวิลเลเจอร์ก็หายตามไปหมดเลย

        “เจ้านายมีอะไรเหรอ – ว้ากกกก!!! เจ้านายพาใครมา!” แจ้ร้อง “นั่นมันแมงมุม! มันไม่กัดเจ้านายเหรอ?”

        “ไม่กัดหรอก” ลีตอบ

        “นั่นอะไรกันน่ะ?” ลุงพีถาม

        “อ๋อ เขาชื่อว่ามังคุดครับ” ลีแนะนำมังคุด

        “ทำไมถึงชื่อมังคุด?” ลุงพีถาม

        “ก็เขาตัวสีดำเหมือนมังคุดไงครับ” ลีตอบ

        “เธอคงตาบอดสีแน่ ๆ เลย มังคุดมันต้องสีม่วงไม่ใช่เหรอ?” ลุงพีพูด

        “ช่างมันเถอะครับลุงพี” ลีตอบ

        “ไม่เหมาะกับชื่อนี้เลยเจ้านาย” แจ้ตอบ

        “รู้ไหมว่าฉันไปประภาคาร ฉันเจอเจ้าตัวนี้และมีหนังสือบอกว่าให้ดูแลให้เป็นคนดี” ลีพูด

        “ผมเช็กสภาพดูก่อนนะ” แจ้พูดแล้วเพ่งเล็งมาที่แมงมุม “เขาคงไม่มีพิษสงอะไรหรอก เขาอาจจะอยากเป็นเพื่อนกับเจ้านายก็ได้นะ”

        “งั้นเราก็มีสมาชิกครอบครัวใหม่แล้วล่ะนะ” ลีตอบ

        “อีกแล้วเรอะ!!!” แจ้แย้ง

        “น่า ขอหน่อยนะ หนังสือมันสั่งให้ฉันเลี้ยง” ลีขอร้องไก่

        “ยังไงก็ได้ แต่ระวังหน่อยแล้วกัน เลี้ยงไปสักพักระวังมันกัดเจ้านายเองนะ” ไก่บอก

        “เรื่องกัดเองฉันเข้าใจ” ลีพูด “ขนาดฉันเลี้ยงนายมานานยังโดนนายเอาคำพูดมากัดเลย”

        “เออ มีอีกเรื่องหนึ่งที่อยากให้แจ้ไม่ก็ลุงพีช่วยด้วย” ลีพูด “เพราะว่ามังคุดเนี่ยรู้สึกว่าจะพูดสำเนียงอะไรก็ไม่รู้ แปลให้หน่อยนะ”

        “ฉันแปลให้ละกัน” ลุงพีตอบ

        “ผมถูกทดลองโดยนักวิทยาศาสตร์ครับ” แมงมุมพูด

        “เขาว่าไงมั่งครับ” ลีถามลุง

        “เขาบอกว่าเขาถูกทดลองโดยนักวิทยาศาสตร์” ลุงพีตอบ

        “เข้าเค้านะ” ลีพูด แล้วถามแมงมุมว่า “แล้วรู้สึกยังไงที่ฉันได้ช่วยไว้?”

        “ผมนี่จะร้องไห้เลย” มังคุดตอบ

        “เขาบอกว่า เขาจะร้องไห้” ลุงพีตอบ

        “โอ๋ ๆ ไม่ต้องร้องนะมังคุด” ลีปลอบแมงมุม

        “ผมรักคุณ รักจริง ๆ นะครับ ผมไม่มั่วนิ่ม ไม่โกหกทั้งเพเลย” มังคุดตอบ

        “เขาบอกว่าอะไรครับลุง” ลีถามลุง

        “เขาบอกว่า เขารักเธอมาก ๆ จริง ๆ ไม่ได้โกหกอะไรทั้งสิ้น” ลุงพีตอบ

        “ไอ้ประโยคนี้ผมไม่อยากให้ยุ่งเลย โชคดีที่ลุงพีอาสาแปลให้” แจ้วิจารณ์

        “ก็เห็นว่านายแปลเก่ง คุยกับยักษ์ภูเขายังคุยได้เลย” ลีตอบ “แต่ก็ไม่อยากให้ใครแปลมั่วไม่ว่าจะประโยคไหนก็ตาม เอาเป็นว่า ฉันจะไปที่บ้านเก่าของฉัน แล้วฉันจะไปปลูกข้าว”

        “ได้เลยเจ้านาย ที่ไหนมีข้าวผมอยู่ได้แหละ” แจ้ตอบ

 

        วันต่อมา

        “ฉันชอบนายมากเลยมังคุด นายไต่ได้ ไม่เหมือนใครบางคน” ลีบอกมังคุด “หวังว่าคงไม่ได้ยินนะ”

        จากนั้น ลีก็ได้ออกไปหาอาหาร พร้อมกับพามังคุดไปด้วย

        “แต่นายก็ไม่ค่อยพูดนะ” ลีพูด

        “ผมไม่ค่อยพูดครับ” มังคุดตอบ

        “แปลว่าอะไร?” ลีถาม

        “ผมไม่ค่อยพูดครับ” มังคุดพยายามปรับสำเนียงให้เป็นสำเนียงกลางมากขึ้น

        “พูดสำเนียงกลางได้ไหมเนี่ย?” ลีถาม

        “ได้ครับ ได้นิดหน่อย” มังคุดตอบ

        “เอาที่สะดวกแล้วกัน” ลีตอบ

 

        จากนั้นเขาก็ได้เก็บสแปร์พวกฮอสไตล์ม็อบที่ยังหลงเหลืออยู่ เพื่อฝึกมังคุดให้แข็งแกร่งขึ้น และลีก็ต้องตามหาอาหารด้วยการฆ่าไก่ และกำชับไม่ให้มังคุดบอกเรื่องนี้กับแจ้ และ...

        “ยังไงฉันก็ได้รับผลกรรมอยู่ดีแหละ” ลีพูด “มันอาจจะเป็นซอมบี้แถวนี้ก็ได้”

        “ทำเป็นพูดครับ” มังคุดบอก

        “แปลว่า??” ลีถาม

        “ทำเป็นพูดครับ” มังคุดปรับสำเนียงให้เป็นสำเนียงกลางมากกว่าครั้งที่แล้ว

        “นายก็แปลได้นะ” ลีพูด

        “ผมไม่ค่อยแปลครับ” มังคุดพูด

        “แปลว่า?” ลีถาม

        “เหนื่อยจังเลยครับ” มังคุดตอบ

        “แปลว่า?” ลีถามอีกรอบ “เออนายไม่ต้องแปลหรอก ฉันจะแปลเท่าที่ฉันจะทำได้แล้วกัน”

        ลีมุ่งไปยังบ้านเก่าของเขา และแน่นอนว่าบ้านของเขานั้นเห็นชัดเจนมาก ดังนั้นลีจึงรีบเดินเข้าไปดูของในกล่องแล้วเอาของออกมาพร้อมกับเกี่ยวข้าวและเมล็ดทั้งหมดออกมาเพื่อที่จะได้เอาไปปลูกที่บ้านใหม่ แล้วรีบวิ่งหนีไปทันที

        หลังจากที่กลับมาบ้าน ลีก็ได้ทำอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น สร้างเฟอร์นิเจอร์เพิ่มเติม เช่น บลาสต์เฟอร์แนนซ์ สโม้กเกอร์ แคมป์ไฟร์ ทั่งตีเหล็ก (Anvil) เครื่องตัดหิน (Stonecutter) เครื่องบดหิน (Grindstone) ระฆัง (Bell) โต๊ะสมิธติ้ง เครื่องเย็บผ้า (Loom) โต๊ะคาโทกราฟ (Cartography Table) โต๊ะเฟลตชิ่ง (Fletching Table) ตู้เก็บผึ้ง (Beehive) และถังหมักปุ๋ย (Composter) แล้วจากนั้นลีก็ได้บอกว่าจะไปขุดดินรอบ ๆ เมืองเพื่อปลูกข้าวในบ้าน

        “ของอร่อย ๆ ไว้ใจผมได้เลยครับ” มังคุดตอบ

        “แปลว่าอะไร?” ลีถาม “โอ๊ย ฉันก็ติดคำว่าแปลว่าอะไรจังเลย นายไม่ต้องแปลหรอก ฉันจะพยายามแปลเองนะ”

 

        เขาตั้งใจจะไปขุดดินหลังบ้านของเขาให้มากพอที่เขาจะทำแปลงนาได้ ระหว่างนี้เขาก็คิดเรื่องหนังสือที่เขาเขียนได้

        “หนังสือที่เราได้มานี่น่าจะเขียนเรื่องของเราบ้างดีกว่า...ไม่ ๆ ๆ ไว้เขียนทีหลัง หลังจากที่เราจบเรื่องเลวร้ายนี่ เราจะได้เล่าเรื่องราวให้เป็นตำนานต่อรุ่นต่อ ๆ ไป”

 

        พอจะถึงมืดค่ำ ลีได้พามังคุดเข้าบ้าน และบอกแจ้ว่า “ฉันจะปลูกข้าวในห้องนี้เลยละกันเพื่อให้นายสบายใจ”

        “จะทำอย่างนั้นจริงเหรอ?” แจ้ถาม

        “ใช่ ฉันทำเพื่อนายเลยนะ” ลีตอบ

        “ผมรักเจ้านายมากเลย” แจ้พูด

        “ลุงพีพูดไม่ได้นี่...ได้แต่แปลอย่างเดียวใช่ไหม?” ลีหันมาถามลุงของเขาระหว่างทำพื้นที่สำหรับปลูกข้าว

        “ใช่” ลุงพีตอบขณะที่ดูหลานชายเตรียมพื้นที่ปลูกข้าว

        “งั้น ผมจะให้งานลุงนะ ลุงพี นักแปลภาษา” ลีเสนอไอเดียแก่ลุงพี

        ลุงพีถอนหายใจเฮือกแรก แล้วบอกว่า “แหม จะให้งานฉันไม่ถามความเต็มใจฉันเลยสักคำนะ”

        “แหม ลุงก็อาสาเองนะ” ลีพูด “ถ้าผมเขียนเรื่องราวที่พวกเราประสบมาเนี่ย เป็นนิทานได้เลยนะครับลุง”

        “ฉันคิดว่านะ ถ้าเรื่องราวนี้จบลง พวกเราอาจจะได้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขและเล่าเรื่องราวเหล่านี้ให้คนรุ่นหลัง ๆ ฟัง” ลุงพีเสริม

        “ใช่ ผมคิดอย่างนั้น” ลีพูด “แต่ไม่รู้ว่ามันจะจบอะไรยังไงนะครับลุง เราต้องผ่านพ้นไปให้ได้ ผมได้หนังสือมา ผมอาจจะเขียนชื่อของพวกเราลงไปด้วย”

        “ผมชอบที่จะได้เป็นส่วนหนึ่งของเรื่อง! ผมจะเป็นคนดังละ เขินแป๊บ” แจ้เขินม้วนต้วน

        “ฉันรั้งนายไว้ตรงนี้นายไม่ไปไหนอยู่แล้วล่ะแจ้” ลีบอกแจ้ แต่ระหว่างที่เขากำลังขุดพื้นอยู่มือกลับไปโดนแจ้ที่เดินผ่านพอดี แจ้สะดุ้งและร้องโหยหวนลั่นบ้านเลยทีเดียว

        “ฉันแค่ตีทีเดียวเอง ทำเป็นร้องโวยวายไปได้ อย่างกับฉันไม่เคยตีนาย” ลีพูด

        “เจ้านายรู้ไหม ผมไม่เคยโดนแม่ตีเลยสักครั้งนะ” แจ้พูด “เพราะแม่ผมไม่ได้เลี้ยงผมเองไง”

        “แล้วไก่จ้าที่มาก่อนที่พวกซอมบี้จะบุกบ้านเก่าของพวกเราคือใคร?” ลีถาม

        “เขาไม่ใช่แม่ผม” แจ้ตอบ

        “แล้วเขาเป็นใคร?” ลีถาม

        “เจ้านาย ผมนึกอะไรออกละ มานี่สิ ผมจะเล่าอะไรให้ฟัง” แจ้ตอบ

        “อ่ะ ว่ามา” ลีตอบ

 

“คือ ป้ายที่เขาได้เขียนว่า 303 ถ้าเอามาเรียงกันแบบนี้ (พลิกไปทางซ้าย 90 องศา) ก็จะได้เป็น MOM เพราะฉะนั้นไม่ใช่ปีศาจแต่อย่างใด 303 ก็คือ MOM ก็คือแม่ เข้าใจตรงกันนะเจ้านายนะ” - แจ้

 

        “สรุปคือ ไอ้ป้าย 303 เนี่ย ถ้าเอามาพลิกให้มาเป็นแนวตั้งอย่างที่นายว่าเนี่ยก็คือ M-O-M คือแม่ แต่แม่นายที่ชื่อจ้ามา แล้วหลังจากนั้นซอมบี้ก็โผล่มาพอดี...” ลีพยายามจับใจความ “...เดี๋ยวไว้ค่อยเชื่อมโยงแล้วกัน แต่นายเอาเวลาไหนมาคิดเนี่ย?”

        “ผมอยู่ที่นี่ทั้งวันทั้งคืนผมก็มีเวลาคิดสิเจ้านาย” แจ้ตอบ

        “เออ ก็ค่อย ๆ คิดไปนะ ฉันชอบการเล่าของนายน่ะ เหมือนกับเป็นการเปิดเรื่องลี้ลับอะไรอย่างนี้” ลีพูด “วันหลังหาเรื่องอื่น ๆ มาเล่าบ้างนะ”

        “ใครว่าเป็นเรื่องลี้ลับ นี่เรื่องจริงนะเจ้านาย” แจ้ตอบ “วันหลังเจ้านายเจออะไรให้บอกผม เดี๋ยวผมจะเชื่อมโยงให้”

        “ฉันขอค้านทฤษฎีของแจ้ละคนหนึ่ง”

        ทุกอย่างชะงักลง แจ้ ลุงพี และมังคุดหันไปมองลุงพี

        “ทำไมเหรอครับลุง?” ลีถาม

        “แหม มันก็คิดได้อีกทางนะ” ลุงพีพูด “ถ้าพลิกตัวเลข 303 ไปทางขวา 90 องศา ก็จะได้ WOW ซึ่งมันก็ตีความได้หลายอย่างมากเลยนะ ไม่ใช่แค่ MOM อย่างที่แจ้ว่าอย่างเดียว ดังนั้น ทฤษฎีนี้ฉันฟันธงได้เลยว่ามันไม่เวิร์กเลย”

        “อ้าว แล้วลุงมีทฤษฎีอะไรมาบอกล่ะ?” แจ้ถาม

        “ทฤษฎีใหม่ของฉันคือ ป้ายนี้อาจจะสื่ออะไรที่จะเชื่อมโยงกับเหตุการณ์เรือล่ม คนในเมืองหาย และพวกซอมบี้จากอุกกาบาตแน่ ๆ เลย แต่ตอนนี้มันยังบอกอะไรเราไม่ได้มากนัก ดังนั้นฉันเลยไม่แน่ใจว่าใครเป็นต้นเหตุของเหตุที่เราประสบพบเจอมา จนกว่าเราจะได้หลักฐานที่เข้าท่ากว่านี้ หรือไม่ก็อาจจะเป็นเฉลยสุดท้ายที่เราจะได้รู้เลยว่ามันเป็นอย่างไร”

        “อย่างนี้นี่เอง” ลีพูด “แล้วสองเรื่องที่ค้างไว้จะว่ายังไงต่อ?”

        “เธอถามซะอย่างกับทวงหนี้เลยนะ” ลุงพีบอก “ไว้เราจบเรื่องราวเหล่านี้แล้วค่อยเล่าแล้วกัน เล่าให้คนรุ่นหลังฟังนี่แหละ”

        “งั้นผมจะพามังคุดไปฝึกฝนความแข็งแกร่งก่อนแล้วกันนะครับ” ลีพูด จากนั้นก็พาเจ้าแมงมุมไปจัดการกับพวกฮอสไตล์ม็อบตอนกลางคืนจนถึงเช้า

        เมื่อถึงเช้ามืด ลีจึงพามังคุดกลับไปบ้าน และบอกว่า “ฉันได้ดวงตาแมงมุมมา (Spider Eye) ฉันทำอะไรได้เนี่ย?”

        “มันคือยาพิษครับ” มังคุดตอบ

        “แปลว่าอะไรเนี่ย?” ลีถาม “กลับไปให้ลุงพีแปลดีกว่า”

 

        “ลุงพีครับ ผมได้ดวงตาแมงมุมมา มังคุดบอกมาซิว่ามันคืออะไร” ลีพูดกับลุงพีและมังคุด

        “มันคือยาพิษครับ” มังคุดย้ำ

        “มันคือยาพิษ” ลุงพีแปลและเสริมว่า “อย่าคิดจะกินเชียวล่ะ”

        “วันนี้เราจะมาทำไร่ทำนาต่อแล้วกัน หลังจากนั้นเราก็จะไปขุดเหล็กและตอบโต้พวกมันกลับบ้างแล้วล่ะ” ลีพูด

        “คุณพร้อมผมก็พร้อมครับ” มังคุดพูด

        “แปลว่าอะไรเหรอลุง?” ลีถามลุง

        “เธอพร้อมเขาก็พร้อม” ลุงพีตอบ

        “งั้นช่วงนี้เดี๋ยวปลูกข้าวให้แจ้ก่อน” ลีพูด “เพื่อที่จะได้มีอาหารกิน ส่วนเคมีคอลเอ็กซ์ก็คงจะเก็บไว้ใช้ตามหาคนที่ให้คำตอบกับเราได้”

        ลีไปตักน้ำจากสระแล้วมาใส่ในบ่อเล็ก ๆ ทำเป็นหลุม แล้วจากนั้นก็ใช้จอบพรวนดิน

        “ผมรักเจ้านายมากเลย!!” แจ้ร้อง

        “ผมรักเจ้านายจังเลย” มังคุดพูด

        “เขาบอกว่าเขารักเธอ” ลุงพีแปล

        “ขอบคุณนะ ฉันรักทุกคนเท่าเทียมกันแหละ” ลีพูด

        “ตั้งแต่เจ้านายพาเจ้าแมงมุมมานะ เจ้านายก็เปลี่ยนไป” แจ้พูด

        “เธอพูดคำว่าลีเปลี่ยนไปมากี่รอบแล้ว?” ลุงพีถามแจ้

        “ไม่รู้สิ เจ้านายเปลี่ยนไปหลายครั้งมากเลย” แจ้ตอบลุงพี

        “ระหว่างนี้เรารอให้ข้าวโต” ลีพูด แล้วบอกมังคุดว่า “ส่วนฉันกับนาย มังคุด เราจะไปขุดเหล็ก ขุดเพชร ขุดเนเธอไรต์ แล้วไปโต้กลับพวกมันกัน”

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.