ตอนที่ 991 พระเจ้า

-A A +A

ตอนที่ 991 พระเจ้า

หมวดหนังสือ: 

ตอนที่ 991 พระเจ้า

เซี่ยเฟยปรากฏตัวขึ้นมาอย่างลึกลับจนทำให้แม้แต่ฟิวรี่ก็ไม่อาจตรวจจับตัวตนของชายหนุ่มคนนี้ได้ เขาจึงรีบหดแขนของตัวเองกลับมาด้วยความประหลาดใจ ทำให้เนอร์วาน่าเฉียดผ่านแขนชายชราไปเพียงแค่ 5 เซนติเมตรเท่านั้น

ถุย ๆ ๆ ๆ

ขนอุยพ่นลูกบอลพลังงานติดตามไปอย่างใกล้ชิด ขณะที่หงส์ครามก็ใช้ทั้งการโจมตีระยะประชิดและการโจมตีระยะไกลในการขับไล่ฟิวรี่กลับไปด้วยเช่นกัน

ในเวลาเดียวกันเซี่ยเกิงก็กระอักเลือดออกมาเต็มปาก ใบหน้าของเขาซีดเซียวเป็นอย่างมาก จากผมสีขาวก็ได้ถูกเปลี่ยนเป็นผมสีดำโดยสมบูรณ์ แม้แต่แววตาของเขาก็เริ่มขุ่นมัวแทบไม่หลงเหลือชีวิตชีวาอีกต่อไป

“คุณเป็นยังไงบ้าง?” เซี่ยเฟยกล่าวถาม ขณะรีบเข้าไปพยุงร่างเซี่ยเกิงเอาไว้

“พื้นที่แถบนี้มีสัญญาณรบกวนอยู่ทั่วทุกที่เลย ฉันยังหาบรรพบุรุษไม่เจอ!” น้ำเสียงของเซี่ยเกิงเต็มไปด้วยความโศกเศร้า และถึงแม้ว่าร่างกายของเขากำลังย่ำแย่ แต่สิ่งที่เขาให้ความสำคัญมากที่สุดกลับเป็นความปลอดภัยของเซี่ยกู่เฉิง

จากภาพที่ถูกฉายบนหน้าจอสภาพของเซี่ยกู่เฉิงก็ดูย่ำแย่กว่าเซี่ยเกิงในตอนนี้มาก ความล่าช้าในทุกวินาทีหมายถึงการที่บรรพบุรุษของพวกเขาเข้าใกล้ความตายมากยิ่งขึ้น

“ฟิวรี่! วันนี้ฉันจะฆ่าพวกแกและทำลายบริษัทฟิกส์ให้หมด!!” เซี่ยเฟยระเบิดจิตอสูรออกมาอย่างสุดกำลัง ขณะที่มือข้างหนึ่งกดส่งสัญญาณลงบนกระเรียนขาว

เสียงของเซี่ยเฟยถูกส่งตรงไปยังเซี่ยเค่อโดยตรง ซึ่งเสียงร้องคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยวของเขาก็ทำให้ผู้จัดการตระกูลตระหนักได้ในทันทีว่าสถานการณ์ในภูเขาคิ้วแดงไม่ค่อยดีนัก

“มีอะไร!? เซี่ยเฟยมีข่าวร้ายส่งมางั้นเหรอ?” เซี่ยกวงไห่ถามอย่างเร่งรีบ ขณะเห็นสีหน้าของเซี่ยเค่อที่ซีดเซียวลงอย่างฉับพลัน

“เรายืนยันได้แล้วว่าฟิวรี่คือคนลักพาตัวบรรพบุรุษของเราไปจริง ๆ ตอนนี้พวกเซี่ยเฟยกำลังเผชิญหน้ากับอันตราย และสถานการณ์ก็ดูเหมือนจะไม่ค่อยดีกับทางฝั่งของพวกเรามากนัก” เซี่ยเค่อกล่าวหลังจากพยายามสงบสติอารมณ์ของตัวเองลง

ทันทีที่ชายชราพูดจบลงรังสีสังหารของนักรบสกายวิงทุกคนก็ปะทุขึ้นมาในทันที

“พวกเราบุกไปทำลายบริษัทฟิกส์เดี๋ยวนี้!” เซี่ยกวงไห่ตะโกนด้วยความโกรธ

“ใช่ เราต้องทำลายบริษัทฟิกส์ให้หมด!!” เซี่ยเค่อตะโกนด้วยใบหน้าอันดุร้าย ก่อนที่จะลุกยืนขึ้นออกคำสั่งไปยังนักรบทุกคนของตระกูล

เซี่ยเฟยเคยบอกไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าการทำลายภูเขาคิ้วแดงมันยังเป็นสิ่งที่น้อยมากเกินไป เขาจึงแอบขอให้เซี่ยเค่อนำกองกำลังบุกจู่โจมบริษัทฟิกส์เพื่อจัดการกองกำลังของศัตรูให้ราบเป็นหน้ากลอง

ตอนแรกเซี่ยเค่อไม่ได้มีความคิดที่เด็ดขาดเหมือนกับเซี่ยเฟย ดังนั้นถึงแม้ว่าเขาจะได้รับคำสั่งมาจากชายหนุ่ม แต่เขาก็เพียงก่อกวนอยู่รอบ ๆ บริษัทฟิกส์เท่านั้นยังไม่ได้ลงมือทำลายบริษัทเทคโนโลยีแห่งนี้จริง ๆ

แต่ข่าวล่าสุดที่เซี่ยเฟยส่งมามันก็ขจัดความลังเลภายในใจของชายชราไปจนหมดสิ้น เขาจึงตัดสินใจที่จะนำพากองกำลังของตระกูลบุกเข้าทำลายบริษัทเทคโนโลยีอันดับ 1 ของดินแดนกฎ

ฟุบ ๆ ๆ ๆ ๆ

ฝูงหมาป่าบุกจู่โจมบริษัทเทคโนโลยีอันดับ 1 อย่างรวดเร็ว และถึงแม้ว่าบริษัทฟิกส์จะมีความยิ่งใหญ่มากแค่ไหน แต่พวกเขาก็ถูกสกายวิงบดขยี้ภายในเวลาเพียงแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้นเอง

ตูม!

เสียงระเบิดดังกึกก้องขึ้นมาครั้งใหญ่ ก่อนที่มันจะเผยให้เห็นภาพภูเขาคิ้วแดงที่ถูกเจาะเป็นรูตรงกลาง

ร่างหลายร่างเคลื่อนที่ออกมาจากภูเขาแยกตัวออกเป็น 2 ส่วน โดยฝั่งหนึ่งคือจอมเทพระดับสูงสุด 3 คน ขณะที่อีกฝั่งหนึ่งคือกลุ่มของเซี่ยเฟย

แม้จะไม่มีใครพูดแต่มันก็ไม่ใช่เรื่องยากเลยที่จะบอกว่าการต่อสู้ในครั้งนี้ยากลำบากมากแค่ไหน เพราะทุกคนต่างก็ได้รับบาดเจ็บมากน้อยแตกต่างกันไป แม้แต่ภูเขาคิ้วแดงก็ยังพังทลายจากพลังที่ทั้งสองฝั่งได้ปะทะกัน

“ไม่มีเวลาแล้ว! พวกเรา 3 คนต้องร่วมมือกัน มาใช้พลังนั้นกันเถอะ!!” เซี่ยเฟยกล่าวกับเทพขาวและเทพดำอย่างเคร่งเครียด

สองพี่น้องชะงักค้างไปเล็กน้อย ก่อนที่พวกเขาจะพยักหน้ารับอย่างหนักแน่น

แน่นอนว่าพลังที่เซี่ยเฟยพูดถึงย่อมหมายถึงกฎแห่งความโกลาหล ซึ่งมีเพียงพวกเขา 3 คนที่ได้มีโอกาสเรียนรู้เท่านั้น

กฎแห่งความโกลาหลเป็นกฎที่ยากจะคาดเดาผลลัพธ์ได้โดยตลอด มันคือสิ่งที่สามารถเปลี่ยนแปลงสีขาวให้กลายเป็นสีดำ และถึงแม้เซี่ยเฟยจะไม่รู้ว่าการรวมพลังของทั้งสามคนจะก่อให้เกิดอะไร แต่เขาก็มั่นใจว่าการโจมตีในครั้งนี้ย่อมสามารถสร้างความตกตะลึงขึ้นมาได้อย่างแน่นอน

ท้ายที่สุดมันก็ไม่เคยมีใครรวมพลังของกฎแห่งความโกลาหลมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นในอดีตหรือในอนาคตก็อาจจะไม่มีเหตุการณ์ดังเช่นในวันนี้เกิดขึ้นเช่นเดียวกัน

ทางฝั่งของชายชราทั้งสามคนก็มีสถานการณ์ที่ไม่ได้ดีไปกว่าฝั่งของเซี่ยเฟยนัก เพราะแต่เดิมพวกเขาหวังว่าจะพึ่งพาความต่างของระดับเพื่อจัดการกับพวกเซี่ยเฟยทีละคน แต่น่าเสียดายที่เมื่อการต่อสู้ได้เริ่มต้นขึ้นพวกเขาก็ได้ค้นพบว่านักรบกลุ่มนี้ไม่ใช่ตัวตนที่พวกเขาจะสามารถเอาชนะได้ง่าย ๆ ซึ่งไม่เพียงแต่พวกเขาจะไม่สามารถสังหารศัตรูได้เท่านั้น แต่พวกเขายังได้รับบาดเจ็บจากการจู่โจมของฝูงหมาป่าสกายวิงอีกด้วย

“พวกแกกล้าทำลายภูเขาคิ้วแดงของฉัน! วันนี้มันจะไม่มีใครรอดชีวิตกลับไปแม้แต่คนเดียว” ฟิวรี่ตะโกนอย่างฉุนเฉียว

“แกคิดว่ามีเพียงภูเขาคิ้วแดงที่ถูกทำลายลงไปหรือยังไง?” เซี่ยเฟยตะโกนกลับอย่างเยาะเย้ย

“แกหมายความว่ายังไง?!” ฟิวรี่ถามอย่างสับสน

“ฉันก็หมายความว่าฉันจะทำลายสิ่งที่เป็นของแกลงให้หมดยังไงล่ะ!” เซี่ยเฟยส่งเสียงตะโกนก่อนที่ทั้งสองฝ่ายจะเริ่มปะทะกันอีกครั้ง ทั่วทั้งดาวจึงเต็มไปด้วยเสียงระเบิดดังกึกก้องก่อให้เกิดแรงกดดันจนทำให้ผู้คนแทบที่จะหายใจไม่ออก

ในระหว่างการต่อสู้เซี่ยเฟย, เทพขาวและเทพดำได้รวมพลังปลดปล่อยพลังของกฎแห่งความโกลาหลออกมาพร้อม ๆ กัน โดยชายหนุ่มได้ใช้ดาบจันทร์ทมิฬซึ่งเป็นวิชาการโจมตีด้วยกฎแห่งความโกลาหลที่รุนแรงที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้ ขณะที่วิชาของเทพขาวกับเทพดำเป็นวิชาที่ค่อนข้างจะแปลกประหลาดออกไปเล็กน้อย เพราะสองพี่น้องได้ร่วมมือกันสร้างดอกบัวสีดำในการจู่โจมเข้าใส่ศัตรู

ผู้ครอบครองกฎแห่งความโกลาหลทั้งสามต่างก็ใช้วิชาการโจมตีที่รุนแรงที่สุดในการทำลายศัตรู ผลลัพธ์ของการต่อสู้จึงทำให้ภูเขาคิ้วแดงถูกทำลาย แม้กระทั่งจอมเทพระดับสูงสุดทั้งสามคนก็ได้รับบาดเจ็บอย่างหนักมาจนถึงตอนนี้

จากผลลัพธ์ที่แสดงออกมามันก็ได้พิสูจน์แล้วว่ากฎแห่งความโกลาหลคือกฎที่ทรงพลังอย่างแท้จริง เพราะแม้กระทั่งจอมเทพระดับสูงสุดทั้งสามคนก็ไม่สามารถประมาทการโจมตีของพวกเขาได้

แต่ในระหว่างที่ทั้งสองฝ่ายกำลังจะห้ำหั่นกันด้วยความโกรธอยู่นั่นเอง จู่ ๆ มันก็มีเสียงของชายชราดังขึ้นมาจากบริเวณเชิงเขา

“หยุด! ฉันจะจัดการกับศัตรูด้วยตัวเอง”

“บรรพบุรุษ!”

ทุกคนต่างก็อุทานขึ้นมาอย่างตกใจเมื่อได้พบว่าเสียงที่พึ่งดังขึ้นมานี้คือเสียงของเซี่ยกู่เฉิง

วินาทีถัดมาแรงกดดันอันรุนแรงก็เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ไม่ว่าจะเป็นทางฝั่งชายชราทั้งสามคนหรือทางฝั่งสกายวิงต่างก็ตัวสั่นขึ้นมาด้วยความหวาดกลัว 

การต่อสู้ที่ผ่านมามากพอที่จะทำให้ภูเขาคิ้วแดงเว้าแหว่งไปเพียงแค่บางส่วนเท่านั้น แต่ทันทีที่เซี่ยกู่เฉิงลงมือภูเขาลูกใหญ่ก็กำลังลอยขึ้นมาทั้งลูก

ภาพเหตุการณ์นี้เป็นภาพที่ยากจะเชื่อ เพราะจู่ ๆ เทือกเขาขนาดใหญ่ราวกับเทือกเขาหิมาลัยก็ถูกยกขึ้นมาทั้งหมด

ผืนดิน, ผืนน้ำและโมเลกุลในอากาศต่างก็สั่นไหวอย่างรุนแรง ก่อนที่เทือกเขาทั้งลูกนั้นจะถูกโยนออกไปในอวกาศโดยตรง

“สามคนนี้เป็นเหยื่อของฉัน! ห้ามใครเข้ามายุ่งกับการต่อสู้ของฉันเป็นอันขาด!!” เซี่ยกู่เฉิงตะโกนอย่างดุเดือด ขณะใช้มือกระชากท่อโลหะออกไปจากร่างกายของตัวเอง

ทันทีที่ชายชราพูดจบลงปรากฏการณ์มังกรทะยานก็ปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน โดยในตอนนี้มันได้มีมังกร 7 ตัวพุ่งทะยานขึ้นไปบนฟากฟ้าจนทำให้แรงกดดันเพิ่มขึ้นสูงกว่าเดิมเป็นสองเท่า

“เซี่ยกู่เฉิง! นี่แกฝ่าฝืนข้อห้ามงั้นเหรอ?!” ฟิวรี่ตะโกนด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

เซี่ยเฟยไม่รู้ว่าสิ่งที่ชายชราทั้งสามกำลังพูดถึงมันคืออะไร แต่ที่แน่ ๆ ตอนนี้พลังงานของบรรพบุรุษเพิ่มขึ้นจากเดิมอย่างเทียบไม่ติด

“บรรพบุรุษของนายเลื่อนระดับเรียบร้อยแล้ว” ลินนิจกล่าว

“เลื่อนระดับ!? บรรพบุรุษอยู่ในระดับจอมเทพขั้นสูงสุดอยู่แล้ว ถ้าเขาเลื่อนระดับอย่าบอกนะว่า…” เซี่ยเฟยอุทานขึ้นมาด้วยความตกตะลึง

“ใช่ ตอนนี้เขามีพลังในระดับพระเจ้า ความแข็งแกร่งของเขาอยู่ในระดับเดียวกันกับผู้สร้างทั้ง 13 คนแล้ว” ลินนิจกล่าวอย่างเคร่งขรึม

เซี่ยเฟยแทบที่จะไม่เชื่อหูของตัวเอง เพราะความจริงตรงหน้าได้พิสูจน์แล้วว่าจอมเทพยังไม่ใช่จุดสิ้นสุดของความแข็งแกร่ง เพราะบรรพบุรุษได้เลื่อนระดับพลังต่อหน้าต่อตาของพวกเขาเลย

“ว่ากันว่าหากใครฝ่าฝืนข้อห้ามจะทำให้ตัวเองตกอยู่ในอันตรายระดับสูงสุดสินะ แต่ตอนนี้ฉันได้กลายเป็นพระเจ้าแล้ว หากใครมันกล้าจะมาหาเรื่องฉันก็ให้พวกมันดาหน้าเข้ามาเลย!!”

“คราวนี้มันเป็นเพราะพวกแกทำให้ฉันตกอยู่ในอันตราย และทำให้ฉันสามารถฝ่าฝืนข้อห้ามได้สำเร็จ บอกฉันสิว่าฉันควรจะขอบคุณพวกแกดีไหม?” เซี่ยกู่เฉิงกล่าวอย่างเยาะเย้ย

“ไอ้แก่เจ้าเล่ห์! ที่แท้แกก็วางแผนทุกอย่างเอาไว้ตั้งแต่แรก นี่คือเหตุผลที่แกไม่ขัดขืนสินะ เพราะแกกำลังหาทางก้าวข้ามขีดจำกัดเพื่อมาจัดการกับพวกเรา” ฟิวรี่รู้สึกโกรธจนใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีเขียว

“ถูกต้อง! ถ้าฉันไม่ยอมคนอย่างพวกแกจะมีปัญญามาจับฉันได้ยังไง” เซี่ยกู่เฉิงกล่าวด้วยรอยยิ้มเหมือนเจ้าเล่ห์

“อย่ามาทำตัวน่าภาคภูมิใจไปหน่อยเลย ตอนนี้แกได้ฝ่าฝืนข้อห้ามที่ใหญ่ที่สุดในดินแดนกฎไปแล้ว ผู้สร้างทั้ง 13 ย่อมไม่มีวันปล่อยไปแน่นอน” ฟิวรี่กัดฟันพูดด้วยความโกรธ

“ทำไมฉันจะต้องอยู่รอให้พวกมันมาจัดการกับฉันด้วย วันนี้ฉันจะเริ่มจัดการกับพวกแกก่อน แล้วพรุ่งนี้ฉันค่อยไปจัดการกับไอ้พวกผู้สร้างที่กล้าหาเรื่องตระกูลของฉัน!” เซี่ยกู่เฉิงกล่าวพร้อมกับแรงกดดันที่ทวีความรุนแรงขึ้นจากเดิมอีกครั้ง

ทันทีที่พูดจบเซี่ยกู่เฉิงก็หายไปจากตำแหน่งเดิมอย่างฉับพลัน และเมื่อเขาได้ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งอเมทิสต์ก็ถูกแยกร่างออกจากกันเป็นชิ้น ๆ

***************

พระเจ้าคนที่ 14 ถือกำเนิดขึ้นแล้ว บรรพบุรุษจงเจริญ!!

สารบัญ / นำทาง

ความคิดเห็น

รูปภาพของ พิทักษ์ภัยภูมิ

โอ้ อันนี้เหนือความคาดหมายจริงๆ แฮะ

แสดงความคิดเห็น

 

ติดตามเราได้ที่

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ คัดลอก หรือนำไปดัดแปลงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืนแล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบนิยาย เรื่องสั้น บทความ หรือเนื้อหาอื่นๆ ที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ที่ keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงานจะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018- keangun. All Rights Reserved.