Porpiang Writer 1 : The Superhero Arc บทที่ 2 การทดลองที่ประสบความสำเร็จ

Porpiang Writer 1 : The Superhero Arc

-A A +A

Porpiang Writer 1 : The Superhero Arc บทที่ 2 การทดลองที่ประสบความสำเร็จ

หมวดหนังสือ: 

วันเสาร์ที่ 1 มกราคม ค.ศ. 2000

โรงพยาบาลฮีลฮอว์ค (Healhawk Hospital) เซ็นเตอร์ซิตี้ (Center City) กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย

 

        องค์กรซีมเลสฮิวแมนได้ส่งกองทัพนักวิทยาศาสตร์มาที่โรงพยาบาล เพราะรู้แล้วว่ามีครอบครัวหนึ่งมีลูกที่เป็นฝาแฝดต่างเพศที่เกิดจากไข่ใบเดียวกัน และมาตรวจครรภ์ที่โรงพยาบาลนี้เป็นประจำ และวันนี้คือวันคลอดของครอบครัวเดลวิน (The Delwin Family)

        เวลาเที่ยงคืน นางเดลวินเกิดอาการเจ็บท้องอย่างรุนแรง และนายเดลวินสามีของเธอก็รีบพาเธอส่งโรงพยาบาล โดยไม่รู้ว่า มีองค์กรจากต่างประเทศเข้ามาแฝงตัวด้วย โดยพวกเขาเหล่านั้นมากับรถตู้สีดำ และมีสัญลักษณ์เป็นวงกลมโดยมีมือข้างซ้ายชูนิ้วหัวแม่มืออันเป็นโลโก้ประจำองค์กรติดอยู่บนรถตู้

        เวลาตีสี่ พวกเดลวินมาถึงโรงพยาบาล และพวกซีมเลสฮิวแมนแฝงตัวมาเป็นหมอ แต่ในขณะนั้นพวกครอบครัวคอร์เรีย (The Corria Family) ซึ่งมีทั้งจอห์น เคอร์ด้า และเซอร์ซี่ย์ (Cersey Corria) ก็เข้ามาถึงโรงพยาบาลเช่นกัน โดยผู้เป็นพ่อเป็นฝ่ายเข้าไปขัดขวางเพียงคนเดียว โดยปล่อยให้ผู้เป็นแม่และลูกรออยู่บริเวณรอบโรงพยาบาล

        เซอร์ซี่ย์ คอร์เรีย เป็นสาวผมบลอนด์ นัยน์ตาสีฟ้า ใส่ชุดทักซิโด้ออฟฟิศสีดำ กระโปรงยาวสีดำ รองเท้าส้นสูงสีดำ และตอนนี้เธอก็อยู่กับลูกสาว กำลังทัวร์รอบโรงพยาบาล โดยที่ครอบครัวคอร์เรียนั้นด้วยความที่พวกเขาศึกษาภาษาไทยมาตลอด พวกเขาจึงสามารถพูดไทยได้ค่อนข้างชัดเจนและคล่องตามแบบคนไทยทั่วไป

        และในที่สุด เวลาหกโมง จอห์นก็มาพบกับภรรยาและลูกสาว ด้วยท่าทีที่หดหู่พอสมควร เพราะว่า...

        “พ่อคะ ได้ผลบ้างไหม?” เคอร์ด้าถามพ่อของเขา

        “ก็ล้มเหลวเหมือนเดิม” จอห์นตอบ “พ่อห้ามเท่าไรก็ไม่หยุดเสียที แถมแย่กว่าเดิม นั่นก็คือเขาทำสำเร็จแล้ว”

        สองแม่ลูกคอร์เรียหน้าถอดสีอย่างหนักเมื่อรู้คำตอบจากปากผู้เป็นพ่อ

        “เป็นความจริงเหรอคะพ่อที่เขาทำสำเร็จ?” เคอร์ด้าถาม

        “ใช่แล้วลูก” จอห์นตอบ “พ่อมาถึงห้องคลอดในจังหวะที่พวกซีมเลสฮิวแมนเอาเด็กทั้งสองออกไปทดลองนี่แหละ พ่อรีบถามพวกนั้นทันทีเลยว่าทำไมต้องเอาไปทดลองด้วย แต่พวกมันก็ตอบกลับไปว่า ‘พวกเราอยากรู้ว่ายาที่เราสร้างขึ้นมาล่าสุดนี้มีผลกับเด็กยังไง’ ซึ่งมันไม่สมเหตุสมผลสิ้นดีในความคิดของพ่อ แต่พ่อก็หยุดไม่ได้อยู่ดี ได้แต่ตามไปทนดูการทดลองที่แสนโหดร้ายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และการฉีดยาครั้งนี้คือ พวกเขากลายเป็นยอดมนุษย์ที่มีอายุยืนนานกว่ามนุษย์ทั่วไปเป็นร้อยเป็นพันเท่า มีพลังฟื้นฟูตัวเองได้ สามารถยก ผลัก ดัน ดึงของหนัก ๆ ที่มนุษย์ทั่วไปคนเดียวทำไม่ได้ สามารถปล่อยลูกไฟและลำแสงหลากสีได้ มีสายตาวิเศษที่ระบุสถานะบุคคลหรือระบุสิ่งที่มองไม่เป็นด้วยตาเปล่าแบบทะลุสิ่งกีดขวางได้ แต่ไม่ทะลุเข้าไปภายในสิ่งมีชีวิตนะ แถมสองฝาแฝดนี้ยังมีการสื่อสารทางกระแสจิตระหว่างกันด้วยนะ

        “พวกที่ทดลองเด็กฝาแฝดตั้งชื่อให้กับพวกเขาว่า อดัม และอีฟ โดยมีนามสกุลตามครอบครัวเดลวิน (Adam & Eve Delwin) แต่พ่อกับแม่ของเขาไม่มีส่วนร่วมในการตั้งชื่อเลย โดยพวกนั้นให้เหตุผลไปว่าพวกเขาต้องการจะทำให้สองฝาแฝดคู่นี้เป็นรุ่นบุกเบิก ก่อนจะผลิตยาเพิ่มเพื่อนำตัวยาไปใช้งานให้มนุษย์ทุกคนเป็นยอดมนุษย์ทั่วโลก แต่พ่อรู้อยู่แก่ใจว่ามันต้องมีข้อเสีย และเรื่องนี้มันจะยังไม่จบง่าย ๆ แน่นอน แต่พวกเขาไม่สนใจพ่อเลย”

        “หนูว่าเอาอย่างนี้ดีไหมคะพ่อ หนูจะคุยกับลุงแดนเองค่ะ” เคอร์ด้าตอบ

        “ก็ดีเหมือนกันนะลูก” จอห์นพูด “เดี๋ยวพ่อจะติดต่อแดนให้ช่วยจัดการเรื่องนี้เลย”

 

        แดเนียล “แดน” ไทเลอร์ (Daniel “Dan” Tyler) เป็นเจ้าหน้าที่เอฟบีไอและเป็นคู่หูของจอห์นมาโดยตลอด และเขาเองก็ได้ติดตามและระแคะระคายเรื่องโครงการนี้เหมือนกัน และแน่นอนว่า เมื่อแดนกับจอห์นร่วมมือกัน เขาจึงคิดทฤษฎีขึ้นมาใหม่นั่นก็คือ ทฤษฎีความขัดแย้งที่เกิดจากการมีพลังวิเศษในสังคมมนุษย์ โดยเขาอธิบายไว้ว่า มนุษย์จะใช้พลังวิเศษเหล่านั้นกลายเป็นอาวุธในการทำลายล้างกันเอง รวมถึงจอห์นก็พยายามบอกว่าไม่ใช่ทุกคนบนโลกใบนี้จะสามารถรองรับยาตัวนี้ได้หมด

        แต่ทฤษฎีที่เป็นไม้ตายที่จะจัดการกับซีมเลสฮิวแมน ในช่วงแรก ๆ กลับถูกปัดตกจากสังคม ดังนั้น จอห์นก็เลยต้องหาวิธีใหม่ที่จะหยุดองค์กรซีมเลสฮิวแมนให้ได้ แต่ในขณะเดียวกัน ทางองค์กรก็ผลักดันให้ยานี้ถูกเผยแพร่ไปทั่วโลกให้ได้ ด้วยชื่อรุ่น 1.0 รุ่นล่าสุดที่ไม่ได้มีเหตุผลอะไรนอกจากเมื่อทดลองกับสองฝาแฝดเดลวินแล้วมันจะต้องได้ผลแน่นอน และมันก็ได้ผลจริง ๆ และเมื่อได้ผล ก็ต้องผลักดันให้ยาได้วางจำหน่ายเต็มที่ และหวังว่าเสี้ยนหนามเก่าจะไม่มีวันขัดขวางได้ หารู้ไม่ว่า หลังจากทุ่มเวลาตั้งหลายสัปดาห์ จอห์นก็สามารถผลิตอาวุธมาประชันกับโครงการลับได้แล้ว เพราะถึงแม้เขากับแดนไม่สามารถควบคุมจำนวนประชากรยอดมนุษย์ได้ แต่ทั้งสองสามารถควบคุมคุณภาพของยอดมนุษย์ได้ พวกเขาไม่ต้องการให้ยอดมนุษย์ใช้ชีวิตสะเปะสะปะในสังคมต่อไปได้ง่าย ๆ อาวุธที่ว่านั่นก็คือ “พระราชบัญญัติว่าด้วยการจัดระเบียบ ควบคุม และคุ้มครองสิทธิยอดมนุษย์” เพื่อควบคุมคุณภาพของยอดมนุษย์ให้เป็นไปตามความเหมาะสม ซึ่งเนื้อหาคร่าว ๆ ภายในพระราชบัญญัตินี้ ก็จะเน้นไปที่การลงทะเบียนพิเศษเพื่อยืนยันว่า บุคคลคนนั้นอยู่ในสถานะการเป็นยอดมนุษย์แล้วอย่างเป็นทางการ และการทำบัตรประจำตัวยอดมนุษย์ด้วย โดยสิทธิยอดมนุษย์จะมีทั้ง สิทธิที่จะได้รับการคุ้มครองจากเจ้าหน้าที่ของแต่ละประเทศ สิทธิที่จะใช้พลังวิเศษที่ตนเองมี สิทธิที่จะป้องกันจากคนที่จะมาทำร้าย และสิทธิอื่น ๆ อีกมากมาย ทั้งนี้ก็เพื่อไม่ให้พวกยอดมนุษย์บางกลุ่มจะมาก่อความวุ่นวายได้ ซึ่งกฎหมายนี้เป็นกฎหมายสากล สามารถใช้ได้ทุกประเทศทั่วโลก โดยขั้นตอนการจะเป็นยอดมนุษย์นั้น ผู้ใดก็ตามที่ต้องการจะเป็นยอดมนุษย์อย่างสมัครใจ จะต้องลงทะเบียนยืนยันการเป็นยอดมนุษย์ก่อน จากนั้นค่อยฉีดยาที่ทางรัฐบาลในแต่ละประเทศพัฒนาต่อยอดจากยาของซีมเลสฮิวแมน แล้วก็ทำบัตรประจำตัวยอดมนุษย์ไว้ด้วย ส่วนพวกที่ได้พลังยอดมนุษย์ก่อนที่กฎหมายนี้จะออก ก็สามารถลงทะเบียนยืนยันการเป็นยอดมนุษย์ได้เลย

        และจอห์นก็ได้เสนอร่าง พ.ร.บ. นี้ให้แก่รัฐสภาแห่งประเทศสหรัฐอเมริกานำไปพิจารณา ปรากฏว่าทางรัฐสภาก็รับลูกนำร่าง พ.ร.บ. นี้ไปพิจารณาใช้เป็นกฎหมายทันที เนื่องจากร่าง พ.ร.บ. นี้สนับสนุนทฤษฎีความขัดแย้งที่เกิดจากพลังวิเศษในสังคมมนุษย์ของจอห์นอย่างมาก เป็นวิธีป้องกันไม่ให้เหตุการณ์ในทฤษฎีนั้นเกิดขึ้นอย่างร้ายแรง โดยเชื่อว่าพลังยอดมนุษย์นั้นรุนแรงยิ่งกว่านิวเคลียร์ที่รุนแรงที่สุดตั้งหลายหมื่นเท่า โดยถ้าจะเกิดสงครามโลกครั้งที่สามจริง ๆ อาจกลายเป็นสงครามยอดมนุษย์ที่ประเทศมหาอำนาจใช้พลังวิเศษทำลายล้างกันเองจนกลายเป็นหายนะของมนุษยชาติได้ ส่วนองค์กรซีมเลสฮิวแมน เมื่อรู้ข่าวนี้ก็พยายามขัดขวางไม่ให้กฎหมายนี้ได้ผ่านไปให้ได้ พร้อมกับหาสารพัดวิธีที่จะโต้กลับจอห์นอย่างรุนแรง ด้วยการกล่าวหาจอห์นว่าเป็นคนที่เสียสติที่ไม่ช่วยอะไรทางองค์กรเลยนอกจากจะจับผิดอย่างเดียว แต่ดูเหมือนการโต้กลับครั้งนี้ก็ไม่ได้ผล เพราะสุดท้ายแล้ว การโต้กลับครั้งนี้ก็ไม่สามารถขวางการพิจารณากฎหมายจัดระเบียบยอดมนุษย์ได้ และรัฐสภาก็ประกาศบังคับใช้ร่างกฎหมายนี้เป็นกฎหมายสากลทันที โดยที่ทางองค์กรก็ไม่สามารถจัดการอะไรได้เลย โครงการโปรเจกต์อันโนนที่ซีมเลสฮิวแมนอุตส่าห์ทำมาตลอดก็ต้องถูกรัฐบาลแต่ละประเทศแบ่งไปดูแล โดยซีมเลสฮิวแมนจะไม่มีสิทธิ์ที่จะไปยุ่งเกี่ยวข้องกับโครงการนี้เด็ดขาด แต่อย่างไรก็ตามพวกซีมเลสฮิวแมนนั้นมีหรือจะยอมแพ้ เพราะพวกเขายังมีส่วนหนึ่งของโครงการที่ซีมเลสฮิวแมนแอบยึดมาเป็นของตัวเองและดูแลด้วยตัวเองให้ได้ แต่เพื่อแสร้งทำเป็นว่าพวกเขายอมแบ่งยาให้ทางรัฐบาลดูแล ดังนั้น พวกเขาจึงส่งยาที่เหลือไปเก็บไว้ในศูนย์วิทยาศาสตร์แห่งหนึ่งในเมืองเซ็นเตอร์ซิตี้...

 

วันอาทิตย์ที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2000

โรงพยาบาลไดมอนด์อาร์มสตรอง (Diamond Armstrong Hospital) เซ็นเตอร์ซิตี้ กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย

เวลา 10:00 น.

 

        ครอบครัวหนึ่งที่เป็นผู้ที่มีอิทธิพลกับโลกใบนี้ ด้วยความเป็นหัวหน้ากิจการครอบจักรวาลทุกสถาบัน ในเครือ “มาสเตอร์ ยูนิเวอร์ซัล เอ็นเตอร์ไพรส์” (Master Universal Enterprise) จึงทำให้ทุกครั้งที่มีเหตุการณ์เกิดขึ้นกับครอบครัวนี้ ก็กลายเป็นข่าวดังได้ง่าย ๆ

        ใช่แล้ว ครอบครัวมาสเตอร์ (The Master Family) เป็นครอบครัวที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในยุคนี้ และคู่สามีภรรยาในช่วงนี้ อย่าง แอนดรูว์ มาสเตอร์ (Andrew Master) กับมาร์ธา เจน (Martha Jane) ก็ได้มีทายาทคนแรกแล้วด้วย วันนี้ เวลาสิบโมง สมาชิกคนใหม่แห่งครอบครัวมาสเตอร์ก็ได้ถือกำเนิดแล้ว ที่โรงพยาบาลไดมอนด์อาร์มสตรอง โดยเกิดมาเป็นบุตรชาย

        แน่นอนว่า นายพาเกอร์ซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกที่ทำงานให้กับครอบครัวมาสเตอร์มาโดยตลอด ก็ต้องมาเยี่ยมชมครอบครัวประธานด้วยเหมือนกัน โดยนายพาเกอร์ก็จะมาพร้อมกับครอบครัวพาเกอร์ (The Paker Family) มาด้วย ซึ่งนอกจากนางพาเกอร์แล้ว ทั้งคู่มีลูกสาวและลูกชายอย่างละหนึ่งคน โดยลูกสาวเป็นพี่คนโต ชื่อ ก็อปปี้ พาเกอร์ (Coppy Paker) ผมสั้นสีดำ ผิวคล้ำน้ำตาล ใส่เสื้อซูเปอร์แมนสีน้ำเงินแบบไม่มีผ้าคลุม ใส่กางเกงขายาวสีดำ ส่วนลูกชายที่เป็นน้อง ชื่อ ลี พาเกอร์ (Lee Paker) ทรงผมเป็นหนามรอบหัวเล็กน้อยและผมสีดำ ผิวสีอ่อนกว่าพี่สาวเล็กน้อย ใส่เสื้อฮูดแขนยาวสีเทา กางเกงขายาวสีเทาเข้ม รองเท้าบู๊ตสีน้ำตาล และดูเหมือนว่าลีจะอายุเท่าเคอร์ด้าเลย ในขณะที่พี่สาวของลีแก่กว่าเขาสักสองปีครึ่ง

        ครอบครัวพาเกอร์มาเยี่ยมครอบครัวมาสเตอร์ที่โรงพยาบาลไดมอนด์อาร์มสตรอง และเมื่อรู้ว่าทายาทคนแรกของตระกูลมาเฟียชื่อดังได้ถือกำเนิดขึ้นมาแล้ว นายพาเกอร์ก็เข้าไปเยี่ยมครอบครัวมาสเตอร์ทันที

        นายพาเกอร์เข้าไปที่ห้องพักคนไข้หมายเลข 428 และก็พบกับแอนดรูว์ยืนอุ้มลูกชายอยู่ข้าง ๆ เตียงของมาร์ธา เธอนั่งจิบชาในแก้วมีหูสีขาวใบนั้นแล้ววางลง

        “ไง มิสเตอร์พาเกอร์” แอนดรูว์ว่าและยิ้ม “ลูกชายฉันน่ารักมากไหม?”

        “อ๋อ น่ารักจริง ๆ ครับท่านประธาน” นายพาเกอร์บอก

        “เอาล่ะ ตอนนี้พวกเราได้ตั้งชื่อให้ลูกของพวกเราแล้วนะ” มาร์ธาว่า “เขาชื่อ พอเพียง มาสเตอร์ และชื่อเล่นของเขาคือ เพ้นท์” (Porpiang “Paint” Master)

        “เอาเถอะ มิสเตอร์พาเกอร์ นายจะจัดงานอะไรเพื่อต้อนรับสมาชิกใหม่ของพวกเราล่ะ” แอนดรูว์ถาม

        “ผมคิดไอเดียใหม่ออกแล้วครับ” นายพาเกอร์ว่า “ผมจะเสนอให้วันที่ 14 เมษายนนี้ เปลี่ยนยี่ห้อที่มีชื่อมาสเตอร์นำหน้า ให้เป็นยี่ห้อที่มีชื่อพอเพียงนำหน้าเลยครับ แล้วก็เปลี่ยนชื่อเครือจากมาสเตอร์ยูนิเวอร์ซัลเอ็นเตอร์ไพรส์ เป็น พอเพียงเอ็นเตอร์ไพรส์แล้วกันนะครับ (Porpiang Enterprise)”

        “ดีเลย ถ้าอย่างนั้น ก็ไปจัดการให้เรียบร้อยแล้วกัน”

 

        หลังจากพูดคุยกับครอบครัวมาสเตอร์เสร็จแล้ว นายพาเกอร์ก็เดินออกมาจากห้องแล้วพบกับลูกชายของเขา

        “พ่อครับ ขอไปดูเด็กน้อยคนนั้นหน่อยนะครับ” ลีร้องเรียกพ่อของเขา

        “ได้จ้ะลูก แต่ดูแลเขาให้ดี ๆ ล่ะ เพราะหนูน้อยคนนั้นเป็นลูกชายของเจ้านายใหญ่ของพ่อนะ” นายพาเกอร์บอก

        “ได้ครับ” ลีพูด จากนั้นก็รีบไปหาเตียงที่มาร์ธานอนทันที

        “คุณเจนครับ” ลีร้อง “ขอดูหน้าของเพ้นท์หน่อยนะครับ”

        “ได้จ้ะ” มาร์ธาบอก จากนั้นก็ชี้ไปที่เตียงรถเข็นเด็กของพอเพียง

        ลีได้มาดูหน้าตาของพอเพียงว่าเป็นยังไงบ้าง เด็กชายแรกเกิดที่หน้าตาน่ารักใช้ได้เลย และแถมชอบเล่นกับคนอื่น ๆ อีกด้วย ลีรู้สึกผูกพันกับเด็กคนนี้มาก และเมื่อนึกขึ้นมาได้จึงถามแม่ของเด็กชายพอเพียงไปว่า

        “คุณเจนครับ ขอผมเลี้ยงดูเจ้าหนูเพ้นท์ได้ไหมครับ”

        มาร์ธาหันมาดูเด็กชายคนนี้ด้วยความรู้สึกสงสัย

        “ทำไมเหรอจ๊ะ” เธอถาม

        “ผมอยากเลี้ยงเขา อยากให้เขาเติบโตเป็นคนดีครับ” ลีตอบ

        “ได้จ้ะ” มาร์ธาตอบ “แต่ฉันมีเงื่อนไขอย่างหนึ่ง”

        “อะไรเหรอครับ?” ลีถาม

        “เธอสามารถทำเสียงคนแก่ได้ใช่ไหม?” มาร์ธาถาม

        “ได้ครับ ว่าแต่ทำไมเหรอครับ?”

        “เงื่อนไขก็คือ ฉันจะให้ลูกชายฉันเรียกเธอว่าลุงน่ะสิ”

        “จริงเหรอครับ???” ลีร้องเสียงลิงโลด

        “ใช่” มาร์ธาตอบ เธอยิ้มให้เด็กชายเสื้อสีเทา และเด็กชายคนนั้นก็ยิ้มตาม

 

        และหลังจากที่กลับไปถึงบ้าน พอเพียงได้รับการเลี้ยงดูเป็นอย่างดีมาก พอเพียงนั้นเป็นเด็กที่เลี้ยงง่าย น้อยครั้งนักที่เขาจะร้องไห้ นั่นหมายความว่า พอเพียงท่าจะเข้มแข็งกว่าที่คิด โดยบ้านของเขาเป็นคฤหาสน์หลังใหญ่ ติดจานดาวเทียมทั้งซีแบนด์และเคยูแบนด์ มีช่องให้เลือกดูเยอะแยะมาก รวมไปถึงคอมพิวเตอร์ตอนนั้นอยู่ในยุคปลายของวินโดวส์มี (Windows ME) (มี ในที่นี้ย่อมาจาก มิลเล็นเนี่ยมอิดิชั่น (Millennium Edition)) และจากนั้นมันก็ย่างเข้าสู่ยุคของวินโดวส์เอ็กซ์พี (Windows XP) พอดี ซึ่งการเลี้ยงดูพอเพียงในยุคสองพันถือว่ายังไม่มีอะไรมากเท่าไรนัก

        แต่พอเพียงตอนที่เข้ามาในบ้านใหม่ ๆ เขาก็ได้รู้จักกับคนในบ้านของเขาหลายคน รวมไปถึงรุ่นพี่ที่แวะมาเยี่ยมบ้านมาโดยตลอด นั่นก็คือ ทันนี่ ซันไชเนอร์ (Tunny Sunshiner) เขาแวะมาเยี่ยมบ้านของพอเพียงเพราะบ้านของเขามีบริการเครื่องเกมคอนโซลตลอดเวลา โดยเฉพาะตั้งแต่ยุคโซนี่ เพลย์สเตชั่น (Sony PlayStation) โดยปกติเด็กผู้ชายยุค 90 จะชอบเล่นแต่พวกเกมที่ให้ความสนุก ๆ มัน ๆ หรือท้าทายทั้งสิ้น เช่น วินนิ่งอีเลฟเว่น หรือ โปรอีโวลูชั่นซ็อกเกอร์ (Winning Eleven/Pro Evolution Soccer) ซึ่งเป็นชุดเกมฟุตบอลของค่ายโคนามิ, ชุดเกมต่อสู้อย่างสตรีทไฟเตอร์ (Street Fighter Series) จากค่ายแค็ปคอม หรือเท็คเค็น (Tekken Series) จากนัมโค หรือถ้าเป็นเกมพีซีช่วงนี้ เกมเคาน์เตอร์สไตรค์ (Counter Strike) เกมยิงมัลติเพลเยอร์ที่ผลิตโดยบริษัทวาล์วคอร์เปอเรชั่นกำลังมาแรงมาก และน้อยคนนักที่จะรู้ว่ามันเกิดมาจากม็อดของเกมยิงที่บริษัทวาล์วทำขึ้นเหมือนกันแต่วางจำหน่ายก่อนตั้งหนึ่งหรือสองปี นั่นคือ ฮาล์ฟไลฟ์ (Half Life)

        แต่กับทันนี่ เขาต่างออกไป เขาสนใจแต่เกมแนวแข่งรถสมจริงมากกว่า นั่นก็คือซีรี่ส์กรันทูริสโม (Gran Turismo) ซึ่งเขาเล่นมาตั้งแต่เกมภาคแรกสุด (ตอนนั้นทันนี่และผองเพื่อนอยู่ ป.2) และในสมัยเพลย์สเตชั่นรุ่นแรกสุดจะมีคอนโทรลเลอร์สำหรับเครื่องนี้สองชนิด ชนิดแรกคือคอนโทรลเลอร์คลาสสิก เป็นจอยที่ไม่มีก้านอะนาล็อกคู่ มีแต่แป้นดีแพด ปุ่มซ้ายขวาเลข 1 และ 2 รวมถึงปุ่มสามเหลี่ยม สี่เหลี่ยม วงกลม และกากบาท ส่วนแกนกลางคือปุ่มเลือกกับปุ่มเริ่ม ส่วนจอยอีกชนิดคือดูอัลช็อค ซึ่งเพิ่มก้านอะนาล็อกคู่ กับปุ่มเปิดปิดใช้งานอะนาล็อก และถูกใช้เป็นมาตรฐานของจอยคอนโทรลเลอร์มาจนถึงปัจจุบัน และแน่นอนว่าบ้านมาสเตอร์ บ้านมาเฟียใจดี ก็ต้องบริการเด็ก ๆ ถึงที่สุด โดยซื้อจอยคอนโทรลเลอร์ทั้งสองชนิดของเพลย์สเตชั่นมาให้เลยชนิดละสองอัน และนอกจากนี้ ช่วงสมัยยุค 80 ทางครอบครัวมาสเตอร์ก็ได้บริการเครื่องเกมคอนโซลที่เป็นตำนานอย่าง นินเท็นโด แฟมิลี่ คอมพิวเตอร์ (แฟมิคอม) (Nintendo Family Computer (Famicon)) หรือชื่อตะวันตกเรียกว่าเอ็นเตอร์เทนเมนท์ซิสเต็ม (Nintendo Entertainment System (NES)) ตามมาด้วยนินเท็นโด ซูเปอร์ แฟมิลี่ คอมพิวเตอร์ (ซูเปอร์แฟมิคอม) (Nintendo Super Family Computer (Super Famicom)) หรือชื่อตะวันตกเรียกว่า ซูเปอร์เอ็นเตอร์เทนเมนท์ซิสเต็ม (Super Nintendo Entertainment System (Super NES)) เซก้า เมก้าไดรฟ์ (Sega Megadrive) หรือชื่อตะวันตกเรียกว่า เจเนซิส (Sega Genesis) และเครื่องเกมรุ่นเดียวกับเพลย์สเตชั่น 1 อย่าง เซก้า แซตเทิร์น (Sega Saturn) และนินเท็นโด 64 (Nintendo 64) พวกมาสเตอร์ก็เคยบริการให้กับพวกเด็ก ๆ มาก่อนแล้ว

        นอกจากเกมแล้ว บ้านมาสเตอร์ก็บริการการ์ตูนและสาระความรู้ง่าย ๆ สำหรับเด็กเช่นกัน ในสมัยนั้นจะมีทั้งการ์ตูนและซีรี่ส์สำหรับเด็กเต็มไปหมดเลย ส่วนใหญ่จะเป็นการ์ตูนมังงะ เป็นอนิเมะ และซีรี่ส์ซูเปอร์ฮีโร่ญี่ปุ่นเสียเป็นส่วนใหญ่ โดยถือว่านี่คือครอบครัวมาเฟียที่เอาใจเด็ก ๆ ในหมู่บ้านเดอะแรบบิท (The Rabbit Village) โดยเฉพาะเลย

        แต่สำหรับทันนี่ เขาเล่นเกมกรันทูริสโมทั้งภาคแรกและภาคสองบนแพลตฟอร์มเพลย์สเตชั่น 1 มาแล้ว จนกระทั่งมาถึงยุคของเพลย์สเตชั่น 2 (Sony PlayStation 2) ในตอนนั้นพอเพียงเกิดมาแล้วเรียบร้อย ซึ่งเด็กน้อยไม่ได้เกิดทันยุคของเพลย์สเตชั่น 1 เกิดมาก็ได้เห็นบ้านของเขามีเครื่องเกมเพลย์สเตชั่น 2 แล้ว และช่วงปี 2001-2002 ก็คือปีที่มีอะไรใหม่ ๆ เข้ามาบ้านเยอะมาก ทั้งวินโดวส์เอ็กซ์พี กรันทูริสโมภาค 3 เอ-สเปค (Gran Turismo 3 A-Spec) แล้วก็จอยพวงมาลัยโลจิเทค จีทีฟอร์ซ (Logitech GT Force) ที่ทันนี่ติดตั้งไว้เพื่อเล่นกับเกมนี้โดยเฉพาะ ซึ่งพอเพียงติดใจมาก และมันสร้างแรงบันดาลใจให้เขากลายเป็นเกมเมอร์สายแข่งรถสมจริงเป็นอย่างมากในอนาคต แต่ในปีคริสต์ศักราช 2003 มันก็มีเรื่องที่น่าสนใจยิ่งกว่าเข้ามาแทรกอีก เรื่องนั่นก็คือ...

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.