ตอนที่ 848 ตระกูลเบนิน
ตอนที่ 848 ตระกูลเบนิน
หัวใจขนาดใหญ่ดวงนี้ดูคล้ายจะเป็นอวัยวะภายในของสัตว์ประหลาดอะไรสักตัว แต่เมื่อเซี่ยเฟยเริ่มจู่โจมเพื่อทำลายผนังของหัวใจจริง ๆ เขากลับได้พบว่ามันคือพืชชนิดหนึ่ง
ใบหญ้าทั้งห้าของหงส์ครามยืดยาวไปไกลกว่า 1 กิโลเมตร ทั่วทั้งใบหญ้าถูกปกคลุมไปด้วยดอกไม้พลังงานที่มีความแข็งไม่ต่างไปจากคริสตัล เมื่อหงส์ครามเริ่มหมุนด้วยความรวดเร็ว ดอกไม้พลังงานจึงทำหน้าที่ไม่ต่างไปจากดอกสว่านอันแหลมคม
คลื่น!
เซี่ยเฟยเจาะทะลุผ่านพืชหัวใจขนาดใหญ่จนทะลุเข้ามายังดินแดนที่ถูกเรียกว่าซีเครดสปริง
ภาพที่ปรากฏคือมันมีทางเดินอยู่ทั่วทุกที่และมีต้นไม้แปลก ๆ ขึ้นอยู่ทั่วทุกหนแห่ง ต้นพืชเหล่านี้มีขนาดที่แตกต่างกัน แต่ต้นพืชเกือบทั้งหมดต่างมีลักษณะคล้ายกับอวัยวะอย่างเช่นหัวใจหรือปอดของสิ่งมีชีวิต
—
ในเวลาเดียวกันกับที่เซี่ยเฟยเดินทางเข้าไปในซีเครดสปริง มันก็เริ่มมีเหตุการณ์อันแปลกประหลาดเกิดขึ้นบนดาวดูนามี่ ซึ่งเป็นถิ่นที่อยู่ของชนชาวดาร์ดพัพเพท
บริเวณเชิงเขาผู้คนเป็นจำนวนนับไม่ถ้วนกำลังเตรียมตัวออกไปยังวิหารเพื่อบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่พวกเขานับถือ อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าบนพื้นจะเต็มไปด้วยโคลนตม แต่ผู้ศรัทธาเหล่านี้กลับเลือกใช้วิธีเดินทางไปยังวิหารโดยวิธีการคลาน
ไม่ว่าจะเป็นผู้ชาย, ผู้หญิง, เด็กหรือคนแก่ทุกคนต่างก็คลานไปบนพื้นด้วยสีหน้าที่จริงจัง ถึงขนาดที่ผู้มีลูกน้อยก็ยังสะพายเด็กไว้บนหลัง ขณะที่เธอคลานไปยังวิหารด้วยท่าทางที่เต็มไปด้วยความศรัทธา
นอกจากพื้นโคลนอันเปรอะเปื้อนแล้วเส้นทางบนภูเขายังมีก้อนกรวดแหลมคมอีกมากมาย แต่อุปสรรคเหล่านี้ก็ไม่สามารถหยุดยั้งผู้ศรัทธาได้ คล้ายกับว่ายิ่งเส้นทางยากลำบากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งเพิ่มความมุ่งมั่นให้กับพวกเขามากเท่านั้น
ทันใดนั้นมันก็มีประตูมิติถูกเปิดออกบริเวณเชิงเขา พร้อมกับชายวัยกลางคนผู้แต่งตัวหรูหราที่เดินออกมาจากประตู เสื้อผ้าการแต่งตัวของพวกเขาแตกต่างจากชาวท้องถิ่นที่กำลังคลานอยู่บนพื้นอย่างสิ้นเชิง
ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาทั้งสองคนยังดูเหมือนกันทุกประการ ยกเว้นว่าชายคนหนึ่งมีรอยสักบนแก้มทางซีกซ้าย ขณะที่อีกคนมีรอยสักบนแก้มทางซีกขวา
หลังจากออกมาจากประตูมิติฝาแฝดหัวโล้นทั้งสองคนก็ทิ้งตัวลงไปบนพื้น พร้อมกับออกคลานโดยไม่สนใจว่าดินโคลนจะทำให้เสื้อผ้าราคาแพงของพวกเขาจะต้องเปรอะเปื้อน
คลืด ๆ ๆ
ชายหัวล้านทั้งสองคลานไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูงมาก ภายในระยะเวลาสั้น ๆ พวกเขาจึงเดินทางไปจนถึงด้านหน้าทางเข้าของวิหารขนาดใหญ่ จากนั้นพวกเขาก็ลุกยืนขึ้นเดินเคียงข้างกันเข้าไปภายในวิหารด้วยความเคารพ
ภายนอกวิหารแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นมาอย่างเรียบง่าย แต่เมื่อพวกเขาเดินเข้าไปพวกเขาก็ได้พบกับโครงกระดูกเป็นจำนวนมาก
บนโครงกระดูกแต่ละโครงถูกปกคลุมไปด้วยเครื่องประดับนานาชนิด ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ศรัทธานำมาถวายในทุก ๆ วัน ผู้ดูแลวิหารจะค่อย ๆ ผลัดเปลี่ยนเครื่องประดับบนตัวโครงกระดูกออกไป ทำให้วัน ๆ หนึ่งโครงกระดูกจะถูกเปลี่ยนเครื่องประดับมากกว่า 1 ครั้ง
ชายหัวโล้นทั้งสองโค้งคำนับโครงกระดูกตามทางไปอย่างเคารพ ก่อนที่พวกเขาจะเดินผ่านประตูเล็ก ๆ เพื่อเดินทางไปยังสวนทางด้านหลังวิหาร
สวนด้านหลังวิหารถูกประดับประดาไปด้วยดอกไม้นานาพรรณ บริเวณกลางสวนมีหญิงชราคนหนึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่บนผืนหญ้า บนใบหน้าของเธอถูกประดับเอาไว้ด้วยริ้วรอยและผมขาวยาวคล้ายกับว่าเธอไม่เคยตัดผมของเธอเลย
“ท่านป้า” ชายหัวโล้นทั้งสองคุกเข่าพร้อมกับส่งเสียงเรียกออกไปเบา ๆ
หญิงชราลืมตาขึ้นมาเล็กน้อย จากนั้นเธอก็เหวี่ยงหุ่นไม้ออกไปด้วยมือเดียว และทันทีที่หุ่นตกกระทบกับพื้นหญ้ามันก็แตกสลายออกเป็นชิ้น ๆ
“ชายคนนี้ตายแล้ว เขาคือใครงั้นเหรอครับ?” ชายหัวโล้นทั้งสองถามขึ้นมาอย่างสงสัย
สมาชิกเผ่าดาร์ดพัพเพทจะเกิดมาพร้อมกับหุ่นเชิดของตัวเอง การที่หุ่นเชิดของใครพังทลายลงไปมันก็เป็นการบ่งชี้ว่าผู้ที่ผูกติดชีวิตอยู่กับมันเสียชีวิตลงไปแล้วด้วยเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อพิจารณาจากลักษณะของหุ่น มันก็สามารถบอกได้เลยว่าเขาถูกศัตรูสังหารอย่างโหดเหี้ยม
“เขาคือลูกชายของฉัน เป็นลูกพี่ลูกน้องของพวกนาย” หญิงชรากล่าวขึ้นมาด้วยใบหน้าที่บิดเบี้ยว
ชายหัวโล้นทั้งสองขมวดคิ้วขึ้นมาด้วยความสงสัย เพราะพวกเขาจำได้ว่าป้าของพวกเขาไม่เคยแต่งงานแล้วพวกเขาจะมีลูกพี่ลูกน้องได้ยังไง
“สาเหตุที่ฉันปลีกวิเวกออกมาจากตระกูลเพื่อมาอยู่ที่นี่เพียงลำพัง นั่นก็เพราะว่าฉันมีลูกชายกับมนุษย์” หญิงชรากล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
ท่าทางของชายหัวโล้นทั้งสองรู้สึกสับสนมากขึ้นกว่าเดิม แต่พวกเขาก็ไม่ได้ถามอะไรออกไป เพราะท้ายที่สุดมันก็ไม่เหมาะสมที่พวกเขาจะต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวของผู้อาวุโส
อย่างไรก็ตามคำกล่าวที่ว่าป้าของพวกเขามีลูกกับมนุษย์ มันก็ทำให้ทั้งคู่รู้สึกประหลาดใจ เพราะทุกคนรู้ดีว่าเผ่าพันธุ์สูงสุดทั้งสองของจักรวาลมีความขัดแย้งกันมาอย่างยาวนาน การถือกำเนิดของลูกผสมจึงไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจที่จะทำให้ป้าของพวกเขาต้องถูกเนรเทศออกมาจากตระกูล
“พวกเราจะจัดการเรื่องนี้ให้เองครับ แต่ตามกฎของตระกูลพ่อของเขาก็จะต้องตายไปพร้อมกันด้วย” ชายหัวโล้นผู้มีรอยสักทางด้านซ้ายกล่าว
“พ่อของเขาชื่อเซียงจินเฉิงเสียชีวิตไปตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว ฉันจะไม่พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องที่เขาตาย แต่ชีวิตลูกชายของฉันจะต้องถูกชดใช้ด้วยเลือดของศัตรู” หญิงชรากล่าวอย่างขมขื่น
ชายหัวโล้นทั้งสองพยักหน้ารับเล็กน้อย ก่อนที่หญิงชราจะมองวิวทิวทัศน์เป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นเธอก็หยิบมีดอันคมกริบออกมาจากใต้แขนเสื้อของเธอ
ฉัวะ!
พริบตาต่อมาใบมีดก็พุ่งผ่านลำคอของเธออย่างรวดเร็ว แต่ถึงกระนั้นสีหน้าของเธอก็ยังคงไร้อารมณ์ แม้ว่ามันจะมีเลือดไหลออกมาจากบาดแผลราวกับก๊อกน้ำแตกก็ตาม
ยิ่งไปกว่านั้นหลานชายทั้งสองของเธอยังยืนมองดูโศกนาฏกรรมตรงหน้าโดยไม่คิดที่จะเข้าไปหยุดยั้งเลยแม้แต่น้อย หญิงชราจึงค่อย ๆ ผลักดันใบมีดก่อนที่จะตัดศีรษะของตัวเองได้สำเร็จ
ชายหัวโล้นผู้มีรอยสักทางแก้มซ้ายไม่รอให้ศีรษะของหญิงชราตกลงไปกระแทกกับพื้น เขาจึงยื่นมือออกไปรับศีรษะนั้นเอาไว้จนทำให้เลือดสาดกระเซ็นเปรอะเปื้อนเสื้อผ้าของพวกเขา
“ท่านป้าทำพิธีสังเวยเรียบร้อยแล้ว พวกเรารีบไปจัดการเรื่องนี้กันเถอะ” ชายหัวโล้นทั้งสองหันมาพูดคุยกัน ก่อนที่พวกเขาจะเก็บศีรษะของหญิงชราเอาไว้ในแหวนมิติ และเดินทางจากไปปล่อยให้นกแร้งร่อนตัวลงมาจิกกัดร่างกายของหญิงชราอย่างไม่ใยดี
แม้วิธีการทั้งหมดนี้จะดูโหดร้ายแต่มันก็ถือว่าเป็นธรรมเนียมของตระกูล ทุกสิ่งทุกอย่างจึงดำเนินต่อไปราวกับมันไม่ได้มีอะไรพิเศษ และคนพวกนี้ก็คือคนจากตระกูลเบนินผู้เลือดเย็น
—
ณ ซีเครดสปริงภายในช่องว่างมิติ
ซีเครดสปริงเป็นดินแดนมหัศจรรย์ที่เต็มไปด้วยพืชพันธุ์อย่างมากมาย น่าเสียดายที่รูปร่างหน้าตาของพืชพรรณเหล่านั้นดูค่อนข้างที่จะน่าขนลุกไปหน่อย
ตอนแรกที่มีผู้คนมาอาศัยอยู่ที่นี่พวกเขาคิดว่าตัวเองกำลังเผชิญหน้ากับนรกบนดิน แต่หลังจากที่พวกเขาได้คลุกคลีกับพืชพวกนี้มาสักพัก พวกเขาก็ได้พบว่านอกเหนือจากพืชพวกนี้จะไม่เป็นอันตรายแล้วพวกมันยังเต็มไปด้วยพลังงานจำนวนมาก จนทำให้ผู้คนในซีเครดสปริงอาศัยพืชเหล่านี้เพื่อความอยู่รอด
ยิ่งไปกว่านั้นภายในซีเครดสปริงยังมีสภาพแวดล้อมต่าง ๆ อย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นภูเขา, ทะเลสาบไม่ต่างไปจากพื้นที่ปกติ นอกเสียจากพืชหน้าตาแปลกประหลาดเท่านั้นเอง
เซี่ยเฟยไม่ได้มีอารมณ์ที่จะชื่นชมพืชพันธุ์อันน่าประหลาดใจ เพราะในคราวนี้เขาจะต้องออกตามแซมสันให้ได้โดยเร็วที่สุด เพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งกับผู้คนภายในซีเครดสปริง
ฟุบ!
เซี่ยเฟยออกวิ่งด้วยความรวดเร็วพุ่งผ่านพืชพรรณอันแปลกประหลาดเพื่อออกหานักปราชญ์ภายในดินแดนแห่งนี้
“ทางแยกอีกแล้ว พวกเราควรจะไปทางไหน?” เซี่ยเฟยหยุดนั่งพักใต้ต้นไม้ใหญ่พร้อมกับกล่าวถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่เคร่งเครียด
เวลาได้ผ่านพ้นไปนานกว่า 2 ชั่วโมงแล้วนับตั้งแต่ที่เขาแอบเข้ามาในซีเครดสปริง น่าเสียดายที่พื้นที่แห่งนี้มีขนาดใหญ่มากจนทำให้เขายังไม่เห็นใครเลยหลังจากที่บุกเข้ามายังด้านใน
“ซีเครดสปริงเป็นพื้นที่ที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา แม้แต่คนท้องถิ่นก็มักจะหลงทางเป็นเรื่องปกติ แต่ไม่ต้องห่วงว่านายจะติดอยู่ในที่นี่ ขอแค่นายจับคนพื้นที่ได้สักคนแล้วบังคับให้เขานำทางแค่นั้นก็พอแล้ว” โอโร่กล่าวอย่างช่วยอะไรไม่ได้
“ถ้ามันมีคนให้จับผมจะถามคุณทำไม? แต่นอกจากคนที่อยู่ตรงทางเข้าผมยังไม่เห็นใครสักคนที่นี่เลย” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว
ฟุบ!
ชายหนุ่มเริ่มเคลื่อนที่อีกครั้งแต่ในคราวนี้เขาเปลี่ยนกลยุทธ์ เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่เขาเจอทางแยกเขาจะออกเลี้ยวไปทางซ้ายอยู่เสมอ ซึ่งเป็นวิธีเดียวกันกับเวลาที่ผู้คนถูกขังอยู่ในเขาวงกต ชายหนุ่มจึงหวังว่าเทคนิคเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้จะใช้ได้ผลกับที่นี่ด้วยเหมือนกัน
ในที่สุดหลังจากเดินทางมาอีกเพียงแค่ไม่นาน ชายหนุ่มก็ได้พบกับกลุ่มคนที่อยู่ห่างออกไปไกลกว่า 10 กิโลเมตร
คนกลุ่มนี้มีประมาณ 30 คนซึ่งทุกคนก็กำลังขี่หนอนด้วงมิติราวกับว่าพวกเขากำลังขี่ม้า
“ฮ่า ๆ ๆ ในที่สุดฉันก็เจอคนอื่นแล้ว” เซี่ยเฟยกล่าวออกมาด้วยแววตาอันสดใส ก่อนที่เขาจะพุ่งตัวออกมาราวกับหมาป่าที่พบเหยื่อ
***************
ตระกูลมูนวอร์ดน่าจะจบแล้ว แต่ตระกูลเมียลับของเซียงจินเฉินยังไม่จบบบบบ


แสดงความคิดเห็น