ตอนที่ 929 วิวัฒนาการขั้นที่ 6
ตอนที่ 929 วิวัฒนาการขั้นที่ 6
การต่อสู้ยากลำบากมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะการเผชิญหน้ากับสิ่งมีชีวิตจากดาร์คไนท์ที่มีความสามารถในการแยกร่างของพวกมันออกจากกันได้ ความสามารถนี้ทำให้ชายหนุ่มกำจัดศัตรูได้ยากกว่าเดิมเป็น 100 เท่า เพราะถ้าหากว่าพวกมันไม่สามารถแยกร่างของตัวเองได้ เซี่ยเฟยก็คงจะกำจัดพวกมันไปได้ตั้งนานแล้ว
ขวับ!
เมื่อบลัดบิวเทียสพุ่งเข้าหาไส้เดือนจากดาร์คไนท์ ร่างกายของมันก็แตกออกกลายเป็นไส้เดือนขนาดเล็กจำนวนนับไม่ถ้วน ดาบเล่มแดงจึงทะลุผ่านร่างของสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ตัวนี้ไป โดยไม่สามารถทำอันตรายร้ายแรงให้กับมันได้เลยแม้แต่นิดเดียว
“เจ้านี่มันพยายามถ่วงเวลานายอยู่ชัด ๆ เมื่อไหร่ก็ตามที่แท่งทองถูกจัดการ ตอนนั้นนายก็จะต้องเผชิญหน้ากับศัตรูทั้งสองทางพร้อมกัน” ลินนิจกล่าว
เซี่ยเฟยตระหนักถึงสถานการณ์ในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี เพราะแท่งทองกำลังเผชิญหน้ากับด้วงมิติพร้อมกันถึงสามตัว แม้ว่าด้วงมิติเหล่านี้จะตัวเล็กกว่าแท่งทองมาก แต่พวกมันประสานงานกันจู่โจมได้เป็นอย่างดีและทุกตัวต่างก็มีความโหดร้ายที่ไม่ธรรมดา
แต่ถึงแม้ว่าแท่งทองจะต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่งทั้งสามตัวพร้อม ๆ กัน มันก็ไม่ได้รู้สึกเกรงกลัวเลยแม้แต่นิดเดียว เนื่องจากพลังงานอาร์คปริมาณมหาศาลที่เซี่ยเฟยได้มอบให้กับมันในก่อนหน้านี้ช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับมันเป็นอย่างดี มันจึงใช้ร่างกายอันใหญ่โตของตัวเองในการสะบัดกระแทกเข้าใส่ศัตรู
สถานการณ์ของทางฝั่งแท่งทองเหมือนกับคำกล่าวที่ว่าน้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ ถึงแม้หนอนด้วงมิติสีทองตัวใหญ่จะมีประสิทธิภาพอันยอดเยี่ยม แต่คู่ต่อสู้มีความได้เปรียบทางด้านของจำนวน แท่งทองจึงค่อย ๆ เคลื่อนไหวตามจังหวะของศัตรูมากขึ้นเรื่อย ๆ ตามระยะเวลาที่ผ่านพ้นไป
เซี่ยเฟยรู้ดีว่าสิ่งสำคัญในสนามรบคือการห้ามเคลื่อนไหวตามจังหวะของศัตรูอย่างเด็ดขาด แต่แท่งทองในวัยเยาว์ยังไม่รู้เรื่องพื้นฐานเหล่านี้เลย หลังจากที่มันสะบัดตัวโจมตีศัตรูอยู่สักพัก อาการเหนื่อยล้าของมันก็ค่อย ๆ แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งถ้าหากสถานการณ์ยังคงเป็นแบบนี้ต่อไปอีกไม่นาน แท่งทองก็คงจะหมดแรงอย่างแน่นอน
กงล้อมิติ!
เซี่ยเฟยผลักแขนออกไปอย่างแรงเรียกกงล้อมิติทั้ง 19 อันให้พุ่งทะยานออกไปในทะเลแห่งดวงดาว โดยกงล้อแต่ละอันต่างก็ล้วนแล้วแต่มีเส้นผ่านศูนย์กลางมากกว่า 5 กิโลเมตร
วิชาการต่อสู้นี้คือวิชามิติที่ทรงพลังที่สุดที่เขาได้เรียนรู้มาจากมรดกของชาวแอตแลนติส การใช้งานวิชานี้แต่ละครั้งจำเป็นจะต้องใช้พลังงานปริมาณมหาศาล แลกกับการสร้างพลังทำลายที่สามารถลบศัตรูให้ราบเป็นหน้ากลอง
น่าเสียดายที่คู่ต่อสู้ของเขาในปัจจุบันไม่ใช่นักรบธรรมดาแต่เป็นสิ่งมีชีวิตจากดาร์คไนท์ ไม่ว่าวิชาการต่อสู้นี้จะทรงพลังเพียงใด แต่ประสิทธิภาพของพวกมันก็จะลดลงจากเดิมเป็นอย่างมาก ดังนั้นถึงแม้เซี่ยเฟยจะปล่อยพลังการโจมตีที่รุนแรงที่สุดของตัวเองออกมา แต่เขาก็ยังไม่สามารถที่จะทำลายไส้เดือนตัวนี้ได้อย่างสมบูรณ์
เรื่องง่าย ๆ แบบนี้เซี่ยเฟยน่าจะรู้ดีอยู่แล้ว คำถามก็คือทำไมเขายังคงยืนกรานที่จะใช้กงล้อมิติในการจู่โจมต่อไป
ทันใดนั้นกงล้อมิติทั้ง 19 อันก็แยกออกจากกันกลายเป็นตาข่ายขนาดใหญ่ตัดแบ่งร่างของไส้เดือนจากดาร์คไนท์ให้กลายเป็นชิ้นเล็ก ๆ จำนวนนับไม่ถ้วน ก่อนที่ตาข่ายเหล่านั้นจะบีบอัดเข้าสู่พื้นที่ศูนย์กลางอย่างรวดเร็ว
จุดมุ่งหมายที่สำคัญที่เซี่ยเฟยได้ใช้วิชานี้ออกมาคือการรวบรวมศัตรูที่กระจัดกระจายให้มารวมตัวกันในพื้นที่เล็ก ๆ จากนั้นเขาก็จะทำการปลดปล่อยพลังงานออกจากสมอง เพื่อใช้กฎแห่งความโกลาหลสร้างพายุร้ายเข้าทำลายศัตรู
พลังของกฎธรรมดาในดินแดนกฎไม่สามารถเอาชนะสิ่งมีชีวิตจากดาร์คไนท์ได้ แต่กฎแห่งความโกลาหลไม่ใช่กฎธรรมดา แต่มันคือพลังที่มีความสามารถในการเปลี่ยนสีขาวให้กลายเป็นสีดำ และมีความสามารถในการเปลี่ยนคนเป็นให้กลายเป็นคนตาย
วินาทีต่อมาร่างของสิ่งมีชีวิตจากดาร์คไนท์ที่กระจัดกระจายก็เริ่มถูกบีบบังคับให้มารวมตัวกัน ถึงแม้ว่าร่างกายพวกนี้จะไม่ใช่ร่างกายทั้งหมดแต่มันก็เพียงพอแล้วสำหรับเซี่ยเฟย
กฎแห่งความโกลาหล!
ชายหนุ่มตะโกนออกไปเสียงดังพร้อมกับแววตาที่เต็มไปด้วยจิตสังหาร
ระหว่างที่กฎแห่งความโกลาหลกำลังจะถูกปลดปล่อยออกไป เม็ดพลังงานภายในสมองของชายหนุ่มก็ส่งพลังงานออกมาอย่างบ้าคลั่ง พลังของกฎแห่งความโกลาหลที่ถูกปลดปล่อยจึงเพิ่มขึ้นจากเดิมเป็นทวีคูณ และภาพที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นมันก็เป็นภาพที่ไม่ว่าใครต่างก็ไม่เคยจะจินตนาการถึงมาก่อน
จู่ ๆ มันก็มีสายฟ้าสีน้ำเงินฟาดเข้าใส่ไส้เดือนจากดาร์คไนท์ที่เซี่ยเฟยพยายามรวบรวมพวกมันเอาไว้ ก่อนที่สายฟ้าขนาดใหญ่จะได้ปกคลุมไปทั่วทั้งร่างของไส้เดือน และใช้อุณหภูมิของมันในการแผดเผาศัตรู
เซี่ยเฟยสะดุ้งพร้อมกับมองไปยังพื้นที่บริเวณโดยรอบอย่างรวดเร็ว เพราะเขากำลังสงสัยว่าใครเป็นคนชิงลงมือก่อนที่เขาจะทำการปล่อยกฎแห่งความโกลาหลออกไป
ช่วงเวลาในการลงมือของอีกฝ่ายเหมาะเจาะมากจนเกินไป ซึ่งมันก็หมายความว่าผู้ที่ปลดปล่อยสายฟ้าสีน้ำเงินนี้ออกมาย่อมจงใจรอจังหวะที่เขารวบรวมศัตรูเข้าด้วยกันอย่างแน่นอน
อิ้ว!
เสียงร้องที่คุ้นเคยดังขึ้นมาจากระยะไกล ก่อนที่เขาจะได้เห็นก้อนกลมสีเงินขนาดใหญ่ที่มีแววตาเจ้าเล่ห์
“ขนอุย!”
“นายวิวัฒนาการแล้วงั้นเหรอ?!” เซี่ยเฟยอุทานด้วยแววตาอันเป็นประกาย เมื่อได้เห็นว่าขนอุยกลับมาช่วยเขาจัดการกับศัตรู
หลังจากดูดซับพลังงานที่เซี่ยเฟยป้อนให้ขนอุยก็ได้เวลาวิวัฒนาการขึ้นมาอีกครั้ง ซึ่งหลังจากที่มันหนีไปวิวัฒนาการในอวกาศอันห่างไกล มันก็กลับมาสู่สนามรบเพื่อช่วยเหลือเจ้านายของมัน
“ทำไมขนอุยตัวใหญ่ขนาดนี้ ขนาดตัวมันเท่า ๆ กับแท่งทองได้เลยนะ” ลินนิจอุทานขึ้นมาอย่างตกใจ
ปัจจุบันขนอุยมีขนาดใกล้เคียงกับดวงจันทร์แตกต่างจากเมื่อก่อนที่มันไม่เคยมีขนาดตัวใหญ่เกินกว่าลูกบาสเกตบอลเลย
“ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมขนอุยถึงหนีไป ที่แท้การวิวัฒนาการครั้งนี้มันก็มีความสำคัญสูงมาก เพราะมันเป็นการขยายขนาดร่างกายอย่างก้าวกระโดด”
—
สถานการณ์ในสนามรบพลิกผันกลับมาอีกครั้ง โดยในปัจจุบันเซี่ยเฟยยืนอยู่ตรงกลางขนาบข้างด้วยก้อนกลมสีเงินและหนอนอ้วนตัวสีทอง ที่ทั้งสองฟากฝั่งต่างก็มีขนาดใกล้เคียงกับดวงจันทร์
ด้วงมิติทั้งสามพยายามส่งเสียงร้องคำราม แต่พวกมันก็ยังไม่กล้าที่จะโจมตี เพราะความแตกต่างระหว่างทั้งสองฝั่งมันมากจนเกินไป เพียงแค่ขนอุยกับแท่งทองก็เกินกว่าที่พวกมันจะรับมือได้แล้ว
“ฉันไม่รู้หรอกนะว่าพวกแกคือตัวอะไร แต่ในเมื่อพวกแกเลือกที่จะมาเป็นศัตรูของฉัน ยังไงวันนี้พวกแกก็ต้องตาย!” เซี่ยเฟยตะโกนเสียงดัง
อิ้ว! อี๊ด!
ขนอุยและแท่งทองต่างก็ส่งเสียงร้องคำรามออกมาพร้อมกัน จึงก่อให้เกิดเสียงดังสนั่นที่สร้างความหวาดกลัวไปทั่วทั้งบริเวณ
วินาทีต่อมาพวกเซี่ยเฟยทั้งสามก็เริ่มลงมือสังหารศัตรู และด้วยการที่ความแข็งแกร่งของทั้งสองฝั่งไม่ได้ใกล้เคียงกันอีกต่อไปแล้ว พวกเขาจึงสามารถจัดการกับด้วงมิติทั้งสามได้อย่างง่ายดาย
เซี่ยเฟยใช้บลัดบิวเทียสดึงพลังงานออกมาจากด้วงมิติอย่างช้า ๆ จนทำให้ร่างกายของพวกมันแห้งเหี่ยวกลายเป็นซากมัมมี่ขนาดใหญ่
สาเหตุที่พวกมันพ่ายแพ้อย่างง่ายดายขนาดนี้ มันก็ไม่ใช่เพราะด้วงมิติทั้งสามอ่อนแอ แต่มันเป็นเพราะทางฝั่งของเซี่ยเฟยแข็งแกร่งมากจนเกินไป ขนอุยกับแท่งทองต่างก็ล้วนแล้วแต่มีขนาดร่างกายอันใหญ่โต การอ้าปากกัดหัวของศัตรูเพียงครั้งเดียวมันก็มากพอที่จะทำให้หัวของด้วงมิติหลุดออกมาจากร่างของพวกมันแล้ว
เมื่อรวมความแข็งแกร่งของขนอุยกับแท่งทองเข้ากับบลัดบิวเทียสที่บินได้และหงส์ครามภายในมือขวาของเซี่ยเฟย ด้วงมิติทั้งสามตัวก็ไม่ต่างไปจากเป้าซ้อมมือที่ไม่สามารถสร้างอันตรายให้กับพวกเขาได้แม้แต่นิดเดียว
หลังจากขนอุยวิวัฒนาการขั้นที่ 6 แล้วไม่เพียงแต่ร่างกายของมันจะมีขนาดใหญ่โตมากขึ้นกว่าเดิมเท่านั้น แต่พลังการโจมตีของมันยังรุนแรงขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าอีกด้วย
ยิ่งไปกว่านั้นขนอุยยังสามารถปลดปล่อยสายฟ้าที่น่าสะพรึงกลัวออกมาได้ การวิวัฒนาการครั้งนี้จึงทำให้กำลังรบของมันเพิ่มขึ้นจากเดิมอย่างก้าวกระโดด
“คุณเคยเห็นตัวพวกนี้มาก่อนหรือเปล่า?” เซี่ยเฟยถามขณะชี้นิ้วไปยังซากศพของด้วงมิติทั้งสามตัว
“ฉันไม่ได้มีฐานข้อมูลในเรื่องพวกนี้มากนัก แต่เท่าที่ดูคล้ายกับว่าพวกมันจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่เกี่ยวกับหนอนด้วงมิติ แต่รูปร่างหน้าตาของพวกมันดูแตกต่างออกไป บางทีพวกมันอาจจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่เกิดจากการกลายพันธุ์ หรืออาจจะเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดใหม่ที่พวกเผ่ามารเลี้ยงดูขึ้นมาก็ได้” ลินนิจกล่าวพร้อมกับส่ายหัว
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับเบา ๆ ขณะยื่นมือออกไปลูบหัวขนอุย ซึ่งในที่สุดคราวนี้เจ้าตัวน้อยก็ได้เติบโตกลายเป็นเจ้าตัวใหญ่อย่างที่เขาได้เคยเฝ้ารอมาโดยตลอด
อย่างไรก็ตามทันทีที่ฝ่ามือของชายหนุ่มได้สัมผัสกับขนนุ่ม ๆ ของขนอุย สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างน่าเกลียดในทันที เพราะขนาดของขนอุยได้หดเล็กลงจนมีขนาดเท่าเดิม
ภาพต่อมาคือขนอุยกระโดดเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของเซี่ยเฟยอย่างออดอ้อน ก่อนที่มันจะใช้ลิ้นน้อย ๆ เลียแขนชายหนุ่มเบา ๆ และนอนหลับไปด้วยท่าทางอันอ่อนเพลีย
เหตุการณ์นี้ถึงกับทำให้เซี่ยเฟยพูดไม่ออก เพราะหลังจากที่เขาภาคภูมิใจที่ขนอุยเติบโตขึ้นมาได้ไม่กี่นาที ร่างของมันกลับหดตัวเล็กลงมาดังเดิม
“นี่นายทำอะไรลงไป? ทำไมตัวนายหดเล็กลงมาอีกแล้ว” เซี่ยเฟยถามอย่างไม่พอใจเล็กน้อย
“เราไม่มีทางทำความเข้าใจความลึกลับของอสูรศักดิ์สิทธิ์ได้หรอก แต่มันเป็นแบบนี้ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ อย่างน้อยมันก็สามารถขยายขนาดร่างกายในระหว่างการต่อสู้ได้ และสามารถกลายเป็นลูกบอลตัวเล็ก ๆ ที่พกพาไปได้ทุกเมื่อ ฉันว่าการวิวัฒนาการของมันค่อนข้างที่จะเหมาะสมกับนายแล้วนะ” ลินนิจกล่าว
“ผมก็หวังว่ามันจะเป็นอย่างที่คุณพูด แต่ผมกลัวว่ามันจะขยายขนาดไม่ได้อีกแล้วเนี่ยสิ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับส่ายหัว ก่อนที่เขาจะเริ่มใช้วิชาเนตรมนตราเพื่อสังเกตสถานการณ์ในระยะไกล
“พวกดาร์คไนท์ยังไล่ตามจุดแสงลึกลับนั่นอยู่เลย พวกเรารีบตามมันไปก่อนดีกว่า ไม่รู้ว่าพวกมันกำลังพยายามจะทำอะไรอยู่กันแน่?” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
ต่อมาชายหนุ่มก็เร่งความเร็วไล่ตามพวกดาร์คไนท์ออกไปด้วยความเร็ว 1 ล้านเมตรต่อวินาที โดยมีแท่งทองพยายามไล่ตามมาอยู่ด้านหลัง
ในเวลาเดียวกันเหล่าบรรดาผู้ฝึกหนอนด้วงมิติชาวอิโดซาก็เพิ่งปรากฏตัวขึ้นมาในสนามรบอย่างตกตะลึง ท้ายที่สุดพวกเขาก็เคลื่อนที่ได้ช้ากว่าด้วงมิติทั้งสามมาก แต่เมื่อพวกเขาได้มาถึงสนามรบพวกเขาก็ได้เห็นซากศพที่เหี่ยวเฉาและได้เห็นแท่งทองที่กำลังจากไปในระยะไกล
“ไม่นะ! มันเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง?!”
“พวกมันจะต้องถูกหนอนด้วงมิติตัวนั้นฆ่าแน่ ๆ มันคือสายพันธุ์อะไร? ทำไมทั่วทั้งตัวของมันถึงเป็นสีทอง?!”
กลุ่มนักฝึกหนอนด้วงมิติต่างก็พูดคุยกันด้วยใบหน้าที่น่าเกลียด เพราะการสูญเสียโกลเดนไลท์ก็บีบหัวใจของพวกเขามากพอแล้ว ตอนนี้แม้แต่ลูก ๆ ของโกลเดนไลท์ก็ถูกศัตรูสังหารลงไปด้วย เรียกได้ว่าภารกิจในครั้งนี้ทำให้ชาวอิโดซาได้รับผลกระทบอย่างหนัก
อย่างไรก็ตามชายชราซึ่งเป็นผู้นำทีมกลับมองไปที่แท่งทองด้วยแววตาแห่งความตื่นเต้น และเขาก็ไม่ได้รู้สึกเศร้าเสียใจกับการจากไปของด้วงมิติทั้งสามตัวนี้เลย
***************
อย่าบอกนะว่าคิดจะจับแท่งทอง?
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 282
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น