อย่าปล่อยให้ “พวกเขา” จากบ้านเราไป มาร่วมลงชื่อคัดค้านการส่งออกช้างไทยไปต่างประเทศกันเถอะ

-A A +A
อย่าปล่อยให้ “พวกเขา” จากบ้านเราไป มาร่วมลงชื่อคัดค้านการส่งออกช้างไทยไปต่างประเทศกันเถอะ

อย่าปล่อยให้ “พวกเขา” จากบ้านเราไป มาร่วมลงชื่อคัดค้านการส่งออกช้างไทยไปต่างประเทศกันเถอะ

หมวดบทความ: 

ช้าง ถือได้ว่าเป็นสัตว์คู่บ้านคู่เมืองไทยเรามาตั้งแต่อดีต ไม่ว่าจะในเรื่องพิธีมงคลหรือการทำสงคราม โดยเรื่องราวที่เกี่ยวกับช้างเหตุการณ์หนึ่งที่คนไทยรู้จักดีและโด่งดังไปทั่วโลก นั่นก็คือการทำ สงครามยุทธหัตถี ซึ่งเป็นการต่อสู้เพื่อปกป้องบ้านเมืองปกป้องประเทศอีกเหตุการณ์หนึ่งที่สำคัญ

ดังนั้นจึงนับได้ว่า “ช้าง” เป็นสัตว์อันทรงคุณค่าของไทย เพราะได้ช่วยทำสงครามและปกป้องบ้านเมืองเราให้อยู่รอดปลอดภัยมาหลายต่อหลายครั้ง ช่วยให้เรามีประเทศได้อยู่อาศัยจวบเท่าทุกวันนี้ ดังนั้นประวัติศาสตร์ไทยกับ “ช้างไทย” จึงมีส่วนเกี่ยวเนื่องกันอย่างเหนียวแน่น

ทว่ากลับมีข่าวออกมาว่า กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ได้ประกาศข่าวการปลดล็อคการส่งออกช้างไปยังต่างประเทศ

ในอดีตที่ผ่านมา มีหลายหน่วยงานที่ได้ใช้ช่องว่างของกฎหมาย นำช้างออกนอกประเทศ โดยอ้างว่าจะนำไปทำการวิจัย หรือนำส่งสวนสัตว์ ซึ่งในระหว่างการขนส่ง ก็มีช้างบาดเจ็บล้มตายด้วย

แล้วตอนนี้ยังมาเปิดให้ส่งออกช้างไทยไปต่างประเทศอีก เช่นนี้จะเป็นการเหมาะสมหรือ ในเมื่อพวกเขาก็ได้ชื่อว่ามีบุญคุณต่อประเทศไทยเราไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าใคร แต่สิ่งที่เขาได้รับ จะมีผลแบบนี้หรือไร

ดังนั้นจึงได้มีแคมเปญรณรงค์เพื่อคัดค้างการส่งช้างไทยออกนอกประเทศขึ้น โดยมีเนื้อหาดังนี้


เรียนคนรักช้างทุกท่าน

ท่านคิดอย่างไรกับข่าวที่กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ที่ได้ประกาศข่าวการปลดล็อคการส่งออกช้างไปยังต่างประเทศ

ในรอบหลายทศวรรษที่ผ่านมา ประเทศไทยได้ส่งช้างไทยไปยังประเทศต่างๆ โดยใช้ข้ออ้างช่องโหว่ทางกฎหมายในการหาสาเหตุนำช้างส่งออกไปยังต่างประเทศ เช่น การส่งช้างเป็นของขวัญ หรือส่งเป็นบรรณาการ ส่งไปเพื่อการค้า ส่งไปโดยอ้างว่าเพื่อแลกเปลี่ยนสัตว์ตามนโยบายสวนสัตว์ การยืมช้างไปเพื่อวิจัย ซึ่งการนำช้างทั้งหมดเหล่านี้ไปยังต่างประเทศมีหลายหน่วยงาน และทำตามสนธิสัญญาไซเตส (CITES)

ช้างบางเชือกได้ล้มตายขณะขนส่ง เช่น ช้างพลายที่ส่งจาก กาญจนบุรี ไปประเทศจีน ช้างตายบนเครื่องบิน ช้างหลายเชือกใช้ข้ออ้างว่าอ้างยืมไปทำวิจัย เช่น ช้างที่ส่งไปยังสวนสัตว์ที่ประเทศเยอรมัน ทำเรื่องไปว่าเอาไปเพื่อการวิจัยแต่จนกระทั่งบัดนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่เคยทำหน้าที่ติดตามความเป็นอยู่ของช้าง และหาทางนำช้างกลับมาประเทศไทย ทั้งๆ ที่เลยเวลาที่กำหนดไปแล้ว

อีกทั้งประเทศไทยยังได้ส่งช้างไปยังสวนสัตว์ต่างๆ ทั่วโลกรวมทั้งมีสัญญาผูกพันเรื่องกำหนดระยะเวลาส่งคืน แต่ไม่เคยมีหน่วยงานไหนชี้แจงความคืบหน้าในการทวงคืนช้างนั้นกลับมา หรือได้รายงานให้กับสาธารณะทราบถึงชีวิตความเป็นอยู่ของช้างตามที่กล่าวอ้างแต่อย่างใด

ปัจจุบันประเทศไทยมีช้างเลี้ยงที่ลงทะเบียนไม่ถึง 5 พันเชือกจากที่เราเคยมีเป็นหลักแสนในอดีต ซึ่งจำนวนประชากรช้างที่เหลือในปัจจุบัน ถือว่าอยู่ในขั้นวิกฤต ถ้าเราปล่อยให้กรมการค้าต่างประเทศอนุญาตนำช้างที่เหลือเพียงน้อยนิดนี้ไปขายยังต่างประเทศ เราจะเสี่ยงที่ไม่มีช้างเหลืออยู่ในประเทศอีกต่อไป...

การอนุญาตส่งช้างจึงเป็นผลเสียอย่างสิ้นเชิง กรมการค้าต่างประเทศมุ่งหวังที่จะส่งออกช้างซึ่งเป็นสัตว์ประจำชาติออกไปยังต่างประเทศโดยไม่ศึกษารายละเอียด และผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อการดำรงอยู่ของช้าง ทั้งช้างป่าและช้างบ้าน

ดังนั้น ทางองค์กรสิทธิสัตว์แห่งประเทศไทย จึงขอเชิญชวนท่านเข้าร่วมแสดงพลังในการคัดค้านการส่งออกช้างป่าในครั้งนี้ โดยการร่วมลงชื่อคัดค้าน

ช้างไม่มีเสียงร้อง พวกเขากำลังจะถูกอำนาจเม็ดเงินแปรสภาพจาก 'สัตว์สัญลักษณ์' เป็น 'สินค้าส่งออก' เสียงของท่านช่วยปกป้องพวกเขาได้ ขอช่วยกันเซ็นชื่อและแชร์ข้อมูลนี้เพื่อช้างด้วยค่ะ


หากท่านใดไม่เห็นด้วยในเรื่องนี้ สามารถร่วมลงชื่อได้ตาม แคมเปญรณรงค์คัดค้านการส่งออกช้างไทยไปต่างประเทศ ตรงนี้ครับ

ขอบคุณข้อมูลจาก www.change.org wikipedia.org

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.