ตอนที่ 771 เนินเขาตะวันออก
ตอนที่ 771 เนินเขาตะวันออก
ฟิ้ว!
ร่างของชายคนหนึ่งร่อนลงมาจากบนท้องฟ้าเข้าสู่สนามรบโบราณ ก่อนที่เท้าของเขาจะสัมผัสพื้นและก่อให้เกิดหลุมลึกขึ้นมาอย่างฉับพลัน
แน่นอนว่าเขาคนนี้คือเซี่ยเฟยและถึงแม้ว่าเขาจะมาสายแต่อย่างน้อยเขาก็มาถึง
“นี่น่ะเหรอสนามรบโบราณ? ทำไมฉันถึงรู้สึกว่ามันเป็นเหมือนกับดาวเคราะห์เลย” เซี่ยเฟยพึมพำกับตัวเอง
“ไม่น่าเชื่อเลยว่านายจะสัมผัสได้อย่างรวดเร็วขนาดนี้ ใช่แล้วสนามรบโบราณคือดาวเคราะห์ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางมากกว่า 4 ล้านกิโลเมตร และบนดาวเคราะห์ก็มีภูมิประเทศทุกอย่างทั้งภูเขา, แม่น้ำ, หุบเขา, ทะเลทรายหรือแม้กระทั่งอาคารบ้านเรือน”
“เนื่องมาจากสถานที่แห่งนี้ถูกใช้เป็นสนามรบโดยเฉพาะ บริเวณด้านนอกของดาวเคราะห์จึงถูกล้อมรอบด้วยแท่งโลหะที่คอยส่งสัญญาณขัดขวางไม่ให้ใครใช้กฎมิติเดินทางเข้ามา วิธีการเดียวที่จะเดินทางมาที่นี่ได้ก็คือการใช้เข็มทิศมิติที่ถูกออกแบบไว้โดยเฉพาะ” โอโร่กล่าวด้วยรอยยิ้ม
คำอธิบายของอดีตจอมมารทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกตกใจอยู่เล็กน้อย เพราะดาวโลกมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 12,000 กิโลเมตรเท่านั้น หรือมันก็หมายความว่าดาวดวงนี้มีความใหญ่โตมากกว่าดาวโลก 300 เท่า แล้วมันก็ไม่รู้ว่าจะต้องใช้พลังเท่าไหร่ถึงจะสามารถปิดผนึกดาวเคราะห์ที่มีขนาดใหญ่เช่นนี้ได้
แม้ว่าชายหนุ่มจะตกใจแต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจมากนัก เพราะนับตั้งแต่ที่เขาก้าวเท้าเข้าสู่ดินแดนกฎ เขาก็ได้พบว่าดินแดนแห่งนี้มีสิ่งมีชีวิตที่น่าทึ่งอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก และในบรรดา 2 เผ่าพันธุ์ผู้ยิ่งใหญ่ มันย่อมมีผู้ที่สามารถแสดงปาฏิหาริย์อย่างการปิดผนึกดาวเคราะห์ขนาดใหญ่เช่นนี้ได้อย่างแน่นอน
“ตอนนี้เวลามันก็ผ่านมา 7 วันแล้ว ฉันอยากจะรู้จริง ๆ ว่าพวกคนที่มาก่อนจะได้สมบัติอะไรไปแล้วบ้าง?” เซี่ยเฟยพึมพำพร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์
ท้ายที่สุดชายหนุ่มก็ได้วางแผนเอาไว้ตั้งแต่แรกอย่างชัดเจนแล้วว่า สิ่งแรกที่เขาจะทำหลังจากก้าวเท้าเข้าสู่สนามรบโบราณคือการปล้นชิงสินทรัพย์จากนักรบที่เดินทางมาก่อน
“นักรบระดับสูงสุดที่สามารถเดินทางมาที่สนามรบโบราณได้มีเพียงแค่ราชากฎขั้นที่ 9 เท่านั้น หากนายระมัดระวังไม่ปะทะกับกลุ่มนักสู้ขนาดใหญ่มากจนเกินไป มันก็คงจะไม่มีอันตรายอะไรสามารถมาคุกคามชีวิตของนายได้” โอโร่กล่าว
ฟุบ!
ชายหนุ่มพุ่งตัวออกไปด้วยความรวดเร็วเพื่อพยายามออกค้นหาเหยื่อรายแรกด้วยความเร็ว 120,000 เมตรต่อวินาที
—
สนามรบโบราณมีขนาดใหญ่มาก แต่นักรบที่เดินทางเข้ามาภายในสนามรบแห่งนี้มีเพียงแค่ไม่ถึง 20,000 คนเท่านั้น และในปัจจุบันผู้ที่เหลือรอดชีวิตก็มีเพียงแค่ประมาณ 10,000 คน การพยายามหาใครสักคนให้พบจึงไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลย
ตูม!
ชายคนหนึ่งถูกหงส์ครามซัดกระเด็นขึ้นไปในอากาศ ก่อนที่ร่างของเขาจะตกลงมากระแทกกับพื้นอย่างแรงพร้อมกับโลหิตที่สาดกระเซ็นออกมาจากปาก
“แกเป็นพวกสกายวิงใช่ไหม?!” นักรบบนพื้นกัดฟันพูดขึ้นมาด้วยความกลัว เพราะนับตั้งแต่วินาทีที่เซี่ยเฟยเริ่มโจมตีทุกอย่างก็เกิดขึ้นในพริบตา และเมื่อต้องเผชิญหน้ากับความเร็ว 120,000 เมตรต่อวินาทีเขาก็ไม่มีโอกาสที่จะโต้กลับเลยแม้แต่น้อย ซึ่งนักรบที่มีความเร็วในระดับนี้เขาก็ไม่สามารถนึกถึงใครอื่นใดได้นอกเสียจากตระกูลสกายวิง
“แสนรู้ดีนี่ ถ้าอย่างนั้นก็ช่วยบอกฉันหน่อยว่าในช่วงที่ผ่านมามันมีเหตุการณ์อะไรที่น่าสนใจเกิดขึ้นหรือเปล่า? อย่างเช่น ข่าวการปรากฏตัวของอาวุธชั้นยอดอะไรแบบนี้” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ไม่ว่ายังไงเขาก็เดินทางมาสายถึง 1 สัปดาห์ เขาจึงจำเป็นจะต้องพยายามหาข่าวของสถานการณ์ในปัจจุบันให้ได้มากที่สุด
“ถ้าฉันบอกแล้วแกจะยอมปล่อยฉันไปใช่ไหม?”
“ไม่ปล่อย แต่ถ้าแกไม่พูดฉันจะทำให้แกเรียกร้องหาความตายจากฉัน” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับเล่นบลัดบิวเทียสภายในมือด้วยสีหน้าที่น่ากลัว
ในที่สุดนักรบคนนั้นก็ไม่สามารถทนการสอบปากคำของเซี่ยเฟยได้ เขาจึงเล่าเหตุการณ์ทุกอย่างเท่าที่เขารู้ให้ชายหนุ่มฟัง ไม่ว่าจะเป็นข่าวเรื่องการที่เชสนี่เลื่อนระดับกลายเป็นจักรพรรดิกฎในระหว่างบททดสอบ หรือเรื่องที่เชสนี่กำลังนำกองกำลังขนาดใหญ่เดินทางไปยังทิศตะวันออก
“ดูเหมือนว่ามันยังไม่มีสิ่งประดิษฐ์ชั้นยอดปรากฏตัวขึ้นมาสินะ สิ่งเดียวที่น่าสนใจคือทีมของจักรพรรดิกฎ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับดึงบลัดบิวเทียสออกมาจากร่างของนักรบที่ถูกสอบปากคำ
เมื่อพลังงานบริสุทธิ์ไหลเข้าสู่สมองชายหนุ่มก็รู้สึกสบายตัวมากขึ้นกว่าเดิม โดยนักรบคนนี้เป็นนักรบคนที่ 29 ที่เขาทำการสังหารลงไปแล้ว และส่วนใหญ่ทุกคนก็ให้ข่าวเรื่องของเชสนี่ที่กำลังนำทีมเดินทางไปยังทิศตะวันออก
—
ปัจจุบันเซี่ยเฟยซ่อนตัวอยู่บนเนินเขา เพื่อมองไปยังกองทัพนักรบมารที่กำลังนั่งพักหลังจากที่ได้เดินทางอย่างเหนื่อยล้ามาเป็นเวลานาน และถึงแม้ว่าเชสนี่จะไม่อยากให้กองกำลังหยุดพักเลยแม้แต่วินาทีเดียว แต่เขาก็ไม่สามารถที่จะทำแบบนั้นได้ เพราะการบีบบังคับฝูงชนมากเกินไปมันก็อาจจะก่อให้เกิดจลาจล ซึ่งมันเป็นสิ่งที่เขาไม่ต้องการจะเห็นอย่างแน่นอน
“นั่นมันเสียงอะไร? มีรถไฟอยู่ในสนามรบโบราณงั้นเหรอ?” เซี่ยเฟยถามอย่างสงสัย
“รถไฟอะไร?” โอโร่ถามขึ้นมาอย่างสับสน
ชายหนุ่มเงียบไปพักหนึ่ง เนื่องจากเขานึกขึ้นได้ว่ามันคงไม่มีรถไฟอยู่ในดินแดนกฎ เพราะแม้แต่บนดาวโลกมันก็ไม่มีพาหนะโบราณแบบนี้ให้ใช้งานอีกต่อไปแล้ว มันจึงไม่จำเป็นจะต้องพูดถึงดินแดนที่มีความเจริญรุ่งเรืองมากยิ่งกว่า
“ผมหมายถึงเสียงที่ดังขึ้นมาเป็นจังหวะผสมกับเสียงลมที่ดังขึ้นมาจากที่ไหนสักแห่ง” เซี่ยเฟยพยายามอธิบายอีกครั้ง
“อ๋อเสียงนั้นน่ะเหรอ เสียงที่นายว่ามันดังขึ้นมาตั้งนานแล้ว แล้วมันก็มีนักรบเป็นจำนวนนับไม่ถ้วนพยายามออกค้นหาว่ามันคือเสียงอะไร? ดังขึ้นมาจากที่ไหน? แต่มันก็ไม่มีใครสามารถหาต้นตอของเสียงได้เลย” โอโร่กล่าวอธิบาย
“มันเป็นเสียงที่แปลกจริง ๆ” เซี่ยเฟยกล่าว
“เรื่องแปลก ๆ ในสนามรบโบราณยังมีอยู่อีกเยอะ บางทีมันก็อาจจะเป็นแค่เสียงลมที่พัดผ่านหุบเขาที่ซับซ้อน มันเลยก่อให้เกิดเสียงแบบนั้นขึ้นมาก็ได้” โอโร่กล่าว
เซี่ยเฟยยักไหล่อย่างเงียบ ๆ โดยไม่สนใจคำตอบจากโอโร่มากนัก
ทีมนักรบที่กำลังตั้งค่ายพักอยู่บนเนินเขามีการจัดเวรยามป้องกันอย่างแน่นหนา และการที่เชสนี่เลือกที่จะตั้งทีมขนาดใหญ่เดินทางไปยังทิศตะวันออก มันก็ทำให้เซี่ยเฟยสงสัยว่าคนพวกนี้คงจะกุมความลับอะไรบางอย่างที่เขายังไม่รู้
—
ไม่ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในเผ่าเทพหรือเผ่ามารต่างก็ล้วนแล้วแต่มีรูปร่างที่ไม่แตกต่างกันมากนัก ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดก็มีเพียงแค่รูปลักษณ์ภายนอก และกลิ่นอายของพลังที่นักรบแต่ละคนทำการปลดปล่อยออกมาเท่านั้น
เซี่ยเฟยทำการค้นแหวนมิติและทำการหยิบชุดของควินซี่อดีตลูกศิษย์ของโอโร่ออกมา ซึ่งแต่เดิมเขาตั้งใจที่จะมอบชุดเกราะระดับสูงชุดนี้ให้กับเฉินตง แต่น่าเสียดายที่เขายังไม่สามารถติดต่อไปหาสหายได้ ชุดเกราะของควินซี่จึงยังคงอยู่กับเขามาจนถึงปัจจุบัน
เซี่ยเฟยทำการสวมชุดของควินซี่เข้าไปและใช้วิชาพรางจิตเพื่อลบกลิ่นอายความเป็นมนุษย์ของเขาออก จากนั้นเขาก็ค่อย ๆ เดินเข้าไปภายในค่ายของนักรบมาร
นักรบกลุ่มนี้รวมตัวกันชั่วคราวภายในสนามรบโบราณเท่านั้น คนส่วนใหญ่จึงไม่รู้จักกันชายหนุ่มจึงสามารถลอบเร้นเข้ามาภายในค่ายพักของมารได้อย่างง่ายดาย
ภาพที่ปรากฏหลังจากที่เซี่ยเฟยเดินทางเข้ามาภายในค่าย คือนักรบทุกคนต่างก็นอนพักอย่างหมดสภาพ ซึ่งมันเห็นได้ชัดเลยว่าพวกเขาต่างก็เหนื่อยล้าจากการเดินทาง และทั้งค่ายก็มีกระโจมอันหรูหราตั้งอยู่เพียงแห่งเดียว
เหตุการณ์ในปัจจุบันยิ่งทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกสับสนมากยิ่งขึ้น เพราะถ้าหากว่ามันไม่มีเป้าหมายที่แน่นอน มันก็ไม่มีทางที่นักรบมารจะโหมเดินทางมาจนเหนื่อยล้าแบบนี้ เพียงแต่ชายหนุ่มยังไม่รู้ว่าเป้าหมายของพวกมารคืออะไรกันแน่
กระโจมเพียงแห่งเดียวภายในค่ายคือสิ่งที่กระตุ้นความสนใจของเซี่ยเฟยได้มากที่สุด แต่น่าเสียดายที่ทุกคนดูเหมือนกับจะจงใจเว้นที่ว่างใกล้ ๆ กับกระโจมเอาไว้ ชายหนุ่มจึงไม่สามารถลอบเร้นเข้าไปสืบข้อมูลใกล้ ๆ กระโจมได้
ในที่สุดชายหนุ่มก็เลือกพื้นที่มุมหนึ่งบริเวณใกล้หน้าผาเพื่อนั่งลงและแสร้งทำเป็นกำลังพักผ่อนเหมือนกับคนอื่น ๆ จากนั้นเขาก็ทำการปล่อยหงส์ครามให้ดำดิ่งลงไปในพื้นดินอย่างเงียบ ๆ
ความยาวของหงส์ครามเพิ่มขึ้นจากเดิมหลังจากที่มันได้หลอมรวมเข้ากับเบญจมาศดาวกระจาย มันจึงมีความยาวมากพอที่จะเคลื่อนที่ไปหากระโจมที่อยู่ห่างจากเขาไปประมาณ 800 เมตร
หงส์ครามเคลื่อนไหวใต้พื้นดินอย่างคล่องแคล่ว แต่ทันใดนั้นมันก็ได้พุ่งเข้าชนกับอะไรบางอย่างจนทำให้ชายหนุ่มสะดุ้งขึ้นมาเล็กน้อย
“รอบ ๆ กระโจมมีการกางกำแพงกฎป้องกันเอาไว้ด้วยเหรอ?” เซี่ยเฟยอุทานขึ้นมาเบา ๆ
“มันก็เป็นเรื่องปกตินี่ คนในกระโจมไม่อยากให้คนอื่นรู้ว่าพวกเขากำลังคุยอะไรกัน พวกเขาจึงใช้กำแพงกฎปิดบังพื้นที่บริเวณนั้นเอาไว้” โอโร่กล่าว
เซี่ยเฟยยังคงนิ่งเงียบโดยไม่พูดอะไรและถึงแม้ว่ากำแพงกฎพวกนั้นจะสามารถป้องกันคนอื่นได้ แต่มันย่อมไม่สามารถป้องกันกฎแห่งความโกลาหลของเขาได้อย่างแน่นอน
พลังของกฎแห่งความโกลาหลอ่อน ๆ เคลื่อนที่ไปตามใบหญ้าของหงส์ครามอย่างรวดเร็ว ซึ่งหลังจากที่เวลาได้ผ่านพ้นไปไม่กี่วินาที มันก็ค่อย ๆ มีต้นหญ้าขนาดเล็กงอกขึ้นมาในกระโจม
ต้นหญ้าต้นนี้ดูอ่อนแอมากราวกับว่ามันพร้อมจะตายหลังจากถูกเหยียบย่ำได้ทุกเมื่อ แต่ในความเป็นจริงมันกลับเป็นพื้นที่ส่วนปลายของหงส์คราม และมันก็ทำให้เซี่ยเฟยสามารถแอบดักฟังสิ่งที่พวกเชสนี่พูดคุยกันในกระโจมได้
“อีกวันเดียวพวกเราก็จะเข้าถึงหุบเขาสายฟ้าแล้ว แม้กระทั่งในตอนนี้มันก็ยังไม่มีใครรู้ว่าเป้าหมายที่แท้จริงของพวกเราคืออะไร”
“ว่าแต่เราจะอธิบายให้พวกมันฟังยังไงดี? ท้ายที่สุดตั้งแต่เข้ามาในหุบเขานี้พวกเราก็ยังไม่เจอเหยื่อเลยสักคน อีกสักพักมันจะต้องมีคนเริ่มสงสัยขึ้นมาอย่างแน่นอน”
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง มันมีนักรบ 2 คนบอกว่าพวกมันเจอสาวสวย 3 คนอยู่แถว ๆ นี้ไม่ใช่เหรอ? พวกเราก็บอกพวกมันไปว่าพวกเรามาตามล่าหาผู้หญิงแล้วบอกว่า พวกเธอไม่เพียงแต่จะมีเรือนร่างที่สวยงามเท่านั้น แต่พวกเธอยังได้ถือครองสมบัติที่หาได้ยากด้วย แค่นายตอบแบบนี้ไปนักรบโง่พวกนั้นก็ไม่กล้าตั้งข้อสงสัยอะไรอีกแล้ว”
เซี่ยเฟยหลับตาพยายามตีความจากข้อมูลที่เขาได้รับ แต่ในทันใดนั้นสัตว์ 2 ตัวที่มีขนาดเท่าแมงวันก็บินเข้ามาหาเขา ซึ่งถ้าหากว่าใครมองดี ๆ พวกเขาก็จะได้พบว่าแมลงวันทั้งสองตัวนี้แท้จริงแล้วเป็นนกแก้วตัวสีขาวกับตัวสีดำ
***************
หาช่องโหว่เข้ามาจนได้สินะเทพขาวดำ


แสดงความคิดเห็น