คนละโลกเดียวกัน
ฉันยืนอยู่คนเดียว รอบตัวคือหุบเขาที่แสนจะคดเคี้ยว เป็นทั้งหุบลึกสุดจะหยั่ง และทางเล็กทางน้อยสำหรับเดินไปไหนต่อไหนก็ไม่รู้
ความงุนงงและสงสัยปรากฏแว้บขึ้นมา สร้างแรงสะดุ้งสะเทือนให้กับร่างที่ยืนหมิ่นเหม่ ของฉันอย่างรุนแรง
จะขยับไปไหนก็ไม่ได้ อาจตกลงไปในหุบลึกที่มีเสียงแปลกๆดังออกมาจากด้านล่าง
เสียงเหมือนลมพัดวู้ๆ และเสียงน้ำจากโตรกห้วยที่ไหนสักแห่งดังก้อง
“ที่นี่มันอะไรกัน เหมือนจะคุ้นเคยแต่ก็ไม่ เหมือนจะเป็นที่ของตัวเองก็ไม่เหมือน มันก้ำกึ่งอย่างประหลาด”
ฉันเริ่มสำรวจรอบตัวอีกครั้งเมื่อคลายความตระหนกลง โอ... นั่น มีบ้านไม้หลังโตตั้งอยู่ด้านหน้าฉันนี่เอง มาได้ยังไงกันนะ
ฉันเดินไปยังบ้านหลังนั้นด้วยสติรู้อันเลอะเลือน เสียงจอแจดังมาจากด้านใน
เสียงเคลื่อนไหวใช้ชีวิตในบ้านทำให้รู้สึกคุ้นเคยอีกครั้ง เมื่อรู้สึกตัว ฉันก็นั่งจุ้มปุ๊กอยู่กลางบ้านที่มีผู้คนมากมาย
รู้สึกเสมือนฉันคือสมาชิกในบ้าน ฉันพูดคุย กินข้าว และทำกิจกรรมร่วมกับคนในบ้านที่เหมือนจะรู้จักแต่ก็ไม่รู้จัก
“ฝัน ใช่ นี่คือความฝันแน่ ช่างเป็นฝันที่น่ากลัวและคลุมเครือยิ่งนัก”
“ยายไปไหน ไปเรียกยายมากินข้าวทีซิ ยายๆ”
เสียงพี่สาวคนหนึ่งร้องเรียกอย่างไม่เจาะจงนัก ฉันยืนหันรีหันขวาง ตัดสินใจเดินอย่างคุ้นเคยไปที่ห้องหนึ่งในสามห้อง
คุ้นเคย... เมื่อกี้ฉันบอกว่าคุ้นเคยใช่มั้ย ฉันเดินไปยังห้องนั้นอย่างคุ้นเคย ราวกับว่า เดินอยู่เป็นประจำ
พื้นไม้ขัดมันเย็นชื้นใต้เท้าฉันก็คือสิ่งที่คุ้นเคยเช่นกัน อากาศหลังฝนตก
“ยายๆไปกินข้าวเหอะ ได้เวลาแล้ว”
ฉันพูดขึ้น คุกเข่าลงข้างเตียงไม้หลังใหญ่ ยายร่างเล็กบางนอนหงายอยู่บนเตียง เสียงฮือๆดังมาจากยาย ฝนเริ่มตกลงมาอีกแน่ๆ เม็ดเล็กกระทบหลังคาเปาะแปะอีกแล้ว
ไม่นานก็ลงหนักขึ้นเป็นเสียงซู่ เสียงจอแจในบ้านยังคงดัง และดังขึ้นเมื่อต้องแข็งกับเสียงฝน
“ยายๆ ไปกินข้าวกัน”
ฉันเรียกอีกครั้ง ยายยังส่งเสียงฮือๆ นึกรู้ขึ้นมาเองเหมือนเคยเจอเหตุการณ์ทำนองนี้มา
“ยายไม่ใช่คนปกติ”
อะไรนะ ยายไม่ใช่คนปกติ ไม่ใช่คนหรือ หรือไม่ปกติ หรือป่วย อะไรกันอีกล่ะ
ฉันเริ่มหวาดกลัว ถอยไปนั่งตัวสั่นพิงประตู
ปอบ กระสือกินไส้ ยายคือปอบหรือกระสือแน่ๆ ทุกคนบอกกันแบบนั้น ฉันรู้สึกว่า ตัวเองจำได้
จำได้ถึงคำร่ำลือและพูดถึงยาย ราวกับว่ามันคือเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว
ในที่สุด ฉันก็พายายออกจากห้องมา
ภาพตัดมาอีกครั้ง ราวกับว่าฉันใช้ชีวิตที่นี่มาได้สองสามวันแล้ว
ฝนตกแรง ยายกำลังนอนบนพื้นกลางบ้าน ทุกคนรุมล้อม ฉันรู้ด้วยอะไรบางอย่างว่าฉันควรไปจากที่นี่ได้แล้ว ไปจากที่นี่ ตื่นจากฝันนี้
ฝันนี้มันน่ากลัวเกินไป ถึงจะไม่ได้น่าตกใจหรือตื่นตระหนก แต่บรรยากาศรอบบ้านก็น่ากลัว ดูอ้างว้าง โดดเดี่ยว ท่ามกลางเส้นทางไปไหนไม่รู้มากมาย
ใช่ ฉันกลับมายืนนิ่งท่ามกลางหุบเหวและทางคดเคี้ยวอีกครั้ง ภาพในบ้านยังคงชัดเจน ไม่มีใครสนใจฉัน เหมือนแค่ออกมาเดินชมวิวนอกบ้านเท่านั้น
วิวหรอ มันมีอะไรน่าดูกัน เวิ้งว้างน่ากลัว เสียงลมวู้ๆยังดังโหยหวนมาจากช่องเล็กช่องน้อยมากมาย มันเหมือนเสียงเรียกของผีร้าย
ฉันหวาดกลัว พยายามจะทำให้ตัวเองหายไปจากตรงนี้
ที่นี่เหมือนบ้านผีสิง มีแต่ความน่ากลัว ใครๆก็ดูเหมือนคนปกติ แต่ในความปกตินั้นกลับคลุมเครืออย่างประหลาด
ไหนจะยายที่เหมือนจะยังมีปริศนาอยู่ ยายที่เหมือนกับจะเป็นยายของฉัน
ในที่สุด สติส่วนที่เหลือของฉันก็กลับมาเล็กน้อย แต่กลับเติมเต็มส่วนที่ขาดหายไปได้มากทีเดียว
ฉันพยายามจะทำให้ตัวเองหายไปจากที่แห่งนี้ให้ได้ พยายามเรียกสติกลับมา พยายามนึกถึงบ้าน ครอบครัว หรือสภาวะแห่งความเป็นจริง
รู้แน่แล้วว่านี่คือความฝัน ฉันรู้สึกว่าตัวเองนอนบนเตียงอันปลอดภัยใต้ผ้าห่มอุ่นและหมอนข้างที่แสนรัก
ฉันลุกจากเตียง แต่ไม่นานก็รู้ว่า ฉันยังไม่ได้ไปไหนสักหน่อย ยังยืนหวาดกลัวตัวสั่นอยู่ท่ามกลางหุบเหวและภูเขา
ฉันกรีดร้อง คงจะเป็นจิตสำนึกกระมัง ทำให้เรียกชื่อของคนคุ้นเคยออกมาเพื่อขอความช่วยเหลือ แน่ใจว่าเทวนารีองค์นี้จะช่วยฉันให้กลับไปยังที่ของตัวเองได้แน่ๆ
“ฟ้า พี่ฟ้า ช่วยด้วย ช่วยปลุกหรือไม่ก็ดึงกลับไปหน่อยสิ มันไม่ยอมตื่น”
ถึงจะกรีดเสียงร้องขอความช่วยเหลือยังไง ฉันก็ยังคิดว่าตัวเองตื่นแล้วซ้ำๆ ตอนจบคือยังไม่ตื่นจริงๆสักหน่อย
คิดว่าตัวเองตื่นแล้ว กลับสู่บ้านอันปลอดภัยและเป็นบ้านของตัวเองจริงๆ แต่สุดท้ายก็รู้ว่า มันยังไม่ได้ตื่นจริงๆ
ยายเดินมาหน้าบ้านตรงที่ฉันยืนแล้วล้มฟุบลงดิ้นกระตุก อ้าปากกว้างเห็นฟันซี่ผุๆเป็นรูบ้าง เหงือกที่มีเศษอาหารติดอยู่บ้าง
ปากของยายอ้ากว้าง ขากันไกรค้างไม่ยอมปิดพร้อมส่งเสียงน่ากลัวออกมา
คนในบ้านกรูกันออกมาดึงแขนฉันไว้ ถึงตอนนี้ ความฝันทั้งน่ากลัวและเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก ฉันดิ้นสะบัดตัวให้พ้นจากมือมากมายเหล่านั้น
ท่ามกลางเสียงของยาย เสียงฝนซู่ๆ และเสียงวู้ๆของลมจากช่องทางหลายช่องทางรอบตัวฉัน
“ฟ้าช่วยด้วย ฟ้าาาา...”
ฉันยังคงกรีดร้องอยู่ประโยคเดียว ไม่นาน ภาพของเด็กสาวผมยาวผิวสีแทนก็ปรากฏ ภาพอันคุ้นตายิ่งทำให้ฉันกรีดร้องชื่อนั้น
หวังจะให้ตัวเองตื่นขึ้นมาสักทีฉันยังถูกดึงทึ้งจากคนในบ้าน อีกฝั่งคือพี่ฟ้า และภาพเงาเลือนๆของโลกความเป็นจริง
ฉันถูกดึงรั้งจากโลกสองฝั่ง เผลอสติวูบไปเมื่อไหร่ ฝ่ายของยายก็จะได้เปรียบ ฉันจะสติดับวูบและกลับสู่ความฝันอีกครั้ง และอีกครั้ง
ที่สุด ฉันก็ออกแรงฮึดทั้งใจและกาย ส่งเสียงหวีดแหลมให้สุดกำลัง โถมตัวไปยังภาพเลือนลางของโลกที่ตัวเองจากมา โลกที่ไม่ได้ต่างกับโลกใบนี้นัก เหมือนเป็นโลกใบเดียวกันหากต่างสภาวะ ต่างสภาพแวดล้อม
ที่สุด ฉันก็ตื่นขึ้นมาจริงๆ ผุดลุกนั่งบนเตียง ภาพและเสียง กระทั่งสัมผัสชื้นๆจากละอองฝนจากโลกอีกใบหรือโลกอีกสภาวะยังชัดเจน
ช่างเป็นโลกที่แสนจะเหมือนจริง เหมือนโลกใบนี้ แต่เป็นคนละโลกเดียวกัน...
- 👁️ ยอดวิว 573
แสดงความคิดเห็น