ตอนที่ 799 บริษัทการค้าแคนเดิลไลท์
ตอนที่ 799 บริษัทการค้าแคนเดิลไลท์
เซี่ยอู๋เย่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงมาก เพราะหลังจากที่เซี่ยเฟยนำศพทั้งสองไปให้กับพ่อบ้านชรา ในเวลาเพียงแค่ 1 ชั่วโมงต่อมาข้อมูลทุกอย่างโดยละเอียดก็ถูกส่งตรงเข้ามามายังเข็มทิศมิติของเขาแล้ว
“หลักฐานทุกชิ้นชี้ไปที่เผ่าเซาธ์สตาร์งั้นเหรอ? ดูเหมือนว่าคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้จะอยู่ในกลุ่มดาวงาช้างสินะ” เซี่ยเฟยพึมพำขึ้นมาเบา ๆ หลังจากที่เขาได้อ่านข้อมูลทุกอย่างจนจบ
เผ่าเซาธ์สตาร์เป็นหนึ่งในสิ่งมีชีวิตทรงปัญญามากมายภายในดินแดนกฎ ซึ่งหน้าตาของพวกเขามีความคล้ายคลึงกับมนุษย์มากและถิ่นที่อยู่ของพวกเขาก็คือกลุ่มดาวงาช้าง
ศพทั้งสองเป็นนักรบของเผ่าเซาธ์สตาร์ เสื้อผ้าของพวกเขาก็ผลิตในกลุ่มดาวงาช้างด้วยเช่นกัน แม้กระทั่งอาหารมื้อสุดท้ายในกระเพาะของพวกเขาก็คืออาหารเฉพาะถิ่นของกลุ่มดาวงาช้าง ที่ชาวเผ่าเซาธ์สตาร์ค่อนข้างจะชื่นชอบอาหารชนิดนี้มากเป็นพิเศษ
“พวกเซาธ์สตาร์เป็นหน่วยลาดตระเวนคนสำคัญของเผ่าเทพ แม้ว่าเผ่าพันธุ์นี้จะมีขนาดเล็กมาก แต่พวกเขาก็มีนิสัยค่อนข้างที่จะเด็ดเดี่ยว ทำให้ยากที่จะรีดข้อมูลมาจากนักรบเผ่าพันธุ์นี้ได้ พวกเขาจึงมักจะถูกมอบหมายให้ทำหน้าที่สำคัญ เพราะนักรบเผ่าเซาธ์สตาร์ยินดีที่จะตายดีกว่าปล่อยให้ข้อมูลรั่วไหลออกไปยังศัตรู” โอโร่กล่าวพร้อมกับพยักหน้า
เซี่ยเฟยยังคงนิ่งเงียบโดยไม่พูดอะไร เพราะถึงแม้ว่าเขาจะได้ข้อมูลมาว่าเผ่าเซาธ์สตาร์คือผู้ที่อยู่เบื้องหลังโศกนาฏกรรมของลัทธิเทพโบราณ แต่เขาก็คงจะไม่สามารถยกกองทัพไปทวงหาความยุติธรรมให้กับพวกเมอร์แมนได้อยู่ดี
ไม่ว่าเผ่าเซาธ์สตาร์จะมีขนาดเล็กแค่ไหน แต่ท้ายที่สุดพวกเขาก็ยังคงเป็นเผ่าพันธุ์ที่มีสติปัญญา ดังนั้นเขาจึงจำเป็นจะต้องสืบทราบรายละเอียดให้ได้มากกว่านี้ ก่อนที่เขาจะตัดสินใจดำเนินการใด ๆ
—
ปัจจุบันเซี่ยเฟยเดินทางกลับมายังสมาคมอาชาดำอีกครั้ง เพื่อหาข่าวว่าใครคือคนนำหน้ากากโบราณไปวางขายในงานแลกเปลี่ยนสินค้า
ชายหนุ่มมีความรู้สึกว่าหน้ากากโบราณ, การเสียชีวิตของฮาเดสและการล่มสลายของลัทธิเทพโบราณมีความเกี่ยวโยงกัน ผู้ที่นำหน้ากากโบราณมาวางขายภายในงานแลกเปลี่ยนสินค้า จึงเป็นผู้ที่มีโอกาสจะเป็นคนร้ายมากที่สุด และอีกฝ่ายก็มีแนวโน้มสูงมากที่จะได้ครอบครองกฎแห่งเวลาด้วยเช่นกัน
“คุณชายเฟยมันไม่ใช่ว่าพวกเราไม่อยากหาข้อมูลให้กับคุณหรอกนะ แต่ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่ละเอียดอ่อนมาก ทุกคนที่เดินทางไปในงานเสียชีวิตลงหมดเลย พวกวิหคดำจึงเพ่งเล็งมาที่ฉันเพื่อพยายามหาคำตอบว่าทำไมฉันถึงรอดชีวิตกลับมาได้” เฟอร์นันเดินเข้ามาหาเซี่ยเฟยด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด
“แล้วคุณจะโทษฉันที่ให้คุณหนีออกมาจากโศกนาฏกรรมครั้งนั้นงั้นเหรอ?” เซี่ยเฟยกล่าวถามด้วยรอยยิ้ม
“ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้น! คำสั่งของคุณเป็นการช่วยชีวิตของฉันเอาไว้จริง ๆ แต่การพยายามสืบข่าวในช่วงนี้มันทำได้ยากมาก หัวหน้าของเราจึงเดินทางไปที่สมาคมวิหคดำด้วยตัวเอง อีกไม่กี่วันหัวหน้าน่าจะนำข่าวที่คุณต้องการกลับมาอย่างแน่นอน” เฟอร์นันกล่าวอย่างหนักแน่น
เมื่อพูดถึงผู้นำของสมาคมอาชาดำ สีหน้าของเฟอร์นันก็เต็มไปด้วยความมั่นใจ เพราะในสายตาของเขา หากดาเมี่ยนต้องการอะไรอีกฝ่ายย่อมจะต้องนำสิ่งนั้นกลับมาให้ได้ แม้ว่าจะต้องใช้วิธีการที่ชั่วร้ายขนาดไหนก็ตาม
ดาเมี่ยนผู้ซึ่งเป็นผู้นำของสมาคมอาชาดำ และเฟนริวผู้ซึ่งเป็นรองผู้นำสมาคมต่างก็ล้วนแล้วแต่มีพลังอยู่ในระดับจักรพรรดิกฎ โดยดาเมี่ยนมีพลังสูงถึงจักรพรรดิกดขั้นที่ 4 ขณะที่เฟนริวมีพลังอยู่ในระดับจักรพรรดิกฎขั้นที่ 1 ส่วนเฟอร์นันผู้ซึ่งเป็นหัวหน้าคนที่ 3 ยังคงมีพลังอยู่ในระดับราชากฎขั้นที่ 7 เท่านั้น ซึ่งห่างไกลจากหัวหน้า 2 คนแรกของสมาคมมากพอสมควร
ด้วยการมีอยู่ของสองจักรพรรดิกฎภายในสมาคมอาชาดำนี่เอง มันจึงทำให้สมาคมของพวกเขามีอำนาจเทียบเท่าได้กับตระกูลขนาดใหญ่ภายในดินแดนกฎ และถึงแม้ว่าพวกเขาจะทำงานสกปรกมาโดยตลอด แต่มันก็ไม่มีใครกล้าที่จะมาท้าทายสมาคมอาชาดำโดยไม่ได้ตั้งใจ
“ในเมื่อคุณดาเมี่ยนออกไปจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง ฉันก็จะรออีกสักหน่อยก็แล้วกัน” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
หลังจากนั้นเซี่ยเฟยก็ขอตัวออกมาจากสมาคม เพราะเขายังหาดักแด้จักจั่นทองแดงตามที่ฮัวหยูตงต้องการยังไม่ได้เลย
ท้ายที่สุดค้อนรวมศูนย์ก็มีความสำคัญสูงมาก เพราะเมื่อระดับของเขาเพิ่มมากขึ้นอาวุธที่เหมาะสมกับพลังของเขาในตอนนี้มันก็น้อยลงไปมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น ดาบดราก้อนสเกลและหิมะโปรยเดือนตุลาที่เซี่ยเฟยชอบใช้ในอดีต ปัจจุบันอาวุธเหล่านั้นก็แทบที่จะไม่มีประโยชน์สำหรับเขาแล้ว
สาเหตุที่เซี่ยเฟยไม่ได้นำพวกมันออกมาใช้ก็ไม่ใช่เพราะว่าเมื่อเขาได้ของใหม่แล้วเขาจะลืมของเก่า เพียงแต่ว่าเมื่อศัตรูมีพลังแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อย ๆ อาวุธเหล่านี้มันก็ไม่ได้มีประสิทธิภาพมากเพียงพอที่จะสังหารศัตรูในปัจจุบันของเขาได้
นักรบไม่ควรมีไพ่ตายภายในมือเพียงแค่ไม่กี่ใบ และถ้าหากไม่ใช่เพราะชายหนุ่มเก็บซ่อนไพ่ลับเอาไว้ภายในมืออย่างมากมาย เขาก็คงจะไม่ได้มีชีวิตรอดอยู่ได้มาจนถึงทุกวันนี้
“นายน้อยเฟย เราจะทำยังไงกับผู้หญิงคนนั้นดี? สภาวะจิตใจของเธอไม่ปกติและมักจะส่งเสียงร้องไห้ออกมาบ่อย ๆ การปล่อยให้เธออยู่ในสมาคมคงจะไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนัก” เฟอร์นันรีบถามก่อนที่เซี่ยเฟยจะจากไป
“นั่นสินะ ฉันเกือบลืมเรื่องนี้ไปเลย” เซี่ยเฟยส่งเสียงหัวเราะออกมาเบา ๆ พร้อมกับยกมือขึ้นมาตบหน้าผากของตัวเอง
“เอาน้ำยาขวดนี้ให้เธอดื่มเช้าเย็นครั้งละหยด หลังจากเธอได้ยาครบ 3 วันเธอจะได้สติและลืมทุกอย่างที่เกิดขึ้นในอดีต ตอนนั้นพวกคุณค่อยนำตัวเธอไปส่งในบ้านของผู้อาวุโสวูดที่ทำงานในสมาคมผู้คุมกฎอย่างเงียบ ๆ เรื่องง่าย ๆ แค่นี้พวกคุณคงจะจัดการกันเองได้ใช่ไหม?” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับหยิบน้ำยาขวดสีน้ำเงินออกมามอบให้กับเฟอร์นัน
เฟอร์นันชะงักค้างไปเล็กน้อย เพราะเขาไม่คิดเลยว่าเซี่ยเฟยจะมีความเชี่ยวชาญทางด้านการปรุงยาด้วยเช่นกัน น้ำยาขวดเล็ก ๆ ขวดนี้เพียงขวดเดียวทั้งสามารถรักษาอาการเสียสติของเฮเลนและลบความทรงจำของเธอได้ เมื่อเฟอร์นันเห็นความมั่นใจของเซี่ยเฟย เขาก็คิดว่าสรรพคุณทุกอย่างของน้ำยาคือเรื่องจริง
“ไม่ต้องห่วงเรื่องแค่นี้พวกเราจัดการได้สบายมาก น่าเสียดายฉันกะว่าเราจะได้ของขวัญจากงานมามอบให้กับคุณเสียอีก แต่มันกลับเกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นมาซะก่อน” เฟอร์นันกล่าว
เซี่ยเฟยแอบขำอยู่ในใจอย่างลับ ๆ เพราะเขาได้ขโมยสินค้าเกือบทุกชิ้นภายในงานออกมาจนหมดแล้ว แน่นอนว่าถ้าเฟอร์นันไม่ได้พาตัวเขาเข้าไปภายในงาน เขาย่อมไม่ได้รับสินค้าพวกนั้นกลับมาด้วยเช่นเดียวกัน และมันก็ไม่จำเป็นจะต้องพูดถึงพลังงานปริมาณมหาศาลที่ทำให้เขาเลื่อนระดับขึ้นมาจนกลายเป็นราชากฎขั้นที่ 5 แล้ว
“ตอนนี้ฉันกำลังหาดักแด้จักจั่นทองแดงอยู่ ในเมื่อคุณอยากจะหาของขวัญให้กับฉัน ฉันก็จะไม่เกรงใจก็แล้วกัน” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับยักไหล่
เหตุการณ์นี้ทำให้เฟอร์นันรู้สึกตกตะลึง เพราะเขาเพียงแค่พูดออกไปตามมารยาทเท่านั้น เขาจึงไม่คิดว่าเซี่ยเฟยจะจริงจังกับคำพูดของเขาแบบนี้ เฟอร์นันจึงอยากจะตบหน้าตัวเองซ้ำ ๆ เมื่อได้รู้ว่าเซี่ยเฟยเป็นคนประเภทที่ไม่มีความเกรงใจเลยแม้แต่นิดเดียว
“นายน้อยเฟย ดักแด้จักจั่นทองแดงเป็นวัตถุดิบสำหรับพวกนักประดิษฐ์ แล้วมันจะมีของแบบนั้นในสมาคมของพวกเราได้ยังไง? แต่คุณไม่จำเป็นจะต้องกังวล ฉันจะรีบส่งคนในสมาคมออกไปหาข่าวเรื่องนี้ให้กับคุณในทันทีเลย ฉันจะพยายามช่วยเหลือทุกอย่างเท่าที่ทำได้เพื่อให้คุณได้รับสมบัติชิ้นนี้มา” เฟอร์นันตบหน้าอกตัวเองและให้คำมั่นสัญญาออกไปอย่างกล้าหาญ
“นายน้อยเฟยว่าแต่คุณได้ลองไปที่แคนเดิลไลท์แล้วหรือยัง?” เฟอร์นันกล่าวถามหลังจากนึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้
“แคนเดิลไลท์? มันคือชื่อกลุ่มดาวในดินแดนกฎงั้นเหรอ?” เซี่ยเฟยถาม
“มันไม่ใช่ชื่อกลุ่มดาวแต่เป็นชื่อของบริษัทการค้าที่ใหญ่ที่สุดในดินแดนกฎ บริษัทของพวกเขามีขนาดใหญ่มากจนมีตลาดที่มีขนาดเท่าเมืองทั้งเมือง คนส่วนใหญ่จึงเรียกติดปากเมือง ๆ นั้นว่าเมืองแคนเดิลไลท์ ซึ่งถือได้ว่าเป็นเมืองการค้าชั้นนำของดินแดนกฎ”
“บริษัทของพวกเขารวบรวมสินค้าหายากเอาไว้เยอะมาก คุณลองไปดูที่บริษัทของพวกเขาก่อนบางทีคุณอาจจะได้พบกับสิ่งที่คุณกำลังหาอยู่ก็ได้” เฟอร์นันกล่าว
—
หลังจากออกมาจากสมาคมอาชาดำ เซี่ยเฟยก็มุ่งหน้าตรงไปยังบริษัทการค้าแคนเดิลไลท์ตามคำแนะนำของเฟอร์นันทันที
ก่อนออกเดินทางในครั้งนี้เซี่ยเฟยเลือกที่จะเปลี่ยนรูปลักษณ์ของเขาให้แตกต่างไปจากเดิมเล็กน้อย ก่อนที่จะใช้เข็มทิศมิติที่ไม่ระบุตัวตนมุ่งหน้าตรงไปยังบริษัทการค้าแคนเดิลไลท์
ปัจจุบันเซี่ยเฟยมีเข็มทิศมิติอยู่ 2 ชิ้น โดยเข็มทิศมิติชิ้นแรกคือเข็มทิศมิติไม่ระบุตัวตนจากบริษัทฟิกส์ ซึ่งเขาได้รับมาในระหว่างที่เขาพยายามหลบหนีจากการไล่ล่าค่าหัว ส่วนเข็มทิศมิติอีกอันคือเข็มทิศมิติของตระกูลที่เซี่ยอู๋เย่มอบให้กับเขา
เข็มทิศมิติรูปแบบแรกเป็นเข็มทิศที่ชายหนุ่มมักจะใช้เดินทางไปไหนมาไหนอย่างไร้ร่องรอย ส่วนเข็มทิศมิติที่เพิ่งได้รับมาทีหลังเขาก็เอาไว้ใช้อำนวยความสะดวกเพื่อทำการติดต่อกับตระกูล
หลังจากที่เซี่ยเฟยเดินออกมาจากประตูมิติ เขาก็ได้พบว่าเมืองแคนเดิลไลท์ไม่ได้มีขนาดใหญ่โตมากนัก โดยมันเป็นเมืองที่ถูกสร้างขึ้นบนภูเขาที่มีถนนแนวตั้ง 7 เส้นและถนนแนวนอน 7 เส้น แต่เมื่อคิดว่าเมือง ๆ นี้เป็นเพียงแค่ตลาดของบริษัทเพียงแห่งเดียวมันก็ถือว่าเมืองนี้มีความยิ่งใหญ่มากพอสมควร
ผู้คนหลั่งไหลเข้าไปภายในเมืองอย่างมากมาย เซี่ยเฟยจึงไม่จำเป็นจะต้องต้องใช้ความพยายามในการเข้าไปภายในเมืองมากนัก ร้านค้าต่าง ๆ ตามข้างทางต่างก็มีป้ายกำกับบอกชื่อร้านตัวเอง แต่สิ่งหนึ่งที่ร้านทุกร้านมีเหมือนกันคือภายในชื่อร้านจะมีคำว่าแคนเดิลไลท์
ชายหนุ่มได้รับสินค้าดี ๆ จากงานแลกเปลี่ยนสินค้าของสมาคมวิหคดำอย่างมากมาย เขาจึงมุ่งตรงไปยังบริษัทแคนเดิลไลท์ซึ่งเป็นอาคารขนาดใหญ่ที่สุดที่ตั้งอยู่ตรงบริเวณใจกลางเมือง
ผู้คนในบริเวณกลางเมืองน้อยกว่าถนนเส้นอื่น ๆ มาก เพราะผู้คนในบริเวณนี้ต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นผู้คนที่ร่ำรวย เซี่ยเฟยจึงดูคล้ายกับเป็นคนธรรมดาที่เดินอยู่ท่ามกลางชุมชนของเศรษฐี
ในเวลาเพียงแค่ไม่นานหญิงสาวคนหนึ่งก็เดินนำเซี่ยเฟยเข้าไปภายในห้องประเมิน ซึ่งมีชายอ้วนคนหนึ่งกำลังยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์และมีเก้าอี้ให้นั่งเจรจา
ชายหนุ่มเดินตรงไปนั่งที่เก้าอี้ ก่อนที่จะได้เห็นป้ายชื่อของชายอ้วนคนนี้ที่ระบุว่าอีกฝ่ายชื่อจิมมี่เป็นนักประเมินขั้นต้นของบริษัทการค้าแคนเดิลไลท์
“มีอะไรให้ช่วยไหม?” จิมมี่กล่าวขึ้นมาด้วยท่าทางที่ไม่ค่อยใส่ใจ เพราะท้ายที่สุดเซี่ยเฟยก็แต่งตัวธรรมดา ๆ ดูไม่เหมือนกับคนรวยส่วนใหญ่ที่เดินทางเข้ามาภายในบริษัทแห่งนี้เลย
ความเป็นจริงสาเหตุที่เขาพูดกับเซี่ยเฟยนั่นก็เพราะกฎเกณฑ์ของบริษัท ไม่อย่างนั้นเขาก็คงจะไม่เสียเวลามาพูดคุยกับผู้ค้าจน ๆ แบบนี้ด้วยซ้ำ
“ฉันอยากขายของ” เซี่ยเฟยกล่าว
“จะขายอะไรก็เอาออกมาเลย” จิมมี่กล่าวพร้อมกับยื่นมือออกไป
เซี่ยเฟยเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย เพราะห้องแห่งนี้มีขนาดเพียงแค่ประมาณ 20 ตารางเมตรเท่านั้น หากเขาเทของทุกอย่างที่เขาต้องการจะขายออกไป เขาก็เกรงว่าห้องทั้งห้องคงจะไม่สามารถรองรับสินค้าทั้งหมดของเขาได้
“อย่าพึ่งรีบร้อน ก่อนอื่นฉันขอถามก่อนว่าบริษัทของคุณจะเก็บข้อมูลทุกอย่างเอาไว้เป็นความลับใช่ไหม? ส่วนเรื่องที่ 2 ของที่ฉันจะขายมีเยอะมากเกรงว่าห้อง ๆ นี้เพียงห้องเดียวคงจะไม่พอ” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยท่าทางสบาย ๆ
“บริษัทของพวกเรารับประกันเรื่องการเก็บรักษาความลับของลูกค้าเป็นอันดับ 1 อยู่แล้ว ถึงแม้ของที่คุณนำมาขายจะเป็นของผิดกฎหมาย แต่พวกเราก็จะรับซื้อของพวกนั้นโดยไม่คิดจะตั้งคำถาม ในเมื่อคุณมั่นใจแล้วก็ช่วยเอาสินค้าออกมาให้ฉันประเมินสักที” จิมมี่กล่าวตอบอย่างรำคาญ
“ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าของที่ฉันต้องการจะขายมีเยอะมาก ห้อง ๆ นี้เพียงห้องเดียวมันคงไม่พอ” เซี่ยเฟยกล่าวย้ำและเริ่มที่จะไม่ชอบทัศนคติของชายคนนี้แล้ว
“ถึงยังไงคุณก็ควรจะแสดงสินค้าออกมาบางส่วน ไม่อย่างนั้นฉันคงจะไม่สามารถประเมินราคาของสินค้าพวกนั้นได้” จิมมี่กล่าวพร้อมกับใช้นิ้วก้อยแคะขี้มูกออกมาจากจมูกอย่างหยาบคาย
“พูดเองนะ” เซี่ยเฟยกล่าวก่อนที่เขาจะเทแหวนมิติมากกว่า 3,000 วงออกมาวางไว้บนโต๊ะ
จากนั้นเซี่ยเฟยก็หยิบแหวนมิติวงหนึ่งขึ้นมาแบบสุ่ม ๆ พร้อมกับเทสิ่งของทั้งหมดที่บรรจุอยู่ภายในแหวนออกไปยังด้านนอก
ภาพที่เกิดขึ้นทำให้จิมมี่เบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง เพราะสินค้าปริมาณมหาศาลถูกเทออกมาจากแหวนมิติอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในระหว่างนั้นมันก็ได้มีมีดเล่มหนึ่งกระเด็นออกมา และเกือบจะกระเด็นเข้ามาใส่จนทำให้จิมมี่ได้รับบาดเจ็บ
“สรุปว่าฉันต้องเทของออกมาหมดเลยไหม?” เซี่ยเฟยเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อยขณะที่ชี้นิ้วไปยังกองแหวนมิติขนาดใหญ่
***************


แสดงความคิดเห็น