ตอนที่ 978 ชายปริศนา

-A A +A

ตอนที่ 978 ชายปริศนา

หมวดหนังสือ: 

ตอนที่ 978 ชายปริศนา

“ฉันว่านายไม่ควรใช้อาวุธมายาแบบนั้นหรอกนะ” จู่ ๆ เสียงของชายคนหนึ่งก็ดังขึ้นอย่างกะทันหัน โดยภาษาที่อีกฝ่ายใช้เป็นภาษากลางของดินแดนกฎ แล้วมันก็ทำให้ชายหนุ่มตกอยู่ในความตึงเครียดในทันที

คนที่พูดไม่เพียงแต่จะรู้จักอาวุธมายาเป็นอย่างดีเท่านั้น แต่ภายใต้น้ำเสียงของเขายังนำแรงกดดันอันมหาศาลมาสู่ตัวเซี่ยเฟยอีกด้วย

จู่ ๆ ชายหนุ่มก็รู้สึกราวกับว่ามันมีก้อนหินนับหมื่นตันกดลงมาที่ร่างของเขา ทำให้เขาไม่สามารถที่จะขยับเขยื้อนร่างกายตัวเองได้เลย อย่างไรก็ตามแรงกดดันนี้ก็มีเจตนาเฉพาะการควบคุมเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาร้ายจะทำให้เขาได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด ซึ่งมันก็หมายความว่าเจ้าของเสียงปริศนาไม่น่าจะใช่ศัตรู

ร่างสีดำค่อย ๆ ปรากฏให้เห็นจากระยะไกล ซึ่งในตอนนี้เซี่ยเฟยก็กำลังเต็มไปด้วยความกังวล เพราะเขาไม่ชอบถูกผู้อื่นควบคุม เขาจึงตัดสินใจใช้พลังของกฎแห่งความโกลาหลเพื่อพยายามสลัดให้หลุดจากการควบคุมให้ได้

“ไม่มีประโยชน์หรอก พลังของฉันแข็งแกร่งกว่านายมากและด้วยความเข้าใจกฎแห่งความโกลาหลของนายในระดับปัจจุบัน มันก็ไม่มีทางที่นายจะหลุดพ้นจากผนึกของฉันได้หรอก อีกอย่างเหตุผลที่ฉันควบคุมนายเอาไว้นั่นก็เพราะว่านายเป็นพวกหุนหันพลันแล่นมากเกินไป เอาเป็นว่าฉันยังไม่อยากจะมาทะเลาะกับนายหรอกนะ” เงาปริศนากล่าวขึ้นมาอย่างเรียบเฉย

เซี่ยเฟยเม้มริมฝีปากพยายามสลัดให้หลุดจากการควบคุม ซึ่งหากว่าเขาหลุดออกไปจากการควบคุมได้ เขาก็จะเริ่มจู่โจมอย่างที่อีกฝ่ายได้คาดเดาเอาไว้จริง ๆ

ระหว่างที่ชายหนุ่มกำลังตั้งสมาธิไปที่การสลัดให้หลุดจากการควบคุมอยู่นั้น เขาก็ไม่ได้สังเกตเลยว่าใบหน้าของลินนิจเต็มไปด้วยความตกใจ คล้ายกับว่าเขารู้จักเจ้าของเสียงปริศนานี้เป็นอย่างดี

ผู้มาใหม่ขยับฝ่ามือเล็กน้อยเหมือนส่งสัญญาณให้ลินนิจปิดปากอย่างกะทันหัน จากนั้นวิญญาณอมตะก็กลืนคำพูดของตัวเองออกไปและไม่เปิดเผยตัวตนของคนแปลกหน้าให้เซี่ยเฟยรู้ว่าอีกฝ่ายคือใคร

หลังจากเดินไปรอบ ๆ คนแปลกหน้าก็พยักหน้าซ้ำ ๆ ก่อนที่เขาจะมองไปยังชายหนุ่มด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ

เซี่ยเฟยคอยสังเกตบุคคลปริศนาอย่างระมัดระวัง ก่อนที่จะได้พบว่าอีกฝ่ายคือเผ่าพันธุ์มนุษย์เหมือนกันกับเขา รูปลักษณ์ภายนอกของอีกฝ่ายไม่ได้ต่างไปจากเขามากนัก เว้นแต่ผมสีเขียวอันแปลกประหลาดที่จัดทรงแสกกลางปล่อยผมให้ยาวออกไปทั้งสองด้าน

ดวงตาชายปริศนาผู้นี้มีความเฉียบคมราวกับนกอินทรี ฝ่ามือของเขาดูเนียนเรียบเหมือนกับได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ขัดแย้งกับตัวตนของอีกฝ่ายซึ่งเป็นนักรบที่แข็งแกร่งอย่างสิ้นเชิง

สิ่งที่น่าประหลาดใจมากที่สุดคือชายคนนี้ไม่ได้สวมชุดเกราะต่อสู้ แต่สวมชุดสีขาวสบาย ๆ บางทีอาจจะเป็นเพราะอีกฝ่ายไม่คิดว่าจะมีใครสามารถทำร้ายร่างกายเขาได้ เขาจึงไม่จำเป็นจะต้องได้รับการปกป้องจากชุดเกราะต่อสู้

“ฉันไม่ได้มีเจตนาร้ายจริง ๆ และฉันก็ชื่นชมนายมากที่นายสามารถต่อสู้ฝ่าฟันอุปสรรคมาจนถึงทุกวันนี้ได้ ตราบใดก็ตามที่นายสัญญาว่าจะไม่ทำอะไรแปลก ๆ ฉันก็จะยอมปล่อยนายให้เป็นอิสระ” ชายปริศนากล่าวด้วยน้ำเสียงอันอ่อนโยน

“คุณเชื่อคำสัญญาของฉันด้วยงั้นเหรอ?” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์

ชายปริศนาไม่เคยคิดเลยว่าเซี่ยเฟยจะถามเขากลับแบบนี้ มันจึงทำให้เขาตกใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะยักไหล่อย่างช่วยไม่ได้

ฟุบ!

เมื่อร่างกายของเซี่ยเฟยหลุดออกจากการควบคุม เขาก็รีบพุ่งตัวออกไปในทันที จากนั้นเนอร์วาน่าก็ถูกเหวี่ยงออกไปตรงหน้าของชายปริศนา

ร่างกายของชายแปลกหน้าเคลื่อนที่ราวกับสายฟ้าแลบหลบหลีกการจู่โจมของเซี่ยเฟย ก่อนที่จะกลับไปยืนอยู่ในตำแหน่งเดิมราวกับว่าเขาไม่เคยขยับเขยื้อนไปจากพื้นที่ตรงนั้นเลย

เซี่ยเฟยเก็บเนอร์วาน่าเข้าไปในแหวน ก่อนที่เขาจะหยุดอยู่ห่างจากคนแปลกหน้า 50 เมตรและกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงอันจริงจังว่า

“ตอนนี้พวกเราเสมอกันแล้ว”

ระหว่างการลงมือเซี่ยเฟยรู้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายมีความแข็งแกร่งเหนือกว่าตัวเองมาก แต่ถึงกระนั้นชายหนุ่มก็ยังต้องการที่จะตอบโต้กลับไป ซึ่งนิสัยดือรั้นแบบนี้มันก็ถึงกับทำให้ลินนิจพูดไม่ออก

แน่นอนว่าชายปริศนาก็พูดไม่ออกด้วยเช่นกัน เขาจึงทำได้เพียงแต่ส่ายหัวไปมาอย่างช่วยไม่ได้

“คุณเป็นใคร? ทำไมจะต้องทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ ด้วย?” เซี่ยเฟยถาม

“ฉันทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ ตรงไหน? ฉันอยู่ที่นี่ตั้งแต่แรกแล้ว เป็นนายต่างหากที่บุกเข้ามาหาฉัน” ชายปริศนากล่าวตอบอย่างปวดหัว

เซี่ยเฟยนิ่งเงียบไม่ตอบคำถามแต่มันก็ไม่สำคัญว่าอีกฝ่ายจะทำตัวเป็นมิตรแค่ไหน ไม่ว่ายังไงชายแปลกหน้าคนนี้ก็ยังคงเป็นภัยคุกคาม เขาจึงจำเป็นจะต้องระมัดระวังอีกฝ่ายให้ได้มากที่สุด

“นายนี่เป็นพวกหัวรั้นไร้เหตุผลจริง ๆ ที่นี่เคยเป็นวิหารของพระเจ้าผู้สร้างดินแดนกฎมาก่อน น่าเสียดายที่มันมีความขัดแย้งภายใน วิหารที่เคยสง่างามเลยถูกทำลายเหลือเพียงแค่ซากปรักหักพังแบบนี้” ชายแปลกหน้ากล่าวพร้อมกับถอนหายใจ

“ผู้สร้าง? คนพวกนี้คิดว่าตัวเองเป็นคนสร้างจักรวาลขึ้นมาหรือยังไง?” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมาอย่างดูถูก

“กบที่อยู่ในกะลาไม่เคยรู้ว่าโลกภายนอกกว้างใหญ่แค่ไหน มันเป็นเรื่องธรรมดาที่ผู้คนในจักรวาลนี้จะไม่รู้ว่าจักรวาลที่พวกเขารู้จักเป็นเพียงแค่กะลาที่ครอบพวกเขาเอาไว้เท่านั้น” ชายปริศนากล่าว

เซี่ยเฟยเลิกคิ้วขึ้นมาอย่างประหลาดใจ และสิ่งที่เขากำลังรู้สึกสับสนมันก็ไม่ใช่เรื่องความขัดแย้งระหว่างพระเจ้า แต่เป็นทัศนคติของชายคนนี้ที่กล้าเปรียบเทียบพระเจ้าทั้ง 13 คนว่าเป็นกบในกะลา

หรือว่าชายคนนี้จะมีพลังแข็งแกร่งกว่าพระเจ้าทั้ง 13 คนงั้นเหรอ!?

ชายปริศนานำพาเซี่ยเฟยเข้าไปภายในห้องโถงใหญ่ ซึ่งบริเวณริมผนังเต็มไปด้วยรูปปั้นที่มีความสูงใหญ่มากกว่า 1 กิโลเมตร

“คนพวกนี้คือผู้ที่ร่วมกันสร้างดินแดนกฎขึ้นมา เรียกได้ว่าพวกเขาคือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์ของดินแดนกฎทั้ง 40 คน” ชายปริศนากล่าวพร้อมกับชี้นิ้วไปยังรูปปั้น

เมื่อเซี่ยเฟยมองตามนิ้วของชายปริศนาไป เขาก็ได้พบว่ารูปปั้นของผู้สร้างทั้งสิบสามคนยังคงมีสภาพสมบูรณ์ แต่รูปปั้นของผู้สร้างอีก 27 คนถูกตัดศีรษะออกไปทั้งหมด หลงเหลือเพียงแค่ร่างกายของพวกเขาเท่านั้น

“ผู้สร้าง 40 คน!? ทำไมฉันถึงไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน ตำนานเล่าขานกันมาว่าผู้สร้างดินแดนกฎมีเพียงแค่ 13 คนเท่านั้น” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างประหลาดใจ

“ที่นายไม่เคยได้ยินความจริงในเรื่องนี้ นั่นก็เพราะว่าผู้สร้างอีก 27 คนถูกจัดการไปก่อนจะมีการเล่าขานเรื่องราวในตำนานยังไงล่ะ” ชายปริศนากล่าวด้วยรอยยิ้ม

“ผู้มีพลังระดับจอมกฎขึ้นไปมีชีวิตเป็นอมตะไม่ใช่เหรอ? ผู้สร้างพวกนี้จะต้องมีพลังเหนือกว่าระดับจอมกฎอยู่แล้ว ใครกันแน่ที่สามารถสังหารกลุ่มคนที่ทรงพลังระดับนี้ได้?” เซี่ยเฟยสะดุ้งขึ้นมาด้วยความตกใจ

“ความเป็นอมตะมันไม่เคยมีอยู่จริง สิ่งที่จอมกฎได้รับคือการถือกำเนิดขึ้นมาใหม่ผ่านทางเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิตเท่านั้น แม้ว่าพวกเขาจะเกิดใหม่แต่ก็จำเป็นจะต้องใช้เวลาหลายปีในการฟื้นฟูความแข็งแกร่งกลับคืนมา นอกจากนี้วิธีการสังหารผู้มีเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิตก็มีหลายวิธี ไม่ใช่ว่านายก็มีวิธีในการสังหารพวกเขาเหมือนกันงั้นเหรอ?” ชายปริศนากล่าว

เซี่ยเฟยนิ่งเงียบโดยไม่พูดอะไร เพราะทั้งกฎแห่งความโกลาหลและดาบกลืนวิญญาณต่างก็สามารถนำมาใช้ในการสังหารจอมกฎได้ด้วยเช่นเดียวกัน ดังนั้นข้อมูลที่อีกฝ่ายว่าจึงไม่ต่างไปจากความเป็นจริง

สิ่งที่ชายหนุ่มไม่เข้าใจคือทำไมชายคนนี้ถึงดูเหมือนรู้จักเขาเป็นอย่างดี และมันก็ทำให้เซี่ยเฟยตั้งท่าอย่างระมัดระวังมากขึ้นกว่าเดิม

“นายเป็นพวกขี้ระแวงมากที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมาจริง ๆ ไม่ต้องห่วงหรอกตราบใดก็ตามที่ฉันบอกว่าฉันไม่ได้มีเจตนาร้าย มันก็หมายความว่าฉันไม่คิดจะทำร้ายนายจริง ๆ”

“ความจริงแล้วผู้สร้างทั้ง 27 คนนี้เคยเป็นลูกศิษย์ของผู้สร้างดั้งเดิมทั้ง 13 คนมาก่อน แต่พวกเขาถูกอาจารย์ของตัวเองสังหารหลังจากดินแดนกฎถูกสร้างขึ้นมาจนสำเร็จ ผู้คนในปัจจุบันจึงรู้จักเพียงแค่ผู้สร้างทั้ง 13 คนเท่านั้น แต่ไม่รู้เลยว่าครั้งหนึ่งคนพวกนี้เคยสังหารหมู่ลูกศิษย์ของตัวเอง” ชายปริศนาเล่าต่อ

“ทำไม? ไม่ใช่ว่าพวกเขาต้องใช้ความพยายามในการฝึกฝนลูกศิษย์ของตัวเองขึ้นมางั้นเหรอ แล้วทำไมพวกเขาจะต้องลงมือสังหารลูกศิษย์ของตัวเองด้วย” เซี่ยเฟยถามอย่างสงสัย

“นายอย่าประมาทความชั่วร้ายภายในจิตใจของผู้คนมากเกินไป จักรวาลนี้เต็มไปด้วยปลาใหญ่กินปลาเล็ก มันไม่จำเป็นจะต้องพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างอาจารย์กับลูกศิษย์หรอก แม้แต่พ่อแม่ลูกก็ยังฆ่ากันได้ตราบใดก็ตามที่พวกเขาคิดว่ามันคุ้มค่า”

สิ่งที่ชายปริศนาพูดขึ้นมาคือทฤษฎีของราคาที่เซี่ยเฟยยึดมั่นมาโดยตลอด โดยผู้ที่เชื่อมั่นในทฤษฎีนี้จะเชื่อว่าทุกสิ่งมีราคาเป็นของตัวเอง

การแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียมถือได้ว่าเป็นสัจธรรมของจักรวาล ไม่มีอะไรในจักรวาลนี้ที่ไม่สามารถแลกเปลี่ยนมันมาได้ สาเหตุที่ใครยังไม่สามารถแลกเปลี่ยนมันมาได้ในตอนนี้ นั่นก็เพราะพวกเขายังจ่ายในราคาที่สูงไม่มากพอ

“คุณกำลังบอกว่าเหตุผลที่อาจารย์ทั้ง 13 คนสังหารลูกศิษย์ของตัวเอง นั่นก็เพราะว่ามันมีคนเสนอราคาที่สูงมากพอใช่ไหม?” เซี่ยเฟยถาม

“จะว่าแบบนั้นก็ใช่ เพราะตอนนั้นมันจะมีผู้รอดชีวิตเพียงแค่ 13 คน ลูกศิษย์ของพวกเขาเลยกลายเป็นคนที่ต้องถูกสังหารยังไงล่ะ” ชายปริศนากล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะ

ในที่สุดเซี่ยเฟยก็เข้าใจแล้วว่าสาเหตุที่อาจารย์สังหารลูกศิษย์ นั่นก็เพราะพวกเขากำลังเผชิญหน้ากับความตาย ท้ายที่สุดมันก็ไม่มีใครอยากจะเสียสละชีวิตของตัวเอง ผู้ที่อ่อนแอกว่าจึงกลายเป็นเหยื่อเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว

สิ่งที่เซี่ยเฟยไม่เข้าใจคือใครที่สามารถทำให้ผู้สร้างรู้สึกกดดันได้มากขนาดนี้ ทั้ง ๆ ที่กลุ่มผู้สร้างสมควรจะเป็นกลุ่มคนที่ทรงพลังที่สุดในจักรวาล แต่ถึงกระนั้นมันกลับมีตัวตนที่แข็งแกร่งกว่าพวกเขาขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง

อีกอย่างที่เซี่ยเฟยรู้สึกแปลกใจคือทำไมชายปริศนาคนนี้ถึงจงใจพาเขาเข้ามาภายในวิหารโบราณ จากนั้นอีกฝ่ายก็เริ่มเล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์ให้เขารับรู้ ชายปริศนาคนนี้คือใครกันแน่ แล้วอีกฝ่ายมีจุดประสงค์อะไรถึงบอกเล่าเรื่องราวในอดีตให้เขาฟัง?

อย่าบอกนะว่าชายคนนี้รู้อยู่แล้วว่าสกายวิงกำลังตั้งเป้าไปที่ 1 ใน 13 พระเจ้า ซึ่งเป็นผู้บงการสังหารสมาชิกภายในตระกูลของพวกเขา

***************

ทุกคนคิดว่าชายปริศนาคนนี้คือใคร? มาเดากัน!

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ติดตามเราได้ที่

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ คัดลอก หรือนำไปดัดแปลงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืนแล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบนิยาย เรื่องสั้น บทความ หรือเนื้อหาอื่นๆ ที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ที่ keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงานจะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018- keangun. All Rights Reserved.