Realm of Tales : Road To Fantasy Warfare (AU) บทที่ 6 ขวดหินดันเจียน

Realm of Tales : Road To Fantasy Warfare (AU)

-A A +A

Realm of Tales : Road To Fantasy Warfare (AU) บทที่ 6 ขวดหินดันเจียน

หมวดหนังสือ: 

“หลังจากที่เจ้านายไปยังขวดแก้วหมู่บ้านแล้วเจ้านายก็กลับมา แต่รู้สึกว่าเจ้านายยังโกรธผมอยู่นะ” - แจ้

“ฉันโกรธนายตรงไหนแจ้ นายทำตัวของนายเองทั้งนั้นเลยนะ” - ลี

 

ในเรื่องเล่า...

 

        “พอเลยลูก” ลีพูดกับลูกสาว แต่จู่ ๆ เขาก็เผลอล่ามสโนวี่โดยไม่ได้ตั้งใจ

        “เจ้านายไปล่ามลูกตัวเองทำไม?” แจ้ถาม

        “ฉันจะล่ามนายกลับมาต่างหาก” ลีตอบแล้วล่ามแจ้กลับมาที่เสา

        “ไหนบอกว่าเจ้านายจะปล่อยผมเป็นอิสระไง” แจ้บอก

        “แค่นี้ก็พอแล้วมั้ง เวลาอิสระของนายเนี่ย” ลีบอก “แล้วเรื่องที่นายเล่ามามันเป็นยังไง”

        “ก็สโนวี่เล่าให้ฟังว่า” แจ้บอก “เจ้านายออกไปผจญภัยและต่อสู้กับฮีโร่บรายน์”

        “บอกแล้วว่าอย่าเอ่ยชื่อนั้น” ลีเตือน

        “อุ๊บ...เขาผู้ห้ามเอ่ยชื่อน่ะ” แจ้บอก

        “มันก็ไม่เป็นอะไรหรอก เอ่ยได้ก็เอ่ยไป” ลีบอก ก่อนจะหันมองคนภายนอกและลงท้ายด้วยว่า “มั้ง”

 

        “สโนวี่ อยู่กับพี่แจ้ดี ๆ เดี๋ยวพ่อจะไปหาของแล้วไปขวดแก้วทะเลทราย” ลีบอกลูกสาว แล้วบอกแจ้ว่า “แจ้ ดูแลน้องนายด้วย”

        แต่ระหว่างนั้นตอนที่ลีอยู่บนทางออก ตามหลังด้วยแจ้และสโนวี่ ลีถามลูกสาวว่า “ตามมาทำไมลูก?”

        “กลับไปเลยนะ ไป ๆ ดันเลย ๆ” แจ้บอกแล้วดันน้องสาวให้ออกไปจากทางเข้าออก

        “ขอบคุณมากแจ้” ลีบอก

        จากนั้นลีก็ออกเดินทางไปยังขวดแก้วทุนดร้า แต่เนื่องจากว่ามันจะมืดแล้ว ดังนั้น ลีจึงกลับมานอนให้ถึงเช้า แต่ขณะนอน สโนวี่กลับมองพ่อแล้วถามว่า “โห พ่อ ทำไมพ่อนอนแล้วน่ารักจัง” สร้างความสับสนให้กับลีผู้เป็นพ่ออย่างมาก

        เช้าวันรุ่งขึ้น ลีได้ป้อนอาหารให้แจ้ แล้วกำชับไว้ว่า “ระหว่างที่ฉันไม่อยู่ อย่าลืมกฎที่เราคุยกันไว้” จากนั้น เขาก็หันไปบอกสโนวี่ว่า “ถ้าพี่แจ้ทำอะไรหนูก็บอกพ่อด้วยนะ เป็นเรื่องระหว่างเราสองคน”

        “ค่ะ เดี๋ยวหนูจะแจ้งให้ลับ ๆ” สโนว์โกเล็มสาวตอบ

        “ไม่ต้องลับขนาดนั้นก็ได้” ลีพูด “เอาเป็นว่า ต่างคนต่างดูแลซึ่งกันและกันแล้วกันนะ”

        “คุยอะไรกันสองคน?” แจ้ทัก “มีลับลมคมในเหรอ?”

        “ก็คนเขาคุยกันตามประสาพ่อลูกน่ะสิ” ลีตอบ

        “ว่าแต่ เจ้านายเป็นพ่อเธอตอนไหน?” แจ้ถาม “เจ้านายไม่เห็นเหมือนเธอเลย เจ้านายเป็นมนุษย์นะ”

        “ฉันหมายถึงเป็นพ่อบุญธรรม รับมาเลี้ยงน่ะ” ลีตอบ

        “อ้าว ผมอยู่กับเจ้านายมานาน ทำไมไม่ให้ผมเรียกพ่อเลยล่ะ?” แจ้ถาม

        คำถามนี้มันทำให้นักเดินทางอย่างลีต้องคิดหนัก ก่อนจะตอบไปว่า “คือเรื่องแบบนี้มันเซนซิทีฟ บอบบางมากนะ ถ้าเกิดว่านายกับฉันมันเพิ่มระดับความสัมพันธ์เป็นพ่อ-ลูก มันอาจจะไม่ใช่อะไรอย่างอื่น อาจจะเป็นอย่างอื่นที่ฉันต้องดูแลนายมากขึ้น ขนาดฉันยังไม่ได้เป็นพ่อนายฉันยังเป็นห่วงนายเลย”

        “จริงหรือเจ้านาย” แจ้ถาม

        “ใช่” ลีตอบ “เข้าใจนะ”

        “เข้าใจ” แจ้ตอบ “เจ้านายไปเถอะ บอกว่าจะไปขวดแก้วทะเลทรายไม่ใช่เหรอ?”

        “รู้ด้วยรึ?” ลีถาม

        “เจ้านายบอกอยู่” แจ้ตอบ

        “ก็ดูแลสโนวี่ด้วยแล้วกัน” ลีพูด แล้วบอกลูกสาวว่า “สโนวี่ก็อย่าโดนน้ำด้วยละกัน”

        แต่ก่อนจะไป ลีได้เก็บเกี่ยวผลแตงโมออกมากิน เพื่อป้องกันไม่ให้เขาปวดท้องเวลาพลังงานหมด จากนั้นเขาก็เดินทางไปขุดหินในขวดทุนดร้าจนพอใจ จากนั้นเขาก็ต่อสะพานไปยังขวดแก้วทะเลทรายเลย

        และในที่สุดลีก็มาถึงขวดแก้วทะเลทราย ลีได้เข้าไปขุดหาของข้างใน และเขาก็แอบผิดหวังเล็กน้อยเพราะว่ามันไม่มีอะไรมากกว่านี้ในขวดทะเลทรายเลย รวมไปถึงยังขุดเจอฟองน้ำด้วย เขาอยากจะรู้ว่าจะให้ซับน้ำที่ไหนกัน

        หลังจากขุดทรัพยากรในขวดทะเลทรายจนพอใจแล้ว เขาก็ต่อสะพานมุ่งหน้าไปยังขวดจังเกิ้ลและขวดหินต่อ และเขาก็รู้สึกว่าขวดหินมันใกล้กว่าขวดจังเกิ้ล ดังนั้น ลีจึงเลือกที่จะไปสำรวจขวดหินก่อน

        ยิ่งใกล้จะถึงขวดหินมากเท่าไหร่ เสียงมอนสเตอร์ร้ายยิ่งดังชัดขึ้นเท่านั้น ราวกับว่ามันเป็นมหกรรมอะไรสักอย่าง

        และเมื่อลีทำลายบล็อกหินมอสดู ลีก็พบว่าฝูงซอมบี้มาเต็มไปหมด และประกาศสงครามแรกด้วยการระเบิดของครีปเปอร์ ลีไม่รอช้าใส่ตีนผีหนีไปก่อน จากนั้นเขาก็ตั้งกำแพงกั้นลูกธนูที่โครงกระดูกยิงมา แล้วรีบเผ่นหนีออกไปทันที

        ลีตัดสินใจว่าเขาจะต้องไปหาขวดแก้วหมู่บ้าน เพื่อไปหาคำแนะนำจากพวกวิลเลเจอร์ หรือไม่ก็หาอาวุธยุทโธปกรณ์สุดแกร่ง

        เมื่อลีมาถึงแล้ว พลังงานก็หมดพอดีทำให้เขาปวดท้องอีกครั้ง ลีจึงหยิบเอาแตงโมขึ้นมากินให้หมดเพื่อไม่ให้เขาปวดท้องไปมากกว่านี้

        “แล้วทางหมู่บ้านมีอะไรให้ผมกินบ้างครับเนี่ย?” ลีถาม

        “เอ่อ ไม่มากก็น้อย แต่รู้สึกว่าจะไม่มีเลย” หนึ่งในวิลเลเจอร์ตอบ (ตกลงมันมีหรือไม่มีกันแน่?)

        “เมื่อกี๊ยังบอกว่าไม่มากก็น้อยอยู่เลย” ลีบอก

        “ก็เวลามันไม่มีมันก็ไม่มีไง” หนึ่งในวิลเลเจอร์ตอบ

 

        “ไอ้หนุ่มเอ๊ย เมื่อกี๊ได้ยินเสียงอะไรดังโครมคราม?” หนึ่งในวิลเลเจอร์ถามลี

        “คือพอดีว่าผมมาจากตรงนู้นนะครับ” ลีอธิบาย “มันไม่เชิงเป็นขวดแก้วแต่มันเป็นขวดหิน แล้วเต็มไปด้วยซอมบี้ผีปีศาจ”

        “โอ...” หนึ่งในวิลเลเจอร์อุทาน “ขวดหินใบนั้นเขาร่ำลือกันว่าข้างในนั้นจะมีของน่ะ”

        “แล้วรู้ได้ยังไงครับ?” ลีถาม

        “ก็มันเป็นเรื่องเล่าขานกันมาน่ะสิ” หนึ่งในวิลเลเจอร์ตอบ

        “แต่ผมจะทำยังไงเพราะผมก็ไม่มีตัวแทนไปด้วยเลย ผมขอไอออนโกเล็มไปสักตัวหนึ่งจะได้ไหมครับ?” ลีถาม

        “อ๋อ อย่างนั้นเหรอ” หนึ่งในวิลเลเจอร์ว่า “ถ้านายอยากได้ นายก็ลองคุยกับมันดูก่อนนะ”

 

        หลังจากที่คิดอยู่ครู่หนึ่งว่าจะพาไอออนโกเล็มกลับไปยังไง เขาก็นึกขึ้นมาได้ว่าเชือกที่ล่ามแจ้อยู่อาจจะล่ามไอออนโกเล็มให้ตามเขามาได้ เขาจึงเดินทางกลับบ้านทันทีเพื่อไปขอยืมเชือกแจ้และให้แจ้เป็นอิสระสักหนึ่งวัน ประกอบกับว่ามันเริ่มจะหัวค่ำแล้วด้วย ลีจึงรีบกลับบ้านอย่างเร่งด่วน เพราะแค่พวกขวดหินก็จะแย่อยู่แล้ว ถ้าเป็นพวกฮอสไตล์ม็อบที่เกิดตอนกลางคืนล่ะก็อาจจะหนักกว่านี้ แถมเขายังแยกแยะไม่ได้เลยว่าตัวไหนเกิดตอนกลางคืน ตัวไหนมาจากขวดหิน เพราะพวกมันเหมือนกันหมดเลย

        เมื่อลีมาถึงขวดแก้วทุนดร้า ปรากฏว่ามีโครงกระดูกมาดักลีไว้ก่อน (คาดว่าน่าจะเป็นตัวที่เกิดตอนกลางคืน) เขาจึงรีบฆ่าโครงกระดูกตัวนั้นทิ้ง แล้วรีบเผ่นกลับบ้านไปทันที ไม่เถลไถลไปที่ไหนอีกแล้ว

        เมื่อมาถึงบ้าน ปรากฏว่าสโนวี่กลับไปหลบมุมอยู่หลังสโตนเจนฯ เล่นเอาผู้เป็นพ่อใจหายแย่ ลีจึงขอให้ลูกสาวแจ้งว่าแจ้ทำอะไรบ้าง

        “ก็ไม่มีอะไรมากนะคะ พี่แจ้หลบอยู่ตรงนั้นตลอดเลย เอาแต่บ่นพึมพำ ๆ อะไรสักอย่างหนูก็ได้ยินไม่ชัด” สโนวี่ตอบ “หนูกลัวว่าถ้าเกิดหนูอยู่ใกล้ ๆ เขาจะแว้งจิกตาหนู”

        “สโนวี่” ลีพูด “พ่อรู้สึกว่า หนูมีฟักทองอยู่นะ มันก็ไม่น่าจะเป็นอะไรนะถ้าแจ้จิกตา เพราะหน้าจริง ๆ ของหนูนี่ก็...พ่อขอดูหน้าจริง ๆ ของหนูได้ไหม?”

        “ไม่เอา หนูเขิน” สโนวี่ตอบ

 

        วันต่อมา

        “โอเค ฉันขอเชือกก่อนนะ ฉันจะปล่อยนายให้เป็นอิสระหนึ่งวัน” ลีพูดแล้วปลดเชือกล่ามแจ้เก็บไว้กับตัว “อยู่ที่นี่ดี ๆ และอย่าลืมกฎที่เราคุยกันไว้ด้วย”

        “ครับผม ผมไม่ลืมหรอกน่า” แจ้บอก “ใครจะไปทำครอบครัวแตกแยกได้ล่ะ เดี๋ยววุ่นวายกันหมด”

        แต่เมื่อลีออกมา สิ่งแรกที่เขาเจอ คือสิ่งที่อยู่คั่นระหว่างตัวเขาและขวดทุนดร้า นั่นก็คือ เจ้าครีปเปอร์สองสามตัวที่อยู่บนสะพาน ลีไม่รอช้าขว้างหิมะใส่ครีปเปอร์ให้ตกจากสะพานทันที แต่ที่ขวดทุนดร้ายังมีอีกเยอะเลย

        “หลังจากที่เราเปิดตรงนั้นไป ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป” ลีพูด จากนั้นเขาก็รีบกลับมาที่บ้านเพื่อเตรียมพร้อมก่อนออกไปลุย (แท้จริงแล้วไอ้พวกในขวดทุนดร้านั่นมันเกิดขึ้นตอนกลางคืน ซึ่งพวกมันอยู่ได้เพราะลีนอนดึก ลีอาจจะมีสิทธิ์ที่จะเจอกับพวกนี้อีกด้วย)

 

        “ส่วนใหญ่สโนวี่ก็ไม่เคยโกรธเกลียดใครนะ มีแต่แจ้ทำคนเดียว” ลีบอก

        “เจ้านายต้องเข้าใจนะ ผมเป็นคนหึงตามประสา” แจ้บอก

        “นายใช้คำผิดหรือเปล่า” ลีพูด “หึงหวงมันใช้กับคนเป็นคู่รักกัน แต่ฉันเป็นเจ้านาย นายเป็นสัตว์เลี้ยง นายมาหึงฉันได้ยังไง?”

        “ก็...ก็ผม...ฮึ่ย!!” แจ้ครางยาว “มันอึดอัด”

        “อึดอัดเพื่อ?” ลีถาม

        “ผมบอกไม่ได้หรอก มันอึดอัดจากข้างใน” แจ้ตอบ “เจ้านายไม่เข้าใจหรอก คนที่รักเขาข้างเดียว”

        “ฉันเคยรู้สึกนะแจ้” ลีบอก “ฉันเคยรักเขาข้างเดียว แต่ยังไงก็ช่างเถอะ ฉันจะไปละ”

        ก่อนที่เขาจะไป เขาก็กินแตงโมที่เก็บได้ให้หลอดพลังงานขึ้นจนเต็มเปี่ยมก่อนที่เขาจะออกไปลุย แต่พอเขาออกไปเท่านั้นแหละ พวกที่อยู่ในขวดทุนดร้าก็หายไปหมดแล้ว

 

        พอมาถึงขวดแก้วหมู่บ้านเท่านั้นแหละ ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจากการที่ลีทั้งเปิดขวดหินด้วย ทั้งนอนดึกด้วย มันก็ทำให้พวกฮอสไตล์ม็อบออกมาเดินเพ่นพ่านกันไปทั่ว บางส่วนถูกไอออนโกเล็มสังหารจนราบคาบแล้ว แต่บางส่วนยังเล็ดลอดออกมาได้ เช่น ครีปเปอร์ตัวหนึ่ง ที่พุ่งเข้ามาจะมาทำร้ายลี และมันก็ระเบิดจริง ๆ แต่ผลก็คือ บ้านหลังใกล้ ๆ ต้องได้รับความเสียหาย พร้อมกับชีวิตของวิลเลเจอร์คนหนึ่งที่เสียไปด้วย

        ด้วยความอาลัยอาวรณ์ ลีจึงทำพิธีฝังศพวิลเลเจอร์ผู้สละชีวิตเพื่อปกป้องเขา และตัดพ้อตัวเองว่า

        “เป็นเพราะฉันแท้ ๆ ฉันไปเปิดตรงนั้น (และนอนดึกด้วย) ทำให้มันมาบุกที่นี่!”

        ลีไม่รอช้า ล่ามเชือกให้กับไอออนโกเล็มตัวหนึ่งทันที และมันได้ผล!

        “คุณจะพาผมไปไหน” ไอออนโกเล็มถาม

        “โอเค ตามมา ว่าแต่นายมีชื่อไหม?” ลีถาม

        “เรียกผมว่ายักษ์ก็ได้นะ” ไอออนโกเล็มตอบ

        “ยักษ์เหรอ ได้ ๆ” ลีบอก “เป็นครั้งแรกนะเนี่ยที่ฉันมีนาย นายจะมาได้หรือเปล่านะยักษ์”

        จากนั้นลีก็ได้ทำให้ทางที่เขาจากมานั้นใหญ่ขึ้นเพื่อให้ยักษ์ตามมาได้สะดวก แม้มันจะทุลักทุเลเพราะยังจูงยักษ์อยู่ แต่อย่างน้อยยักษ์ก็ต้องผ่านไปให้ได้

        แต่หลังจากยักษ์ผ่านมาได้แล้ว กลับกลายเป็นว่ามันดันมีเรื่องที่หินกว่าเข้ามาแทรก เมื่อยักษ์เดินเข้ามาแล้วดันตกจากสะพานซะก่อน! เคราะห์ดีที่ยักษ์ยังห้อยต่องแต่งอยู่เพราะลียังจับเชือกอยู่

        “ยักษ์! ทำใจดี ๆ ไว้นะยักษ์ ฉันจะดึงนายขึ้นมาเอง!” ลีร้อง

        “ปล่อยผมไปเถอะครับ ผมอาจจะทำให้คุณหนักเปล่า ๆ” ยักษ์อ้อนวอน

        “ไม่ ยักษ์ ฉันจะไม่ปล่อยนาย” ลีรำพัน “อย่าแกว่งไปแกว่งมาขนาดนั้น ยักษ์เป็นความหวังเดียวของครอบครัวนะยักษ์!”

        ลีพยายามดึงยักษ์ขึ้นมาให้ได้ ดึงยักษ์ให้ขึ้นมาอยู่บนสะพานเท่าที่จะทำได้ แต่ลีก็ทำไม่สำเร็จ ได้แต่เดินหิ้วยักษ์อยู่อย่างนั้น ส่วนยักษ์ก็กระโดดกลางอากาศด้วย

        “ผมไม่รู้ว่าคุณคือใคร” ยักษ์บอกลี “แต่ผมขอบคุณที่คุณยังช่วยผมไว้อยู่ ถ้าเป็นคนอื่นป่านนี้ปล่อยผมลงไปนานแล้ว”

        “ไม่หรอกยักษ์ ฉันจะไม่มีวันทำแบบนั้น” ลีพูด “ไม่มีใครทิ้งใครไว้ข้างหลัง ฮาคูน่า มาทาท่า นะ”

        “ฮาคูน่า มาทาท่า อะไรนั่น คุณน่าจะต้องเรียกว่า สวัสดีครอบครัวไม่ใช่เหรอครับ” ยักษ์ถาม

        “ช่างมันเถอะยักษ์” ลีพูด

        และจากนั้นลีก็เดินทางมาถึงขวดทุนดร้าจนได้ เขาจึงต้องหาช่องทางที่เขาจะสามารถดึงเอายักษ์เข้ามาในขวดแก้วให้ได้ เขาทำช่องให้กว้างพอที่จะให้ไอออนโกเล็มสามารถเข้าไปได้ และในที่สุด ลีก็สามารถดึงยักษ์ขึ้นมาได้สำเร็จ

        “ผมว่าเราอย่าเสี่ยงเลยนะครับ” ยักษ์พูด “ไว้คุณทำเส้นทางให้มันสะดวกกว่านี้ค่อยพาผมมาอีกทีก็ได้นะครับ”

        “ใช่ ๆ เป็นความคิดที่ดี แต่อีกไม่กี่ก้าวก็จะถึงแล้วนะยักษ์” ลีพูด จากนั้นก็พายักษ์ออกไปจากขวดทุนดร้าต่อทันที และปรากฏว่าความยากลำบากนั้นลดลงไปมากโขเลย เพราะว่ายักษ์ไม่ได้เดินตกสะพานแล้ว

        “ข้างหน้านี่แหละบ้านของฉัน” ลีพูดกับยักษ์

        “บ้านเหรอครับ ผมไม่เคยมีบ้านมาก่อนนะ” ยักษ์พูด

        “วันนี้แหละนายจะได้มีบ้านสักที” ลีบอก

        “ที่ขวดแก้วหมู่บ้านนั่นพวกเขาเลี้ยงผมเหมือนสุนัขเลย” ยักษ์พูด

        “มันต่างออกไปนะยักษ์ ที่นี่เราอยู่กันเป็นครอบครัวเลย” ลีพูด “จะไม่เลี้ยงแบบนั้นเด็ดขาด จะให้นายอยู่อย่างอิสระ”

        “งั้นเหรอครับ” ยักษ์พูด

        “นายต้องชอบที่นี่แน่เลย” ลีพูด “แหม นายนี่บึกบึนเหลือเกิน ฉันชอบนายมาก”

        “เจ้านายพาใครมา! พาเปรตมาหรือเปล่าเนี่ย!!” แจ้ร้องจากข้างในขวดแก้ว

        “เสียงอะไรเหรอครับ?” ยักษ์ถาม

        “อ๋อ นั่นคนในครอบครัวฉันเอง ไม่ต้องไปใส่ใจหรอก” ลีตอบ

 

        พอมาถึงหน้าบ้าน...

        “เจ้านายพาใครมา!! ตัวใหญ่อย่างกับเปรตเลย!” แจ้ร้องเมื่อได้เห็นยักษ์

        “หยุดเลย!!” ลีดุไก่ของเขา

        “นั่นใครเหรอครับ?” ยักษ์ถาม

        “คือเขาอาจจะไม่ชอบผมก็ได้นะครับเพราะผมตัวใหญ่เกินไป” ยักษ์บอกลี

        “อย่าตัดพ้อตัวเองเลยนะยักษ์” ลีบอกระหว่างที่เขากำลังทำทางให้ยักษ์เข้ามา

        “เจ้านายพาใครมาเนี่ย” แจ้ว่า

        “หยุดเลยนะแจ้ ฉันจะไม่พูดกับนายละ” ลีพูด แล้วหยิบกระดูกที่เก็บมาได้เพื่อขู่ไก่ “ถ้าขืนนายยังพูดแบบนี้อีก ฉันจะฟาดนายด้วยกระดูก!”

        “ผมไม่ใช่หมาสักหน่อย” แจ้บอก

 

        หลังจากที่ลีพายักษ์เข้ามาในบ้านได้แล้ว...

        “แล้วตุ๊กตาหิมะหัวสีส้มนี่คือใครเหรอครับ?” ยักษ์ถาม

        “อ๋อ เป็นสโนวี่ ลูกสาวบุญธรรมของฉันเอง” ลีตอบ “ไม่ต้องถือสาแล้วกันนะ”

        “แล้วไก่ตัวเล็ก ๆ สีขาว ๆ เมื่อกี๊ชื่ออะไรเหรอครับ เขาหายไปไหนเหรอ?” ยักษ์ถามและหันหน้าถามหาแจ้

        “อ๋อ เจ้าตัวนั้นชื่อแจ้ เป็นไก่ของฉันเอง” ลีตอบ

        “นี่เป็นครั้งแรกเลยนะครับที่ผมได้เห็นไก่” ยักษ์พูด

        “เจ้านายพาใครมา” แจ้ถามแล้วพุ่งเข้ามาหาเจ้านายของตัวเอง ดังนั้น ลีจึงเทศน์ให้ไก่ฟังไปว่า...

        “เวลาเขาเป็นอย่างนั้นอย่าพูดถึงเขาแบบนั้น ต่อให้เขาจะมีรูปลักษณ์เป็นยังไงก็ตาม ให้เก็บไว้ในใจ เราใส่ร้ายเขา รู้ไหมว่าเขาจะรู้สึกยังไง แล้วสมมุติว่าถ้ามีใครมาบอกนายว่านายหน้าตาเหมือนตัวประหลาดอะไรอย่างนี้นายจะรู้สึกยังไง?”

        “ผมก็รู้สึกเจ็บใจสิเจ้านาย” แจ้ตอบ

        “ใช่!” ลีเสริม “เขาก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน เอาใจเขามาใส่ใจเราบ้าง”

        “ผมขอโทษ ผมเอาหัวมุดดินละ เป็นการไถ่โทษละนะ” แจ้บอก

        “ฉันให้อภัย” ลีพูด “นายควรจะใช้คำว่าขออภัยแทนเวลาจะขอโทษฉันนะ เข้าใจนะ?”

        “เข้าใจครับ” แจ้บอก

        ส่วนสโนวี่...

        “พ่อคะ นั่นใครเหรอ?” ลูกสาวถาม

        “อ๋อ นั่นคือยักษ์ พี่ใหญ่สุด” ลีตอบ

        “แล้วหนูล่ะ?” สโนวี่ถามอย่างน้อยใจ

        “เอ๊ะ ได้โปรดอย่าทำนิสัยแบบพี่แจ้ พ่อไม่ชอบ” ลีตอบ “พ่อรักทุกคน แต่พี่ยักษ์เขามาใหม่ ไม่ใช่ว่าใครมาใหม่ก็รักหมดใจ พ่อรักทุกคนเท่าเทียมกันอยู่แล้ว”

        “เจ้านายครับ...” ยักษ์จะเรียกลี

        “ไม่ต้องเรียกตามแจ้ก็ได้” ลีพูด

        “แล้วจะให้ผมเรียกว่าอะไรครับ?” ยักษ์ถาม

        “เรียกฉันว่าคุณลีก็ได้” ลีตอบ

        “ไม่เรียกว่ายักษ์ได้ไหม?” แจ้ถามยักษ์

        “แล้วจะให้เรียกว่าอะไร?” ยักษ์ถามไก่

        “เรียกพี่ว่า สูง” แจ้ตอบ

        “แล้วแต่น้องเลย” ยักษ์ตอบ

        “ไปเรียกเขาอย่างนั้นทำไม?” ลีถามแจ้

        “ก็พี่เขาตัวสูงกว่าผมอะ เวลาผมจะพูดกับเขาต้องเงยหน้า เมื่อยคอมากเลย” แจ้ตอบ

        ลีได้ยินดังนั้นจึงกลับมาล่ามแจ้ไว้ตามเดิม แล้วบอกว่า “ฉันให้นายเป็นอิสระครบหนึ่งวันแล้วนะ”

 

        วันต่อมา

        เกิดเรื่องใหญ่อีกแล้ว เพราะว่าลีอยู่ดึกเกินไป หน้าบ้านเขาจึงเกิดเรื่อง เพราะมีครีปเปอร์ดักอยู่หน้าบ้าน ลีจึงเข้าไปไล่ฆ่ามันทิ้งแล้วเรียบร้อย

        “คุณไม่ต้องทำแบบนั้นก็ได้นะครับคุณลี ผมจัดการให้” ยักษ์บอก

        “ไม่เป็นไรหรอก” ลีพูด “เดี๋ยวฉันจะออกไปดูพวกขวดหินตรงนั้นด้วย”

        “ได้ครับ” ยักษ์ตอบ

        จากนั้นลีก็ออกจากบ้านไป ก่อนที่เขาจะออกไปเขาก็แอบสังเกตการณ์ว่าข้างในเป็นยังไงบ้าง ปรากฏว่าแจ้กับยักษ์คุยกันถูกคอมาก เขาก็หายห่วง เพราะเขาจะรีบไปจัดการโจมตีขวดหินให้จงได้

 

        เมื่อลีเข้ามาถึงชั้นแรก เป็นชั้นที่ว่างเปล่าไม่มีอะไร ดังนั้น เขาจึงคิดจะข้ามไปจัดการชั้นสองเลยในทีเดียว ปรากฏว่า นอกจากพวกซอมบี้และโครงกระดูกแล้ว เขายังเจอแม่มดอีก ดังนั้น แผนต่อไปของลีก็คือ สอยเพดานเพื่อให้พวกฮอสไตล์ม็อบตกลงมา ลีจะได้จัดการได้ง่าย ๆ

        ซึ่งชั้นสองนี้มีตัวเกิดใหม่ด้วย ดังนั้น เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ลีจึงดิ้นรนเพื่อที่จะเข้าถึงตัวเกิดใหม่ในชั้นสองให้ได้ และในที่สุด เขาก็สามารถเข้าถึงและทำลายตัวเกิดใหม่ที่ชั้นสองได้สำเร็จ แต่มันยังไม่จบเพียงแค่นี้ เพราะชั้นสามของมันยังมีอีกเยอะ ดังนั้น ลีจึงรีบกลับไปตั้งหลักก่อน...

 

นอกเรื่องเล่า...

 

        “ขนาดชั้นสองยังลำบากขนาดนี้ ลุงสงสัยจริง ๆ ว่าชั้นสามจะขนาดไหน” ลุงพีวิจารณ์

        “โอ้โห!! ขนาดนั้นเลยเหรอ?” ลีถาม “แสดงว่าสุดยอดเลยนะ ไม่น่าเชื่อว่ารอดมาได้ และมันมีทีเด็ดตรงที่ว่าพาไอออนโกเล็มมาที่บ้านนี่แหละ ฉันชอบมากเลย ฉันอยากฟังต่อละแต่ว่าฉันต้องกลับบ้านแล้วล่ะ”

        หลังจากที่ลีกับลุงพีตัดไม้เสร็จเรียบร้อย ลีก็พาลุงและไก่ของเขากลับไปบ้าน

        “แล้วเจ้านายรู้ไหม” แจ้ถาม “เจ้านายนี่น้า พอได้สมาชิกใหม่ของครอบครัวทีไรเป็นแบบนี้ทุกทีเลย”

        “ไอ้เรื่องแบบนี้มันก็ไม่เชิงหรอกนะ” ลีอธิบาย “มันเหมือนกับเวลาที่เราได้ของเล่นใหม่แล้วมันก็เห่อ พอไปสักพักก็เบื่อไปเอง แต่เท่าที่ฟังมา ยังไงฉันก็รักเท่าเทียมกันหมดทุกคนอยู่แล้ว ว่าแต่ ฉันยังคาใจมากเลย มันเกี่ยวข้องกันยังไงเนี่ย”

        “คือว่าง่าย ๆ นะ” แจ้บอก “คือ โลกของเรามีอยู่หลากหลายเรื่องราว และเรื่องราวเหล่านั้นก็อยู่ในโลกเดียวกันแต่หลายมิติ และโลกของเราก็อยู่ร่วมจักรวาลเดียวกันด้วย โดยที่หนึ่งในโลกนั้นก็จะเป็นศูนย์กลางของเรื่องราว ทำหน้าที่รวมทุกเรื่องราวไว้ให้จบในเรื่องเดียวกัน”

        “งงกันไปใหญ่ล่ะสิ” ลีพูด “ถ้าสรุปสั้น ๆ คือ เรื่องที่นายเล่ามา อ่ะ มีอยู่หนึ่งโลก และโลกนั้นมีหลายมิติ”

        “ใช่” แจ้ตอบ

        “แล้วหนึ่งในโลกนั้นก็จะมีศูนย์กลางของเรื่องราวที่รวมทุกเรื่องราวไว้ในโลกเดียวกัน”

        “ใช่”

        “แสดงว่าเรื่องในตำนานมีอยู่ห้าเรื่องเท่ากับว่ามีอยู่ห้าโลก ซึ่งโลกที่ถูกเล่าไปแล้วคือฮาร์ดคอร์กับสกายกริด เหลืออีกสามโลกที่ยังไม่ได้เล่า หรือ เล่าไม่จบ แล้วก็อีกโลกหนึ่งที่เรายังไม่รู้ว่ามันคืออะไร บางทีนี่อาจจะเป็นโลกที่เป็นศูนย์กลางของเรื่องราวก็ว่าได้ ใช่ไหม”

        “ใช่”

        “แล้วสามโลกที่เหลือมีอะไร” ลีถาม

        “มีฟอร์กอตเทนไอร์แลนด์” แจ้ตอบ

        “นอกจากนั้นล่ะ?” ลีถาม

        “นอกนั้นผมไม่รู้เหมือนกัน ผมลืม” แจ้ตอบ ทำให้ลีต้องกุมขมับอย่างหนัก

        “ถ้าฉันจำไม่ผิดนะ ฮีโร่บรายน์เซอร์ไวเวิลนี่แหละแคนดิเดตของเรื่องที่สี่ ส่วนเรื่องสุดท้าย ฉันว่าไม่วันไลฟ์ก็อัลตร้าฮาร์ดคอร์เนี่ยแหละ” ลุงพีตอบ “แต่อย่างไรก็ตาม โลกก็มีจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดไม่เหมือนกัน โอกาสที่จะเจอโลกสองโลกขึ้นไปเริ่มต้นและสิ้นสุดเหมือนกันนั้นมีน้อยมาก มันจึงทำให้โลกแต่ละโลกมีความหลากหลายไม่สิ้นสุด”

        “แต่ถ้าเกิดว่าเจ้านายฟังขวดแก้วจบแล้ว เรื่องต่อไปผมอาจจะจำได้ก็ได้นะ” แจ้บอก

        “จริงสิ!” ลีร้องด้วยความตื่นเต้น “งั้น มาเล่าต่อเลย!”

 

        “แจ้! เดี๋ยว ๆ ๆ อย่าเพิ่งเล่า” ลีเบรกแจ้หัวทิ่มเสียก่อน

        “ทำไมอะเจ้านาย” แจ้ถาม

        “พอดีว่าวันนี้นายกับลุงพีคงจะทราบดีอยู่แล้วว่าวันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้ว ฉันก็ต้องกลับบ้านแล้วสิ” ลีพูด “งั้นเล่าตอนระหว่างกลับบ้านดีไหม?”

        “เอาจริงแน่นะ?” แจ้ถาม

        “เอาจริงสิ” ลีตอบ จากนั้นก็สร้างเรือเพิ่มสองลำ “พวกเรามีเรืออยู่สองลำ นายนั่งสักลำได้ไหม?”

        “เจ้านายก็ดันให้ผมไปนั่งสักลำสิ” แจ้ตอบ

        “โอเค” ลีตอบ จากนั้นก็ดันแจ้ให้ลงเรือลำหนึ่ง แล้วลีนั่งตาม

        “ลุงพี ลำนั้นลุงพีนั่งนะ” ลีพูดจากนั้นก็วางเรืออีกลำให้ลุงพีนั่ง

        “โอ๊ย สบาย นั่งได้อยู่แล้ว” แจ้ตอบ

        “เฮ้ย ถ้าอย่างนั้นนายมาได้ใช่ไหม?” ลีถาม

        “ใช่เจ้านาย เรือมันกว้างพอให้ผมนั่งได้” แจ้ตอบ

        “งั้นระหว่างทางที่ฉันกลับบ้าน นายก็เล่านะ” ลีบอก

        “ได้เลย แต่ตอนนี้เป็นตอนสุดท้ายแล้วนะ” แจ้บอก

        “ดีเลย จะได้ไปเล่าเรื่องต่อไปสักที” ลีพูด “งั้น ระหว่างทางนายเล่าเลยนะ”

        “โอเค ถ้าเธอพร้อมแล้วให้สัญญาณด้วย ฉันจะพายตามไป” ลุงพีเรียกลี

        “ผมพร้อมแล้วครับ ลุงพายตามมาได้เลย” ลีหันไปบอกลุงพี

        จากนั้น สองลุงหลานก็พายเรือตามกันมา เพื่อออกไปจากทวีปนี้ จนกว่าจะถึงบ้านเกิดของพวกเขาให้ได้...

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.