Porpiang Writer 1 : The Superhero Arc บทที่ 1 โครงการลับสุดยอด

Porpiang Writer 1 : The Superhero Arc

-A A +A

Porpiang Writer 1 : The Superhero Arc บทที่ 1 โครงการลับสุดยอด

หมวดหนังสือ: 

วันศุกร์ที่ 16 กรกฎาคม คริสต์ศักราช 1999 เวลา 22:00 น.

กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ สหราชอาณาจักร

 

        ฝนกำลังตกหนักอย่างรุนแรง ชายคนหนึ่งได้วิ่งฝ่าน้ำฝนไปบนสะพานข้ามแม่น้ำเทมส์ และตอนนี้เป็นเวลาดึกมากแล้ว หลายคนควรจะนอนได้แล้ว แต่ชายคนนี้ไม่ยอมนอนสักที เขามีหน้าตาและทรงผมคล้ายกับลีออน สก็อตต์ เคนเนดี้จากเรสซิเดนท์อีวิล โดยเฉพาะภาคสองรีเมคปี 2019 แต่เขาใส่เสื้อกาวน์สีขาว และทักซิโด้สีน้ำเงิน กางเกงขายาวสีดำ รองเท้าหนังสีดำ

        ชายคนนั้น ชื่อว่า จอห์น คอร์เรีย (John Corria)

        จอห์นมีสีหน้าที่ฉายความกลุ้มใจตั้งแต่แรกมอง เพราะเขานั้นเป็นหนึ่งในสมาชิกขององค์กรซีมเลสฮิวแมน (Seemless Human Corporation) ซึ่งตอนนี้กำลังพัฒนาโครงการลับอยู่ นั่นก็คือ โปรเจกต์อันโนน (Project Unknown) จุดประสงค์ของโครงการนี้และทางองค์กรก็คือ สร้างยอดมนุษย์ที่มีความสมบูรณ์แบบ และมีความเป็นอมตะ ทนทานต่อทุกโรคร้ายและทุกสารพิษ มีพละกำลังเหนือมนุษย์ และมีพลังเวทมนตร์แฟนตาซีสุดขั้ว และเป้าหมายแรกของโครงการนี้ก็คือ การสร้างยาวิเศษที่จะใช้ในการฉีดเข้าตัวเด็กทารกแรกเกิดฝาแฝดต่างเพศจากไข่ใบเดียวกัน แต่มันจะมีสักกี่ครั้งที่จะมีปรากฏการณ์แบบนี้ เพราะที่ผ่านมา ทางองค์กรได้ทำการทดลองกับเด็กทารกแรกเกิดที่ไม่มีคุณสมบัติแบบนี้มาหลายครั้ง แต่ผลลัพธ์ก็เหมือนกันหมด คือเด็กเสียชีวิตเพราะยาไม่เสถียรพอ และถ้าใครก็ตามที่ไม่รู้จักโครงการลับนี้ แล้วไปได้ยินรายละเอียดของกลุ่มเป้าหมายในโครงการนี้ พวกเขาคงจะรู้สึกว่า มันจะบ้าเหรอ? เป็นไปได้ด้วยเหรอที่จะมีเด็กทารกแบบนั้น

        ในขณะที่ครอบครัวของเด็กที่เสียชีวิตพยายามฟ้องร้ององค์กรซีมเลสฮิวแมน เพื่อให้ทางองค์กรรับผิดชอบและชดใช้ค่าเสียหาย แต่ซีมเลสฮิวแมนนั้นกลับมีปฏิกิริยาสามอย่าง คือ หนึ่ง ไม่สนใจคำร้อง สอง ตอบกลับว่า ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับทางองค์กร ให้ครอบครัวเหล่านั้นรับผิดชอบเอง และสาม ที่แย่ที่สุด คือการฟ้องกลับครอบครัวของเด็กที่เสียชีวิตจากการทดลองในข้อหาหมิ่นประมาท

        แต่เมื่อเรื่องเริ่มรุนแรงจนถึงขั้นขึ้นโรงขึ้นศาล เรื่องกลับพลิกผันเมื่อศาลตัดสินว่าไม่มีหลักฐานใด ๆ ที่จะอ้างอิงว่าครอบครัวเหล่านี้หมิ่นประมาทองค์กรซีมเลสฮิวแมนจริง ๆ แถมทางศาลได้หลักฐานจากกลุ่มต่อต้านซีมเลสฮิวแมนที่ได้ขุดคุ้ยเรื่องแย่ ๆ ขององค์กรมาแฉ เช่น การบังคับทำงานหนักล่วงเวลาเพื่อให้ได้ยาที่สามารถเปลี่ยนมนุษย์ให้มีความสมบูรณ์แบบ (หรือศัพท์ยุคสมัยนี้เรียกว่าครันช์คัลเจอร์) หรือแม้แต่เรื่องสวัสดิการที่ย่ำแย่ของเจ้าหน้าที่ซีมเลสฮิวแมน มันทำให้องค์กรนี้ค่อนข้างระส่ำระสาย เพราะเงินที่ซีมเลสฮิวแมนมีก็ต้องเสียให้กับครอบครัวของเด็กที่เสียชีวิตจากการทดลองในรูปแบบของค่าทำขวัญ แต่ถึงอย่างนั้นทางองค์กรก็ไม่หวั่นเลยสักนิดเดียว เนื่องจากพวกเขายังต้องผลักดันให้โครงการนี้ประสบความสำเร็จให้จงได้ และสำหรับจอห์น เขาเป็นเพียงคนเดียวที่อยู่ข้างฝ่ายครอบครัวผู้เสียชีวิตจากการทดลอง โดยเขาไม่เห็นด้วยกับการทำงานของทางองค์กรอย่างรุนแรง และสงสารเด็ก ๆ ที่ต้องเสียชีวิตจากการทดลองครั้งนี้

        แต่ละครั้งจอห์นพยายามโน้มน้าวใจ และขอร้องเพื่อนร่วมงานให้ยกเลิกโครงการบ่อยครั้งแต่ก็ไม่ได้ผล ล่าสุดก็คือ...

        “ขอร้องล่ะ ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถรับสารเคมีนี้ได้ทุกคนหรอกนะ!”

        เสียงตะโกนของจอห์น หลังจากทุบโต๊ะดังปั้ง แล้วชี้หน้าเพื่อนร่วมองค์กรที่ชื่อ เจเรมี่ มัลลอยด์ (Jeremy Malloyd) นักวิทยาศาสตร์ผมสีขาว นัยน์ตาสีน้ำเงิน ใส่แว่นตากรอบครึ่งวงกลมสีขาว ซึ่งดูเหมือนจะไม่ยอมทำตามที่จอห์นบอกสักที

        “ถึงนายจะขอร้องยังไง พวกเราจะไม่ล้มเลิกโครงการนี้หรอก” เจเรมี่ตอบ “พวกเราจะผลิตยาเหล่านี้ เพื่อให้เด็กมีร่างกายที่สมบูรณ์แบบที่สุดเท่าที่จะทำได้”

        “แล้วที่ผ่านมา การทดลองแบบนี้มันก่อให้เกิดสูญเสียไปมากแค่ไหน รู้มั้ย!!” จอห์นตะโกน

        “พวกเราต้องปลูกฝังเด็ก ๆ ให้เป็นยอดมนุษย์ตั้งแต่เกิด ถ้านายรับไม่ได้ ก็จงลาออกไปซะ” เจเรมี่ตอบ

        “หึ ดีล่ะ ฉันจะเปิดโปงพวกนายทุกคน!” จอห์นขู่แล้วชี้หน้าเจเรมี่อีกครั้ง “ถ้าพวกนายไม่หยุดทำอะไรบ้า ๆ บอ ๆ เหล่านี้ล่ะก็!”

        “ถ้านายพูดแบบนี้ นายจำกฎขององค์กรเราข้อหนึ่งไม่ได้หรือยังไง?” เจเรมี่พูด “สิ่งที่เกิดขึ้นกับโครงการนี้เป็นความลับสุดยอด และทุกคนก็ได้เซ็นสัญญาไม่คืนคำแล้วว่าจะไม่บอกความลับให้ใครรู้ทั้งสิ้น ถ้าพวกเรารู้ว่าใครเผยความลับออกไปแล้วล่ะก็ เราจะส่งกลุ่มทหารรับจ้างไปฆ่าคนคนนั้น และผู้ที่เกี่ยวข้องกับการเผยความลับครั้งนี้ นายอยากโดนแบบนั้นบ้างหรือไง?”

        จอห์นกัดฟันกรอดระหว่างการสนทนา เขารู้สึกเจ็บใจที่ทั้งองค์กรทั้งหมดปฏิเสธที่จะทำตามคำขอของเขา

        ที่สะพานแม่น้ำเทมส์ จอห์นถอนหายใจด้วยความสิ้นหวัง เมื่อไหร่องค์กรนี้จะยกเลิกโครงการนี้สักทีนะ เขาคิด จากนั้นเขาจึงวิ่งกลับเข้าไปในบ้านทันที

        เมื่อจอห์นมาถึงบ้าน เขาได้พบกับลูกสาวของเขาวัย 12 ขวบ เธอมีผมสีบลอนด์ทองคำ นัยน์ตาสีน้ำเงินอ่อน และชุดของเธอคล้ายกับชุดของเชอร์รี่ เบอร์คิน จากเรสซิเดนท์อีวิลภาค 2 รีเมคเอามาก ๆ เธอชื่อ เคอร์ด้า คอร์เรีย (Kerda Corria) โดยเธอกำลังสนใจในสิ่งที่พ่อของเธอทำด้วย และเมื่อพ่อมาถึง เธอก็ได้ถามว่า “พ่อคะ ได้ผลบ้างไหม?”

        “แย่กว่าเดิมน่ะลูก” จอห์นตอบ “พ่อพยายามให้ล้มเลิกโครงการนี้ไปหลายรอบแล้ว แต่ไม่มีใครฟังพ่อบ้างเลยสักคน”

        “แย่จังเลยนะคะ” เคอร์ด้าว่า “หนูนึกว่ามันจะดีขึ้นแล้วเสียอีกนะ”

        “มันคงยากมากนะลูก” จอห์นบอก “โครงการนี้เป็นโครงการลับ และทางองค์กรก็มีอิทธิพลอย่างมาก ไม่มีใครหยุดได้เลย”

        “แล้วเราจะทำยังไงดีล่ะคะ” เคอร์ด้าถาม

        “พ่อพอจะรู้ว่ามีใครพอจะช่วยเหลือได้” จอห์นตอบ “พ่อต้องติดต่อกับเพื่อนของพ่อที่เป็นเจ้าหน้าที่เอฟบีไอแล้วกัน เดี๋ยวพ่อจะลองติดต่อเขาดู”

        “ค่ะพ่อ” เคอร์ด้าว่า พร้อมกับมองพ่อของเธอที่เข้าไปนั่งที่โต๊ะคอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์สีขาวและจอแสดงผลเป็นจอตู้สีขาว เมื่อเขาเปิดเครื่อง มันก็ได้บู๊ตเครื่องและแสดงผลออกมาเป็นระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 98 (Windows 98) จากนั้นเขาก็เข้าโปรแกรมอินเทอร์เน็ตเอ็กซ์พลอเรอร์ (Internet Explorer) เพื่อส่งอีเมลล์บางอย่างเข้าไปหาเพื่อนของเขา...

 

        ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ตาม ถึงแม้ทางองค์กรซีมเลสฮิวแมนจะระบุในกฎและสัญญาไว้แล้วว่า ถ้าใครเผยความลับให้คนอื่นจะถูกสั่งเก็บทิ้ง รวมถึงคนที่รู้ความลับโดยไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับทางองค์กร แต่ทางองค์กรกลับไม่คิดจะส่งทหารไปเก็บทิ้ง ราวกับว่าพวกเขากำลังมีแผนบางอย่างที่ดีกว่านั้นสำหรับพวกที่เผยความลับ จนถึงตอนนี้ ก็ไม่เคยมีการส่งทหารรับจ้างไปเก็บคนที่ไปแฉความลับขององค์กรเสียที จนกระทั่ง...

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.