ตอนที่ 796 บลัดบิวเทียสวิวัฒนาการ

-A A +A

ตอนที่ 796 บลัดบิวเทียสวิวัฒนาการ

หมวดหนังสือ: 

ตอนที่ 796 บลัดบิวเทียสวิวัฒนาการ

เซี่ยเฟยได้รวบรวมพลังของกฎแห่งความโกลาหลเอามาไว้ที่จุดเดียว และถึงแม้ว่าพลังทำลายล้างของมันจะไม่ได้รุนแรงเหมือนเดิม แต่มันกลับแลกมาด้วยพลังเจาะทะลวงที่ยากจะต้านทานได้

ด้วยการเจาะทะลุผ่านร่างกายอันแข็งแกร่งผ่านทางดัชนีโกลาหลนี่เอง เซี่ยเฟยจึงสามารถใช้บลัดบิวเทียสดูดพลังงานออกมาจากร่างของสิ่งมีชีวิต ที่เป็นปรสิตเกาะกุมคอยควบคุมร่างของฮาเดสจากภายในได้

ในเวลาเดียวกันฮาเดสก็ใช้มือทั้งสองข้างคว้าร่างของเซี่ยเฟยเอาไว้ โดยใช้กรงเล็บอันแหลมคมทั้ง 10 นิ้วพยายามฝ่าการป้องกันของชุดเกาะดาร์กยูนิคอร์นเพื่อทำร้ายร่างของศัตรู

เซี่ยเฟยไม่ได้คิดที่จะหลบหลีกการโจมตีของอีกฝ่ายด้วยเช่นกัน เพราะเขาต้องการที่จะเดิมพันทุกสิ่งกับการโจมตีในครั้งนี้อยู่แล้ว เขาจึงไม่สามารถที่จะถอยหลังกลับในช่วงเวลานี้ได้

สถานการณ์ในปัจจุบันมันก็ขึ้นอยู่กับว่ากรงเล็บของฮาเดสจะสามารถเจาะทะลุการป้องกันของชุดเกาะดาร์กยูนิคอร์นได้ก่อน หรือบลัดบิวเทียสจะสามารถดูดพลังชีวิตของสิ่งมีชีวิตปริศนาได้ก่อน ซึ่งฝ่ายนั้นก็จะเป็นผู้ที่ได้รับชัยชนะในการปะทะครั้งนี้ไป

บลัดบิวเทียสถือได้ว่าเป็นอาวุธที่มีชีวิต และเมื่อมันสัมผัสได้ถึงวิกฤตที่กำลังคุกคามชีวิตของเซี่ยเฟย มันจึงเพิ่มพลังการดูดกลืนให้มีความรวดเร็วมากขึ้นกว่าเดิม

ไม่ว่าสิ่งมีชีวิตที่ซ่อนตัวอยู่ภายในร่างของฮาเดสจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่ชั่วร้ายมากแค่ไหน แต่บลัดบิวเทียสก็จะไม่มีวันปล่อยให้มันรอดชีวิตไปได้อย่างเด็ดขาด

ในเวลาเดียวกันแรงกดของสัตว์ประหลาดร่างเขียวก็บีบรัดร่างของชายหนุ่มอย่างรุนแรง จนทำให้กระดูกซี่โครงของเซี่ยเฟยส่งเสียงหักขึ้นมาดังลั่นและทำให้ชายหนุ่มเริ่มหายใจไม่ค่อยออก

เซี่ยเฟยต้องยอมรับเลยว่าการโจมตีของสัตว์ประหลาดร่างเขียวเป็นการโจมตีที่รุนแรงมาก เพราะอย่าลืมว่าชุดเกราะดาร์กยูนิคอร์นคือชุดเกราะชั้นยอดของบริษัทฟิกส์ แต่ถึงกระนั้นมันก็ยังไม่สามารถหยุดพลังทำลายของฮาเดสเอาไว้ได้

ยิ่งเวลาผ่านไปใบหน้าของชายหนุ่มก็ยิ่งซีดเซียว ศีรษะของเขาก็รู้สึกวิงเวียนอย่างรุนแรงและพบว่าสมองของเขากำลังขาดออกซิเจน

ในช่วงเวลาวิกฤตจู่ ๆ บลัดบิวเทียสก็ระเบิดแสงสีแดงออกมาอย่างเจิดจ้าย้อมพื้นที่บริเวณนั้นจนกลายเป็นสีแดงทั้งหมด

บลัดบิวเทียสได้วิวัฒนาการครั้งที่ 3 แล้ว!

แต่เดิมบลัดบิวเทียสเป็นดาบสั้น 3 คมรูปแบบแปลกตา แต่ในขณะนี้มันได้ยืดยาวออกมาจนกลายเป็นดาบง้าว 3 คมที่มีรูปแบบแปลกตามากขึ้นกว่าเดิม

แม้ว่ารูปแบบภายนอกของมันจะดูแปลกตาไปบ้าง แต่การวิวัฒนาการในครั้งนี้มันก็ช่วยเพิ่มกำลังการดูดซับพลังชีวิตของบลัดบิวเทียสมากกว่าเดิม

อาวุธชั้นยอดที่แท้จริงไม่จำเป็นจะต้องมีรูปร่างอันสวยงาม ยกตัวอย่างเช่น ดาบง้าว 3 คมเล่มนี้ที่ถึงแม้จะดูแปลกประหลาดแต่มันก็มีพลังมากพอที่จะท้าทายสวรรค์

เซี่ยเฟย, ขนอุย, หงส์ครามและบลัดบิวเทียสต่างก็จู่โจมเข้าใส่ศัตรูอย่างเต็มกำลังไม่ต่างกัน ทำให้การต่อสู้ในครั้งนี้เป็นการต่อสู้ครั้งที่ยอดเยี่ยมที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตของเซี่ยเฟยเลย

ขนอุยทำหน้าที่เป็นกองหน้าเพื่อดึงดูดความสนใจ หงส์ครามทำหน้าที่เป็นหน่วยสนับสนุนเพื่อพันธนาการร่างกายของศัตรู เซี่ยเฟยคือหน่วยทะลุทะลวงที่ระเบิดการป้องกันออกไป และบลัดบิวเทียสทำหน้าที่เป็นหน่วยสังหารที่ปลิดชีพของศัตรู

การร่วมมือกันอย่างยอดเยี่ยมของพวกเซี่ยเฟยเปรียบเสมือนกับคลื่นทะเลอันรุนแรงที่พัดเข้าทำลายโขดหินอันแข็งแกร่ง โดยเฉพาะช่วงเวลาสุดท้ายที่บลัดบิวเทียสได้วิวัฒนาการเพิ่มพลังของตัวเองได้สำเร็จ และมันก็เป็นคนทำลายความหวังสุดท้ายของสิ่งมีชีวิตปริศนาที่ต้องการจะเอาชีวิตของเซี่ยเฟยให้ตกตายไปพร้อมกับมันด้วย

เมื่อพลังงานถูกดูดซับออกไปด้วยอัตราความเร็วมากขึ้นกว่าเดิม ลำแขนอันแข็งแกร่งของสัตว์ประหลาดร่างเขียวก็ค่อย ๆ แห้งเหี่ยวลงจนไม่เหลือกำลังสร้างอันตรายให้กับเซี่ยเฟยได้อีกต่อไป

ศึกครั้งนี้ได้รับการตัดสินแล้วและผู้ที่มีความบ้าคลั่งเป็นทีมเวิร์คก็เป็นฝ่ายได้รับชัยชนะในการต่อสู้ครั้งนี้

ในที่สุดร่างของจักรพรรดิกฎฮาเดสก็แหลกสลายกลายเป็นผุยผง แม้แต่สิ่งมีชีวิตชั่วร้ายที่เกาะอยู่ภายในร่างของอีกฝ่ายก็เสียชีวิตลงไปด้วยเช่นกัน

เซี่ยเฟยทิ้งตัวลงนอนกับพื้นพร้อมกับหอบหายใจออกมาอย่างหนัก ท้ายที่สุดความตื่นเต้นจากการเผชิญหน้ากับความตายก็เป็นเรื่องยากที่จะอธิบายให้คนอื่นเข้าใจ เพราะแม้แต่ชุดเกราะชั้นยอดอย่างชุดเกราะดาร์กยูนิคอร์นก็ยังได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง

หากความเร็วในการดูดกลืนของบลัดบิวเทียสช้ากว่านี้อีกไม่กี่วินาที ผลลัพธ์ของการต่อสู้ก็อาจจะเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง

“เยี่ยมมาก! การต่อสู้ครั้งนี้เป็นการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ ถ้าหากว่านายไม่ได้ตัดสินใจเดิมพันชีวิตโจมตีเข้าไปอย่างฉับพลัน บางทีผลลัพธ์ก็อาจจะไม่ได้ออกมาเป็นแบบนี้ก็ได้” โอโร่กล่าวขึ้นมาด้วยแววตาอันเป็นประกาย

เซี่ยเฟยยังคงนิ่งเงียบโดยไม่พูดอะไร เพราะการสังหารฮาเดสในครั้งนี้ทำให้เม็ดพลังงานภายในสมองของเขากลับมาเต็มเปี่ยมอีกครั้ง ที่สำคัญคือบลัดบิวเทียสได้วิวัฒนาการในช่วงสุดท้ายของการต่อสู้

วิวัฒนาการของบลัดบิวเทียสย่อมเป็นประโยชน์ต่อเซี่ยเฟยอย่างแน่นอน เพราะในอนาคตเขาจะต้องพบเจอกับศัตรูที่มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น การดูดซับพลังงานอย่างรวดเร็วมันก็จะช่วยให้เขาปลิดชีวิตของศัตรูได้รวดเร็วขึ้นด้วยเช่นกัน

หลังจากพักผ่อนได้สักพัก เซี่ยเฟยก็เก็บแหวนมิติของฮาเดสเพื่อกลับไปพักฟื้นในสวนสายลม

เมื่อสัตว์ประหลาดร่างเขียวเสียชีวิตลง พลังที่ปิดกั้นประตูมิติเอาไว้ก็ถูกทำลายลงไปด้วยเช่นกัน เซี่ยเฟยย่อมไม่ต้องการจะอยู่ในสถานที่เกิดเหตุ เพราะถ้าหากว่ามันมีใครเดินทางกลับมาแล้วพบว่าเขาคือผู้เหลือรอดชีวิตอยู่คนเดียว ในเวลานั้นสมาคมใต้ดินทั้งหมดก็คงจะตั้งตัวเป็นศัตรูกับเขาอย่างแน่นอน

ฟุบ!

เมื่อเซี่ยเฟยเดินออกมาจากประตูมิติ เซี่ยอู๋เย่ก็มองไปที่ชายหนุ่มด้วยความตกใจ

“นายน้อยเฟย! นั่นคุณเป็นอะไรไป?!” พ่อบ้านชรารีบกล่าวขึ้นมาด้วยความกังวล เพราะชุดเกราะดาร์ดาร์กยูนิคอร์นได้รับความเสียหายอย่างหนัก เขาจึงคิดว่าเซี่ยเฟยถูกผู้อื่นทำร้าย

แน่นอนว่าพ่อบ้านชราย่อมไม่รู้ว่าเซี่ยเฟยเก็บเกี่ยวผลกำไรกลับมาอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นสินค้าส่วนใหญ่ภายในงานชุมนุม, แหวนมิติของนักรบที่เสียชีวิตไป หรือแม้แต่การวิวัฒนาการของบลัดบิวเทียส

“นายน้อย! นายท่านมอบตราอสูรคลั่งให้กับคุณแล้วไม่ใช่เหรอ? ถ้าหากคุณกำลังตกอยู่ในอันตรายคุณสามารถใช้ตราอสูรคลั่งเรียกกำลังเสริมได้ตลอดเวลา พวกเราคือตระกูลสกายวิงที่ให้ความสำคัญกับพวกพ้องเป็นอันดับ 1 มาโดยตลอด ทันทีที่คุณใช้ตราอสูรคลั่งพวกเราจะรีบไปหาคุณโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น” เซี่ยอู๋เย่ตะโกนขึ้นมาเสียงดังด้วยความเป็นห่วง

ชายหนุ่มเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อยเพื่อให้พ่อบ้านชรารู้สึกสบายใจ ก่อนที่เขาจะบอกอีกฝ่ายว่าเขายังคงสบายดีไม่มีอะไรจำเป็นจะต้องเป็นห่วง

ไม่ว่ายังไงเซี่ยเฟยก็ไม่กล้าที่จะทำลายตราอสูรคลั่งภายในมือจริง ๆ เพราะผลที่ตามมาหลังจากการทำลายตราอสูรคลั่งครั้งนั้น มันก็หมายความว่าสกายวิงจะต้องเป็นศัตรูกับสมาคมใต้ดินทั่วทั้งดินแดนกฎ

นอกจากนี้พื้นที่สนามรบยังถูกปิดผนึกเอาไว้ด้วยพลังปริศนา ดังนั้นถึงแม้ว่าเซี่ยเฟยจะทำลายตราอสูรคลั่งจริง ๆ แต่มันก็คงจะเป็นเรื่องที่ไร้ประโยชน์

เซี่ยเฟยรู้สึกซาบซึ้งใจตระกูลสกายวิงมาโดยตลอด ดังนั้นเขาจึงแอบตัดสินใจอย่างลับ ๆ ว่าถ้าหากว่ามันไม่ได้ตกอยู่ในสถานการณ์ที่วิกฤตจริง ๆ เขาก็จะไม่มีทางใช้ตราอสูรคลั่งอย่างเด็ดขาด

หากเขาต้องการจะใช้ชีวิตต่อไปในรูปแบบของตัวเอง เขาก็จำเป็นจะต้องพึ่งพาความแข็งแกร่งของตัวเองมากกว่าตระกูล การเรียกความช่วยเหลือจากการทำลายตราอสูรคลั่งจึงไม่ใช่สไตล์ของเขาเลย เซี่ยเฟยจึงไม่เคยคิดที่จะใช้ตราของตระกูลเว้นแต่ว่าเขาจะถูกบีบบังคับให้ไร้สิ้นหนทางแล้วเท่านั้น

ขณะเดียวกันแม้ว่าเซี่ยอู๋เย่จะใช้ชีวิตในสวนสายลมอย่างสงบมาโดยตลอด แต่ในอดีตเขาก็เคยเป็นฆาตกรที่มีชื่อเสียง ดังนั้นเมื่อเขาได้เห็นเซี่ยเฟยได้รับบาดเจ็บ สีหน้าของพ่อบ้านชราจึงเริ่มเปลี่ยนไปในทันที คล้ายกับว่าเขาต้องการจะออกไปสังหารศัตรูของเซี่ยเฟยให้รู้แล้วรู้รอดในตอนนี้เลย

เซี่ยเฟยจำเป็นจะต้องใช้เวลาในการปลอบประโลมเซี่ยอู๋เย่มากพอสมควร เพื่อที่จะทำให้พ่อบ้านชราคนนี้สงบลงได้ แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังถูกอีกฝ่ายเตือนซ้ำ ๆ อีกหลายครั้งว่าให้พยายามพึ่งพาความแข็งแกร่งของตระกูลบ้าง

ในความเป็นจริงมันก็ยังมีอะไรบางสิ่งที่เซี่ยเฟยยังไม่รู้ เพราะสาเหตุที่เซี่ยอู๋เย่รู้สึกกังวลเรื่องชายหนุ่มมากขนาดนี้ มันก็ไม่ได้เป็นเพียงเพราะเขาคือสมาชิกของตระกูลสกายวิงเท่านั้น แต่เขายังเป็นนักรบรุ่นใหม่ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดที่จะกลายเป็นอีวิลวิงในอนาคตอีกด้วย 

มันจึงทำให้แม้แต่บรรพบุรุษของสกายวิงที่อยู่ในแดนเทพก็ยังคงแอบจับตาดูพัฒนาการของชายหนุ่มอย่างลับ ๆ เพราะวันหนึ่งชายหนุ่มคนนี้จะต้องเติบโตขึ้นมากลายเป็นกำลังหลักของตระกูล

หลังจากกลับเข้ามาภายใน ห้องเซี่ยเฟยก็ปิดประตูและหยิบแหวนมิติสีเหลืองออกมาด้านนอก และถึงแม้ว่าเขาจะได้รับแหวนมิติมาหลายพันวง แต่แหวนมิติวงนี้คือแหวนมิติที่มีโอกาสเป็นที่เก็บของกฎแห่งเวลา ซึ่งเป็นกฎที่แข็งแกร่งที่สุดของเผ่าเทพมากที่สุด

ในที่สุดชายหนุ่มก็ค่อย ๆ ส่งพลังเข้าไปสำรวจสิ่งของภายในแหวนอย่างระมัดระวัง แต่ในทันใดนั้นโต๊ะไม้ภายในห้องก็ถูกฝ่ามือของเซี่ยเฟยทำลายลงไปเป็นชิ้น ๆ

“อะไรกัน?! สิ่งที่ฮาเดสเจอในสนามรบโบราณไม่ใช่กฎแห่งเวลางั้นเหรอ?” เซี่ยเฟยพึมพำขึ้นมาบอกกับตัวเอง

เมื่อได้เห็นว่าสิ่งที่เซี่ยเฟยค้นพบไม่ใช่กฎแห่งเวลา โอโร่ก็ถอนหายใจออกมาด้วยความผิดหวังด้วยเช่นกัน

“เทพขาวกับเทพดำบอกว่ามีคนบุกเข้าไปในสนามรบโบราณก่อนหน้าพวกเขา และคนที่สามารถส่งลูกน้องเข้าไปในสนามรบโบราณได้อย่างน้อยก็จะต้องมีระดับเดียวกันกับเทพทั้งสองคน เห็นได้ชัดเลยว่าฮาเดสไม่ได้มีพลังใกล้เคียงกับเทพขาวเทพดำเลย บางทีในลัทธิเทพโบราณอาจจะมีคนอื่นที่อยู่เบื้องหลังฮาเดสงั้นเหรอ?” เซี่ยเฟยขมวดคิ้วพร้อมกับพยายามวิเคราะห์สถานการณ์อย่างใจเย็น

“ถ้าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับพวกเทพ ฉันก็คิดว่านายคงทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้แล้วล่ะ ถึงยังไงฮาเดสก็ตายลงไปแล้ว เบาะแสทั้งหมดก็น่าจะหายไปพร้อมกับเขาด้วยเหมือนกัน” โอโร่กล่าวพร้อมกับยักไหล่

“ไม่ใช่หรอก มันยังมีเบาะแสอีกหนึ่งคนที่ยังรอดชีวิตอยู่” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์

เซี่ยเฟยเดินเข้ามาทางประตูหลังของสมาคมอาชาดำ ซึ่งเป็นสมาคมใต้ดินที่ใหญ่ที่สุดของเผ่าพันธุ์มนุษย์จากความช่วยเหลือของมู่เสียวเต๋า

ท้ายที่สุดตอนนี้ตัวตนของเซี่ยเฟยก็ไม่ใช่บุคคลที่ไร้ชื่อเสียงเหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว หากมีใครพบเห็นเขาในสมาคมใต้ดิน มันย่อมมีข่าวลือหลุดออกไปยังโลกภายนอกอย่างแน่นอน ชายหนุ่มจึงจำเป็นจะต้องเข้ามาทางประตูหลังของสมาคมเพื่อป้องกันไม่ให้มีข่าวแย่ ๆ หลุดออกไป

“รีบนำทางไปเร็วเข้า” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา

มู่เสียวเต๋าดูเหมือนจะมีอะไรบางอย่างอยากจะพูด แต่เมื่อเขาได้เห็นสีหน้าหงุดหงิดของเซี่ยเฟยเขาก็กลืนคำพูดของตัวเองลงคอไป ท้ายที่สุดเมื่อเซี่ยเฟยเริ่มหงุดหงิด มันก็ทำให้บรรยากาศในบริเวณนี้ตกอยู่ภายใต้แรงกดดันอันหนักหน่วงไปด้วย

‘ตอนนี้เขาเดินนำฉันไปไกลแล้วสินะ’ มู่เสียวเต๋าคิดภายในใจอย่างขมขื่น

หลังจากเปิดประตูเข้าไปในห้อง ๆ หนึ่งชายหนุ่มก็ได้เห็นเฟอร์นันผู้นำคนที่ 3 ของสมาคมอาชาดำถูฝ่ามืออยู่อย่างไม่สบายใจ ท้ายที่สุดเมื่อไม่กี่นาทีก่อนเขาก็เพิ่งได้รับข่าวว่าสมาชิกของสมาคมใต้ดินกว่า 15,000 คนที่ได้เดินทางไปร่วมงานชุมนุมต่างก็ล้วนแล้วแต่เสียชีวิต เขาจึงไม่แน่ใจว่าเซี่ยเฟยจะรอดชีวิตกลับมาได้หรือเปล่า

‘ทุกคนตายหมดแล้ว แต่ทำไมเซี่ยเฟยถึงยังรอดชีวิตกลับมาได้? หรือว่าไอ้หนุ่มคนนี้จะเป็นคนที่ฆ่าคนอื่นทั้งหมด?’

“เธออยู่ไหน?” เซี่ยเฟยถามเข้าประเด็นโดยตรงโดยไม่ตั้งใจที่จะตอบคำถามอะไรทั้งนั้น

“เธอนอนอยู่อีกห้องหนึ่ง แต่สติของเธอไม่ค่อยสมประกอบนัก” เฟอร์นันกล่าวตอบอย่างรวดเร็ว

เซี่ยเฟยรีบเดินเข้าไปภายในห้องด้านในด้วยใบหน้าอันเย็นชา โดยไม่สนใจจะสนทนาอะไรต่อไปอีกแม้แต่นิดเดียว

15 นาทีต่อมา เซี่ยเฟยก็ก้าวเท้าออกมาจากห้องพร้อมกับกล่าวออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงที่ไม่มีใครสามารถจะปฏิเสธคำพูดของเขาได้

“ฉันมีเรื่องต้องการอยู่ 2 เรื่อง เรื่องแรกรีบไปหาตัวเดี๋ยวนี้ว่าใครคือคนเอาหน้ากากโบราณชิ้นนั้นไปวางขาย เรื่องที่ 2 คือฐานที่มั่นของลัทธิเทพโบราณตั้งอยู่ที่ไหน?”

***************

มาถึงก็ออกคำสั่งประหนึ่งเป็นประธานสมาคมอาชาดำเลยทีเดียว 555

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ติดตามเราได้ที่

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ คัดลอก หรือนำไปดัดแปลงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืนแล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบนิยาย เรื่องสั้น บทความ หรือเนื้อหาอื่นๆ ที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ที่ keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงานจะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018- keangun. All Rights Reserved.