ตอนที่ 926 ดวงตาแห่งจักรวาล
ตอนที่ 926 ดวงตาแห่งจักรวาล
ภายในช่องว่างมิติอันมืดมิด ลูกของโกลเดนไลท์ค่อย ๆ โผล่ออกมาจากดักแด้ของพวกมันทีละตัว
ผู้ฝึกที่รออยู่รอบ ๆ ต่างก็มองไปยังภาพตรงหน้าอย่างตกตะลึง เพราะหลังจากที่หนอนด้วงมิติทั้งสามฟักตัวออกมา พวกมันก็มีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
ตอนนี้พวกมันไม่ได้เป็นหนอนตัวอ้วนอีกต่อไปแล้ว แต่มีขนาดตัวเล็กลงกว่าเดิมมาก บริเวณด้านหลังของพวกมันมีปีกสั้น 3 คู่ ลำตัวของพวกมันถูกปกป้องด้วยเปลือกสีดำหนา บริเวณหางของพวกมันก็เต็มไปด้วยหนามแหลม
การเปลี่ยนแปลงทางรูปลักษณ์ยังไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวที่สุด เพราะสิ่งที่ทำให้ทุกคนรู้สึกตกตะลึงอย่างแท้จริงคือดวงตาสีแดงฉานของพวกมันทั้งสามตัว
เดิมทีหนอนด้วงมิติทั้งสามตัวนี้สืบทอดดวงตาสีทองมาจากพ่อของมัน ทำให้พวกมันแตกต่างจากหนอนด้วงมิติโดยทั่วไปอย่างชัดเจน แต่ในตอนนี้ดวงตาของพวกมันกลายเป็นสีแดงเลือด แม้แต่เสียงกรีดร้องของพวกมันก็ทำให้ผู้ฟังรู้สึกหวาดกลัวไปจนถึงขั้วของหัวใจ
“ปู่! นั่นมันตัวอะไร? พวกมันยังเป็นหนอนด้วงมิติอยู่หรือเปล่า?” ผู้ฝึกหนอนด้วงมิติหนุ่มกล่าวถามปู่ด้วยร่างกายอันสั่นเทา
“ตอนนี้พวกมันไม่ใช่หนอนด้วงมิติอีกต่อไปแล้ว แต่กลายเป็นด้วงมิติที่โหดร้ายกว่าเดิมมาก” ชายชรากล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงอันตื่นเต้น
“ด้วงมิติ?!” ชายหนุ่มอุทานขึ้นมาอย่างประหลาดใจ
“ใช่ พวกมันคือด้วงมิติในตำนาน หลังจากที่โกลเดนไลท์เสียชีวิตจิตอาฆาตของมันจะฝังอยู่ภายในเลือดเนื้อเป็นเวลา 72 ชั่วโมง เมื่อลูก ๆ ของพวกมันกินร่างพ่อของตัวเองเข้าไป พวกมันก็ไม่เพียงแต่จะสืบทอดพลังจากโกลเดนไลท์มาเท่านั้น แต่พวกมันยังเกิดการวิวัฒนาการกลายเป็นด้วงมิติในตำนานอีกด้วย”
“ตอนนี้ด้วงมิติทั้งสามตัวไม่เพียงแต่จะเต็มไปด้วยความแข็งแกร่งเท่านั้น แต่พวกมันยังเต็มไปด้วยความโกรธแค้นทำให้พลังการต่อสู้ของพวกมันแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง”
ตอนนี้ไม่ได้มีเพียงแต่นักฝึกหนอนด้วงมิติหนุ่มเพียงคนเดียว เพราะนักฝึกหนอนด้วงมิติคนอื่น ๆ ก็กำลังฟังคำพูดของชายชราอย่างตั้งใจ ท้ายที่สุดข้อมูลพวกนี้ก็เป็นข้อมูลที่มีอยู่เพียงแต่ในหนังสือ การได้เจอด้วงมิติตัวเป็น ๆ จึงล้วนแล้วแต่ทำให้ทุกคนรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
ทันใดนั้นด้วงมิติทั้งสามตัวก็ส่งเสียงร้องคำราม ก่อนที่พวกมันจะเริ่มเคลื่อนตัวไปยังส่วนลึกของช่องว่างมิติ
ผู้ฝึกหนอนด้วงมิติพยายามเร่งความเร็วตามด้วงมิติไป แต่การเคลื่อนไหวภายในช่องว่างมิติเป็นเรื่องที่ยากมาก พวกเขาจึงต้องการจะขึ้นไปนั่งบนหลังของด้วงมิติทั้งสามตัว
“หยุด! ตอนนี้พวกมันไม่ใช่หนอนด้วงมิติอีกต่อไปแล้ว หากใครเข้าใกล้พวกมัน ทุกคนก็จะถูกกำจัดลงไปด้วย สิ่งที่พวกเราทำได้ในตอนนี้มีเพียงแค่การพยายามติดตามพวกมันไปห่าง ๆ เท่านั้น” ชายชรารีบตะโกนหยุดทุกคน
“พวกมันจะไปไหน?”
“ไปแก้แค้นน่ะสิ หลังจากการแก้แค้นเสร็จพวกมันถึงจะกลับมารับคำสั่งพวกเราอีกครั้ง ดวงตาสีแดงของพวกมันเต็มไปด้วยความแค้น ถึงแม้ศัตรูจะอยู่สุดขอบจักรวาลแต่พวกมันก็จะไล่ล่าไปฆ่าศัตรูของพวกมันให้ได้” ชายชราอธิบาย
ทุกคนต่างก็รู้สึกขนลุกขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ เพราะพลังแห่งความแค้นเป็นพลังที่น่ากลัวมาก การที่พวกมันทั้งสามเริ่มเคลื่อนไหวทันทีที่ออกมาจากดักแด้แบบนี้ มันก็เพียงพอจะบอกให้ทุกคนได้รู้ว่าภายในใจของพวกมันกำลังลุกโชนไปด้วยความแค้นมากแค่ไหน
—
ดินแดนลับ
แท่งทองใช้ชีวิตอย่างสะดวกสบายโดยพวกหุ่นยนต์จะนำซากโลหะมาให้มันกินอยู่ตลอดเวลา หนอนด้วงมิติตัวสีทองจึงนอนกินอาหารอย่างสบายใจ และการได้อยู่ที่นี่เพียงวันเดียวก็ดูเหมือนจะทำให้ร่างของมันขยายขนาดขึ้นอีกนิด
หลังจากเซี่ยเฟยจัดการทุกอย่างแล้ว เขาก็กระโดดขึ้นหลังแท่งทองพร้อมกับส่งกระแสจิตเพื่อระบุตำแหน่งจุดหมายปลายทาง
หนอนด้วงมิติถือว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าทึ่งมากจริง ๆ เพราะทันทีที่เซี่ยเฟยบอกตำแหน่ง มันก็สามารถทำความเข้าใจได้ในทันทีว่ามันจะต้องออกเดินทางไปทางไหน ทั้ง ๆ ที่มันเพิ่งจะถือกำเนิดขึ้นมาเพียงแค่ประมาณเดือนกว่า ๆ เท่านั้น ราวกับแผนที่ภายในช่องว่างมิติถูกสลักลงในสมองของมันตั้งแต่เกิด
ก่อนออกเดินทางเซี่ยเฟยได้ทิ้งวิญญาณพิทักษ์สวรรค์และเจมินี่เอาไว้ภายในดินแดนลับ ซึ่งวิญญาณพิทักษ์สวรรค์ไม่เพียงแต่จะช่วยปกป้องดินแดนลับได้เท่านั้น แต่พวกมอร์โรว์ยังสามารถทำการศึกษาสุดยอดเครื่องมือป้องกันนี้ เพื่อนำความรู้ไปพัฒนาความแข็งแกร่งของยานไททันได้อีกด้วย
ส่วนทางด้านของเจมินี่มันก็คือยานรบที่เร็วที่สุดในจักรวาล ชายหนุ่มจึงหวังว่าเทคโนโลยีบนยานลำนี้จะช่วยให้ไททันเคลื่อนที่ได้เร็วมากขึ้นกว่าเดิม แต่ถึงยังไงก็ตามเจมินี่ก็มียานอยู่ทั้งหมดสองส่วน เขาจึงทิ้งยานลำใหญ่เอาไว้ให้ทุกคนศึกษาและเก็บยานลำเล็กเอาไว้ภายในแหวนมิติของเขา
ในระหว่างที่โครงการไททันกำลังมีความคืบหน้า สถานการณ์ภายในดินแดนกฎก็เริ่มทวีความวุ่นวายขึ้นจากเดิมด้วยเช่นกัน ความสำคัญของดินแดนลับจึงเพิ่มมากขึ้นเป็นเงาตามตัว หรือนั่นก็คือเหตุผลที่ว่าทำไมเขาจึงให้ความสำคัญกับการป้องกันสถานที่แห่งนี้เป็นอันดับแรก
ฟุบ!
แท่งทองบุกเข้าไปภายในช่องว่างมิติและเนื่องมาจากว่าร่างกายของหนอนด้วงตัวนี้มีขนาดใหญ่มาก จนทำให้เซี่ยเฟยสามารถฝึกฝนกฎแห่งความเร็วในระหว่างการเดินทางได้
อย่างไรก็ตามลินนิจก็แนะนำให้เขาทำการฝึกฝนวิชามนตราอสูรก่อน ซึ่งเขาก็ไม่ได้มีปัญหาในเรื่องลำดับการฝึกฝนอยู่แล้ว อีกอย่างเขาก็มีความคุ้นเคยกับวิชานี้เป็นอย่างดี เขาจึงเลือกที่จะฝึกวิชามนตราอสูรตามคำแนะนำของลินนิจ
—
2 วันต่อมา
เซี่ยเฟยกำลังบิดขี้เกียจผ่อนคลายร่างกายหลังจากที่เขาสามารถฝึกวิชามนตราอสูรขั้นที่ 2 ได้แล้วเสร็จ
“เยี่ยมมาก! ตอนนี้นายฝึกวิชามนตราอสูรได้จนถึงขั้นกลางแล้ว ความผันผวนที่เกิดขึ้นจากการฝึกวิชานี้มากพอที่จะต่อชีวิตของฉันไปได้อีก 20 วัน” ลินนิจกล่าวอย่างตื่นเต้น
นับตั้งแต่ที่เซี่ยเฟยช่วยเหลือเขาออกมา เขาก็จำเป็นจะต้องพึ่งพาความผันผวนของพลังงานที่เกิดจากการสำเร็จวิชาของเซี่ยเฟยในการเอาชีวิตรอดต่อไปเท่านั้น หากไม่มีเซี่ยเฟยเขาก็ไม่สามารถที่จะมีชีวิตอยู่รอดต่อไปได้เหมือนกัน และเขาก็ไม่รู้ด้วยว่าเขาจะต้องใช้เวลาในการซ่อมแกนพลังภายในร่างแล้วเสร็จเมื่อไหร่
เซี่ยเฟยสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ 2-3 ครั้งก่อนที่เขาจะเริ่มใช้วิชาเนตรมนตรา
ทันใดนั้นวิสัยทัศน์ตรงหน้าก็มีความละเอียดมากขึ้นกว่าเดิม แม้แต่พื้นที่อันมืดมิดในระยะไกลก็สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน
“นี่สินะพลังของวิชาขั้นสมบูรณ์ มันแตกต่างจากวิชาที่ผมเคยเรียนรู้ในอดีตมากจริง ๆ ว่าแต่คุณไปเอาคำพูดนั้นมาจากไหน เรื่องที่ว่าถ้าหากไม่ทำลายจะไม่มีวันก่อกำเนิด?” เซี่ยเฟยกล่าวถามอย่างตื่นเต้น
“มันมีบันทึกอยู่ในฐานข้อมูลของฉันว่าถ้าหากเราต้องการจะพัฒนาต่อไป บางครั้งพวกเราก็ต้องทำลายแนวคิดเดิม ๆ เพราะแนวคิดเดิม ๆ มักจะทำให้เราติดปัญหา แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เราเริ่มต้นใหม่ปัญหาพวกนั้นก็จะถูกคลี่คลายไปได้ด้วยดี”
“ยกตัวอย่างเช่น การที่นายลบวิชามนตราอสูรฉบับเก่าถึงแม้ว่ามันจะทำให้นายสูญเสียความสามารถในการควบคุมสัตว์อสูรไปในช่วงเวลาหนึ่ง แต่เมื่อนายเริ่มเรียนวิชามนตราอสูรฉบับสมบูรณ์ นายก็จะมีความก้าวหน้าในวิชานี้อย่างรวดเร็วเนื่องมาจากว่านายมีรากฐานที่ดีมากอยู่แล้ว และเมื่อนายได้เรียนรู้ชุดความคิดที่ถูกต้อง มันก็จะช่วยให้นายก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็วโดยไม่ติดปัญหาคอขวดอีกต่อไป” ลินนิจอธิบาย
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับและต้องยอมรับว่าการเปลี่ยนแปลงวิชามนตราอสูรฉบับเก่ามาเป็นฉบับสมบูรณ์ คือการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดโดยแท้จริง
“ถ้าหากว่าผมยกเลิกวิชามนตราอสูรแล้วฝึกฝนใหม่ มันช่วยให้ผมมีความคืบหน้าและมีพลังเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมเป็นสองเท่า แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นถ้าผมได้รับวิธีการฝึกฝนกฎมิติแบบใหม่ มันจะให้ผลลัพธ์เหมือนกันด้วยหรือเปล่า?” เซี่ยเฟยถามอย่างสงสัย
“นายกำลังคิดมากจนเกินไปแล้ว วิธีการเรียนรู้กฎแห่งมิติในปัจจุบันได้พัฒนามาจนถึงขีดจำกัดของมันแล้ว โอกาสที่นายจะได้พบกับวิธีฝึกฝนแบบใหม่ที่ดีกว่าเดิมเป็นเรื่องที่ยากมาก เว้นแต่ว่า…” ลินนิจกล่าวก่อนที่จะหยุดพูดไปอย่างกะทันหัน
“เว้นแต่ว่าอะไร?” เซี่ยเฟยถามอย่างเร่งรีบ
“เว้นแต่ว่านายจะคิดวิธีการฝึกแบบใหม่ขึ้นเอง และวิธีที่นายคิดมันก็จะต้องดีกว่าวิธีการดั้งเดิมที่นายใช้อยู่ตอนนี้ด้วย” ลินนิจกล่าว
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับอย่างผิดหวังเล็กน้อย เพราะการคิดค้นวิธีการฝึกฝนใหม่ยากลำบากกว่าการฝึกฝนด้วยวิธีใหม่หลายพันเท่า แต่ถึงกระนั้นถ้าหากว่าเขาได้รับวิธีการฝึกฝนใหม่มาจริง ๆ มันก็คุ้มค่าที่จะลบเลือนวิธีการเก่า ๆ ที่เขาเคยฝึกฝนมา
การเปลี่ยนแปลงวิธีฝึกฝนคล้ายกับการเปลี่ยนแปลงเครื่องยนต์ใหม่ เมื่อไหร่ก็ตามที่เขาสามารถเปลี่ยนแปลงเครื่องยนต์ใหม่ที่แรงกว่าเดิมได้ มันย่อมส่งผลดีกับเขาในระยะยาวมากกว่า
ในระหว่างที่ชายหนุ่มกำลังคิดอะไรอยู่เพลิน ๆ นั่นเอง แท่งทองก็หยุดเคลื่อนไหวพร้อมกับส่งสัญญาณบอกเซี่ยเฟยว่าพวกเขาเดินทางมาจนถึงจุดหมายปลายทางแล้ว
“เร็วขนาดนี้เลยเหรอ?!” เซี่ยเฟยชะงักไปเล็กน้อย เพราะเขาไม่คิดว่าการเดินทางในคราวนี้จะใช้เวลาเพียงแค่ 2 วันเท่านั้น
“พวกเราไม่มีทางทำความเข้าใจเส้นทางภายในช่องว่างมิติได้หรอก เส้นทางพวกนั้นมีความซับซ้อนสูงมาก แต่ตราบใดก็ตามที่เราเลือกเส้นทางได้อย่างถูกต้อง มันก็จะช่วยย่นระยะเวลาในการเดินทางได้เยอะมาก”
“แท่งทองยังเด็กมาก การเลือกเส้นทางในช่วงแรกของมันจึงไม่ค่อยช่ำชองนัก แต่เมื่อมันมีประสบการณ์มากขึ้น มันก็จะค่อย ๆ เลือกเส้นทางที่สั้นลงกว่าเดิมด้วยเหมือนกัน” ลินนิจอธิบาย
“เอาล่ะในที่สุดเราก็จะได้เห็นดวงตาแห่งจักรวาลแล้ว ฉันอยากจะรู้จริง ๆ ว่ามันคือสถานที่แบบไหนกันแน่” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างตื่นเต้น
เมื่อได้รับคำสั่งจากเซี่ยเฟย แท่งทองก็ทำการแหวกช่องว่างมิติและกลับมาสู่จักรวาลปกติอีกครั้ง
“หือ!?”
ชายหนุ่มอุทานขึ้นมาอย่างประหลาดใจ ขณะที่ลินนิจเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง
ภาพตรงหน้าคือกาแล็กซีอันว่างเปล่าคล้ายกับมีคนมากัดเค้กจากตรงกลางในระยะไกล มันจึงดูคล้ายกับลูกตาขนาดใหญ่ที่ลอยอยู่ในบริเวณนั้น
ชายหนุ่มขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย เพราะพื้นที่บริเวณนี้ไม่เพียงแต่จะมีรูปร่างหน้าตาแปลก ๆ เท่านั้น แต่มันยังเต็มไปด้วยความผันผวนของพลังงานอันทรงพลัง และมันยังให้ความรู้สึกเหมือนกับพลังงานที่ปลดปล่อยออกมาจากชิ้นส่วนอาร์ค
“ฉันว่าฉันรู้ว่าที่นี่คือที่ไหน” ลินนิจกล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจังหลังจากที่เงียบไปนานกว่า 3 นาที
“ที่ไหน?” เซี่ยเฟยถาม
“จุดที่อาร์คระเบิด! รอยยุบที่ดูเหมือนดวงตาตรงนั้นคือจุดที่เกิดการระเบิดขนาดใหญ่ ถึงแม้ตอนนี้เวลาจะผ่านไปนานหลายล้านปีแล้ว แต่รอยแผลในจักรวาลก็ยังคงหลงเหลือมาจนถึงปัจจุบัน” ลินนิจกล่าว
เซี่ยเฟยสะดุ้งด้วยความตกใจในทันที เพราะถ้าหากพื้นที่บริเวณนี้คือจุดที่เกิดการระเบิดของอาร์คจริง ๆ มันก็ไม่เพียงแต่จะเป็นสถานที่ที่อุดมไปด้วยพลังงานเท่านั้น แต่มันยังเป็นพื้นที่ที่มีเบาะแสสำคัญสำหรับการตามหาความจริงที่อยู่เบื้องหลังประตูจักรวาลอีกด้วย
***************
พี่เฟยจะได้อะไรจากพื้นที่ตรงนี้กันแน่?
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 282
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น