ตอนที่ 930 กองกำลังอิโดซาเริ่มเคลื่อนไหว
ตอนที่ 930 กองกำลังอิโดซาเริ่มเคลื่อนไหว
“ผู้อาวุโสโยฟา พวกเราควรจะตามมันไปไหม?” ชายคนหนึ่งท่ามกลางผู้ฝึกหนอนด้วงมิติกล่าวถาม
ภายในเวลาเพียงแค่ชั่วข้ามคืนชาวอิโดซาไม่เพียงแต่จะสูญเสียโกลเดนไลท์ที่พวกเขาภาคภูมิใจไปเท่านั้น แม้แต่ลูก ๆ ของโกลเดนไลท์ทั้งสามก็ยังเสียชีวิตภายใต้เงื้อมมือของแท่งทองด้วย
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคราวนี้เปรียบเสมือนกับการที่พวกเขาตกจากสวรรค์ลงมาสู่นรก และมันก็คงจะทำให้พวกเขากลายเป็นเผ่าที่ตกต่ำที่สุดในบรรดาสามเผ่าพันธมิตร
เดิมทีเผ่าอิโดซา, ไคลีและซุยซูต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นที่รู้จักในสามเผ่าพันธุ์หลักของเผ่ามาร แต่เหตุการณ์ในคราวนี้สร้างความเสียหายให้กับพวกเขาอย่างรุนแรงจริง ๆ และพวกเขาก็คงจะต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูความแข็งแกร่งกลับคืนมาเป็นเวลาหลายร้อยหลายพันปี
เหล่าบรรดาผู้ฝึกหนอนด้วงมิติชาวอิโดซาต่างก็กัดฟันด้วยความโกรธ และพวกเขาก็อยากจะฉีกกระชากศัตรูในคราวนี้ออกจากกันเป็นชิ้น ๆ
อย่างไรก็ตามโยฟาผู้ซึ่งเป็นผู้นำทีม ๆ นี้กลับไม่ได้รู้สึกโศกเศร้าเลยแม้แต่น้อย เพราะดวงตาของเขากำลังจับจ้องมองไปยังแท่งทองในระยะไกลด้วยแววตาอันเป็นประกาย
“ตามไปไหม!? ตามพวกมันไปสิ! พวกเราต้องห้ามปล่อยพวกมันไปอย่างเด็ดขาด” ชายชรากล่าวก่อนที่จะหันหน้าไปมองชายฉกรรจ์ภายในทีมที่รวมกลุ่มกัน 3 คน
“พวกนายทั้งสามคนคือนักรบที่แข็งแกร่งที่สุดภายในทีมของพวกเราแล้ว หลังจากนี้พวกนายต้องจับตาดูหนอนด้วงตัวสีทองตัวนั้นเอาไว้ ถึงแม้ว่ามันจะไปนรกแต่พวกนายก็จะต้องตามมันไปห้ามให้คลาดสายตาอย่างเด็ดขาด”
“แต่จำไว้ว่าพวกนายแค่ต้องคอยจับตาดูมันจากระยะไกลเท่านั้น ห้ามไม่ให้ใครค้นพบตัวตนของพวกนายได้เป็นอันขาด ส่วนคนอื่นกลับไปที่เผ่าพร้อมกับฉัน” โยฟาสั่งการด้วยท่าทางอันจริงจัง
คำสั่งนี้ต่างก็ทำให้ทุกคนรู้สึกประหลาดใจ เพราะถึงแม้ว่าพวกเขาจะเป็นผู้ฝึกหนอนด้วงมิติ แต่อีกมุมหนึ่งพวกเขาก็เป็นนักรบที่แข็งแกร่ง พวกเขาจึงไม่เข้าใจว่าทำไมชายชราถึงสั่งให้พวกเขาล่าถอยกลับไป
หรือโยฟาตั้งใจจะปล่อยศัตรูไปกันแน่?
“ไม่ต้องห่วง พวกเราทุกคนต่างก็ฝึกกฎแห่งเงามืดมาเป็นอย่างดี หนอนด้วงมิติสีทองตัวนั้นไม่มีทางหลุดรอดไปจากสายตาของพวกเราเด็ดขาด” ชายคนหนึ่งจากชายฉกรรจ์ทั้งสามคนกล่าวรับด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
“นั่นคือเหตุผลว่าทำไมฉันถึงมอบหมายภารกิจนี้ให้กับพวกนาย จำเอาไว้ว่าให้รายงานกลับมาทุก ๆ 1 ชั่วโมง” ชายชรากล่าวด้วยน้ำเสียงที่พึงพอใจ
หลังจากพูดจบโยฟาก็นำสมาชิกคนที่เหลือกลับไปที่เผ่าเพื่อดำเนินแผนการขั้นต่อไปที่เขาได้วางเอาไว้
—
“ฆ่าพวกมันซะ! ขนอุยไหนฉันขอดูหน่อยซิว่าการวิวัฒนาการครั้งที่ 6 ของนายมันแข็งแกร่งจริงจริงหรือเปล่า?” เซี่ยเฟยตะโกนสั่งการเสียงดัง
ชายหนุ่มไม่ค่อยมั่นใจกับรูปแบบการวิวัฒนาการครั้งที่ 6 ของขนอุยมากนัก และถึงแม้ว่าในก่อนหน้านี้เจ้าตัวน้อยจะแปลงร่างเป็นสัตว์อสูรตัวใหญ่ และปล่อยกระแสไฟฟ้าอันรุนแรงทำการสังหารไส้เดือนยักษ์ต่อหน้าของเขาจริง ๆ
แต่ทันทีที่การต่อสู้จบลงขนอุยก็คืนขนาดร่างกายให้กลับมาตัวเล็กดังเดิม เซี่ยเฟยจึงต้องการดูอีกครั้งให้แน่ใจว่าขนอุยสามารถขยายขนาดร่างกายของมันได้จริง ๆ หรือเปล่า
อย่างไรก็ตามเจ้าตัวน้อยกลับยังคงนอนอยู่ในอ้อมแขนของเซี่ยเฟยดังเดิมและส่งสายตาขึ้นมาราวกับจะบอกว่า
“เจ้านาย พวกมันเป็นแค่ศัตรูระดับต่ำหนูไม่จำเป็นจะต้องลงมือเองหรอก”
“ขนอุยดูเหมือนจะเหนื่อยมาก นายก็น่าจะเห็นแล้วว่าก่อนหน้านี้สายฟ้าของมันรุนแรงมากแค่ไหน ฉันว่าตอนนี้ให้มันนอนพักไปก่อนเถอะ ไม่ว่ายังไงมันก็วิวัฒนาการครั้งที่ 6 แล้วจริง ๆ” ลินนิจกล่าวในขณะที่เซี่ยเฟยกำลังขมวดคิ้วอย่างอารมณ์เสีย
ชายหนุ่มพยักหน้ารับโดยไม่พูดอะไร เพราะขนอุยดูเหนื่อยล้ามากจริง ๆ ก่อนหน้านี้มันก็หนีออกไปในระยะไกลเพื่อวิวัฒนาการเพียงลำพัง จากนั้นมันก็รีบเร่งกลับมาเพื่อจู่โจมอย่างรุนแรง ซึ่งกระบวนการเหล่านี้ย่อมสิ้นเปลืองพลังงานโดยไม่ต้องสงสัย และในตอนนี้พวกเขาก็ไม่จำเป็นจะต้องพึ่งพาพลังของขนอุยมากขนาดนั้น
อย่างไรก็ตามชายหนุ่มก็สงสัยว่าทำไมขนอุยถึงไม่อยากให้เขาเห็นในตอนที่มันวิวัฒนาการร่างถึงขนาดต้องหนีออกไปในระยะไกล หรือมันเป็นเพราะว่าเจ้าตัวน้อยตัวนี้ไม่ต้องการให้เขาได้เห็นเขี้ยวเล็บของมันอย่างนั้นเหรอ
เมื่อคิดมาจนถึงจุดนี้เซี่ยเฟยก็เริ่มสงสัยว่าความจริงแล้วหลังจากเกิดการวิวัฒนาการขนอุยมีรูปร่างเป็นแบบไหนกันแน่ ระหว่างการมีรูปร่างใหญ่โตขึ้นมาในคราวเดียว หรือมันมีรูปร่างตัวเล็กแบบเดิมแต่สามารถใช้พลังในการขยายขนาดร่างกาย
ในช่วงพริบตาชายหนุ่มก็ได้สังหารสิ่งมีชีวิตจากดาร์คไนท์เป็นจำนวนมากด้วยการร่วมมือกับหงส์ครามและบลัดบิวเทียส
หลังจากจัดการกับสิ่งมีชีวิตจากดาร์คไนท์ได้จนหมด เซี่ยเฟยก็เร่งความเร็วตรงไปยังจุดแสงที่วิ่งนำอยู่ด้านหน้า ซึ่งมันก็ดูคล้ายกับว่าจุดนี้กำลังเร่งความเร็วมากยิ่งขึ้น ราวกับมันรู้ว่าเซี่ยเฟยน่ากลัวกว่าสิ่งมีชีวิตจากดาร์คไนท์ที่ไล่ล่ามันมานาน
เนตรมนตรา!
ชายหนุ่มรวบรวมพลังไปที่ดวงตาอย่างรวดเร็ว เพื่อต้องการจะมองดูว่าจุดแสงที่อยู่ด้านหน้าแท้ที่จริงแล้วมันคืออะไรกันแน่
น่าเสียดายที่ถึงแม้เขาจะใช้วิชาเนตรมนตราในการมองไปยังจุดแสงด้านหน้าแล้ว แต่เขาก็ยังเห็นเพียงแค่เงาขมุกขมัวทำให้เขาไม่รู้เลยว่ามันมีอะไรซ่อนอยู่ด้านในกันแน่
“แปลกมาก ทำไมฉันถึงมองไม่เห็นแม้กระทั่งรูปร่างของมัน” เซี่ยเฟยขมวดคิ้วพร้อมกับพึมพำกับตัวเอง
“ฉันสัมผัสได้ถึงพลังงานที่คุ้นเคยมาก ฉันว่าฉันกับมันจะต้องมีความสัมพันธ์อะไรบางอย่างในอดีตแน่ ๆ แต่ฉันจำมันไม่ได้” ลินนิจกล่าว
เซี่ยเฟยสะดุ้งขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อได้ยินว่าจุดแสงนั้นมีความสัมพันธ์กับลินนิจในอดีต และมันก็ยิ่งเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้เขาปล่อยมือจากมันไปไม่ได้
ต่อมาจุดแสงลึกลับก็พุ่งตัวเข้าไปยังดาวเคราะห์ดวงหนึ่งคล้ายกับอุกกาบาตที่พุ่งชนกระทบกับพื้นผิวดวงดาว
ตูม!
เซี่ยเฟยติดตามจุดแสงนั้นมาอย่างใกล้ชิด แต่หลังจากที่ฝุ่นควันจางหายไปเขากลับไม่พบร่องรอยของสิ่งมีชีวิตใด ๆ บนดาวดวงนี้เลย
ภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าของเขาในขณะนี้คือใบหน้าแกะสลักขนาดใหญ่บนหน้าผาอันสูงชัน คล้ายกับว่ามันเป็นประติมากรรมที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อยกย่องเจ้าของใบหน้านี้ แต่ฝีมือของช่างแกะสลักดูเหมือนจะไม่ค่อยดีนัก ใบหน้าแกะสลักบนหน้าผาจึงให้ความรู้สึกที่ชั่วร้ายและเต็มไปด้วยอารมณ์ที่รุนแรง
จุดแสงที่เขาไล่ตามมาหายตัวไปบนดาวเคราะห์ดวงนี้อย่างแน่นอน แต่ถึงแม้เซี่ยเฟยจะมองไปรอบ ๆ เขาก็ไม่พบกับสัญญาณสิ่งมีชีวิตใด ๆ ในบริเวณนี้เลย
“เดี๋ยวก่อนนะ นั่นมันทางลับ!” ในที่สุดเซี่ยเฟยก็สังเกตเห็นว่าบริเวณคางของใบหน้าแกะสลักมีหินที่ดูแปลกประหลาดไปเล็กน้อย เขาจึงรีบมุ่งหน้าไปยังจุดที่หินดูแปลกประหลาดก้อนนั้นและใช้หงส์ครามออกแรงขยับหินให้หลุดออกไป
หินที่มีน้ำหนักมากกว่า 1,000 ตันถูกโยนออกไปอย่างรุนแรง เผยเห็นเส้นทางลับที่มีขนาดความกว้างประมาณ 2 เมตรและสูงประมาณ 3 เมตรหลบซ่อนอยู่ด้านหลังหินก้อนนั้น
ไม่กี่นาทีต่อมาเซี่ยเฟยก็เข้ามาภายในถ้ำที่เต็มไปด้วยหินสีขาวขุ่นเหนือศีรษะของเขา บริเวณโดยรอบเต็มไปด้วยพื้นผิวอันราบเรียบราวกับว่าพวกมันถูกอะไรบางอย่างตัดผ่านไปอย่างว่องไว
สภาพถ้ำทำให้ชายหนุ่มรับรู้ได้ในทันทีว่าแต่เดิมถ้ำ ๆ นี้จะต้องแคบกว่าในปัจจุบันอย่างแน่นอน แต่มันมีใครบางคนใช้พลังขยายถ้ำออกไป หรือจะพูดง่าย ๆ ว่ามันคือถ้ำที่เกิดขึ้นมาจากฝีมือของสิ่งมีชีวิต
เหตุผลที่ถ้ำถูกขยายขนาดอาจเป็นเพราะพายุพลังงานหลังจากการเลื่อนระดับหรืออาจจะเป็นฝีมือของอาวุธบางชนิด แต่ที่แน่ ๆ คนที่ขยายขนาดถ้ำแห่งนี้จะต้องไม่ใช่คนธรรมดา เพราะกำแพงหินอันราบเรียบแสดงให้เห็นว่าผู้ลงมือทำการตัดขยายถ้ำทั้งหมดโดยการเคลื่อนไหวเพียงแค่ครั้งเดียว
ภายในถ้ำให้ความรู้สึกถึงความผันผวนที่ผิดปกติ และถึงแม้ว่าเซี่ยเฟยจะไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่ความรู้สึกที่เขาสัมผัสได้คล้ายกับความผันผวนของวิญญาณอมตะอย่างเช่นลินนิจหรืออันธ
ทันใดนั้นลินนิจที่นิ่งเงียบมาโดยตลอดก็ยกมือขึ้นมากุมศีรษะแน่นพร้อมกับตัวสั่นขึ้นมาอย่างเจ็บปวด
“คุณเป็นอะไรไป?” เซี่ยเฟยรีบถามอย่างร้อนรน
“ฉันเหมือนกับ... ความทรงจำมันกำลังปั่นป่วนอีกแล้ว ฉันรู้สึกได้ว่าฉันคุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้มาก” ลินนิจกล่าวขึ้นมาอย่างยากลำบาก
เซี่ยเฟยมองไปยังพื้นที่โดยรอบอย่างกังวลใจ เพราะสถานที่แห่งนี้อยู่ไม่ไกลจากดวงตาแห่งจักรวาลมากนัก บางทีมันอาจจะมีความเกี่ยวข้องกับอาร์คหรือเป็นสถานที่ที่ได้รับผลกระทบจากการระเบิดของอาร์คด้วยเหมือนกัน
—
ห้องโถงใหญ่ภายในเผ่าอิโดซา
ชายชราคนหนึ่งกำลังเดินไปเดินมาอย่างต่อเนื่องราวกับว่าเขากำลังคิดอะไรบางอย่าง ถัดจากเขาไปไม่ไกลคือโยฟาซึ่งเป็นหัวหน้านักฝึกหนอนด้วงมิติของเผ่าพันธุ์
“คุณกำลังจะบอกว่าหนอนด้วงมิติตัวสีทองนั่นคือราชันย์เหนือราชาของหมู่หนอนด้วงมิติในตำนานงั้นเหรอ?” ไมล่าถามอย่างจริงจัง
“ฉันแน่ใจว่ามันจะต้องเป็นราชันย์ของเหล่าบรรดาหนอนด้วงมิติทั้งปวง” โยฟากล่าวพร้อมกับพยักหน้ารับ
“นับตั้งแต่ที่เผ่ามารของเราเริ่มเลี้ยงดูหนอนด้วงมิติมา พวกเราได้พบหนอนด้วงมิติที่มีร่างกายสีทองเพียงตัวเดียวเท่านั้น และมันก็ได้รับขนานนามว่าราชันย์แห่งหนอนด้วงมิติทั้งหมด มันคือหนอนด้วงมิติที่มีความแข็งแกร่งเหนือกว่าราชาหนอนด้วงอย่างโกลเดนไลท์ไปหลายเท่า”
“น่าเสียดายที่ราชันย์หนอนด้วงมิติในตำนานอยู่กับพวกเราเพียงแค่ช่วงระยะเวลาสั้น ๆ ก่อนที่มันจะหายสาบสูญไปไม่ได้รับใช้เผ่ามารอย่างที่ควรจะเป็น แต่ในช่วงที่ผ่านมาราชันย์ตนนั้นได้เอาชนะโกลเดนไลท์ของพวกเราโดยลำพัง มันจะต้องเป็นราชันย์หนอนด้วงมิติในตำนานของเผ่ามารแน่ ๆ”
“สมมุติว่าหนอนด้วงมิติสีทองตัวนั้นคือราชันย์แห่งหมู่หนอนด้วงมิติทั้งหมดจริง ๆ และเราสามารถควบคุมมันได้…” โยฟาหยุดคำพูดเอาไว้เพียงเท่านี้อย่างจงใจ
“ถ้าเราควบคุมราชันย์ตัวนั้นได้ ไม่เพียงแต่เราจะชดเชยการสูญเสียโกลเดนไลท์ไปเท่านั้น แต่สถานะของพวกเราก็จะถูกยกระดับให้เทียบชั้นกับตระกูลไลอ้อนฮาร์ทและสกายฟอลคอน!” ไมล่าตะโกนขึ้นมาอย่างตื่นเต้น
ความจริงแล้วเผ่าอิโดซาของพวกเขาไม่ใช่เผ่าชั้นหนึ่งของเผ่ามารจริง ๆ แต่สาเหตุที่พวกเขาถูกยกย่องว่าเป็นเผ่าชั้นหนึ่งนั่นก็เพราะเผ่าอิโดซา, ไคลีและซุยซูมีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิด จนถูกมองว่าพวกเขาทั้งสามเผ่าพันธุ์คือเผ่าพันธุ์เดียวกัน
ขณะที่เผ่าไลอ้อนฮาร์ทของโอโร่คือเผ่าพันธุ์ชั้น 1 ของเผ่ามารอย่างแท้จริง และเผ่าไลอ้อนฮาร์ทเพียงเผ่าเดียวก็มีความแข็งแกร่งเทียบเท่าได้กับเผ่าพันธมิตรของพวกอิโดซาทั้งสามเผ่าพันธุ์
เผ่าอิโดซารู้ความจริงในเรื่องนี้ดีพวกเขาจึงพยายามอย่างหนักมาตั้งแต่สมัยโบราณเพื่อให้เผ่าพันธุ์ของพวกเขากลายเป็นเผ่าพันธุ์ชั้นสูงที่แท้จริง และมันก็จะทำให้เผ่าพันธุ์ของพวกเขามีสิทธิ์เข้าไปยืนหยัดภายในราชวังราชันย์มารได้โดยไม่จำเป็นจะต้องพึ่งพาพันธมิตรจากอีกสองเผ่าพันธุ์อีกต่อไป
“รีบรวมกองกำลังหลักของเราเดี๋ยวนี้ ฉันอยากจะเห็นด้วยตาของตัวเองจริง ๆ ว่าราชันย์หนอนด้วงมิติมันมีหน้าตาเป็นยังไงกันแน่” ไมล่ากล่าวพร้อมกับหัวเราะเสียงดัง
***************
แล้วเจอกันนะเผ่าอิโดซา
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 342
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น