บทที่ 9

ความรู้สึกนี้หรือ...คือรัก

-A A +A
อ่านต่อ

บทที่ 9

บทที่ 9

    “นายชอบแอมเหรอ / นายจะจีบมายด์เหรอ?” วินและภูมิมองหน้ากันมาพักใหญ่ๆ ก่อนจะโพล่งถามออกมาพร้อมกัน

    ทั้งคู่จ้องหน้ากันไม่ลดละ รอดูว่าใครจะยอมเปิดปากออกมาก่อน กระทั่งวินถอนหายใจ แล้วยอมพูด

    “ก็ไม่รู้ว่าเรียกว่าจีบได้หรือเปล่า แต่ถ้าถามว่ารู้สึกพิเศษมั้ย อันนี้ตอบได้เลยว่าใช่” เด็กหนุ่มมองตามคนตัวเล็กที่กำลังยืนสั่งเครื่องดื่มอยู่ที่หน้าเคาน์เตอร์ “แล้วนายล่ะ ไปรู้จักแอมตอนไหน ปรกตินายไม่ใช่คนที่คุยกับผู้หญิงก่อนนี่?”

    ภูมิตัดสินใจเล่าเรื่องราวในวันที่เขาพบกับเด็กสาววันแรกที่ห้างนี้ออกไป แล้วเอ่ยว่า “ฉันอธิบายไม่ถูกว่ะ ตอบตัวเองไม่ถูก รู้แค่ว่าถ้าเป็นคนอื่นมาพูดกรอกหูฉันฉอดๆ ไม่หยุดแบบนี้ ฉันคงลุกเดินหนีไปแล้ว แต่สำหรับแอม ฉันไม่มีความรู้สึกแบบนั้นเลย แค่บางทีอาจจะติดเอือมๆ นิดหน่อย แต่ก็ไม่รำคาน...เฮ่อ อธิบายยากว่ะ” ภูมิถูจมูกตัวเองอย่างเคยชิน

    “ฉันเข้าใจเว้ย บางความรู้สึกมันก็พูดยาก” วินพูดยิ้มๆ แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังตอบตัวเองไม่ได้ในตอนนี้ ว่าเขาแค่ชอบนิสัยของมายด์เฉยๆ หรือเขาชอบมายด์ในแง่ของแฟนจริงๆ แต่ก็นั่นแหละ เรื่องพวกนี้คงต้องใช้เวลาหาคำตอบ ยังไงเขาก็มีโอกาสพบเธอบ่อยอยู่แล้ว

    ผ่านไปพักใหญ่ๆ สองสาวก็เดินกลับมาที่โต๊ะพร้อมกับแก้วเครื่องดื่มและขนมอีกจำนวนหนึ่ง วินยื่นมือไปช่วยมายด์วางพวกขนมลงบนโต๊ะ ส่วนภูมิปรายตามองไปที่ใครอีกคน ก่อนจะเปรยขึ้นลอยๆ

    “ผู้หญิงก็แบบนี้ ปากบอกว่ากลัวอ้วน แต่พอถึงเวลา ก็กินเอาๆ ไม่น้ำหนักขึ้นก็แปลกแล้ว”

    ดูเหมือนคนที่เป็นเป้าหมายจะรู้ว่าภูมิตั้งใจแขวะเธอ ดังนั้นแอมจึงหันไปแลบลิ้นใส่ “เรื่องของผู้หญิง นายอย่ายุ่ง คนเค้าอุตส่าห์ซื้อมาเผื่อ ไม่อยากกิน ก็ไม่ต้องกิน” พูดจบ แอมก็หันไปให้ความสนใจกับขนมที่เพิ่งซื้อมา โดยที่ไม่ทันสังเกตเห็นสายตาระยับของคนที่เพิ่งถูกเธอต่อว่าไปเมื่อครู่

    “แอม เธอนี่พูดอะไรก็ไม่รู้” มายด์เอ่ยปรามเพื่อนสาว “ภูมิ นายอย่าไปถือสายายแอมเลยนะ เพื่อนฉันก็มักพูดแบบนี้ประจำแหละ” เด็กสาวหันไปบอกภูมิ เพราะกลัวฝั่งนั้นไม่พอใจ

    ภูมิส่ายหน้ายิ้มๆ “ไม่เป็นไร ฉันไม่ถือคนขี้บ่นอยู่แล้ว ไม่ต้องคิดมาก”

    คำพูดนั้น ทำให้เด็กสาวอีกคนหันไปจ้องด้วยสายตาขุ่น “มายด์ เธอก็ดูคำพูดนายนี่สิ”

    ก่อนที่การโต้วาธีจะบานปลาย วินก็เอ่ยแทรกขึ้น “เค้กร้านนี้อร่อยดีนะ ทุกคนลองชิมดูสิ” เขาพูดพลางขยับจานเค้กไปตรงหน้ามายด์ ทำให้อีกสองคนหันมองด้วยรอยยิ้มอย่างอดไม่ได้

    “อื้ม ขอบคุณนะ” มายด์เอ่ยรับเสียงเบาอย่างเขินอาย ยิ่งรู้ว่าคนที่เหลือกำลังมองมา เด็กสาวยิ่งทำตัวไม่ถูกเข้าไปทุกที

    “อย่ามัวแต่มองกันเฉยๆ สิ ร้านนี้อร่อยหมดทุกอย่างเลย ลองชิมดู” วินพูดเพื่อเบนความสนใจ เพราะถ้าไม่ทำอะไรเลย เขาก็อาจจะเก็บอาการเขินของตัวเองไว้ไม่ไหวเหมือนกัน

    ทั้งสี่คนนั่งกินไปคุยไป ซึ่งเรื่องที่คุยส่วนใหญ่ก็หนีไม่พ้นเรื่องการบ้านวิชาต่างๆ ที่เหล่าคุณครูโยนมาให้นักเรียนทำ ถึงแม้ว่าเวลานี้ใกล้จะสอบเข้าไปเต็มทีแล้วก็ตาม กระทั่งแอมมองดูนาฬิกาแล้วเห็นว่าภาพยนตร์ที่เธอซื้อตั๋วเอาไว้ใกล้ถึงเวลาฉายแล้วนั่นแหละ เด็กสาวจึงรีบเอ่ยขึ้น

    “มายด์ หนังที่เราซื้อตั๋วเอาไว้ใกล้จะฉายแล้วนะ”

    “จริงด้วย” มายด์เพิ่งนึกขึ้นได้ “งั้นเราไปกันเลยมั้ย?”

    “อื้ม คงต้องไปกันเลย” แอมหันไปถามวิน ที่เธอคิดว่าน่าจะคุยรู้เรื่องกว่าใครบางคน “แล้วพวกนายจะไปไหนต่อเหรอ ไปดูหนังด้วยกันมั้ย? วันนี้คนไม่เยอะ ตั๋วคงยังไม่หมดหรอก”

    วินแอบปรายตาไปมองคนตัวเล็กข้างๆ แวบหนึ่ง ก่อนที่เขาจะเอ่ยถามเพื่อนสนิทที่นั่งเงียบอยู่ “นายว่าไงภูมิ จะไปดูหนังกับพวกเธอหรือเปล่า?”

    “แล้วแต่นายเลย ฉันยังไงก็ได้” ภูมิตอบง่ายๆ

    “งั้นโอเค เดี๋ยวพวกฉันสองคนไปดูด้วย” วินหันไปตอบแอม

    “ดีเลย นึกว่าจะได้ไปดูกันแค่สองคนซะแล้ว” แอมพูดอย่างดีใจ พลางหันไปหลิ่วตาให้เพื่อนสาวที่กำลังแอบยิ้มอยู่อย่างล้อเลียน ทำให้ฝ่ายนั้นหุบยิ้มแทบไม่ทัน

    “งั้นเรียกเช็คบินเลยมั้ย?” มายด์รีบถามเพื่อกลบเกลื่อนอาการของตัวเองที่เพื่อนจับได้

    เมื่อทุกคนเห็นตรงกัน ทั้งหมดจึงชำระเงินในส่วนของตัวเอง แล้วชักชวนกันเดินออกจากร้านกาแฟ เพื่อจะไปในส่วนของโรงภาพยนตร์ที่ตั้งอยู่บนชั้นสี่ของห้าง

    ระหว่างที่กำลังเดินไป แอมก็มีสีหน้าคล้ายนึกอะไรขึ้นได้ พลางเร่งเอ่ยขึ้นอย่างตกใจ “ทุกคน พอดีฉันลืมกระเป๋าเงินไว้ที่ร้านกาแฟ ยังไงเดินไปรอที่หน้าโรงหนังได้เลยนะ เดี๋ยวฉันกลับไปเอาแล้วจะตามไป”

    “งั้นเดี๋ยวฉันไปเป็นเพื่อน” มายด์รีบพูด เพราะเธอกับแอมมาด้วยกัน จะปล่อยให้เพื่อนเดินไปคนเดียวคงไม่เหมาะ อีกอย่าง หากไม่พบกระเป๋าเงินก็จะได้ช่วยกันตามหา

    “ไม่เป็นอะไรหรอก เธอเดินไปก่อนเลย ฉันไปคนเดียวได้จริงๆ” แอมรีบปฏิเสธ

    “จะดีเหรอ?” มายด์ลังเล

    “ไม่เป็นไรจริงๆ” แอมรีบบอก พร้อมกับยัดตั๋วภาพยนตร์ใส่มือของมายด์ “ฉันฝากไว้ก่อนนะ แล้วเดี๋ยวเจอกันที่หน้าโรงหนังเลย” เด็กสาวหันหลังกลับ แล้วรีบเดินห่างออกไป

    “แอม...เดี๋ยวก่อนสิ ฉันไปด้วย” มายด์เรียกเพื่อนเสียงดัง แล้วตั้งท่าจะเดินตามไป หากทว่าเด็กสาวก็ต้องหยุดชะงัก เพราะมือเล็กถูกใครบางคนรั้งเอาไว้เบาๆ

    “มายด์ไม่ต้องห่วงหรอก วินให้ภูมิเดินตามไปแล้ว” เด็กหนุ่มพูดพลางหันมองเพื่อนสนิทที่กำลังเดินตามหลังเด็กสาวอีกคนไป

    “จะดีเหรอ?” มายด์มีสีหน้ากังวล เพราะดูแล้วเพื่อนของเธอกับภูมิไม่ค่อยถูกกันสักเท่าไหร่

    “ไม่ต้องห่วงไปหรอก เห็นภูมิเป็นแบบนั้น แต่รับรองเลยว่าไว้ใจได้แน่” วินกระชับมือนุ่มของอีกฝ่าย “ยังไงเราไปรอที่หน้าโรงหนังกันก่อนเถอะ ทางนั้นหากระเป๋าเงินเจอ ก็คงไปเจอเราที่นั่นเอง”

    ไออุ่นจากมือใหญ่ที่กำลังกุมมือเธออยู่ ทำให้ความร้อนวิ่งเข้าสู่หัวใจจนเต้มรัว มายด์พยายามดึงมือออกเบาๆ แต่แทนที่อีกฝ่ายจะปล่อย เขากลับจับมือเธอแน่นขึ้นเสียอย่างงั้น...วินช่างไม่รู้อะไรเลย ว่าคนที่เดินอยู่ข้างๆ ในตอนนี้ เก็บอาการเขินอายไว้ไม่ไหวจนแก้มแดงเป็นลูกตำลึงไปแล้ว

 


 

เอาหวานนิดๆ ไปก่อนเนอะ หวานมากไม่ดีน้า เดี๋ยวเป็นเบาหวาน 55+

 

พี่วินนี่ก็ยังไง ไม่รู้หรอว่าแค่จับมือ ผู้หญิงบางคนเขาก็อายแล้วน่ะ

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.