ตอนที่ 977 ซากปรักหักพังระหว่างทาง

-A A +A

ตอนที่ 977 ซากปรักหักพังระหว่างทาง

หมวดหนังสือ: 

ตอนที่ 977 ซากปรักหักพังระหว่างทาง

ดอกบัวห้วงสมุทรใช้ความพยายามของตัวเองอย่างเต็มที่ เพื่อให้หลุดพ้นออกไปจากพันธนาการของหงส์ครามและหวนกลับคืนสู่จักรวาลตามที่สัญชาตญาณของมันกำลังเรียกร้อง

น่าเสียดายที่หงส์ครามไม่คิดจะปล่อยมันไปง่าย ๆ ใบหญ้าทั้งแปดของมันจึงเหนี่ยวรั้งดอกบัวห้วงสมุทรเอาไว้อย่างแน่นหนา และไม่ว่าดอกบัวชิ้นนี้จะพยายามยังไง แต่มันก็ไม่สามารถหลบหนีออกไปจากการควบคุมของหงส์ครามได้

ยิ่งไปกว่านั้นภายใต้การจ้องมองของขนอุยและเนอร์วาน่ายังทำให้ดอกบัวห้วงสมุทรหวาดกลัวจนตัวสั่น แล้วมันก็ไม่จำเป็นจะต้องพูดถึงธนูผนึกสวรรค์ที่กำลังเล็งมาที่มันอยู่ ตราบใดก็ตามที่เซี่ยเฟยปลดปล่อยลูกศรออกมาดอกบัวห้วงสมุทรย่อมได้รับบาดเจ็บสาหัสในทันที

ประสบการณ์ในก่อนหน้านี้จากการเหนี่ยวรั้งศิลาหางฟินิกซ์เอาไว้ ทำให้เซี่ยเฟยตระหนักแล้วว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่อาวุธมายายอมแพ้ที่จะหวนคืนกลับสู่จักรวาล พวกมันก็จะสงบนิ่งลงและหยุดที่จะพยายามหลบหนี

กุญแจสำคัญคือการกักขังจนกว่าอาวุธมายาชิ้นนั้นจะหมดพลังงาน และด้วยไพ่ใบต่าง ๆ ที่อยู่ภายในมือ มันจึงไม่ใช่เรื่องยากที่เขาจะทำให้ดอกบัวห้วงสมุทรยอมจำนน

ในที่สุดดอกบัวตัวน้อยก็หมดหวังที่จะหวนคืนกลับคืนสู่จักรวาล เมื่อเทียบเวลากับในตอนที่เซี่ยเฟยเหนี่ยวรั้งศิลาหางฟินิกซ์เอาไว้ การเหนี่ยวรั้งตัวดอกบัวห้วงสมุทรก็ใช้ระยะเวลาที่สั้นกว่าอย่างเห็นได้ชัด

บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าดอกบัวห้วงสมุทรรู้ตั้งแต่แรกว่ามันไม่สามารถหลบหนีการไล่ล่าของเซี่ยเฟยได้ มันจึงทำได้เพียงแต่ยอมรับชะตากรรมของตัวเองอย่างเศร้าสร้อย

“นี่สินะอาวุธมายาที่สวยที่สุดในบรรดา 7 พฤกษาแห่งทะเลเมฆ มันดูเหมือนจะเป็นอาวุธที่เหมาะกับผู้หญิงมากกว่านักรบเถื่อน ๆ แบบนายนะ” ลินนิจกล่าว

“ไม่ว่ายังไงอาวุธก็คืออาวุธ อย่าไปสนใจรูปลักษณ์ภายนอกของมันเลย ผมอยากจะรู้จริง ๆ ว่าหลังจากที่หงส์ครามกลืนกินมันเข้าไปแล้ว หงส์ครามจะได้รับความสามารถอะไรมาเพิ่มเติมบ้าง?” เซี่ยเฟยกล่าว

“ดอกบัวห้วงสมุทรมีความสามารถในการควบคุมน้ำ แต่ฉันก็เดาไม่ได้เหมือนกันว่าเมื่อมันหลอมรวมเข้ากับหงส์คราม มันจะให้คุณสมบัติพิเศษในเรื่องไหน เท่าที่ฉันรู้มาดอกบัวห้วงสมุทรเป็นอาวุธที่มีความโดดเด่นน้อยที่สุดในบรรดา 7 พฤกษาแห่งทะเลเมฆแล้ว ต่างจากอาวุธมายาที่เหลืออีกหกชิ้นที่มีลักษณะเด่นเฉพาะของตัวเองในรูปแบบที่ไม่เหมือนใคร” ลินนิจกล่าว

“หลังจากลองเดี๋ยวเราก็รู้เองนั่นแหละ” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างเคร่งขรึม

ภายในมิติฝึกฝน

ปัจจุบันเซี่ยเฟยกำลังมีเหงื่อออกท่วมไปทั้งร่าง เพราะถึงแม้ว่าเขาจะพยายามซ้ำแล้วซ้ำเล่าแต่เขาก็ยังไม่สามารถที่จะพิชิตดอกบัวห้วงสมุทรได้

เหตุการณ์แบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เพราะไม่ว่าอาวุธมายาชิ้นอื่น ๆ จะดื้อรั้นมากแค่ไหน แต่ในท้ายที่สุดเซี่ยเฟยก็จะหาวิธีพิชิตพวกมันได้เสมอ มีเพียงดอกบัวห้วงสมุทรเพียงชิ้นเดียวเท่านั้นที่ถึงแม้ว่าเขาจะใช้พลังงานออกไปทั้งหมดแต่เขาก็ยังไม่สามารถที่จะพิชิตมันมาได้

“ทำไมมันถึงดื้อด้านขนาดนี้! ทั้ง ๆ ที่มันเป็นอาวุธมายาที่โดดเด่นน้อยที่สุดในบรรดาอาวุธมายาธาตุพืชทั้งเจ็ดชนิดแท้ ๆ นี่ฉันทำอะไรผิดพลาดลงไปกันแน่?” เซี่ยเฟยกัดฟันพึมพำกับตัวเอง

เหตุการณ์ในปัจจุบันทำให้เขารู้สึกสับสนอย่างแท้จริง เพราะในความเห็นของเขาดอกบัวห้วงสมุทรเป็นเพียงองค์ประกอบที่เขาจำเป็นจะต้องหลอมรวมมันให้กับหงส์ครามเท่านั้น เพราะมันเป็นอาวุธมายาที่ไม่ได้มีความโดดเด่นในสายตาของเขาเลย

แต่อาวุธที่ดูอ่อนแอที่สุดในบรรดาอาวุธมายาธาตุพืชทั้งเจ็ดชนิดกลับสร้างปัญหาครั้งสำคัญให้กับเขา มันจึงทำให้ใบหน้าของชายหนุ่มเต็มไปด้วยความมืดมน เพราะเขาไม่สามารถทำความเข้าใจสถานการณ์ในปัจจุบันได้จริง ๆ

ความรับผิดชอบอันหนักหน่วงของตระกูลถูกแบกเอาไว้บนไหล่ของเขาอยู่เสมอ ภารกิจสำคัญที่เขาได้รับคือเขาจำเป็นจะต้องพิชิตอาวุธมายาธาตุพืชให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ในระหว่างที่ทุกอย่างกำลังเป็นไปได้ด้วยดีอยู่นั้น มันกลับมีอุปสรรคเกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิด

“เอาใหม่!” เซี่ยเฟยส่งเสียงร้องคำรามและพยายามพิชิตดอกบัวห้วงสมุทรอีกครั้ง

ในที่สุดเซี่ยเฟยก็ทิ้งตัวลงบนเก้าอี้กัปตันก่อนที่จะยกบุหรี่ขึ้นมาสูบอย่างเคร่งเครียด

“ตอนแรกฉันก็คิดว่าหงส์ครามเป็นอาวุธมายาที่ดื้อรั้นที่สุด แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าดอกบัวห้วงสมุทรเป็นอาวุธที่ดื้อด้านมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด เจ้านี่มันจะหัวแข็งเกินไปแล้ว! ไม่ว่าจะใช้ไม้อ่อนไม้แข็งมันก็ไม่ยอมจำนนเลยแม้แต่นิดเดียว” เซี่ยเฟยบ่นด้วยความไม่พอใจ เพราะหลังจากที่เขาพยายามทุกวิถีทางแต่เขาก็ยังไม่สามารถพิชิตดอกบัวห้วงสมุทรได้สักที

“ฉันว่าเราอาจจะทำผิดขั้นตอนอะไรไปบางอย่าง บางทีดอกบัวห้วงสมุทรอาจจะไม่ได้คิดที่จะขัดขืนอะไรขนาดนั้นหรอก ถ้ามันส่งเสียงร้องออกมาได้บางทีตอนนี้มันคงจะร้องไห้จนน้ำตาแห้งไปแล้ว” ลินนิจกล่าว

เซี่ยเฟยชะงักค้างไปเล็กน้อย เพราะสิ่งที่ลินนิจพูดขึ้นมาก็สมเหตุสมผล บางทีมันอาจจะมีสาเหตุที่เขายังไม่สามารถพิชิตดอกบัวห้วงสมุทรได้สำเร็จ ไม่ใช่ว่าอาวุธมายาชิ้นนั้นเป็นอาวุธที่ดื้อด้านมากเกินไป

เมื่อชายหนุ่มจัดการธุระภายในดินแดนดาร์คไนท์จนหมดแล้ว เขาก็นำร่างเหวินฉางซึ่งเป็นหลานชายของราชาดาร์คไนท์ออกมา ก่อนที่จะใช้เนอร์วาน่าตัดร่างของชายอ้วนจนขาดเป็น 2 ส่วน

“พวกเรากลับกันก่อนเถอะ ถึงยังไงดอกบัวห้วงสมุทรก็ยังไม่ใช่อาวุธมายาชิ้นสุดท้าย ถึงแม้ผมจะหลอมรวมมันเข้ากับหงส์ครามได้ในวันนี้ แต่หงส์ครามก็ยังไม่ได้กลายเป็นอาวุธมายาที่สมบูรณ์อยู่ดี” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับยักไหล่

ไม่ว่ายังไงการเดินทางในรอบนี้ก็ทำให้เขาได้รับอาวุธมายาธาตุพืชมาถึงสองชิ้นพร้อมกับสมบัติชิ้นต่าง ๆ ที่เขาได้รับมาจากศัตรู ผลกำไรที่เขาเก็บเกี่ยวมาจึงถือว่าสูงกว่าสิ่งที่เขาต้องการในตอนแรกแล้ว

“ฉันว่านายรีบกลับไปรายงานภารกิจให้เซี่ยกู่เฉิงฟังก่อนก็ดี ไม่ว่ายังไงดอกบัวห้วงสมุทรมันก็หนีนายไปไหนไม่ได้อยู่แล้ว” ลินนิจกล่าว

เซี่ยเฟยลุกยืนขึ้นปรับตำแหน่งให้เจมินี่เดินทางกลับไปยังดินแดนกฎ ก่อนที่เขาจะทิ้งตัวกลับมานั่งลงบนเก้าอี้อีกครั้ง

“คุณสมบัติที่แท้จริงของดอกบัวห้วงสมุทรคืออะไรกันแน่? ทำไมมันถึงกลายเป็น 1 ใน 7 พฤกษาแห่งทะเลเมฆได้?” เซี่ยเฟยพึมพำกับตัวเองขึ้นมาเบา ๆ

“แล้วคุณสมบัติของใบไม้แห่งขุนเขาคืออะไร? ทำไมมันถึงกลายเป็น 1 ใน 7 พฤกษาแห่งทะเลเมฆ?” เซี่ยเฟยถามอย่างสงสัย ขณะนึกถึงอาวุธมายาธาตุพืชชิ้นสุดท้ายที่เขาต้องตามหา

“จากบันทึกใบไม้แห่งขุนเขาเป็นเพียงแค่ใบไม้ใบเดียว มันไม่มีรากเหมือนกับอาวุธมายาชิ้นอื่น ๆ ด้วยซ้ำ” ลินนิจดังกล่าวพร้อมกับส่ายหัว

“ใบไม้!? แปลกมาก ทำไมใบไม้ถึงกลายเป็นอาวุธมายาได้?” เซี่ยเฟยอุทานด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

“ถึงมันจะเป็นใบไม้แต่มันก็สามารถพลิกคว่ำภูเขาทั้งลูกได้ด้วยพลังของใบไม้ใบเดียว แต่มันสามารถพลิกคว่ำภูเขาได้ยังไงเรื่องนี้ฉันก็ไม่รู้ เพราะในฐานข้อมูลแทบไม่มีบันทึกเกี่ยวกับเรื่องนี้ถูกบันทึกเอาไว้เลย” ลินนิจกล่าว

“มันช่างเป็นอาวุธมายาที่แปลกประหลาดจริง ๆ ดูเหมือนอาวุธมายาที่เหลืออีกสองชิ้นคงจะไม่ใช่สิ่งที่ผมจะพิชิตมันได้ง่าย ๆ สินะ” เซี่ยเฟยกล่าวออกมาอย่างช่วยไม่ได้

อย่างไรก็ตามทันทีที่เขาพูดจบชายหนุ่มก็ลุกยืนขึ้นพร้อมกับมองไปยังจักรวาลด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย

“มีอะไร?” ลินนิจถาม

“มันเป็นเสาขนาดใหญ่มาก แต่ทั้งระบบเรดาร์และแผนที่ดวงดาวกลับไม่มีบันทึกของมันอยู่เลย” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับชี้นิ้วไปยังกาแล็กซีนอกหน้าต่าง

เมื่อลินนิจมองตามเซี่ยเฟยไป เขาก็ได้พบกับเสาหินขนาดใหญ่ที่อยู่ภายใต้เนบิวลาสีขาว ซึ่งมันเป็นเสาหินที่มีความใหญ่โตราวกับดาวเคราะห์ ซึ่งถือได้ว่าเป็นซากปรักหักพังที่ให้ความรู้สึกอันแปลกประหลาดมาก

เซี่ยเฟยลุกยืนขึ้นไปยังแผงควบคุมและพยายามใช้ระบบเรดาร์สแกนซากปรักหักพังตรงหน้าซ้ำ ๆ อย่างไรก็ตามระบบเรดาร์ก็ไม่สามารถตรวจจับเสาขนาดยักษ์อันน่าเหลือเชื่อต้นนี้ได้เลย ทั้ง ๆ ที่เขาสามารถมองเห็นเสายักษ์ได้ด้วยตาเปล่า ซึ่งมันเป็นเหตุการณ์อันแปลกประหลาดมากเกินไป

“ทำไมทั้งระบบเรดาร์และแผนที่ดาวถึงไม่มีเสาต้นนั้นระบุอยู่เลย?” ลินนิจกล่าวอย่างประหลาดใจ

“ลองลงไปดูเดี๋ยวก็รู้เอง” เซี่ยเฟยกล่าวก่อนที่จะหยุดยานรบและกระโจนออกไปในอวกาศ

ในเวลาชั่วพริบตาเขาก็เดินทางไปจนถึงเนบิวลาสีขาวที่มีเสาขนาดใหญ่ลอยเคว้งอยู่

“ใหญ่มาก! มันจะต้องใช้เทคโนโลยีระดับไหนถึงจะสร้างเสาขนาดใหญ่แบบนี้ขึ้นมาได้” เซี่ยเฟยอุทานขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ

“ถ้าห้องโถงห้องไหนถูกสร้างด้วยเสาใหญ่ขนาดนี้ ขนาดของห้องโถงมันก็คงจะมีขนาดเท่า ๆ กับดวงดาวหลายร้อยดวง คำถามก็คือทำไมผู้คนจะต้องสร้างสิ่งปลูกสร้างขนาดใหญ่เหล่านี้ขึ้นมาด้วย มันดูไม่มีประโยชน์อะไรเลยที่จะสร้างห้องขนาดใหญ่แบบนั้นขึ้นมา?” ลินนิจกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว

“บางทีมันอาจจะเป็นอะไรสักอย่างคล้าย ๆ กับอนุสาวรีย์ของวีรบุรุษก็ได้ แต่ที่แน่ ๆ เจ้าของซากปรักหักพังนี้จะต้องเป็นคนที่แข็งแกร่งมาก” เซี่ยเฟยกล่าว

ชายหนุ่มพยายามเคลื่อนที่ผ่านเนบิวลาสีขาวราวกับการเดินผ่านหมอกบาง ๆ ซึ่งในระหว่างที่เขาเดินลึกลงไป เขาก็ได้พบกับเศษซากอารยธรรมมากขึ้นเรื่อย ๆ คล้ายกับว่าเขากำลังเข้าไปยังศูนย์กลางของซากปรักหักพัง

“ดูนั่น! ดูเหมือนว่ามันจะมีอาคารที่ค่อนข้างจะสมบูรณ์อยู่นะ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับชี้ไปยังเศษหินในระยะไกล

เมื่อชายหนุ่มเข้าไปใกล้เขาก็ได้กับพบอาคารที่ไม่ยังถูกทำลาย

อย่างไรก็ตามจู่ ๆ สีหน้าของเซี่ยเฟยก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน ก่อนที่เขาจะรีบเรียกหงส์ครามออกมาในทันที ชั่วพริบตาเซี่ยเฟยก็อยู่ในท่าตั้งรับราวกับว่าเขาได้พบอะไรบางอย่างที่ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ

“มีอะไร?” ลินนิจถามด้วยความสับสน

“มีคนอยู่ในนั้น” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยสีหน้าอันเคร่งขรึม

หลังจากถูกลอบจู่โจมมาถึงสองครั้ง เซี่ยเฟยก็กลายเป็นคนที่ระมัดระวังมากขึ้นกว่าเดิม

“ฉันว่านายไม่ควรใช้อาวุธมายาแบบนั้นหรอกนะ”

***************

ใคร? บรรพบุรุษหรือเทพทั้งสามที่แอบตามหรือใคร?

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ติดตามเราได้ที่

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ คัดลอก หรือนำไปดัดแปลงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืนแล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบนิยาย เรื่องสั้น บทความ หรือเนื้อหาอื่นๆ ที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ที่ keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงานจะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018- keangun. All Rights Reserved.