ตอนที่ 976 ทดสอบอาวุธชิ้นใหม่
ตอนที่ 976 ทดสอบอาวุธชิ้นใหม่
แม้การต่อสู้ในครั้งนี้จะจบลงด้วยชัยชนะ แต่มันก็เป็นชัยชนะที่ยากลำบากมากที่สุดด้วยเช่นกัน เซี่ยเฟยจำเป็นจะต้องเปิดเผยไพ่ทั้งหมดที่เขามีออกไป โดยเฉพาะช่วงสุดท้ายที่เขาสามารถพลิกจากความพ่ายแพ้มาเป็นชัยชนะได้ด้วยความช่วยเหลือจากขนอุย
“เยี่ยม!” เซี่ยจิงกระโดดชูแขนขึ้นด้วยความตื่นเต้นหลังจากได้เห็นเซี่ยเฟยสังหารศัตรูได้สำเร็จ
“สมแล้วที่เขาเป็นดีม่อนวิงคนที่ 2 ของตระกูล ฉันเหมือนเห็นเงาบรรพบุรุษอยู่ในตัวของเขาเลย บางทีตอนนี้เซี่ยเฟยอาจจะแข็งแกร่งกว่าบรรพบุรุษในช่วงอายุเดียวกันด้วยซ้ำ สักวันเขาจะต้องข้ามผ่านบรรพบุรุษไปได้แน่ ๆ” เซี่ยหงกล่าวขึ้นมาอย่างตื่นเต้นด้วยเช่นกัน
“ผลลัพธ์มันไม่มีทางออกมาแบบนี้เป็นครั้งที่ 2 หรอก เพราะช่องว่างระหว่างสองฝ่ายห่างชั้นกันมากเกินไป อย่างแรกเลยคือฟูลมูนเสียเปรียบในเรื่องแรงกดดันตั้งแต่ช่วงต้นของการต่อสู้ การสูญเสียขนอุยไปทำให้เซี่ยเฟยระเบิดความโกรธทั้งหมดออกมาโดยไม่ต้องสงสัย เรียกได้ว่าโมเมนตัมในช่วงแรกเป็นสิ่งที่สำคัญมาก” เซี่ยเหอหลินกล่าว
“เคยมีคนพูดต่อ ๆ กันมาว่าความโกรธแค้นจะทำให้นักรบสามารถระเบิดพลังออกมาได้อย่างสูงสุด บรรพบุรุษก็เคยบอกพวกเราหลาย ๆ ครั้งว่าสาเหตุที่สกายวิงสามารถต่อสู้ข้ามระดับได้ ประการแรกก็เพราะข้อได้เปรียบในเรื่องของความเร็ว และประการที่ 2 คือพวกเราฝึกฝนการปลดปล่อยจิตอสูร ไม่ว่าพวกเราจะต้องเผชิญหน้ากับศัตรูแบบไหน แต่พวกเราก็จะมีความได้เปรียบในเรื่องของโมเมนตัมอยู่เสมอ” เซี่ยจิงกล่าว
“จิตอสูรของเซี่ยเฟยรุนแรงที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็นมาแล้ว นอกเหนือจากบรรพบุรุษก็คงจะมีเพียงแค่เซี่ยเฟยนั่นแหละที่สามารถระเบิดพลังออกมาได้มากขนาดนี้” เซี่ยหงกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
“ถ้าจิตอสูรไม่มีประโยชน์ทางตระกูลคงจะไม่ให้เราฝึกฝนการควบคุมจิตอสูรของตัวเองหรอก นอกจากนี้เซี่ยเฟยก็มีพลังงานสูงมาก ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเขาไปเอาพลังงานมากมายขนาดนั้นมาจากไหน แต่พลังงานที่เขามีมันเกินกว่าสิ่งที่นักรบระดับราชันย์ควรจะมีอย่างแน่นอน”
“เมื่อรวมพลังงานปริมาณมหาศาลเข้ากับอาวุธชิ้นนั้นและหงส์คราม มันจึงทำให้เซี่ยเฟยสามารถยืนหยัดต่อสู้มาได้อย่างยาวนานขนาดนี้ แต่ปัจจัยพวกนี้อย่างเดียวมันก็ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้เซี่ยเฟยได้รับชัยชนะ สิ่งที่สามารถตัดสินชัยชนะในคราวนี้ได้จริง ๆ คือพลังงานของขนอุยที่ถ่ายโอนไปให้เซี่ยเฟยในวินาทีสุดท้าย”
“ลองนึกดูสิในช่วงเวลาที่การต่อสู้กำลังจะถึงจุดตัดสิน จู่ ๆ ฟูลมูนก็ได้พบว่าตัวเองตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบขึ้นมาอย่างกะทันหัน เขาเลยใช้วิธีการโง่ ๆ โดยการโจมตีต่อเนื่องออกไปเพื่อทำลายพลังของเซี่ยเฟยที่ถูกปลดปล่อยออกมา แต่เขาลืมไปเลยว่าเป้าหมายที่แท้จริงสำหรับการต่อสู้ครั้งนี้คือการสังหารศัตรูลงให้ได้ระหว่างที่พลังงานในร่างของเขากำลังหมดลง เขาเลยถูกเซี่ยเฟยจัดการได้ในที่สุด”
“โมเมนตัมของการต่อสู้ในคราวนี้อยู่ทางฝั่งของเซี่ยเฟยหมดเลย แม้กระทั่งการตัดสินใจที่ผิดพลาดของฟูลมูนก็เป็นประโยชน์ต่อเซี่ยเฟยมาก ๆ เลยด้วย หากขาดปัจจัยหนึ่งใดในนี้ไปฉันก็เชื่อว่าผลลัพธ์คงจะไม่ได้จบลงอย่างสวยงามแบบนี้หรอก” เซี่ยเหอหลินวิเคราะห์สถานการณ์อย่างเป็นขั้นเป็นตอน โดยมีเซี่ยจิงกับเซี่ยหงคอยพยักหน้ารับซ้ำ ๆ อย่างเห็นด้วย
“นายคิดว่าตอนนี้ระดับพลังที่เซี่ยเฟยแสดงออกมาควรจะอยู่ในระดับไหนกันแน่?” เซี่ยหงถามอย่างสงสัย
“ถ้าให้ฉันเดา ตอนนี้ระดับพลังการต่อสู้ที่แท้จริงของเซี่ยเฟยน่าจะอยู่ที่ประมาณจอมเทพขั้นที่ 1-2 และนั่นก็เป็นเหตุผลที่ฉันบอกว่าหากมีการเผชิญหน้ากันอีกครั้ง ผลลัพธ์ย่อมไม่มีทางจบแบบนี้อีกเป็นครั้งที่ 2” เซี่ยเหอหลินกล่าวขณะยกมือซ้ายขึ้นมาแตะคาง
“ฉันว่าคราวนี้นายประเมินเขาต่ำเกินไปหน่อย อย่าลืมนะว่าเซี่ยเฟยเพิ่งได้รับธนูผนึกสวรรค์มา นายก็น่าจะรู้ว่าอุปกรณ์ชิ้นนี้เป็นอุปกรณ์ที่โดดเด่นมากแค่ไหน ทุกคนก็น่าจะรู้กันดีว่าหากไม่ได้มีธนูผนึกสวรรค์คอยช่วยเหลือ ฟูลมูนก็คงจะไม่ถูกยกย่องว่าเป็นมือสังหารอันดับ 1 ของดินแดนกฎ”
“ยิ่งไปกว่านั้นเซี่ยเฟยยังมีพลังกฎที่อยู่เหนือเกินกว่าความเข้าใจของเรา ถ้าหากเขาใช้พลังนั้นผ่านทางธนูผนึกสวรรค์ออกมาใครจะหยุดยั้งพลังของเขาได้ ในความคิดของฉันตอนนี้อย่างน้อยเซี่ยเฟยก็ควรจะมีพลังอยู่ในระดับจอมเทพขั้นที่ 4 แล้ว” เซี่ยจิงกล่าวพร้อมกับถอนหายใจ
สีหน้าของเซี่ยเหอหลินกับเซี่ยหงเปลี่ยนไปเล็กน้อย แล้วมันก็อาจจะจริงอย่างที่เซี่ยจิงว่าที่เซี่ยเหอหลินประเมินเซี่ยเฟยต่ำเกินไป หลังจากการต่อสู้ในครั้งนี้เซี่ยเฟยคงจะทวีความแข็งแกร่งขึ้นจากเดิมอีกครั้ง โดยเฉพาะหลังจากที่ชายหนุ่มสามารถนำธนูผนึกสวรรค์มาใช้ได้อย่างคล่องมือ
—
2 วันต่อมาหลังจากที่ได้บริโภคยาเข้าไปอย่างมหาศาล ประกอบกับพลังงานที่ได้รับมาจากจอมเทพระดับสูง มันจึงทำให้เซี่ยเฟยฟื้นฟูร่างกายกลับมาอย่างสมบูรณ์แล้ว แต่ความเหนื่อยล้าทางจิตใจมันก็ยังไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถฟื้นฟูกลับมาให้สมบูรณ์ได้ง่าย ๆ
ขนอุยกลับมาแสดงท่าทางอวดดีอีกครั้ง ซึ่งย้อนกลับไปในก่อนหน้านี้เพียงแค่ไม่นานมันมักจะกังวลอยู่เสมอว่ามันถูกหงส์ครามแย่งชิงความโดดเด่นจากมันไป แต่ในตอนนี้มันวิวัฒนาการขั้นที่ 7 เรียบร้อยแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นในช่วงวินาทีสุดท้ายของการต่อสู้ มันยังกลับมาหยิบยื่นความช่วยเหลือครั้งสำคัญให้กับเซี่ยเฟยได้อีกด้วย
ทั่วทั้งร่างของขนอุยเต็มไปด้วยหนามแหลมเต็มตัว โชคดีที่หนามเหล่านั้นจะไม่ยื่นออกมาถ้าหากว่ามันไม่ได้เข้าสู่โหมดการต่อสู้ ไม่อย่างนั้นเซี่ยเฟยก็คงจะไม่รู้ว่าเขาจะสามารถเก็บขนอุยเอาไว้ในอกเสื้อของตัวเองได้ยังไง
หลังจากยืดเส้นยืดสายพอประมาณ เซี่ยเฟยก็นั่งลงบนพื้นของห้องบัญชาการยานเจมินี่เพื่อสำรวจสิ่งประดิษฐ์ธนูผนึกสวรรค์ที่เขาเพิ่งได้รับมา
ธนูชิ้นนี้ถูกออกแบบมาเป็นรูปตัว T มีลูกแก้ว 3 ลูกถูกเชื่อมต่อกันด้วยแท่งโลหะ ซึ่งมันถูกสร้างขึ้นอย่างปราณีต, เรียบง่ายและถูกหยิบใช้ได้อย่างเหมาะมือ
“การจัดใช้งานอาวุธชิ้นนี้จำเป็นจะต้องอัดฉีดพลังกฎ 3 ประเภทเข้าไปพร้อม ๆ กันหรือเปล่า? น่าเสียดายที่ผมเรียนรู้กฎมิติมาเพียงแค่กฎเดียว อย่าบอกนะว่ามันคืออุปกรณ์ที่ไร้ประโยชน์เมื่ออยู่ในมือของผม” เซี่ยเฟยกล่าวถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
ลินนิจตกตะลึงไปครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะหลับตาเพื่อค้นหาข้อมูลอย่างรวดเร็ว ไม่ว่ายังไงวิญญาณอมตะตนนี้ก็มีฐานข้อมูลทุกอย่างภายในแดนเทพ หากเซี่ยเฟยมีข้อสงสัยเขาก็เพียงแค่ต้องใช้ให้ลินนิจหาคำตอบมาให้กับเขา
“ไม่ต้องห่วง จากข้อมูลที่ฉันได้หามาธนูคันนี้ถูกขับเคลื่อนด้วยกฎแห่งมิติเท่านั้น ตราบใดก็ตามที่นายใส่พลังกฎมิติเข้าไป นายก็จะสามารถใช้พลังของมันได้แม้ว่ามันจะไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนกับการใช้พลัง 3 กฎออกมาพร้อม ๆ กันก็ตาม”
“นอกจากนี้พลังงานที่ถูกป้อนเข้าไปภายในธนูยังไม่จำเป็นจะต้องเป็นกฎหลักทั้งสี่เท่านั้น แต่นายยังสามารถใช้พลังของกฎรองได้อีกด้วย เพียงแต่คนในดินแดนกฎไม่เชื่อว่าพลังทำลายของกฎรองจะเทียบได้กับกฎหลักจึงมีน้อยคนนักที่ใช้พลังของกฎรองกับธนูคันนี้ แต่ในกรณีของนายมันแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง…” ลินนิจกล่าวพร้อมกับมองไปทางเซี่ยเฟยอย่างลึกลับ
“ต่างกันยังไง?” เซี่ยเฟยถามอย่างสงสัย
“อย่าลืมสิว่ากฎรองที่นายเรียนรู้คือกฎแห่งความเร็วที่ยากที่สุดในจักรวาล และกฎแห่งความโกลาหลที่สามารถลบล้างได้ทุกสิ่ง หากพูดถึงพลังการต่อสู้กฎรองทั้งสองที่นายเรียนรู้มันก็ไม่ได้อ่อนแอไปกว่ากฎหลักทั้งสี่ที่มีอยู่ในจักรวาลเลย” ลินนิจกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“คุณกำลังบอกว่าผมสามารถใช้กฎมิติ, กฎแห่งความโกลาหลและกฎแห่งความเร็วสร้างลูกศรขึ้นมาได้งั้นเหรอ?!” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างตื่นเต้น
“ใช่แล้ว ลูกศรของนายจะมีกฎมิติเป็นรากฐาน มีกฎแห่งความเร็วช่วยเร่งลูกศรให้รวดเร็วดุจสายฟ้า และมีพลังของกฎแห่งความโกลาหลเพื่อทำลายล้างทุกสิ่งที่ขวางหน้า ฉันเชื่อว่าน้อยคนในจักรวาลที่จะสามารถต้านทานลูกศรของนายได้” ลินนิจกล่าวอย่างตื่นเต้นด้วยเช่นกัน
หากทุกอย่างเป็นจริงดังที่ลินนิจได้ว่าไว้ ลูกศรที่เขาสร้างขึ้นมาอาจจะมีความรุนแรงกว่าลูกศรของฟูลมูนด้วยซ้ำ แล้วเมื่อไหร่ก็ตามที่เขาสามารถใช้อาวุธชิ้นนี้ได้อย่างคล่องมือ ในอนาคตมันย่อมกลายเป็นไพ่อีกใบสำหรับเขาอย่างแน่นอน
“เอาล่ะเรามาลองทดสอบพลังของธนูชิ้นนี้กันดีกว่า” เซี่ยเฟยยืนขึ้นลุกไปยังแผงควบคุม เพื่อปรับตำแหน่งให้เจมินี่เดินทางไปยังดาวเคราะห์ร้างอันเงียบสงบ
“ทำไมนายไม่เอาดอกบัวห้วงสมุทรออกมาจากมันก่อนล่ะ?” ลินนิจกล่าวพร้อมกับชี้นิ้วไปยังซูย่าที่นอนหมดสภาพอยู่บนพื้น
“ผมอยากทดสอบธนูผนึกสวรรค์ก่อน เรื่องอื่นเราค่อยมาจัดการกันทีหลัง” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับส่ายหัว
—
เมื่อลงมายังดาวเคราะห์ร้าง ชายหนุ่มก็นำธนูผนึกสวรรค์ออกมาก่อนที่จะเริ่มถ่ายเทพลังกฎทั้งสามเข้าไปยังลูกแก้วทั้งสามลูก
ปิ้ว!
ลูกศรแสงภายในมือถูกปลดปล่อยหายลับไปในพริบตา ซึ่งลูกศรนี้เร็วกว่าลูกศรของฟูลมูนมาก ท้ายที่สุดเซี่ยเฟยก็ได้รวมพลังของกฎแห่งความเร็วเข้าไปในตัวลูกศรด้วย มันจึงเป็นผลให้ลูกศรนี้ยากที่จะหลบหนีมากขึ้นกว่าเดิม
“เร็วมาก! เผลอ ๆ แม้แต่แสงก็ไม่สามารถหลบหนีลูกศรของนายได้!!” ลินนิจกล่าวอย่างตื่นเต้น
ทันใดนั่นเองฟองระเบิดขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นมาให้เห็นในระยะไกล ซึ่งในระหว่างการโจมตีเซี่ยเฟยไม่ได้เล็งไปยังที่ไหนเป็นพิเศษเลย แต่ดูเหมือนว่าลูกศรของเขาจะไปปะทะกับดาวเคราะห์ดวงหนึ่งโดยไม่ได้ตั้งใจ และเมื่อมันเกิดการปะทะมันจึงเกิดการระเบิดที่ไม่คาดฝันขึ้นมาแบบนี้
ภาพเหตุการณ์ต่อมาทำให้ทุกคนช็อกจนอ้าปากค้าง เพราะหลังจากคลื่นระเบิดจางหายไปแล้วดาวทั้งดวงก็หายไปจากตำแหน่งเดิม
“ทำลายดาวทั้งดวงด้วยลูกศรเพียงแค่ดอกเดียวเนี่ยนะ?!” ลินนิจอุทานขึ้นมาอย่างตกตะลึง
เซี่ยเฟยยังคงนิ่งเงียบโดยไม่พูดอะไร ก่อนที่จะก้มหัวลงไปมองซูย่าที่อยู่บริเวณเท้าของเขา
ดอกบัวห้วงสมุทรที่อยู่บริเวณด้านหลังของซูย่าคล้ายกับว่ามันกำลังแสดงความหวาดกลัวออกมาเล็กน้อย เมื่อมันได้เห็นพลังทำลายจากลูกศรที่เซี่ยเฟยเพิ่งปลดปล่อยออกไป
“เอาล่ะคราวนี้พวกเรามาเริ่มจัดการดอกบัวห้วงสมุทรกันดีกว่า” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับเผยรอยยิ้มขึ้นมาอย่างเจ้าเล่ห์
ฉัวะ!
เนอร์วาน่าถูกดึงออกมาอย่างกะทันหัน ก่อนที่มันจะตัดร่างของกิเลนเพลิงให้ขาดออกจากกันเป็นสองส่วน
พลังงานปริมาณมหาศาลถูกดูดซับเข้าไปภายในสมองของเขาอย่างรวดเร็ว แต่เซี่ยเฟยไม่ได้สนใจพลังงานพวกนั้นเลย เพราะช่วงเวลาสำคัญที่สุดกำลังจะเดินทางมาถึงแล้ว
เมื่อผู้ครอบครองเสียชีวิตลงอาวุธมายาจำเป็นจะต้องหวนกลับคืนสู่จักรวาล แต่เซี่ยเฟยต้องการจะท้าทายกฎบัญญัติของจักรวาลข้อนี้เพื่อบังคับให้ดอกบัวห้วงสมุทรยังคงอยู่กับเขาต่อไป
ดอกบัวทั้งสองบนหลังของกิเลนเพลิงสูญสลายหายไปอย่างรวดเร็ว ก่อนที่มันจะรวมตัวกันกลายเป็นลำแสงเล็ก ๆ ที่เตรียมพร้อมจะพุ่งตัวออกไปยังจักรวาลอันกว้างใหญ่ไพศาล
หงส์ครามยืดยาวไปอย่างรวดเร็วก่อนที่จะสร้างกรงขนาดใหญ่กักขังดอกบัวห้วงสมุทรเอาไว้ด้านใน ขณะเดียวกันเนอร์วาน่าและขนอุยก็แยกออกไปประจำตำแหน่งซ้ายขวา พร้อมกับจ้องมองไปยังอาวุธมายาตรงหน้าด้วยแววตาที่ชั่วร้าย
ในเวลาเดียวกันเซี่ยเฟยก็รวบรวมพลังเข้าสู่ธนูผนึกสวรรค์อีกครั้ง และชี้เป้าของธนูไปยังดอกบัวห้วงสมุทรโดยตรง
“คิดจะหนีงั้นเหรอ!?”
ภายใต้การปิดล้อมที่โหดร้ายแบบนี้ เขาก็อยากจะรู้จริง ๆ ว่าดอกบัวห้วงสมุทรจะหนีไปไหนได้
***************
ขู่ให้กลัวสุด ๆ จะยอมจำนนดี ๆ หรือจะสูญสลายไปเลย เลือก!!
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 247
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น