ตอนที่ 772 พบเจอไวท์ตี้กับแบล็คกี้อีกครั้ง
ตอนที่ 772 พบเจอไวท์ตี้กับแบล็คกี้อีกครั้ง
“นกแก้วตัวเท่าแมลงวันเนี่ยนะ!?” เซี่ยเฟยไม่เคยพบเจอกับสิ่งมีชีวิตที่แปลกประหลาดเช่นนี้มาก่อน แต่ในทันใดนั้นเขาก็นึกถึงแบล็คกี้กับไวท์ตี้ที่เขาเคยได้พบในดินแดนเซิร์ก
ปฏิกิริยาแรกของชายหนุ่มคือการปิดแหวนมิติเพื่อตัดการเชื่อมต่อกับโอโร่ เพราะท้ายที่สุดอสูรเทวะทั้งสองตัวนี้ก็เป็นสัตว์เลี้ยงของเทพขาวและเทพดำ การที่พวกมันปรากฏตัวจึงหมายความว่าเทพทั้งสองจะต้องอยู่ใกล้ ๆ ด้วยเช่นกัน เซี่ยเฟยจึงจำเป็นจะต้องตัดการเชื่อมต่อกับอดีตจอมมารไปก่อน ไม่อย่างนั้นมันก็คงจะเป็นเรื่องยากจะอธิบายที่จะบอกว่าทำไมโอโร่ถึงได้มาอยู่กับเขา
“สวัสดีท่านมารขาว สวัสดีเซี่ยเฟย” แบล็คกี้กล่าวทักทายขณะที่ไวท์ตี้พยักหน้าเล็กน้อยเพราะเธอไม่ค่อยชอบชายหนุ่มมากนัก
ขนอุยลืมตาตื่นขึ้นมาพยักหน้ากลับไปเล็กน้อย ก่อนที่มันจะหลับในอ้อมอกของเซี่ยเฟยอีกครั้ง คล้ายกับว่ามันไม่ได้ให้ความสนใจอสูรเทวะสองตัวนี้มากนัก
ในความเป็นจริงอสูรศักดิ์สิทธิ์มักจะมีความหยิ่งทะนงอยู่เสมอ พวกมันจึงไม่ค่อยจะให้ความสนใจใครมากนัก ดังนั้นนอกเหนือจากเจ้านายอย่างเซี่ยเฟย ขนอุยก็ไม่ค่อยที่จะให้ความสนใจในเรื่องอะไร
“ทำไมพวกคุณถึงมาที่นี่ได้? แป๊บหนึ่งนะฉันขอดักฟังเสียงในกระโจมก่อน เดี๋ยวฉันค่อยมาคุยกับพวกคุณทีหลัง” เซี่ยเฟยกล่าว
แบล็คกี้พยักหน้ารับอย่างเข้าใจ ขณะที่ไวท์ตี้พ่นลมหายใจออกมาอย่างหงุดหงิด
—
หลังจากดักฟังบทสนทนาเรียบร้อยแล้ว เซี่ยเฟยก็เรียกหงส์ครามกลับมาก่อนที่จะแอบออกจากค่ายของพวกนักรบมารอย่างเงียบ ๆ
เมื่อถอยออกมาห่างจากค่ายประมาณ 100 กิโลเมตร เซี่ยเฟยก็ถอดชุดเกราะออกจากร่างและสวมชุดดาร์กยูนิคอร์นเข้าไปตามเดิม
“นายกล้ามากเลยนะที่แอบเข้าไปในค่ายของพวกมารแบบนั้น นายไม่รู้หรือไงว่าผู้นำของพวกมารเป็นนักรบจากตระกูลดาร์กมิสท์ที่เป็นคู่ปรับตระกูลสกายวิงของนาย?” ไวท์ตี้กล่าวราวกับว่าเขากำลังสั่งสอนเซี่ยเฟย
“ถ้าไม่เข้าถ้ำเสือฉันก็คงจะไม่ได้ลูกเสือ ถ้าฉันไม่ได้เข้าไปในค่ายของพวกมัน แล้วฉันจะหาข้อมูลของพวกมันได้ยังไง?” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับยักไหล่ ท้ายที่สุดโอโร่ก็เล่าเรื่องของตระกูลดาร์กมิสท์ให้เขาฟังแล้ว เขาจึงรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าตระกูลดาร์กมิสท์คือคู่ปรับของสกายวิง
“เมื่อกี้นายกำลังสืบเรื่องอะไรอยู่กันแน่?” แบล็คกี้สอบถาม
“เท่าที่ฉันประมวลผลได้ ภายในค่ายมีนักรบจากตระกูลดาร์กมิสท์ทั้งหมด 3 คน โดยมีเชสนี่เป็นผู้นำ ดูเหมือนพวกมันกำลังวางแผนนำนักรบพวกนี้ไปสังเวยที่เนินเขาเพื่อแผนการอะไรบางอย่าง” เซี่ยเฟยกล่าว
“พวกมันกำลังพยายามทำอะไรกันแน่? ถึงคิดจะใช้ชีวิตของนักรบนับพันเป็นเครื่องสังเวยแบบนี้ ถ้าหากตระกูลอื่นรู้ว่าตระกูลดาร์กมิสท์ใช้สหายร่วมเผ่าพันธุ์มารเป็นเครื่องสังเวยเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง ทุกตระกูลคงจะรวมตัวกันทวงหาความยุติธรรมจากตระกูลดาร์กมิสท์อย่างแน่นอน” แบล็คกี้อุทานอย่างสงสัย
“ที่แน่ ๆ เป้าหมายของพวกมันจะต้องเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ไม่อย่างนั้นพวกมันก็คงจะไม่กล้าเอาตระกูลไปเสี่ยงกับภัยพิบัติแบบนี้ บางทีมันอาจจะเป็นอาวุธล้ำค่าสักชิ้นหนึ่งก็ได้” เซี่ยเฟยกล่าว
แบล็คกี้พยักหน้ารับหลังจากที่มันกลับคืนร่าง โดยในตอนนี้มันก็มีขนาดร่างสูงใหญ่มากกว่าเดิมแล้ว
“ว่าแต่พวกคุณมาที่นี่ได้ยังไง?” เซี่ยเฟยถาม
“มันจะอะไรซะอีกล่ะ! ที่พวกเราต้องมากที่นี่ก็เป็นเพราะนายนั่นแหละ” ไวท์ตี้กล่าวแทรกก่อนที่แบล็คกี้จะกล่าวตอบ
“เพราะฉันงั้นเหรอ? เรื่องนี้มันเกี่ยวอะไรกับฉัน?” เซี่ยเฟยถามพร้อมกับชี้นิ้วไปที่ตัวเองด้วยความไม่รู้
“เจ้านายของพวกเรากังวลว่านายกับนักรบเผ่าเทพจะถูกพวกมารกำจัด พวกเขาเลยส่งพวกเรามาที่นี่” ไวท์ตี้กล่าว
“เทพขาวกับเทพดำอยู่แถว ๆ นี้งั้นเหรอ?” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับมองไปรอบ ๆ อย่างกังวล
“ไม่ใช่ ผู้ที่มีพลังเหนือกว่าจักรพรรดิกฎไม่สามารถที่จะเข้าสู่สนามรบโบราณได้ แต่ฉันกับไวท์ตี้เป็นอสูรเทวะที่อยู่นอกเหนือกฏเกณฑ์ พวกเราจึงเข้ามาในสนามรบแห่งนี้ได้ นายท่านยังฝากบอกด้วยว่าหลังจากสนามรบโบราณปิดตัวลง พวกเขาก็อยากจะพูดคุยอะไรกับนายสักหน่อย” แบล็คกี้กล่าว
“อือ ฉันก็อยากเจอกับพวกเขาอยู่เหมือนกัน ว่าแต่ฉันสมควรจะเรียกพวกเขาว่าอะไร? ใช่เทพขาวกับเทพดำเหมือนเดิมไหม?” เซี่ยเฟยกล่าวถาม
“ชื่อเทพดำกับเทพขาวเป็นชื่อที่พวกเซิร์กใช้เรียกหานายท่าน เพราะนายท่านคนหนึ่งชอบแต่งชุดสีดำ ขณะที่นายท่านอีกคนชอบแต่งชุดสีขาว ถ้าจะเรียกให้ถูกนายควรเรียกนายท่านว่าท่านฮัวไป๋กับท่านฮัวเฮย” แบล็คกี้กล่าวพร้อมกับส่ายหัว
‘ที่แท้พวกเขาก็เป็นคนของตระกูลฮัวนี่เอง’ เซี่ยเฟยคิดกับตัวเอง
“นายท่านกำลังสนใจว่าตอนนี้นายฝึกฝนกฎแห่งความโกลาหลไปจนถึงไหนแล้ว และนายมาเข้าร่วมกับตระกูลสกายวิงได้ยังไง?” แบล็คกี้กล่าว
“เรื่องมันยาวมาก เอาเป็นว่าเดี๋ยวมีเวลาฉันจะเล่าให้ฟัง แต่ที่สำคัญคือไม่นานมานี้ฉันมีโอกาสได้พบกับเทพชราที่ชื่อผู้อาวุโสไซ แล้วเขาคนนั้นก็ถามฉันเกี่ยวกับเรื่องของดำน้อยกับขาวน้อย” เซี่ยเฟยกล่าว
เมื่อได้ยินชื่อของไซทั้งแบล็คกี้กับไวท์ตี้ต่างก็สะดุ้ง ก่อนที่จะถามเซี่ยเฟยออกมาพร้อมกัน
“นี่นายได้พบกับผู้เฒ่าไซงั้นเหรอ? เขาถามนายว่าอะไรบ้าง?”
“เขาแค่พยายามเค้นถามฉันว่าเทพขาวกับเทพดำอยู่ที่ไหน ดูเหมือนว่าเจ้านายของพวกนายกำลังถูกตามล่าตัวอยู่นะ” เซี่ยเฟยกล่าว
“เรื่องนี้มันค่อนข้างซับซ้อน เอาเป็นว่าหลังจากสนามรบโบราณปิดตัวลงเจ้านายจะอธิบายทุกอย่างให้นายฟังเอง ตอนนี้ภารกิจที่เจ้านายมอบหมายให้กับเราคือการลงมาช่วยเหลือนาย ว่าแต่ตอนนี้นายมีแผนการจะทำอะไรบ้าง?” แบล็คกี้กล่าว
“พวกเราจะค่อย ๆ แอบตามพวกมันไปเพื่อดูว่าพวกมันกำลังวางแผนจะทำอะไรกันแน่” เซี่ยเฟยตอบ
—
เซี่ยเฟยไม่เคยคิดมาก่อนว่าเขาจะได้พบเทพขาวกับเทพดำในสถานที่อันห่างไกลแห่งนี้ แล้วอย่างน้อยเขาก็ได้รู้ชื่อที่แท้จริงของเทพเจ้าทั้งสองแล้ว ส่วนคำถามเรื่องกฎแห่งความโกลาหลกับคำถามในเรื่องอื่น ๆ เขาค่อยเก็บเอาไปถามเทพเจ้าทั้งสอง หลังจากที่พวกเขาได้พบกันเมื่อสนามรบโบราณได้ปิดตัวลง
หลังจากเวลาผ่านพ้นไปเพียงแค่ไม่นาน นักรบมารก็ได้กลับมารวมกลุ่มกันอีกครั้ง ก่อนที่นักรบอ้วนคนหนึ่งจะเดินออกมาจากฝูงชนและส่งสัญญาณให้ทุกคนเงียบเสียงลง
“คนตรงกลางชื่อเชสนี่มาจากตระกูลดาร์กมิสท์ เขาได้รับฉายาว่าฝ่ามือสายฟ้า เนื่องมาจากว่าเขาสามารถลงมือจู่โจมได้รวดเร็วมาก ส่วนนักรบ 2 คนที่อยู่ข้าง ๆ เขาชื่อชาร์คกับยาคุที่มาจากตระกูลอิโดซ่าและตระกูลไคลี่ซึ่งเป็นตระกูลขนาดใหญ่ภายในดินแดนมารเหมือนกัน”
“ในบรรดานักรบทางฝั่งมารทั้งหมดที่เดินทางมายังสนามรบโบราณในครั้งนี้ พวกเขาทั้งสามคนคือนักรบที่โดดเด่นที่สุดแล้ว แต่เนื่องมาจากว่าชาร์คกับยาคุไม่ค่อยฉลาดมากนัก คนที่นายควรจะต้องระมัดระวังตัวมากเป็นพิเศษจึงมีเพียงแค่เชสนี่” ไวท์ตี้กล่าวอธิบาย
“นี่เธอรู้ข้อมูลของพวกมันมากขนาดนี้เลยงั้นเหรอ?” เซี่ยเฟยถามอย่างสงสัย
“นายไม่รู้หรือยังไงว่าพวกเราเป็นใคร?” ไวท์ตี้กล่าวอย่างภาคภูมิใจ
ในระหว่างที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น เชสนี่ก็เริ่มกล่าวสุนทรพจน์ขึ้นมาท่ามกลางกลุ่มของนักรบมาร
“พี่น้องทุกคนจงฟัง! วันนี้ฉันมีข่าวดี 2 เรื่องที่จะมาแจ้งให้ทุกคนทราบ”
ฝูงชนต่างก็เงียบเสียงลงเพื่อฟังคำพูดของเชสนี่อย่างตั้งใจ ท้ายที่สุดชัยชนะในช่วงหลาย ๆ วันที่ผ่านมาก็ทำให้พวกเขามีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น ทุกคนจึงต่างก็ล้วนแล้วแต่ไว้วางใจเชสนี่อย่างเต็มที่
“เรื่องแรกมีสายรายงานมาว่าเมื่อ 2 วันก่อนมีกลุ่มหญิงสาว 3 คนเดินทางเข้ามาในหุบเขาแห่งนี้ ว่ากันว่าพวกเธอแต่ละคนงดงามราวกับนางมาร แน่นอนว่าทุกคนจะได้ลิ้มลองพวกเธอกันอย่างทั่วถึง” เชสนี่กล่าว
“เฮ้!!”
เหล่าบรรดานักรบมารต่างก็ส่งเสียงโห่ร้องขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น เมื่อพวกเขาได้จินตนาการถึงรูปร่างของหญิงสาวทั้งสาม
“ข่าวดียิ่งกว่านั้นคือหญิงสาวทั้งสามต่างก็ครอบครองสมบัติล้ำค่าติดตัวมาอย่างมากมาย ถ้าหากว่าใครจับตัวเธอได้ ฉันคนนี้จะตอบแทนรางวัลให้เขาคนนั้นอย่างงาม”
“เฮ้!!!”
เหล่าบรรดานักรบต่างก็รู้สึกตื่นเต้นมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม เพราะพวกเขาไม่เพียงแต่จะได้เจอสาวงามเท่านั้น แต่พวกเขายังมีโอกาสจะได้รับสมบัติมากมายมาอยู่ในการครอบครองอีกด้วย
เชสนี่มองปฏิกิริยาทุกคนอย่างพึงพอใจ ก่อนที่จู่ ๆ สีหน้าของเขาจะเปลี่ยนไปอย่างจริงจัง
“ความจริงแล้วสาว ๆ พวกนั้นเป็นเพียงแค่ของเรียกน้ำย่อยเท่านั้น ข่าวดีเรื่องที่ 2 คือสายลับได้รายงานมาว่าด้านในหุบเขามีร่องรอยบางอย่างที่เป็นสัญญาณว่าจะมีสมบัติชั้นยอดปรากฏตัวขึ้นมา”
“สมบัติชั้นยอด?!”
“สมบัติชั้นยอดที่หลงเหลือมาจากสมัยโบราณ!”
นักรบเผ่ามารทุกคนต่างก็ตะโกนขึ้นมาอย่างตื่นเต้น เพราะสาเหตุหลักที่พวกเขาเดินทางมายังสถานที่แห่งนี้ นั่นก็เพราะว่าพวกเขาอยากจะมีโอกาสสัมผัสกับสมบัติชั้นยอดที่ตกทอดมาจากสมัยโบราณสักครั้ง
แม้ว่าเชสนี่จะบอกเพียงว่ามันมีสัญญาณการปรากฏตัวของสมบัติชั้นยอด แต่ข้อมูลเพียงเท่านี้มันก็มากพอที่จะทำให้ทุกคนต้องการจะออกเดินทางต่ออย่างบ้าคลั่ง
เมื่อได้รับข่าวดีนักรบมารนับพันก็ออกเดินทางด้วยความรวดเร็วมากขึ้นกว่าเดิม เพราะทุกคนต่างก็ล้วนแล้วแต่ต้องการเป็นแนวหน้า มันจึงไม่มีใครอยากจะถูกทิ้งเอาไว้ยังด้านหลัง
เซี่ยเฟยมองภาพตรงหน้าอย่างตลกขบขัน เพราะเขารู้ดีว่านักรบพวกนี้เป็นเพียงตัวเบี้ยที่เชสนี่พร้อมจะสละทิ้งได้ทุกเวลา การที่พวกเขาเร่งเดินทางมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งทำให้เชสนี่รู้สึกมีความสุขมากขึ้นกว่าเดิม
กองกำลังนักรบมารออกเดินทางทั้งวันทั้งคืนเป็นเวลายาวนาน 36 ชั่วโมงติดต่อกัน โดยเซี่ยเฟยยังคงติดตามกองกำลังขนาดใหญ่อยากใกล้ชิด ซึ่งในบางครั้งมันก็มีนักรบมารหลุดออกมาจากกองกำลังด้วยความเหนื่อยล้า และนักรบพวกนั้นย่อมตกเป็นเหยื่อของชายหนุ่มอย่างรวดเร็ว
ภูมิประเทศบริเวณด้านหน้าเริ่มมีความลาดชันมากขึ้นเรื่อย ๆ พร้อมกับกระแสลมที่พัดแรงขึ้นตามระยะทางที่พวกเขามุ่งหน้าตรงไปเช่นเดียวกัน และมันก็มีเสียงคล้ายกับเสียงรถไฟดังกึกก้องอยู่ในหูของเซี่ยเฟยตลอดเวลา
ตูม!
ทันใดนั้นกองกำลังแนวหน้าก็เกิดความวุ่นวาย เมื่อเซี่ยเฟยมองไปยังพื้นที่แนวหน้าในระยะไกล เขาก็ได้พบว่านักรบเหล่านี้กำลังโจมตีไปที่ภูเขา
“ทำไมจู่ ๆ พวกมันถึงโจมตีเข้าใส่ภูเขา?” แบล็คกี้กล่าวถามขึ้นมาด้วยความสงสัย โดยในตอนนี้มันได้ย่อร่างกายเป็นนกแก้วตัวเล็ก ๆ ยืนเกาะอยู่บนไหล่ของเซี่ยเฟย
คลื่น!
ในระหว่างที่ชายหนุ่มกำลังมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างสับสน ภูเขาที่ถูกโจมตีก็เริ่มถล่มลงมาพร้อมกับอัญมณีสีม่วงอันสวยงามจำนวนหนึ่งที่บินออกมาจากด้านหลังของภูเขา เพื่อต้านทานการจู่โจมของพวกนักรบมารอย่างยากลำบาก
***************
อย่าบอกนะว่า…
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 437
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น