ตอนที่ 992 สังหารพระเจ้า

-A A +A

ตอนที่ 992 สังหารพระเจ้า

หมวดหนังสือ: 

ตอนที่ 992 สังหารพระเจ้า

หากสกายวิงคือตระกูลของคนบ้า ผู้ที่บ้าที่สุดภายในตระกูลย่อมเป็นเซี่ยกู่เฉิงผู้ซึ่งเป็นผู้นำตระกูลสกายวิงอย่างไม่ต้องสงสัย

“นี่เขาเอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยงเพื่อที่จะผลักดันให้ตัวเองก้าวข้ามขีดจำกัดไปได้งั้นเหรอ?! เขาต้องเป็นคนบ้าที่กล้าขนาดไหนถึงได้เอาชีวิตของตัวเองไปเสี่ยงแบบนี้” ลินนิจอุทานขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ เมื่อได้รับรู้ถึงเบื้องหลังว่าทำไมเซี่ยกู่เฉิงถึงโดนจับกุมตัว

หลังจากพัฒนาจนกลายเป็นพระเจ้าได้สำเร็จ เซี่ยกู่เฉิงก็บุกจู่โจมเข้าใส่จอมเทพสูงสุดทั้งสามอย่างรวดเร็ว ซึ่งการเคลื่อนไหวในครั้งแรกเขาก็สามารถสังหารอเมทิสต์ ผู้ซึ่งเป็น 1 ใน 3 ศัตรูที่อยู่ตรงหน้าได้สำเร็จ การเคลื่อนไหวของเขาจึงทำให้พวกเซี่ยเหลียงเบิกตากว้างอย่างตื่นเต้น

แต่เดิมในตอนที่เซี่ยกู่เฉิงมีพลังในระดับจอมเทพขั้นสูงสุด เขาก็มีพลังมากพอที่จะสังหารศัตรูเป็นจำนวนนับไม่ถ้วนได้อยู่แล้ว เมื่อเขาพัฒนาจนกลายเป็นพระเจ้า มันจึงทำให้จอมเทพระดับสูงสุดกลายเป็นเพียงแค่ลูกไก่ในกำมือของเขาเท่านั้น

“ขอล่ะนะ” เซี่ยเฟยรีบบังคับเนอร์วาน่าให้พุ่งไปยังซากศพของศัตรูในทันที ท้ายที่สุดอเมทิสต์ก็มีพลังในระดับจอมเทพขั้นสูงสุด พลังที่เนอร์วาน่าสามารถดูดซับได้จึงมีปริมาณมหาศาล

ลินนิจมองภาพตรงหน้าอย่างพูดไม่ออก เพราะในระหว่างที่เซี่ยกู่เฉิงทำการสังหารศัตรู เซี่ยเฟยกลับกลายเป็นผู้ที่เก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากการต่อสู้ในครั้งนี้ได้มากที่สุด

เซี่ยกู่เฉิงย่อมไม่ตำหนิเซี่ยเฟยที่ฉกฉวยโอกาสคว้าพลังงานจากซากศพของศัตรูที่เขาเป็นคนกำจัดลงไป ความเป็นจริงเขาค่อนข้างที่จะชื่นชมชายหนุ่มด้วยซ้ำที่รู้จักฉกฉวยโอกาสเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตัวเองในทุก ๆ สถานการณ์ 

ท้ายที่สุดสังคมสมัยนี้ก็เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น แล้วมันก็มีเพียงแต่คนแบบเซี่ยเฟยเท่านั้นถึงจะสามารถเอาชีวิตรอดภายใต้จักรวาลที่วุ่นวายแห่งนี้ได้

“พลังงานมันจะบริสุทธิ์มากเกินไปแล้ว!” เซี่ยเฟยอุทานขึ้นมาอย่างตกใจ หลังจากที่พลังงานถูกดูดซับเข้ามาในสมองของเขาจนเต็ม

อีกด้านหนึ่งเซี่ยกู่เฉิงก็ยังคงรุกหน้าต่อไป ซึ่งหลังจากที่เขาสังหารอเมทิสต์ลงไปแล้วเขาก็มุ่งตรงไปเพื่อจัดการกับฟิวรี่และอูบาต่อ

ความเร็วของเซี่ยกู่เฉิงได้เดินทางมาจนถึงขีดจำกัดของความเร็วภายในจักรวาลแห่งนี้แล้ว ซึ่งไม่เพียงแต่ความเร็วของเขาจะเหนือกว่าความเร็วแสงเท่านั้น แต่มันยังเป็นความเร็วที่เหนือกว่าความเร็วแสงถึง 2 เท่าอีกด้วย

ดีม่อนวิงของชายชราขยายออกไปทั้งสองข้างกว้างหลายสิบเมตร ซึ่งปีกของเขาไม่เพียงแต่จะกว้างกว่าปีกของเซี่ยเฟยเท่านั้น แต่มันยังเต็มไปด้วยกลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวอีกด้วย

การลงมือของบรรพบุรุษทำให้เซี่ยเฟยยากจะหาคำอธิบายใด ๆ ออกมาเป็นคำพูดได้ แต่เขาก็สามารถบอกได้เลยว่าตอนนี้เขากำลังมองดูเซี่ยกู่เฉิงไล่สังหารศัตรูอย่างตื่นเต้น

จุดสูงสุดของกฎแห่งความเร็ว!

ดีม่อนวิงที่สมบูรณ์!

ด้วยความเร็วและความน่ากลัวที่เซี่ยกู่เฉิงได้แสดงออกมา มันก็ยากที่จะจินตนาการว่าจักรวาลนี้จะมีใครหยุดยั้งบรรพบุรุษสกายวิงผู้ทรงพลังคนนี้ได้

ภาพของเซี่ยกู่เฉิงคือตัวอย่างของคำว่าเมื่อดาบคลั่งชี้ไปที่ใด ไม่ว่าจะเป็นเทพหรือมารต่างก็ล้วนแล้วแต่จะต้องถูกสังหารด้วยกันทั้งหมด

ฟิวรี่กับอูบารู้ดีว่าพลังของพวกเขาเพียงคนใดคนหนึ่งย่อมไม่สามารถต่อกรกับเซี่ยกู่เฉิงได้ พวกเขาทั้งคู่จึงร่วมมือกันเพื่อพยายามจัดการกับเซี่ยกู่เฉิงอย่างสุดกำลัง

น่าเสียดายที่ถึงแม้ว่าจอมเทพระดับสูงสุดทั้งสองคนจะรวมพลังกันแล้ว แต่มันก็ยังมีช่องว่างอยู่อีกมากเมื่อพวกเขาต้องเผชิญหน้ากับตัวตนในระดับพระเจ้า

ตูม ๆ ๆ ๆ

ฟิวรี่กับอูบาถูกเซี่ยกู่เฉิงไล่ต้อนอย่างรุนแรง ซึ่งหลังจากการโจมตีได้ผ่านพ้นไปหลายครั้ง บนใบหน้าของอูบาก็เต็มไปด้วยเลือดสีแดงฉานและตาซ้ายของเขาก็รับบาดเจ็บจนบอดสนิท

ระหว่างนั้นเซี่ยเฟยเปิดใช้วิชาเนตรเฝ้าดูการต่อสู้อย่างระมัดระวัง โดยไม่อยากจะพลาดรายละเอียดการต่อสู้ในครั้งนี้เลยแม้แต่นิดเดียว

ใครบอกว่าสกายวิงคือตระกูลคนบ้าที่เก่งแต่การจู่โจมตรง ๆ? 

ภาพที่ชายหนุ่มเห็นคือเซี่ยกู่เฉิงจู่โจมอย่างเจ้าเล่ห์และมีทักษะทางด้านร่างกายที่ดีไม่ด้อยไปกว่าตัวเขาเลย

ฟิวรี่ถูกตบกระแทกกับพื้นอย่างรุนแรง ขณะที่อูบาถูกตบทางซ้ายจนดวงตาได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้ชายชราทั้งคู่ไม่ได้มีความคิดที่จะต่อสู้อีกต่อไป พวกเขาเพียงแค่ต้องการจะหลบหนีออกไปจากที่นี่โดยเร็วที่สุด

เมื่อนักรบสูญเสียความกล้า พวกเขาก็เหมือนกับตายไปแล้วครึ่งหนึ่ง ยิ่งฟิวรี่กับอูบารู้สึกหวาดกลัวแค่ไหนมันก็ยิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายไปมากขึ้นเท่านั้น

ในที่สุดอูบาก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาจึงเลือกที่จะหลบหนีออกจากสนามรบโดยตรง

“นี่นายโง่หรือเปล่า?! ต่อหน้ากฎแห่งความเร็วนายจะหนีไปไหนได้” ฟิวรี่ตะโกนอย่างเคร่งเครียด เพราะแต่เดิมถึงแม้พวกเขาจะลงมือร่วมกันแต่พวกเขาก็แทบที่จะไม่มีความหวังในการได้รับชัยชนะอยู่แล้ว เมื่ออูบาเลือกละทิ้งการต่อสู้ครั้งนี้ไปมันยิ่งทำให้พวกเขาทั้งคู่เข้าใกล้ความตายเร็วขึ้นกว่าเดิม

กฎแห่งความเร็วเป็นกฎที่ฝึกฝนได้ยากที่สุดในดินด้านกฎ แต่มันก็คือกฎที่ยากจะหลบหนีที่สุดในดินแดนกฎด้วยเช่นกัน ถึงแม้ว่าศัตรูจะเป็นผู้เชี่ยวชาญการใช้กฎแห่งความเร็วระดับสูงสุด แต่อูบาผู้เสียสติก็ยังเลือกที่จะเปิดประตูมิติเพื่อหลบหนีออกไปจากสนามรบแห่งนี้

เซี่ยกู่เฉิงเผยรอยยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ ก่อนที่เขาจะสะบัดแขนออกไปอย่างรวดเร็ว พริบตาต่อมาประตูมิติก็ถูกบังคับให้ปิดตัวลง ทำให้ร่างของอูบาที่เข้าไปในประตูมิติได้ครึ่งหนึ่งถูกตัดขาดออกจากกันจนมีเลือดสาดกระจายไปทั่วทั้งบริเวณ

โศกนาฏกรรมของศัตรูคือโอกาสที่ดีของเซี่ยเฟย ชายหนุ่มจึงทำการเคลื่อนไหวอีกครั้งเพื่อดูดซับพลังงานของอูบาเข้าสู่สมองของตัวเอง

จอมเทพระดับสูงสุด 2 ใน 3 ถูกเซี่ยกู่เฉิงสังหารภายในเวลาเพียงแค่ไม่กี่วินาที ซึ่งในความเป็นจริงพวกเขาควรจะได้กลับไปเกิดใหม่ในเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิตอีกครั้ง แต่น่าเสียดายที่เนอร์วาน่าทำให้พวกเขาไม่สามารถกลับมามีชีวิตใหม่ได้อีกแล้ว

ฟิวรี่กัดฟันตัดสินใจเสี่ยงชีวิตเปิดประตูมิติออกมาด้วยเช่นกัน เพราะถ้าหากเขายังคงอยู่ที่นี่ต่อไปเขาย่อมเสียชีวิตอย่างแน่นอน เขาจึงฉวยโอกาสในช่วงที่เซี่ยกู่เฉิงกำลังมุ่งเน้นความสนใจไปที่อูบาเพื่อหลบหนีออกไปจากนรกแห่งนี้

ไม่ว่าจะอยู่หรือจะไปสุดท้ายเขาก็เสี่ยงที่จะต้องตายอยู่ดี ในกรณีนี้เขาต้องตัดสินใจเสี่ยงโชคเพื่อหลบหนีออกไปจากสถานที่แห่งนี้ให้ได้

ประตูมิติบานที่ 2 ถูกเปิดออกพร้อมกับฟิวรี่ที่เร่งรีบเข้าไปในประตูด้วยความเร็วสูงสุดเท่าที่จะเป็นไปได้ น่าเสียดายที่เซี่ยกู่เฉิงไม่เคยมีความคิดที่จะปล่อยให้ศัตรูหลบหนีไป ท้ายที่สุดจอมเทพขั้นสูงสุดคนสุดท้ายก็ถูกทำร้ายไม่ต่างไปจากสหายทั้งสองคน

เมื่อเซี่ยกู่เฉิงรอดพ้นมาจากความตายและสามารถสังหารศัตรูได้สำเร็จ บรรดานักรบสกายวิงต่างก็พุ่งเข้าหาบรรพบุรุษของตัวเองอย่างมีความสุข เซี่ยกู่เฉิงยังคงทำหน้าที่เป็นผู้นำได้เป็นอย่างดี โดยการพูดหยอกล้อกับเด็ก ๆ เหล่านี้โดยไม่เอ่ยถึงประสบการณ์อันน่าตื่นเต้น หลังจากที่เขาได้เลื่อนระดับจนกลายเป็นพระเจ้าเลย

ในระหว่างที่ทุกคนกำลังพูดคุยเฮฮากันอยู่นั่นเอง เซี่ยเฟยยังคงยืนอยู่นิ่ง ๆ อย่างเงียบขรึม เนื่องจากว่าเขากำลังคิดถึงเรื่องอะไรบางอย่าง

“นายกำลังคิดเรื่องบ้า ๆ อะไรอยู่อีกล่ะ? ฉันอุตส่าห์รอดชีวิตกลับมานายจะไม่แสดงความยินดีกับฉันหน่อยงั้นเหรอ” เซี่ยกู่เฉิงตบบ่าเซี่ยเฟยด้วยรอยยิ้ม

“ผมย่อมมีความสุขมากที่คุณสามารถทะลวงผ่านพลังในระดับพระเจ้าไปได้ แต่ผมแค่ไม่เข้าใจว่าทำไมคุณยังไว้ชีวิตฟิวรี่เอาไว้แทนที่จะจัดการสังหารเขาไปเลย” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม

ทุกคนต่างก็ชะงักไปด้วยอาการตกใจ เพราะถ้าหากเซี่ยเฟยไม่พูดเรื่องนี้ขึ้นมาทุกคนก็คงจะคิดว่าเซี่ยกู่เฉิงได้จัดการฟิวรี่ลงไปแล้ว

“ช่างสังเกตจริง ๆ นะ นายมองเห็นทุกอย่างเลยงั้นเหรอ?” เซี่ยกู่เฉิงอุทานด้วยความประหลาดใจ แต่หลังจากที่เขาได้เห็นสายตาแห่งความสับสนชายชราก็กล่าวต่อขึ้นมาว่า

“ฉันรู้ดีว่าตามกฎของสกายวิงพวกเราจะต้องกำจัดศัตรูทุกคน แต่คราวนี้มันเป็นกรณีพิเศษ เพราะอย่างที่ฟิวรี่ได้บอกไว้ตอนนี้ฉันได้ฝ่าฝืนข้อห้ามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของดินแดนกฎแล้ว”

“ย้อนกลับไปพวกผู้สร้างได้สอนทักษะต่าง ๆ ให้กับฉัน ฉันเลยคิดว่าพวกเขากำลังให้ความช่วยเหลือฉันอยู่ แต่ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้วว่าพวกมันแค่กลัวว่าวันหนึ่งฉันจะขึ้นมายืนอยู่ในระดับเดียวกันกับพวกมันจริง ๆ พวกมันจึงวางกับดักฉันเอาไว้และทำให้ฉันติดอยู่ในอุปสรรคมานานหลายหมื่นปี”

“แค้นนี้ต้องได้รับการชำระ ในเมื่อพวกมันกล้าสังหารอีวิลวิงของพวกเรา พวกเราก็จะสังหารพวกมันให้สิ้นซากไปจักรวาล ตอนนี้ฉันแค่อยากให้พวกมันรู้ว่าฉันแข็งแกร่งพอ ๆ กับพวกมันแล้ว ฉันจะปล่อยให้พวกมันมีชีวิตอยู่อย่างหวาดระแวง เพราะฉันสามารถพุ่งตัวออกไปสังหารพวกมันได้ทุกเมื่อ” เซี่ยกู่เฉิงกล่าวอย่างโกรธเกรี้ยว

ทุกคนต่างก็รู้สึกตกตะลึงหลังจากที่ได้ฟังคำประกาศของชายชรา เพราะข้อเท็จจริงได้พิสูจน์แล้วว่าบรรพบุรุษของสกายวิงผู้นี้มีความเฉลียวฉลาดมากแค่ไหน และเหตุผลที่เขาปล่อยฟิวรี่ที่กลายเป็นคนพิการไปนั้นก็เพราะว่าเขาได้ทำการเดินหมากตัวต่อไปเอาไว้แล้วนั่นเอง

“มันช่างเป็นแผนการที่เฉียบขาดจริง ๆ ฟิวรี่ได้ยินแล้วว่าคุณบอกจะไปจัดการกับพวกผู้สร้างในวันพรุ่งนี้ โดยการที่คุณมีกฎแห่งความเร็วระดับสูงสุด พวกผู้สร้างจะต้องใช้ชีวิตอย่างหวาดระแวงอย่างแน่นอน เพราะพวกเขาไม่สามารถจะประมาทความเร็วของคุณได้”

“หลังจากนี้พวกผู้สร้างจะต้องใช้ชีวิตอย่างหวาดกลัว แต่ในระหว่างที่พวกเขากำลังระแวดระวัง คุณก็จะใช้โอกาสในช่วงเวลานี้ในการดำเนินการแผนการในส่วนอื่น ๆ แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่พวกเขาผ่อนคลายความระมัดระวังลงเล็กน้อย ช่วงเวลานั้นก็จะเป็นช่วงเวลาที่สุดที่คุณจะทำการจู่โจม” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างตื่นเต้น

“สมแล้วที่นายคือกุนซือของตระกูล ไม่น่าเชื่อเลยว่านายจะสามารถอ่านแผนการทั้งหมดของฉันได้อย่างรวดเร็วขนาดนี้ บางทีฉันก็อยากจะเปิดหัวนายออกมาดูจริง ๆ ว่ามันมีอะไรอยู่ข้างในนั้น” เซี่ยกู่เฉิงกล่าวพร้อมกับหัวเราะเสียงดัง

หลังจากที่ทุกคนเข้าใจแผนการของบรรพบุรุษ พวกเขาต่างก็พูดจายกย่องว่ามันคือแผนการที่ดี ส่วนเซี่ยเฟยที่สามารถวิเคราะห์แผนการทั้งหมดได้ในเวลาไม่กี่วินาทีก็ได้รับความชื่นชมจากคนอื่น ๆ มากขึ้นกว่าเดิม

หลังจากพูดคุยกับสมาชิกภายในตระกูลไปสักพัก เซี่ยกู่เฉิงก็ได้หันมาสนทนากับสองพี่น้องตระกูลฮัว

“ถ้าไม่ได้พวกนายตระกูลของเราคงจะสูญเสียมากกว่านี้ ขอบใจพวกนายมากที่ยอมหยิบยื่นความช่วยเหลือมาให้กับเรา”

“ผู้อาวุโสไม่จำเป็นจะต้องขอบคุณพวกเราหรอก คุณคือคนช่วยชีวิตพ่อของพวกเราเอาไว้ ถึงแม้พวกเราจะต้องเสียสละชีวิตเพื่อตอบแทนบุญคุณ แต่มันก็เป็นเรื่องที่สมควรแล้ว” เทพดำกล่าวอย่างรวดเร็ว

“ใช่ ผู้อาวุโสอย่าขอบคุณพวกเราเลย พวกเราสองพี่น้องภูมิใจที่มีโอกาสได้ตอบแทนบุญคุณ” เทพขาวกล่าวอย่างเคารพ

ทันใดนั้นเซี่ยเฟยก็ส่งสายตาไปให้บรรพบุรุษ ซึ่งเซี่ยกู่เฉิงก็สามารถทำความเข้าใจสายตานั้นได้อย่างรวดเร็ว

“ฮัวไป๋ ฮัวเฮย พวกนายพอจะมีแผนการอะไรในอนาคตบ้างแล้วหรือยัง?”

***************

มาอยู่ด้วยกันสิเทพขาวเทพดำ

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ติดตามเราได้ที่

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ คัดลอก หรือนำไปดัดแปลงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืนแล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบนิยาย เรื่องสั้น บทความ หรือเนื้อหาอื่นๆ ที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ที่ keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงานจะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018- keangun. All Rights Reserved.