ตอนที่ 979 ลินนิจและริเวอร์
ตอนที่ 979 ลินนิจและริเวอร์
ชายปริศนาคนนี้เป็นนักรบที่แข็งแกร่งมาก นอกจากนี้เขายังเล่าความลับเรื่องผู้สร้างให้เซี่ยเฟยฟังอย่างมากมาย
ย้อนกลับไปเซี่ยเค่อเคยบอกเซี่ยเฟยมาแล้วว่าสกายวิงมีโอกาสสูงมากที่จะเผชิญหน้ากับ 1 ใน 13 พระเจ้าผู้สร้างดินแดนกฎแห่งนี้ขึ้นมา ชายหนุ่มจึงรู้สึกว่าบางทีชายปริศนาอาจจะจงใจเปิดเผยความลับเรื่องผู้สร้างออกมา เนื่องมาจากชายคนนี้รู้เรื่องการเคลื่อนไหวของสกายวิงเป็นอย่างดี
เซี่ยเฟยไม่รู้ว่าเจตนาที่แท้จริงของชายปริศนาคนนี้คืออะไรกันแน่ แต่การกระทำของอีกฝ่ายมันก็ชวนทำให้เขารู้สึกสงสัยมากขึ้นเรื่อย ๆ
ความจริงแล้วถ้าหากเซี่ยเฟยได้ยินบทสนทนาอีกฝั่งที่เกิดขึ้นพร้อม ๆ กัน เขาก็คงจะสามารถไขข้อข้องใจทุกอย่างได้อย่างง่ายดาย แต่น่าเสียดายที่ลินนิจกับชายปริศนาสนทนากันในคลื่นความถี่อื่น การสื่อสารระหว่างสองคนนี้จึงเป็นการสื่อสารอย่างลับ ๆ โดยที่ชายหนุ่มไม่อาจรับรู้
“ริเวอร์! นายคือริเวอร์ใช่ไหม!?” ลินนิจถามอย่างตื่นเต้น โดยน้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความสั่นเครือราวกับว่าเขากำลังจะร้องไห้
“เราไม่ได้เจอกันนานเลยนะ ไม่คิดเลยว่านายจะค้นพบสายเลือดของนายน้อยก่อนหน้าฉันซะอีก” ชายปริศนาที่ยอมรับว่าตัวเองคือริเวอร์กล่าวพร้อมกับพยักหน้า
พื้นที่ในบริเวณนี้ราวกับว่าถูกตัดออกเป็นสองระนาบที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกันอย่างสิ้นเชิง โดยร่างเนื้อของริเวอร์กำลังสนทนากับเซี่ยเฟยอยู่ ขณะที่ร่างวิญญาณของเขากำลังสนทนากับลินนิจ
ริเวอร์คือผู้ที่เดินทางมาจากอีกฟากฝั่งของประตูจักรวาล และเขาก็คือผู้ที่ใช้พลังผนึกประตูจักรวาลเอาไว้เพียงลำพัง เซี่ยเฟยจึงอยากจะมีโอกาสค้นหาชายคนนี้มาโดยตลอด แต่เมื่ออีกฝ่ายปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าของเขาจริง ๆ เซี่ยเฟยกลับไม่รู้ตัวเลยว่าเขากำลังได้พบกับตัวตนระดับตำนาน
อย่างไรก็ตามริเวอร์ก็ไม่คิดที่จะเปิดเผยตัวตนของตัวเองออกไป แม้แต่ลินนิจที่กำลังจะบอกความจริงให้เซี่ยเฟยรู้ก็ถูกชายคนนี้ส่งสัญญาณหยุดเอาไว้ ชายหนุ่มจึงยังไม่พบเบาะแสว่าชายตรงหน้าคือคนคนเดียวกันกับริเวอร์ในตำนาน
“นายน้อย!? ฉันจำเรื่องในอดีตไม่ได้เลย จำได้แค่ว่านายคือริเวอร์ ส่วนฉันคือลินนิจ พวกเราเคยเดินทางบนอาร์คด้วยกัน แต่นอกเหนือจากเรื่องที่พวกเราก้าวข้ามผ่านประตูจักรวาลมา ฉันก็จำเรื่องอะไรในก่อนหน้านั้นไม่ได้อีกแล้ว” ลินนิจกล่าวพร้อมกับส่ายหัว
ริเวอร์พยักหน้ารับก่อนที่เขาจะยกมือขึ้นปล่อยดวงแสงเข้าไปในดวงวิญญาณของลินนิจ
“ดูเหมือนว่านายจะได้รับผลกระทบจากการระเบิดอย่างร้ายแรงเลยสินะ โซล์มาร์คของนายเลยได้รับความเสียหาย ถ้าหากเรายังไม่ได้ฟื้นฟูโซล์มาร์คของนายกลับมา นายก็ไม่มีทางฟื้นฟูความทรงจำและความสามารถในอดีตกลับมาได้เลย” ริเวอร์กล่าวพร้อมกับถอนหายใจ
“แล้วฉันควรจะทำยังไง? ฉันไม่อยากจะสับสนแบบนี้อีกต่อไปแล้ว” ลินนิจกล่าวอย่างกังวล
“ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวฉันจะช่วยนายเอง” ริเวอร์กล่าวด้วยรอยยิ้ม
—
“เป็นยังไง? ตอนนี้พอจะจำเรื่องทุกอย่างได้แล้วหรือยัง?” ริเวอร์ถามหลังจากที่เขาช่วยซ่อมแซมโซล์มาร์คให้กับลินนิจ
“ฉันจำทุกอย่างได้แล้ว! ตอนนี้มันเหมือนกับว่าฉันได้หลุดเข้ามาในโลกใหม่เลย” ลินนิจกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
ริเวอร์เผยรอยยิ้มออกมาโดยไม่พูดอะไร
“ตอนนี้นายน้อยอยู่ไหน?” ลินนิจเริ่มถาม
ริเวอร์หน้าซีดขึ้นมาอย่างกะทันหัน ก่อนที่เขาจะส่ายหัวอย่างเศร้าใจ
ท่าทางของสหายทำให้ลินนิจใจเสียในทันที จากนั้นหยดน้ำตาก็เริ่มไหลออกมาจากดวงตาทั้งสองข้าง ขณะที่เขาส่งเสียงครวญครางออกมาอย่างเงียบ ๆ
“พิษของซาโปร้ายแรงเป็นอันดับ 3 ของจักรวาล แม้แต่นายน้อยของเราก็ไม่สามารถที่จะทนต่อพิษร้ายชนิดนี้ได้” ริเวอร์กล่าวพร้อมกับถอนหายใจ
ลินนิจยังคงนั่งนิ่งอย่างโศกเศร้าหลังจากที่ได้รับข่าวร้ายเมื่อความทรงจำกลับคืนมา
“นายน้อยมีลูกชายคนหนึ่งกับเซี่ยหลิงโป้ ซึ่งลูกชายคนนั้นก็คือพ่อของเซี่ยเฟย แต่เมื่อ 24 ปีที่แล้วลูกชายของนายน้อยก็เสียชีวิตจากพิษของซาโปด้วยเหมือนกัน เซี่ยเฟยจึงถูกทิ้งให้ใช้ชีวิตตัวคนเดียว”
“นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเซี่ยเฟยถึงมีสายเลือดของสกายวิง 25% สายเลือดของออโรร่าอีก 25% และเขาก็มีสายเลือดอีก 50% เป็นสายเลือดของแม่ที่เป็นชาวโลก” ริเวอร์อธิบายต่อ
“แล้วตอนนี้แม่ของเซี่ยเฟยอยู่ไหน? เธอควรจะยังมีชีวิตอยู่ไม่ใช่เหรอ?” ลินนิจถามอย่างเร่งรีบ
“พิษของซาโปไม่ได้ส่งผลกระทบต่อผู้ที่ติดพิษเท่านั้น แต่มันยังมีการส่งต่อพิษไปยังผู้ที่มีความเกี่ยวข้องกันด้วย ทั้งสองคนจึงเสียชีวิตตั้งแต่วันที่เซี่ยเฟยถือกำเนิดขึ้นมาแล้ว” ริเวอร์กล่าวพร้อมกับส่ายหัว
เซี่ยเฟยยังไม่เคยได้ตรวจสอบประวัติตระกูลของตัวเองโดยละเอียด เขาจึงไม่เคยรู้เลยว่าสายเลือดของเขาคือสายเลือดต้องคำสาปที่มีคนถูกพิษร้ายสังหารไปถึงสองรุ่นแล้ว ที่สำคัญพิษร้ายยังสืบทอดมายังเขาซึ่งเป็นทายาทในรุ่นที่ 3 อีกด้วย
ชายหนุ่มไม่เคยรู้เลยว่าปู่ของตัวเองคือผู้ที่เดินทางมาจากหลังประตูจักรวาล ซึ่งถ้าหากว่าเขารู้เรื่องนี้เซี่ยเฟยย่อมจะต้องอ้าปากค้างด้วยความตกใจ
สิ่งที่พวกเขากำลังพูดถึงคือสังคมที่อยู่ด้านหลังประตูจักรวาลเชียวนะ!
ดินแดนแห่งนั้นคือดินแดนอันลึกลับที่ไม่มีใครเคยได้ล่วงล้ำเข้าไป แล้วพวกเขาย่อมไม่มีทางรู้ว่าตระกูลออโรร่าที่ลินนิจกับริเวอร์กำลังพูดอยู่เป็นตระกูลในระดับไหนกันแน่
“แบบนี้มันก็หมายความว่าเซี่ยเฟยคือนายน้อยของเราใช่ไหม? นายตั้งใจจะเล่าเรื่องหลังประตูจักรวาลให้เขาฟังเลยหรือเปล่า?” ลินนิจถาม
“ตอนนี้มันยังไม่ถึงเวลา ด้วยระดับพลังในปัจจุบันถึงแม้นายน้อยจะรู้เรื่องราวทุกอย่างไป แต่มันก็ไม่มีประโยชน์” ริเวอร์กล่าวพร้อมกับส่ายหัว
“นั่นสินะ ท้ายที่สุดนอกประตูจักรวาลก็มีศัตรูที่แข็งแกร่งอยู่อย่างมากมาย เทียบกันแล้วจักรวาลที่สงบสุขแห่งนี้ดูเหมือนสวรรค์ ขณะที่จักรวาลนั้นมันเป็นเสมือนนรก” ลินนิจกล่าวพร้อมกับส่ายหัวด้วยเช่นกัน
“พิษของซาโปควรจะออกฤทธิ์ในตอนที่เขามีอายุ 24 ปีไม่ใช่เหรอ? ปีนี้เซี่ยเฟยก็อายุ 24 แล้วบางทีพิษของซาโปอาจจะส่งต่อมาไม่ถึงเขาก็ได้ ไม่ว่ายังไงเขาก็มีสายเลือดของออโรร่าเพียงแค่ 25% มันอาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้เขามีชีวิตอยู่มาจนถึงทุกวันนี้ก็ได้” ลินนิจกล่าว
“นายจะบอกแบบนั้นก็ไม่ถูก เท่าที่ฉันสังเกตมานานฉันก็ได้ข้อสรุปมาว่าอัตราส่วนสายเลือดของเซี่ยเฟยส่งผลกระทบอย่างน่าอัศจรรย์มากกว่าที่พวกเราคิด อัตราส่วนของสายเลือดของเขาในตอนนี้ไม่เพียงแต่จะยืดอายุขัยของเขาออกไปได้เท่านั้น แต่มันยังช่วยเร่งศักยภาพในการต่อสู้ทำให้เขาแข็งแกร่งกว่านายน้อยในตอนที่ทั้งคู่อายุเท่ากันซะอีก” ริเวอร์กล่าว
“บางทีพวกเราอาจจะประเมินสายเลือดของชาวโลกต่ำเกินไป การผสมระหว่างสายเลือดของออโรร่ากับสายเลือดของสกายวิงอาจจะให้ผลลัพธ์อันน่าทึ่ง และเมื่อมันได้รับส่วนส่งเสริมจากสายเลือดของชาวโลก มันเลยทำให้พรสวรรค์ของเซี่ยเฟยถูกส่งเสริมอย่างก้าวกระโดดเหนือล้ำมากกว่าคนอื่น ๆ”
“นายรู้ไหมว่าเมื่อสองวันก่อนนายน้อยเซี่ยเฟยถึงกับสามารถสังหารผู้เชี่ยวชาญ 3 กฎระดับจอมเทพขั้นที่ 8 ด้วยซ้ำ การต่อสู้ครั้งนั้นน่าตื่นเต้นมาก สมแล้วที่นายน้อยมีสายเลือดออโรร่า ตระกูลของเราไม่เคยขาดนักรบที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสามารถจริง ๆ” ลินนิจกล่าวอย่างภาคภูมิใจเมื่อนึกถึงภาพที่เซี่ยเฟยได้เผชิญหน้ากับฟูลมูน
“ตอนนั้นฉันก็เฝ้าดูการต่อสู้อยู่ใกล้ ๆ เหมือนกัน นายน้อยเซี่ยเฟยคือนักรบที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์ของชาวออโรร่าจริง ๆ แต่เมื่อเทียบกับนายน้อยของเราแล้ว เซี่ยเฟยมีความสง่างามน้อยกว่าและบ้าคลั่งกว่านายน้อยมาก กลยุทธ์ที่เขาใช้ค่อนข้างที่จะดูหยาบคายสำหรับออโรร่าเกินไปสักหน่อย” ริเวอร์กล่าว
“กลยุทธ์ของเซี่ยเฟยหยาบคายตรงไหน? เมื่อต้องเผชิญหน้ากับศัตรูทำไมเราจะต้องมากังวลเรื่องท่าทางของตัวเองด้วย ถ้าให้ฉันเลือกฉันก็อยากเห็นเซี่ยเฟยมีชีวิตอยู่อย่างหยาบคายดีกว่าตายอย่างสง่างามเหมือนกับนายน้อย” ลินนิจเริ่มกล่าวขึ้นมาอย่างไม่พอใจ
“นี่นาย! ชาวออโรร่าให้ความสำคัญกับการใช้ชีวิตอย่างสง่างามมาโดยตลอด นายอย่าลืมนะว่าเหตุผลที่ทุกคนให้ความเคารพตระกูลออโรร่า นั่นก็เพราะว่าพวกเรายึดมั่นในความซื่อสัตย์มาโดยตลอด ถึงแม้เซี่ยเฟยจะสืบทอดสายเลือดมาจากนายน้อย แต่แนวทางของเขาก็หยาบคายมากเกินไป เขาควรปรับเปลี่ยนตัวเองเพื่อให้เข้ากับแนวทางของออโรร่า” ริเวอร์พยายามโต้เถียง
“เปลี่ยนตัวเอง!? ทำไมเซี่ยเฟยจะต้องเปลี่ยนตัวเองด้วย” ลินนิจเริ่มตะโกนขึ้นมาอย่างหยาบคาย และอาจจะเป็นเพราะว่าเขาอยู่กับเซี่ยเฟยมาเป็นเวลานาน เขาจึงเริ่มซึมซับความไร้เหตุผลของชายหนุ่มมาโดยไม่รู้ตัว
“ลินนิจ นายกลายเป็นคนแบบนี้ไปได้ยังไง? ความภักดีกับความสง่างามที่นายเคยมีมันหายไปไหนหมด?!” ริเวอร์กล่าวอย่างสับสน ซึ่งเห็นได้ชัดเลยว่าเขาไม่ได้มีความสามารถในการโต้เถียงโดยใช้อารมณ์เลยแม้แต่น้อย
“ฉันเรียนรู้เรื่องนี้มาจากนายน้อยเซี่ยเฟยแล้วจะทำไม! อย่างน้อยเซี่ยเฟยก็ไม่เคยใช้ชีวิตแบบขาดทุน ไม่ว่าเขาจะไปที่ไหนเขาก็ได้กำไรกลับมาตลอด” ลินนิจกล่าวพร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์
ริเวอร์ตกใจจนพูดไม่ออก ซึ่งในตอนแรกเขาไม่ค่อยเข้าใจนิสัยของเซี่ยเฟยลึกซึ้งมากนัก แต่เมื่อเขาได้เห็นลักษณะนิสัยของสหายคนสนิทที่เปลี่ยนไป เขาก็เริ่มเข้าใจถึงแก่นแท้ของเซี่ยเฟยมากยิ่งขึ้น
“เอามา!” ลินนิจกล่าวพร้อมกับยื่นมือออกไปด้านหน้า
“เอาอะไร?”
“ในเมื่อนายน้อยเสียชีวิตแล้ว มรดกของนายน้อยก็ควรจะตกทอดไปให้เซี่ยเฟยไม่ใช่เหรอ?” ลินนิจกล่าว
“ลินนิจ! นายเป็นเพียงแค่วิญญาณพิทักษ์ยานรบ นายไม่มีคุณสมบัติที่จะมาทวงมรดกของนายน้อย” ริเวอร์กล่าวอย่างจริงจัง
“วิญญาณพิทักษ์ยานรบแล้วทำไม? นายลืมไปแล้วเหรอว่าก่อนที่ฉันจะกลายเป็นวิญญาณพิทักษ์ยานรบ ฉันก็เคยเป็นนักรบที่โดดเด่นไม่น้อยไปกว่านาย”
“ก่อนหน้านี้ฉันสูญเสียความแข็งแกร่งของตัวเองไปนั่นก็เพราะว่าความจำเสื่อม แต่ตอนนี้ความทรงจำของฉันฟื้นคืนมาหมดแล้ว นายอย่าคิดว่านายจะรังแกฉันได้อีก ย้อนกลับไปนายนั่นแหละควรจะกลายมาเป็นวิญญาณพิทักษ์ยานรบ ส่วนฉันจะทำหน้าที่คอยปกป้องดูแลนายน้อยเอง”
“เลิกพูดเรื่องไร้สาระได้แล้ว! มรดกของนายน้อยควรจะเป็นของเซี่ยเฟย มันไม่ใช่สิ่งที่นายจะต้องมาตัดสินใจว่านายจะมอบมรดกพวกนั้นให้กับเซี่ยเฟยตอนไหน รีบ ๆ เอามันออกมาให้ฉันเร็ว ๆ เข้า” ลินนิจกล่าวอย่างหยาบคาย
“มรดกของนายน้อยสำคัญมากและเซี่ยเฟยก็ยังไม่สามารถจะใช้มันได้ในตอนนี้ ถ้าเซี่ยเฟยเอามรดกไปแล้วมรดกพวกนั้นเกิดสูญหาย ทั้งฉันและนายต่างก็รับผิดชอบเรื่องนี้ไม่ได้ด้วยกันทั้งคู่นั่นแหละ เราควรรอจนกว่าพลังของเซี่ยเฟยจะสูงขึ้นกว่านี้แล้วฉันจะเป็นคนคืนมรดกของนายน้อยให้กับเขาเอง” ริเวอร์กล่าวเมื่อเขาได้นึกถึงนิสัยที่ชอบเอาตัวเองไปเสี่ยงอันตรายของเซี่ยเฟย
“นายอยากจะเก็บมรดกของนายน้อยเอาไว้เองใช่ไหม? เดี๋ยวฉันจะบอกตัวตนที่แท้จริงของนายให้เซี่ยเฟยรู้เดี๋ยวนี้เลย หลังจากนั้นฉันจะให้นายน้อยลงโทษนายที่กล้าเก็บมรดกเอาไว้คนเดียว” ลินนิจขู่
ลินนิจติดตามเซี่ยเฟยมานานหลายเดือนแล้ว เขาจึงเริ่มเรียนรู้ความเจ้าเล่ห์มาจากชายหนุ่ม ทันทีที่เขาพูดจบลงริเวอร์ที่เคยสงบนิ่งมาโดยตลอดก็เริ่มแสดงสีหน้าออกมาอย่างไม่มั่นใจ
อย่างไรก็ตามคำพูดของลินนิจก็เป็นเพียงแค่สิ่งที่วิญญาณอมตะเรียนรู้มาจากเซี่ยเฟยเพียงแค่เล็กน้อย หากชายหนุ่มเป็นคนลงมือด้วยตัวเองเกรงว่าริเวอร์คงจะถูกทรมานมากกว่านี้
“หยุด! ห้ามบอกนายน้อยเด็ดขาด!! การที่เขารู้มากเกินไปมันก็ไม่ใช่สิ่งที่ดี” ริเวอร์พยายามเอื้อมมือไปหยุดลินนิจเอาไว้
“ถ้าอย่างนั้นก็เอามรดกของนายน้อยมา!” ลินนิจกล่าว
“ไม่!! เซี่ยเฟยชอบเอาตัวเองไปเสี่ยงกับอันตราย ถ้าหากเขาได้มรดกของนายน้อยไป มันจะยิ่งทำให้เขาตกอยู่ในอันตรายมากกว่าเดิม ตราบใดก็ตามที่นายสัญญาว่าจะเก็บเรื่องนี้เอาไว้ ฉันสัญญาว่าฉันจะทำเรื่องอื่นให้เป็นการทดแทน” ริเวอร์กล่าว
ลินนิจเหลือบสายตามองไปทางเซี่ยเฟยเล็กน้อย ก่อนที่เขากล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงอันจริงจังว่า
“นายน้อยเป็นคนชอบศึกษาเรียนรู้เรื่องต่าง ๆ มาก นายควรจะรู้ตัวนะว่าหลังจากนี้นายควรจะทำอะไร?”
***************
ริเวอร์ไม่ใช่พ่อพี่เฟย แต่เป็นองครักษ์ปู่พี่เฟย พีคไปอีกกกกก
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 355
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น