Porpiang Writer 1 : The Superhero Arc บทที่ 3 หมู่บ้านใกล้เคียง

Porpiang Writer 1 : The Superhero Arc

-A A +A

Porpiang Writer 1 : The Superhero Arc บทที่ 3 หมู่บ้านใกล้เคียง

หมวดหนังสือ: 

วันอาทิตย์ที่ 14 เมษายน ค.ศ. 2003

หมู่บ้านเรดไทเกอร์ (Red Tiger Village) เมืองเซ็นเตอร์ซิตี้ กรุงเทพมหานคร

 

        วันสงกรานต์วันที่สองมาถึงอีกครั้ง แต่ครอบครัวเจ้าพ่ออย่างครอบครัวมาสเตอร์นั้นไม่ค่อยมีเวลาว่างที่จะเล่นสงกรานต์แทบทุกปีหรอก ปีนี้ก็ไม่เว้น เพราะว่าวันนี้ครอบครัวนี้ต้องไปเยี่ยมครอบครัวอีกครอบครัวหนึ่งในหมู่บ้านอีกแห่งหนึ่ง นั่นก็คือหมู่บ้านเรดไทเกอร์ด้วยเหตุผลบางอย่าง

        ครอบครัวมาสเตอร์ได้นั่งรถฟอร์ด โฟกัส อาร์เอส (Ford Focus RS) แฮตช์แบ็คห้าประตูสีแดง โดยคนที่นั่งมามี เด็กชายพอเพียง “เพ้นท์” มาสเตอร์ วัยสามขวบ ทรงผมสั้นปกติปลายชี้โค้งแหลมคมหลายลอนสีดำ สีผิวสีเนื้ออมเหลืองอ่อน นัยน์ตาสีดำทั้งสองข้าง ใส่เสื้อฮูดแขนยาวสีเทาทับเสื้อแขนสั้นสีน้ำเงินอมดำ กางเกงยีนขายาวสีน้ำเงินเข้ม สวมเข็มขัดสายสีดำอ่อนหัวสีเทา รองเท้าผ้าใบสีเทา

        ส่วนพ่อกับแม่ของเขา คุณพ่อแอนดรูว์หน้าเหลี่ยมเล็กน้อย ผิวสีเข้มกว่าพอเพียงเล็กน้อย ผมจอนสีดำ ใส่เสื้อมีกระดุมสีน้ำเงิน กางเกงลายพรางขายาว รองเท้าบู๊ตสีน้ำตาล ส่วนคุณแม่มาร์ธา หน้าคล้ายลูกชาย (จริง ๆ หน้าตาของเธอเป็นต้นแบบให้กับพอเพียงอย่างมาก เพียงแต่ลูกชายจะคางเหลี่ยมนิดหน่อย แต่เหลี่ยมน้อยกว่าคุณพ่อแอนดรูว์อีกแน่ะ) เธอใส่แว่นกรอบมน ผมสั้นประบ่าสีดำ ใส่เสื้อแขนสั้นสีดำ กางเกงขาสั้นสีดำ รองเท้าหนังสีดำ โดยรวมแล้วครอบครัวนี้ดูแปลกนิดหน่อยนะ

        ส่วนเหตุผลบางอย่างที่ว่าก็คือ ครอบครัวมาสเตอร์จะมาเยี่ยมที่บ้านเลขที่ 711/77 ซึ่งเป็นบ้านของครอบครัวริคเค็น (The Rickken Family) โดยเฉพาะอาร์เธอร์ ริคเค็น (Arthur Rickken) เพื่อนสนิทของแอนดรูว์ เพราะว่าแอนดรูว์เคยตกลงกับนายริคเค็นเรื่องลูกสาวคนที่สามของนายริคเค็น ว่านายริคเค็นมีเจตนาจะยกเธอให้เป็นลูกสะใภ้ของครอบครัวมาสเตอร์เลย เพราะว่าเขาเห็นแววพอเพียงดูเหมาะสมที่จะดูแลลูกสาวคนที่สามอย่างมาก ในขณะที่ลูกชายคนแรก ลูกสาวคนที่สอง และลูกชายคนสุดท้องของนายริคเค็นนั้นก็ต้องรอดูกันต่อไปว่าลูกเขยอีกคนกับลูกสะใภ้อีกสองคนจะเหมาะสมพอที่จะดูแลลูก ๆ ของนายริคเค็นได้ดีเท่าพอเพียงหรือไม่ โดยการตกลงครั้งนั้นเกิดขึ้นประมาณสามวันก่อนที่จะมาเยี่ยมบ้านริคเค็น โดยในวันศุกร์ที่ 11 เมษายน เย็นนั้นหลังจากการตกลงกันระหว่างแอนดรูว์กับนายริคเค็นทางโทรศัพท์มือถือแล้ว มาร์ธาที่ได้ยินแอนดรูว์พูดคุยกับนายริคเค็น ก็อยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น เลยไปถามแอนดรูว์

        “คือว่า...” แอนดรูว์พยายามอธิบาย “ผมได้คุยกับอาร์เธอร์เพื่อนสนิทของผมไปแล้วเรื่องลูกสาวคนที่สามของเขา เขาจะยกให้เป็นลูกสะใภ้ของพวกเราน่ะ”

        “ที่รัก ฉันเองก็เข้าใจนะคุณ แต่อย่าลืมสิว่าเราเป็นครอบครัวมาเฟียนะ” มาร์ธาว่า “คุณจำไม่ได้เหรอว่าตอนที่ฉันเจอคุณเป็นครั้งแรก ออร่ามาเฟียในตัวคุณและพ่อแม่คุณทำให้ฉันกลัวมาก แต่พอคบกับคุณไปสักพักฉันกับครอบครัวฉันพอจะยอมรับออร่ามาเฟียได้และได้แต่งงานกันในที่สุด จริงอยู่ที่ไม่ใช่ทุกคนที่จะกลัว อย่างเช่นอาร์เธอร์นี่แหละคนหนึ่ง แต่ลูกสาวของเขาจะกลัวออร่ามาเฟียในตัวลูกชายของเราหรือเปล่า”

        “อาร์เธอร์บอกว่าลูกสาวคนที่สามของเขาไม่กลัวออร่ามาเฟียในตัวลูกชายของเราอยู่แล้ว” แอนดรูว์ตอบ “แต่มันก็ไม่แน่หรอก อะไรมันก็เกิดขึ้นได้ เธอจะเกรงกลัวออร่ามาเฟียในตัวลูกของเราหรือเปล่าก็ยังเดาไม่ได้”

        แต่ไม่ทันขาดคำ แอนดรูว์และมาร์ธาก็ได้ยินเสียงลูกชายของพวกเขาดังขึ้นพร้อมกับเจ้าตัวที่เดินเข้ามาในห้องว่า “พ่อครับ แม่ครับ คุยอะไรกันอยู่เหรอครับ?”

        พ่อกับแม่สะดุ้งและชะงักทันที แล้วก็หันมาทางลูกชายวัยสามขวบที่แสนน่ารักและแสนสงสัยของพวกเขา จากนั้นก็กลับมามองหน้ากันเองเพื่อคุยอีกครั้ง

        “จะบอกลูกชายยังไงดีล่ะ?” มาร์ธากระซิบถาม

        “งั้นเอาเป็นว่า ให้ผมคุยกับลูกก่อนแล้วกันนะ” แอนดรูว์กระซิบตอบ จากนั้นก็ไปบอกลูกชายว่า “เพ้นท์ พ่อกับแม่ตกลงกันไว้ว่าจะไปเยี่ยมบ้านเพื่อนของพ่อกัน”

        “เหรอครับ!” พอเพียงร้องและทำตาวาวอย่างตื่นเต้นมาก

        “ใช่แล้วลูก” แอนดรูว์ตอบ “เขาชื่อ อาร์เธอร์ ริคเค็น ตอนนี้เขามีครอบครัวแล้วนะ”

        “แล้วยังไงเหรอครับ?” พอเพียงถาม

        “ถ้าลูกได้เจอครอบครัวของเขานะ ...เอ่อ... ลูกจะต้องภูมิใจในครอบครัวนี้แน่นอนจ้ะลูก” มาร์ธาเสริม (เธอยังมีจังหวะอ้ำอึ้งด้วย)

        “ทำไมเหรอครับ” พอเพียงถาม

        “เขามีลูกสี่คน คนแรกคือลูกชาย สองคนต่อมาคือลูกสาว และคนสุดท้ายคือลูกชาย” แอนดรูว์ตอบ “อาร์เธอร์บอกว่าลูกสาวคนที่สามของเขาอายุเท่าลูกเป๊ะเลย ไม่แน่ว่าลูกอาจจะชอบเธอก็ได้นะ”

        หลังจากการพูดคุยครั้งนั้น พอเพียงชักจะรู้สึกสนใจเรื่องลูกสาวคนที่สามของนายริคเค็นที่อายุเท่าเขามากขึ้นแล้ว แม้พ่อกับแม่ของเขาจะไม่ได้อธิบายให้เขาฟังเต็ม ๆ ก็ตาม (หรือจะเรียกเป็นศัพท์สมัยนี้ว่า สปอยล์ ไปเลยก็ได้ เพราะมันสื่อความหมายคล้าย ๆ กัน) แต่ก็ดีกว่าสปอยล์ไปเต็ม ๆ แล้วทำให้พอเพียงเสียอรรถรสไปเลยน่ะ

        ซึ่งนั่นมันก็ส่งผลมาถึงวันที่ 14 เมษายน 2003 ที่ได้ปูมาก่อนหน้านี้ เพราะในที่สุด รถของพวกมาสเตอร์ก็ได้มาจอดหน้าบ้านเลขที่ 711/77 ซึ่งเป็นบ้านที่มีเนื้อที่กว้างมาก ตัวบ้านเหมือนกับเป็นคฤหาสน์ของมหาเศรษฐี และก็มีโรงจอดรถที่ไว้จอดรถตั้งสองหรือสามคัน รวมไปถึงสระว่ายน้ำที่กว้างด้วย (ก็แหงละพวกริคเค็นเป็นครอบครัวเศรษฐีที่มีชื่อเสียงในประเทศไทยอีกครอบครัวหนึ่งนี่นา)

        แอนดรูว์พาภรรยาและลูกชายลงจากรถแล้วมากดกริ่งหน้าบ้านหนึ่งครั้ง และในอีกไม่ถึงสิบวินาทีต่อมา มีคนมาเปิดประตูรั้วหน้าบ้านต้อนรับทันที

        นายริคเค็น ชายผู้มาในมาดร่างผอมสูง ไว้เคราสีดำ ผมจอนยาวสีน้ำตาล นัยน์ตาสีน้ำเงิน ใส่เสื้อลายตารางหมากรุกสีแดง-ดำ กางเกงขายาวสีดำ รองเท้าผ้าใบสีดำ ออกมาเปิดประตูรั้วหน้าบ้านต้อนรับคนมาเยี่ยมบ้าน และเมื่อรู้ว่าคนที่มาเยี่ยมคือครอบครัวของเพื่อนซี้ก็ตกตะลึงทันที และในขณะนั้นครอบครัวของนายริคเค็นออกมาเดินเล่นรอบบ้าน ทำให้นายริคเค็นที่เจอเหตุการณ์แบบนี้ถึงกับต้องเรียกสมาชิกครอบครัวที่เหลือมาหาครอบครัวมาสเตอร์ทันทีว่า “เอ่อ...ทุกคน ครอบครัวเพื่อนพ่อมาหา ออกมาต้อนรับหน่อยเร็ว”

        ว่าแล้ว ภรรยาและลูก ๆ ตระกูลริคเค็นก็มาหา ภรรยาของนายริคเค็นชื่อ นางแคทเธอรีน ริคเค็น (Katherine Rickken) เป็นคนตัวผอมเหมือนกัน แต่ตัวสูงไม่เท่านายริคเค็น เธอผมยาวถึงช่วงหลังสีเหลืองแซม นัยน์ตาสีน้ำเงินแกมเขียว ใส่ชุดเดรสแขนยาวสีขาว

        ส่วนลูก ๆ อีกสี่คนก็มี แบร์รี่ ริคเค็น (Barry Rickken) ลูกชายคนโต ตัวสูงที่สุดในหมู่พี่น้อง ทรงผมบ้าน ๆ จอนยาวสีดำ นัยน์ตาสีน้ำเงิน ใส่เสื้อลายตารางหมากรุกสีส้ม-ดำ กางเกงยีนสีม่วงเข้ม รองเท้าสีดำ

        แคลร์ ริคเค็น (Claire Rickken) ลูกสาวคนที่สอง ตัวสูงรองลงมา นัยน์ตาสีน้ำเงิน ผมสีทองยาวถึงช่วงหลังเหมือนแม่ของเธอ ใส่เสื้อยืดแขนสั้นสีขาว กระโปรงสีชมพู รองเท้าสีขาว

        โซเฟีย ริคเค็น (Sofia Rickken) ลูกสาวคนที่สาม ตัวสูงเป็นอันดับสาม สูงเท่าพอเพียงเป๊ะ มาในลุคผมยาวถึงช่วงหลังสีบลอนด์น้ำตาล ใส่พวงดอกไม้บนหัวตลอดเวลา นัยน์ตาสีน้ำเงินเขียว ผิวสีน้ำตาลชมพูอ่อน รวมถึงชอบใส่เสื้อแขนยาวสีขาว กางเกงขายาวสีดำ รองเท้าสีดำ

        เจฟ ริคเค็น (Jeff Rickken) ลูกชายคนสุดท้อง เป็นเด็กที่ตัวเตี้ยที่สุด เพราะเตี้ยกว่าพอเพียงสักห้าเซนติเมตร เป็นเด็กผมเกรียนสีทอง นัยน์ตาสีน้ำเงินเขียว ใส่เสื้อแขนสั้นสีดำ กางเกงขายาวสีดำ รองเท้าสีดำด้วย

        “สวัสดีแอนดรูว์” นายริคเค็นว่า “ไม่ได้เจอกันนานเลยนะเพื่อน นายมีลูกแล้วเหรอ?”

        “ใช่” แอนดรูว์ตอบ “ว่าแต่นายเถอะอาร์เธอร์ ลูกสี่เลยเหรอเนี่ย?”

        “ลูกเยอะยิ่งดีสิ” นายริคเค็นตอบ

        และแอนดรูว์ก็หันไปบอกลูกชายว่า “เพ้นท์ สวัสดีคุณอาร์เธอร์และคุณแคทเธอรีนหน่อยนะ”

        “สวัสดีครับ คุณริคเค็น และคุณนายริคเค็น” พอเพียงทักทายและยกมือไหว้ทันทีโดยไม่ลังเล

        “สวัสดีจ้ะเพ้นท์” นายริคเค็นทักทายตาม ส่วนนางริคเค็นหันไปเรียกลูก ๆ ของเธอให้สวัสดีกลับบ้าง

        “สวัสดีคุณแอนดรูว์และคุณมาร์ธาหน่อยจ้ะลูก ๆ ทั้งสี่”

        “สวัสดีครับ/สวัสดีค่ะ คุณมาสเตอร์ คุณเจน” ลูก ๆ ทั้งสี่ของตระกูลริคเค็นยกมือไหว้ทักทายโดยไม่ลังเล

        แต่ก็ไม่นาน พอเพียงกับโซเฟียหันมาจ้องหน้ากัน แล้วรู้สึกถูกใจอย่างบอกไม่ถูก พวกเขายิ้มและหน้าแดงให้กัน ถ้าเป็นการ์ตูนคอมิกและแอนิเมชั่นละก็คงจะมีเอฟเฟกต์หวานแหววแทรกเข้ามาในฉากแล้วล่ะ พอเพียงกับโซเฟียนั้นต่างคนต่างพยายามที่จะทำความรู้จักกันให้ได้ และเมื่อ...

        “เอาเป็นว่าพวกเราแยกย้ายกันไปคุยตามใจชอบแล้วกันนะ เด็ก ๆ ไปคุยที่ห้องนั่งเล่น แคทเธอรีนกับคุณมาร์ธาไปที่ห้องอาหารได้นะ ส่วนผมจะคุยกับแอนดรูว์ที่ห้องทำงานของผมเอง” นายริคเค็นบอก

        พวกเขาก็แยกย้ายกันไปคุยกันตามที่บอก แต่เรื่องที่ทุกคนคุยนั้นก็มีแต่เรื่องพอเพียงกับโซเฟียนั่นแหละ

        ตัดมาที่ฝั่งของลูก ๆ ที่ไปที่ห้องนั่งเล่น และรอจังหวะให้พอเพียงหรือโซเฟียแสดงออกทางความรักกับอีกฝ่ายก่อน แต่พอเพียงกลับบอกว่า

        “คืองี้ ฉันมีเรื่องจะสารภาพน่ะ พ่อของฉันหลังไมค์กับพ่อของเธอเรื่องพวกเรา และตกลงกันว่าจะยกเธอให้เป็นลูกสะใภ้ของครอบครัวฉัน ซึ่งมันก็ไม่ผิดเท่าไรนัก แต่ฉันก็ไม่รู้ว่าพวกเขาจะดูความเต็มใจของฝ่ายลูกหรือเปล่านะว่ามันตรงกับที่ฝ่ายพ่อแม่ต้องการไหม”

        “ไม่เป็นไร” โซเฟียตอบ “ละครโทรทัศน์ของไทยช่วงนี้ก็เป็นแบบนี้มาเยอะน่ะ พระเอกโดนพ่อจับคลุมถุงชนมาแต่งงานกับนางร้าย แต่พอพระเอกกับนางร้ายเจอกันครั้งแรกทำให้พระเอกไม่ถูกใจ แล้วก็ไปปิ๊งนางเอกอย่างลับ ๆ โดยที่ฝ่ายพ่อพระเอกและฝ่ายนางร้ายไม่รู้เลย จนกระทั่งได้มามีความขัดแย้งกันระหว่างพ่อลูก และนางเอกกับนางร้าย ก็เลยกลายเป็นการตบตีกันอย่างไม่น่าจะสมเหตุสมผลเลย”

        “คือฉันชอบเธอจริง ๆ นะ” พอเพียงพูด “ฉันรู้ว่าเธอก็ชอบฉัน และชอบด้วยความเต็มใจทั้งคู่ แต่เรามีกาลเทศะ เราไม่ได้จะแสดงความรักในเชิงคู่รักในตอนนี้หรอก ฉันแสดงความรักแค่เพื่อนกันเอง ความเป็นคู่รักจะแสดงออกในวัยเจริญพันธุ์มากกว่า”

        แต่เหมือนระหว่างที่คุยกัน แบร์รี่ แคลร์ และเจฟก็ฟังอยู่ด้วย กำลังลุ้นให้พอเพียงกับโซเฟียจูบกัน สุดท้ายพอเพียงต้องเปลี่ยนเรื่องคุยทันที

        “เอาเป็นว่า พักเรื่องความรักระหว่างเราสองคนไว้ก่อน พี่น้องของเธอลุ้นให้เราจูบกันจนพวกเราอายแล้วสิ” พอเพียงพูด “ฉันรู้สึกว่าฉันพูดเหมือนโตเกินวัยนะ ว่าไหม?”

        “เธออาจจะหลุดโตเกินวัยไปบ้าง แต่เธอก็เป็นเด็กที่เข้าสังคมเก่งนะ” โซเฟียตอบ

        “ฉันอยากจะทำความรู้จักกับหมู่บ้านนี้จังเลย ว่ามีอะไรอีกบ้างนอกจากครอบครัวของเธอ” พอเพียงพูด

        “โอเค เดี๋ยวฉันจะพาไปดูเอง” โซเฟียตอบ แต่เธอกระตุกแขนพอเพียงเบา ๆ เมื่อเขาจะเดินออกไปจากห้องแล้วถามว่า “อ๊ะ เดี๋ยว ๆ ก่อนที่ฉันจะพาเธอไป ฉันขอเรียกเธอว่าเพ้นท์ตามพ่อกับแม่ของเธอได้ไหมจ๊ะ?”

        “ได้” พอเพียงตอบ “แล้วอยากให้ทั้งหมู่บ้านนี้เรียกฉันว่าเพ้นท์บ้างหรือเปล่าล่ะ?”

        “อยากจ้ะ” โซเฟียตอบ “เอาล่ะ ไปที่สนามเด็กเล่นกันเถอะ จะได้ทำความรู้จักกับเพื่อน ๆ ในหมู่บ้านนี้กัน”

        ว่าแล้วโซเฟียก็พาพอเพียงออกไปนอกบ้านเพื่อไปหาเพื่อนที่สนามเด็กเล่นในหมู่บ้าน ปล่อยให้แบร์รี่ แคลร์ และเจฟอยู่ในบ้านกับพ่อแม่ของพวกเขาด้วยกัน

        ระหว่างทาง พอเพียงกับโซเฟียก็ได้คุยเรื่องราวจิปาถะ เช่น...

        “เออนี่เพ้นท์ ฉันยังไม่รู้วันเกิดของเธอเลย” โซเฟียเริ่มพูด “เธอเกิดวันที่เท่าไหร่ล่ะ?”

        “ฉันเกิดวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ปี 2000 น่ะ” พอเพียงตอบ

        “เกิดวันเดียวกับฉันเลย!” โซเฟียร้อง

        “อ้า! วันเกิดตรงกัน แถมชอบกันเสียด้วย!” พอเพียงว่า สีหน้าดูตื่นเต้นมาก

        “ว่าแต่เธอจะเริ่มเรียนชั้นอนุบาลที่ไหนดีล่ะ?” พอเพียงถาม “ถ้าเป็นฉัน ฉันจะเรียนที่โรงเรียนเซนต์ไอแซ็ค (Saint Issac School) เป็นโรงเรียนที่เป็นแทบทุกอย่าง เด็กด้อยโอกาสก็สามารถเข้าไปเรียนได้ไม่ต้องสอบแข่งขัน หรือจะเป็นเด็กที่เรียนเก่ง ๆ ก็สามารถสอบแข่งขันได้ พ่อแม่ของฉันกำลังจะเตรียมสมัครในปีหน้าน่ะ”

        “อ๋อ ฉันเองก็จะเรียนที่นั่นด้วยเหมือนกันนะ” โซเฟียบอก

        “อืม...” พอเพียงพูด “ว่าแต่ ครอบครัวของเธอมาที่หมู่บ้านนี้ตั้งแต่ปีไหนกันล่ะ?”

        “อ๋อ ครอบครัวฉันย้ายมาที่นี่ตั้งแต่ปี 2001 แล้วจ้ะ”

        “อ๋อ” พอเพียงว่า “เอ...จะพูดเรื่องอะไรต่อดีน้า...”

 

        ที่สนามเด็กเล่นหมู่บ้านเรดไทเกอร์

        พอเพียงกับโซเฟียมาหาเพื่อน ๆ เด็กผู้ชายอีกสี่คน ที่กำลังเล่นฟุตบอลอยู่ มีชื่อ หน้าตา และแต่งตัวดังต่อไปนี้

        ธันวา บรูทัลบลัด (Thanwa Brutalblood) เด็กชายที่ตัวสูงที่สุดในกลุ่ม ทรงผมตั้งแหลมเป็นลอน ๆ สีน้ำตาล นัยน์ตาสีน้ำเงิน ใส่เสื้อคลุมแขนยาวสีน้ำเงินทับเสื้อยืดสีดำ กางเกงขายาวสีเทา รองเท้าผ้าใบสีดำ นอกจากนี้ด้วยความที่เขาคลั่งไคล้อัศวินยุคกลาง เขาจึงใส่เกราะติดไหล่ทำจากพลาสติกเพื่อเสริมแกร่ง

        เป้ง อีเกิลฮาร์ท (Peng Eagleheart) เด็กชายผมเหลือง นัยน์ตาสีเหลือง ผมด้านข้างทั้งซ้ายขวาชี้โค้งขึ้นเหมือนทรงขนเม่นของชาโดว์ เดอะเฮดจ์ฮ็อก เม่นสีดำลายสีแดงของเกมชุดโซนิค ใส่เสื้อคลุมแขนยาวสีเหลืองทับเสื้อแขนสั้นสีดำ

        ปอนด์ โซลบริงเกอร์ (Pond Soulbringer) เด็กชายนัยน์ตาสีน้ำเงินเข้ม ผมนสีขาว และด้านบนปลายชี้โค้งออกจากกันสองลอนให้มันดูน่ารักขึ้น ใส่เสื้อคลุมแขนยาวสีน้ำเงินแต่เข้มกว่าของธันวา กางเกงขายาวสีเทา รองเท้าผ้าใบสีดำ

        แบงค์ แบล็คฮาร์บิงเจอร์ (Bank Blackharbinger) เด็กชายผมสีขาว ทรงผมคล้ายยอดนักสืบจิ๋วโคนัน แต่ไม่มีปลายลอนที่ชี้โด่เด่ข้างหลัง นัยน์ตาสีแดง ใส่เสื้อคลุมแขนยาวสีดำ สวมผ้าพันคอสีดำ กางเกงขายาวสีเทา รองเท้าผ้าใบสีดำ

        การแต่งกายของเด็กชายทั้งสี่คนนี้ ไม่ใช่แค่ผู้อ่านหรอกที่สงสัย พอเพียงเห็นครั้งแรกก็สงสัยเหมือนกัน ว่าทำไมพวกเขาทั้งสี่คนแต่งตัวคล้ายกัน แต่ต่างกันตรงที่หน้าตาและสีเสื้อคลุมอย่างเดียว แต่อย่างไรก็ตาม ทันทีที่พอเพียงกับโซเฟียก้าวเท้าเข้ามาในสนามเด็กเล่น เพื่อน ๆ ทั้งสี่ก็หยุดเล่นฟุตบอลแล้วเดินเข้ามาหาทั้งสองทันที

        “อ้าว โซเฟีย นี่ใครล่ะเนี่ย?” ธันวาถาม “หล่อเชียวนะ”

        “ฉันชื่อ พอเพียง มาสเตอร์” พอเพียงตอบ “เรียกฉันว่าเพ้นท์ก็ได้นะ”

        “ได้” ธันวาตอบ

        “แล้วพวกนายสีคนชื่ออะไรล่ะ?”

        “ฉันชื่อ ธันวา บรูทัลบลัด” ธันวาแนะนำตัว “ครอบครัวฉันย้ายมาอยู่หมู่บ้านนี้หลังจากครอบครัวของโซเฟียแค่สองปี”

        “ฉัน เป้ง อีเกิลฮาร์ท” เป้งแนะนำตัว “ครอบครัวฉันย้ายมาหมู่บ้านนี้หลังจากที่ฉันเกิดมา”

        “ฉันชื่อ ปอนด์ โซลบริงเกอร์” ปอนด์แนะนำตัว “ครอบครัวของฉันสนิทกับครอบครัวของเป้ง และย้ายมาที่นี่พร้อมกับเป้งเลย”

        “และฉันชื่อแบงค์ แบล็คฮาร์บิงเจอร์” แบงค์แนะนำตัว “ครอบครัวฉันอยู่ที่หมู่บ้านนี้มานานก่อนครอบครัวโซเฟียเสียด้วยซ้ำ”

        “ยินดีที่ได้รู้จักนะทุกคน” พอเพียงพูด และยื่นมือเพื่อเชคแฮนด์เพื่อนใหม่

        “ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน” เด็กชายทั้งสี่ตอบ และยื่นมือเพื่อเชคแฮนด์ตาม และพอเพียงก็ต้องเชคแฮนด์เพื่อนใหม่ทีละคนจนกว่าจะครบ

        “คือ ก่อนที่ฉันกับโซเฟียจะมาที่นี่ พวกเราสองคนคุยกันเรื่องวันเกิดของพวกเรา และเรื่องโรงเรียนที่พวกเราจะเรียนชั้นอนุบาลน่ะ ขอเริ่มเรื่องวันเกิดก่อน พวกนายสี่คนรู้ไหมว่า ฉันกับโซเฟียเกิดวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ปี 2000 น่ะ”

        “ว้าว!!” ปอนด์ร้องด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่ตื่นเต้นผสมกับอยากจะจับสองคนนี้มาเป็นคู่จิ้น “เหมือนเป็นพรหมลิควิด – เอ้ย! ลิขิตด้วย แหม เกิดวันแห่งความรักซะด้วยแน่ะ”

        เป้งถอนปอนด์แรง ๆ หนึ่งที พร้อมกับทำหน้าตาดุ ๆ ใส่ด้วย ทำให้ปอนด์ต้องสงบอย่างรวดเร็ว

        “แล้วพวกนายล่ะเกิดวันที่เท่าไร” พอเพียงถาม

        “ฉันเกิดวันที่ 6 มกราคม 2000” ธันวาตอบ

        “ฉันเกิดวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2000” เป้งตอบ

        “ฉันเกิดวันที่ 7 มีนาคม 2000” ปอนด์ตอบ

        “ฉันเกิดวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2000” แบงค์ตอบ

        “อืม...” พอเพียงทำเสียงงึมงำ “ทีนี้มาที่เรื่องของโรงเรียนดีกว่า ฉันกับโซเฟียจะเรียนที่โรงเรียนเซนต์ไอแซ็คน่ะ แล้วพวกนายล่ะจะเรียนที่ไหน?”

        “ฉันเรียนที่เซนต์ไอแซ็คเหมือนกัน” ธันวาตอบ

        “ฉันด้วย” เป้งตอบ

        “ฉันเหมือนกัน” ปอนด์ตอบ

        “ฉันก็เช่นกัน” แบงค์ตอบ

        “โอเค” พอเพียงพูด “แสดงว่าทุกคนก็เรียนที่เดียวกับฉันหมดเลยสินะ ว่าแต่ หมู่บ้านนี้มีอะไรที่น่าสนใจสำหรับฉันบ้างล่ะ?”

        “หมู่บ้านนี้น่ะเหรอ?” ธันวาว่า “ก็มีหลายอย่างเลยล่ะ เริ่มจากผู้คนที่นี่เป็นมิตรกับคนจากนอกหมู่บ้านมาก ๆ และเป็นกันเองด้วยล่ะ ส่วนเรื่องที่นายต้องระวังคือ นักเลงประจำหมู่บ้านนี้อย่างเจ้าจัมโบ้ดีกว่า (Jumbo The Village Bully) เจ้าหมอนี่มันยอดจอมเกเรตัวพ่อเลยล่ะ”

        “ใช่แล้ว” เป้งเสริม “หมอนี่เขามีลูกกระจ๊อกสักสองสามคนได้ และเขาเป็นนักเลงที่ไม่มีเด็กคนไหนในหมู่บ้านนี้ปราบได้เลยนะ นายก็ระวังตัวดี ๆ แล้วกัน”

        “ถ้ายังงั้นเขามาตอนไหนล่ะ เดี๋ยวฉันจะไปจัดการปราบเขาให้เอง” พอเพียงถาม และรู้สึกว่าดูท้าทายดีที่จะได้ปราบนักเลงด้วยตัวเอง

        “เฮ้ย!!” ธันวาร้อง “นายจะเอาจริงเหรอ?!”

        “ใช่ ฉันเอาจริง” พอเพียงตอบ “ฉันเป็นลูกมาเฟียกิจการครอบจักรวาล แต่ไอ้หมอนั่นน่าจะไม่รู้ว่าฉันเก่งแค่ไหน หึ ๆ ว่าจะไม่อวดแล้วนะ สุดท้ายก็อวดจนได้”

        ทันใดนั้นทั้งหมดก็ได้ยินเสียงกรีดร้องของเด็กหญิงคนหนึ่งที่ลักษณะเหมือนกำลังถูกลวนลามจากผู้ไม่หวังดี พอเพียงเห็นท่าไม่ดีจึงพาเพื่อน ๆ ของเขาทั้งห้าคนไปยังที่เกิดเหตุทันที

        ปรากฏว่าที่เกิดเหตุนั้นใกล้กับสนามเด็กเล่นแบบห่างกันไม่ถึงสิบเมตร มีเด็กหญิงคนหนึ่งทั้งโดนเปิดกระโปรง ทั้งโดนจับหน้าอก โดยคนที่ไม่จำเป็นต้องบอกให้ยืดยาวก็รู้เลยว่าเป็นจัมโบ้ จอมเกเรประจำหมู่บ้านเรดไทเกอร์นั่นเอง เขามีลูกกระจ๊อกอีกสองสามคนที่ทำหน้าที่ขวางเด็กหญิงอีกคนหนึ่งที่พยายามที่จะบุกเข้าไปช่วยเด็กหญิงที่โดนลวนลาม โดยเหมือนว่าเธอคนนี้จะดูเป็นสาวห้าวมากทีเดียว

        ลักษณะของเด็กหญิงที่โดนลวนลามนั้น เธอผิวสีอ่อน นัยน์ตาสีชมพู ผมสีชมพู และมัดผมเปียสองข้างด้วย ใส่เสื้อแขนสั้นสีชมพู ใส่กระโปรงสีชมพู รวมถึงสวมถุงเท้าสีขาว รองเท้าสีชมพู

        ในขณะที่เด็กหญิงห้าว ๆ ที่มาช่วยเด็กหญิงคนที่โดนจัมโบ้ลวนลามนั้น พอเพียงเห็นแวบแรกก็ตกใจ เพราะการแต่งตัวนั้นเหมือนเขาเป๊ะเลย นั่นคือเสื้อคลุมฮูดแขนยาวสีเทา ทับเสื้อสีน้ำเงินอมดำ ใส่กางเกงยีนขายาวสีน้ำเงินเข้ม สวมเข็มขัด และสวมรองเท้าผ้าใบสีเทาด้วย แต่หน้าตาของเธอนั้นมีนัยน์ตาสีน้ำเงินเข้ม และผมสีน้ำตาลยาวเท่าโซเฟีย แม้เธอจะมีสีผิวเดียวกับพอเพียงเป๊ะก็ตาม

        ส่วนเจ้าจัมโบ้ ไม่ว่าจะมองยังไงเขาก็คล้ายกับดัดลีย์ เดอร์สลีย์จากแฮร์รี่ พอตเตอร์เอามาก ๆ เพราะทั้งใหญ่และโง่ที่สุดในก๊วน ซึ่งขนาดลูกน้องยังตัวใหญ่และโง่มากแล้วนะ จัมโบ้กลับตัวใหญ่และโง่กว่าเป็นเท่าตัว

        ทันทีที่พอเพียงเข้ามาใกล้จุดเกิดเหตุ เขาก็ตะโกนว่า “เฮ้ย! หยุดลวนลามผู้หญิงเดี๋ยวนี้นะเจ้าเด็กเกเร!

        “หือ ใครกัน?” จัมโบ้ถาม และปล่อยเด็กหญิงเสื้อสีชมพู จากนั้นก็หันไปทางพอเพียง แล้วบอกว่า “อ้อ! เจ้าเด็กหน้าใหม่ ไม่รู้ละสิท่าว่าใครเหนือกว่าในหมู่บ้านนี้!”

        “ฉันรู้” พอเพียงตอบ “และฉันนี่แหละจะเหนือกว่านายเอง!”

        จัมโบ้ได้ยินดังนั้นก็สั่งพวกลูกน้องของเขาที่กำลังปล้ำกับเด็กหญิงห้าวเสื้อสีเทาว่า “ปล่อยนังเสื้อเทานั่นแล้วจัดการกับไอ้เด็กเสื้อเทานี่ซะ”

        ลูกน้องสามคนก็ทำตาม ปล่อยเด็กหญิงเสื้อสีเทาแล้วไปจัดการกับพอเพียงทันที แต่ด้วยความที่พวกเขาตัวใหญ่อุ้ยอ้าย เคลื่อนที่ไม่เร็วเท่าพอเพียงที่ตัวเล็กและผอมก็กลายเป็นว่าพอเพียงหลบได้สบาย ๆ และตามไปเตะต่อยลูกน้องจัมโบ้ได้อย่าง่ายดาย และเมื่อคนสุดท้ายถูกเอาชนะได้ ลูกสมุนของจัมโบ้ก็ร้องไห้ฟูมฟายและวิ่งหนีไปทันที ทิ้งให้หัวหน้าใหญ่ของนักเลงฟันน้ำนมต้องเผชิญหน้ากับลูกมาเฟียตามลำพัง ซึ่งจัมโบ้เองเห็นอย่างนี้ก็โกรธจัด ไม่เกรงกลัวเลยด้วยซ้ำ แค่เด็กชายผอม ๆ เสื้อสีเทาคนเดียว ล้มคนตัวอ้วนได้สองถึงสามคน นี่มันไม่ธรรมดาแล้ว ทำให้จัมโบ้ต้องพุ่งเข้าไปซัดหมัดอัดหน้าพอเพียง แต่เขาใช้มือข้างหนึ่งรับหมัดและสวนกลับเข้าไปที่ตาเด็กอ้วน และส่งสัญญาณให้เพื่อน ๆ อีกห้าคน (รวมไปถึงเด็กหญิงเสื้อเทาด้วย) ตอบโต้เด็กเกเรคนนี้ให้ราบคาบ และพวกเขาทั้งหกทำตามทันที เด็กตัวเล็ก ๆ หกคน รุมสกรัมนักเลงฟันน้ำนมจนกระทั่งจัมโบ้ยอมแพ้ หนีกลับบ้านไปโดยไม่กล้าฟ้องแม่ว่าไปเจออะไรมา ในขณะที่เด็ก ๆ ก็หัวเราะคิกคักที่สามารถเอาคืนจอมเกเรได้ ก่อนที่จะไปช่วยเหลือเด็กหญิงที่ถูกรังแกทันที

        “ไม่เป็นไรนะ” พอเพียงว่า

        “จ้ะ” เด็กหญิงชุดสีชมพูตอบ

        ระหว่างนั้นพอเพียงก็ไปบอกเด็กหญิงเสื้อสีเทาว่า “เธอรู้ไหมว่าเธอแต่งตัวเหมือนกับฉันมากเลยนะ”

        “นี่ฉันแต่งตัวเหมือนเธอเหรอ?” เด็กหญิงเสื้อเทาถาม

        “ใช่” พอเพียงตอบ

        “เออนี่ ฉันลืมแนะนำตัวแน่ะ” เด็กหญิงชุดสีชมพูพูด “ฉันชื่อ คาเรน เดล่าห์ (Karen Delah) ครอบครัวฉันอยู่ที่นี่มานานที่สุดแล้ว อยู่ตั้งแต่ปี 1993 น่ะ”

        “ฉันชื่อ แอนนา คริสเตอร์ (Anna Christer)” เด็กหญิงเสื้อสีเทาแนะนำตัว “พ่อกับแม่ของฉันเพิ่งย้ายมาอยู่หมู่บ้านนี้เมื่อปีที่แล้วน่ะ”

        “ยินดีที่ได้รู้จักนะแอนนา” พอเพียงพูด “ว่าแต่พวกเธอรู้จักพวกเราหรือเปล่าล่ะ?”

        “ฉันรู้จักแต่คนอื่น ๆ อีกห้าคนที่อยู่กับเธอนะ แต่ฉันไม่รู้จักตัวเธอเลย เธอชื่ออะไรเหรอ?” แอนนาถามพอเพียง

        “ว่าแล้วว่าเธอต้องไม่รู้จักฉัน” พอเพียงตอบ “ฉันชื่อ พอเพียง มาสเตอร์ จะเรียกฉันว่าเพ้นท์ก็ได้นะ”

        “ยินดีที่ได้รู้จักนะ” คาเรนตอบ

        “เออใช่” แอนนาพูด “ฉันลืมบอกไปเสียสนิทเลย ฉันมีเพื่อนอีกคนหนึ่งที่เป็นคู่หูของฉันเลยล่ะ”

        “ใครเหรอ” พอเพียงถาม

        “ลินดา เมเจอร์ไง (Lynda Major)” แอนนาตอบ

        “นามสกุลแปลกจัง” ปอนด์พูด

        “แล้วเขาอยู่ไหนเหรอ” เป้งถาม

        “เขาอยู่ที่อีกหมู่บ้านหนึ่งนี่แหละ ว่าแต่พวกเธอจะเริ่มเรียนอนุบาลที่ไหนเหรอ ปีหน้าน่ะ ฉันจะเริ่มเรียนที่โรงเรียนเซนต์ไอแซ็คน่ะ” แอนนาว่า

        “พวกเราก็เหมือนกัน ทั้งหกคนเลย จะได้เรียนไปเป็นเพื่อนด้วยกัน” พอเพียงตอบ

        “แต่ฉันจะเรียนที่โรเงเรียนเอเป็กซ์จีเทิร์น (Apex G-Turn School)” คาเรนตอบ “เขาเน้นคุณภาพเหมือนเซ็นต์ไอแซ็คเลยนะ”

        “เอาล่ะ” พอเพียงพูด “ก็ถือได้ว่าเป็นครั้งแรกของฉันที่มาที่นี่นะ เพราะว่าฉันอยู่หมู่บ้านเดอะแรบบิท อยู่ห่างจากที่นี่ห้ากิโลเมตรนะ”

        “แล้วทำไมถึงมาที่หมู่บ้านนี้ล่ะ” คาเรนถาม

        “ฉันมาหาครอบครัวโซเฟียน่ะ” พอเพียงตอบ “แล้วก็อยากทำความรู้จักกับหมู่บ้านนี้ด้วย”

        “อ๋อ ไม่เป็นไรจ้ะ” แอนนาว่า “เดี๋ยวถ้าเธอว่างตอนไหนก็มาเยี่ยมหมู่บ้านนี้ได้เลยนะ”

        “โอเคเลย” พอเพียงพูด “ตอนนี้ เรามารวมกันแล้วตั้งเป็นทีมกันเถอะ ฉันนึกออกแล้วล่ะว่าชื่ออะไร เอาเป็นชื่อ ทีม พอเพียง ไรเตอร์ แล้วกันนะ” (Porpiang Writer Team)

        “ใช้ได้นี่” เพื่อน ๆ หลายคนพูด

        “โอเค” พอเพียงบอก

สารบัญ / นำทาง

ความคิดเห็น

รูปภาพของ tor

โอ้ย พ่อกับแม่จะใจร้อนไปไหน ลูกเพิ่ง 3 ขวบเอง 55+

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.