บทที่ 16  เอาคืน 1/2

มนตราสะท้านโลกา

-A A +A

บทที่ 16  เอาคืน 1/2

บทที่ 16  เอาคืน ½

คำกล่าวของชายหนุ่มผมฟ้าทำให้เด็กหญิงผมเขียวมองอย่างไม่พอใจ คิ้วของเธอกระตุก คาเสะเม้มปากก่อนที่จะเฉลียวใจอะไรบางอย่าง

“อย่างนี้นี่เอง มันก็เสี่ยงนะ แต่ก็เป็นความคิดที่ดีถ้านายไม่พูดฉันก็คงนึกวิธีนี้ไม่ออก”

รูรุยิ้ม เขาคิดไว้แล้วว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคนที่ฉลาดเฉลียว นับว่าการสันนิษฐานของชายหนุ่มนั้นไม่ได้ผิด ข้าเก่าออกมาผู้หญิงคนนี้ก็อ่านเกมขาด 

“สมแล้วนะที่เป็นคนจากเผ่ามาร”

“ฉันไม่ใช่คนจากเผ่ามารสักหน่อย แต่ว่าถ้าเป็นแบบนั้นอย่างที่นายพูดมาจริง จำนวนคนมันก็หนักหนาสาหัสอยู่ ฉันคนเดียวคงจะเอาไม่ลงหรอก แล้วอีกอย่างนายอย่าลืมสิว่าตอนนี้พวกเรายังไม่มีพลังที่สามารถจัดการจำนวนคนขนาดนี้ได้”

“นั่นสินะ ฉันคิดว่าตอนนีพลังเวทของเธอกลับมาแล้วเสียอีก เห็นเธอบอกว่าสัมผัสพลังเวทของไบรท์ได้”

คาเสะส่ายหน้าปฏิเสธความคิดของชายหนุ่ม แต่ทว่าหญิงสาวก็ต้องเบ้หน้าจากความเจ็บปวดที่เธอได้รับจากการโจมตี เลือดสีแดงไหลออกมาตอนนี้มันยังไม่มีท่าทีที่จะหยุดลงแม้เพียงนิด หากปผปล่อยไว้คาเสะก็คงต้องเสียเลือดมากอย่างแน่นอน หากสถานการณ์ยังเป็นแบบนี้ศักยภาพในการโจมตีรวมไปถึงความคิดและการตัดสินใจก็คงลดลงอย่างแน่นอน 

“อาการไม่ดี ถ้าหากยังเป็นแบบนี้ไม่ดีแน่ ต่อให้ฉันจะได้รับพลังเวทคืนมาก็ตาม แต่ถ้าเลือดกับบาดแผลยังไม่ได้รับการรักษาฉันก็คงไม่สามารถสู้ได้อย่างเต็มที่” คาเสะว่า

รูรุพยักหน้ารับ ตอนนี้ดวงตะวันค่อย ๆ ลารับขอบฟ้าทำให้อากาศที่เย็นยะเยือกค่อยๆ  พัดพาความหนาวเหน็บของผืนพสุธา เสียงอันเงียบสงบทำให้เขารู้ได้โดยที่ไม่ต้องคิดว่าตอนนี้พวกชาวบ้านกินคนกำลังทำอะไรบางอย่าง เหตุการณ์เช่นนี้มันไม่ส่งผลดีต่อพวกเขาเลย นั่นก็เพราะว่าหากมีการเคลื่อนไหวอะไร พวกศัตรูชองพวกเขาก็คงรู้ตัวได้ทันที

เด็กหนุ่มคำนึงไปยังชายหนุ่มอีกผู้หนึ่ง ชายที่เป็นสหายคู่ใจ ผู้ที่มีทักศะการต่อสู้และพลังเวทเป็นเลิศ ผู้ที่มีฝีไม้ลายมือเทียบเท่าหรือไม่ยิ่งหย่อนกับอาจารย์ที่ได้ชื่อว่าอัจฉริยะของโรงเรียนเวทมนตร์ หากตอนนี้ชายผู้นั้นได้มาอยู่ที่นี่เหตุการณ์คงไม่เป็นเช่นนี้

เขาหยุดความคิดของตน ก่อนที่จะกลับมามองสถานการณ์ปัจจุบัน ถึงแม้ว่ารูรุจะไม่มีพลังเวทที่มากมายเท่าสาวทั้งสอง ไม่สิหากจะกล่าวให้ถูกพลังของเขาไม่ใช่พลังเวท แต่มันคือหัวสมองกับพลังทางด้านวิทยาศาสตร์มากกว่า ดังนั้นการที่ไร้พลังเวทในตอนนี้ทำให้มันไม่ใช่ข้อเสียเปรียบ แต่มันคือข้อได้เปรียบ

รูรุชำเลืองสายตาไปมองคาเสะ ก่อนที่จะถามสิ่งที่เข้าคาใจ 

“ฉันสงใส ตอนนี้เธอไม่มีพลังเวทเหลือในร่างกายแล้วใช่ไหม”

คาเสะพยักหน้ารับ “ใช่ ไม่เหลือเลยแม้แต่นิดเดียว แม้แต่จะเสกบอลลมหรือใช้พลังผนึกเข้าแว้ที่แขนเพื่อตัดเชือกก็ไม่สามารถทำได้”

“แล้วทำไมเธอถึงสามารถสัมผัสพลังกับความรู้สึกของไบรท์ได้ล่ะ ถ้าไม่มีพลังเหลืออยู่ ถ้าเป็นอย่างนั้นก็น่าจะไม่สามารถสัมผัสกับพลังเวทได้สิ”

คาเสะชี้แจง “อ้อ นั่นนะหรอ มันเป็นข้อยกเว้นสำหรับเผ่าของฉัน เมื่อพวกเราได้ทำพันธะแล้ว ต่อให้คู่สัญญาของเราจะเป็นอย่างไรเราก็จะสามารถรับรู้ได้”

รูรุเข้าใจกับคำกล่าวของคาเสะ เขาเริ่มถามต่อไปในทันที หากความคิดของเขาถูกต้องสถานการณ์ของกลุ่มของเขาก็จะเปลี่ยนไปในทันที แต่หากเขาสันนิษฐานผิด ชายหนุ่มก็แค่ต้องคิดแผนการใหม่

รูรุกระซิบ “ถ้าอย่างนั้นเธอสามารถ”

ตัดมายังฝั่งของไอยรา

หลังจากที่หญิงสาวได้เดินทางไปรับน้องสาวของตนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หญิงสาวก็ให้นากิกับมายด์กลับไปยังบ้านของอาสึนะเสีย หลังจากนั้นหญิงสาวก็เรียกเนกิเพื่อมาปรึกษาบางอย่าง

หญิงสาวผมฟ้าจ้องมองนักเรียนของตนด้วยความคาดหวัง สำหรับเธอเมื่อลูกศิษย์คนนี้เริ่มเคลื่อนไหวโรงเรียนเวทมนตร์รวมไปถึงฝ่ายความมั่นคงก็ต้องรีบจับตามอง หากถามว่าทำไมนั่นก็เป็นเพราะว่าเด็กคนนี้คือหนึ่งในนักเรียนที่มีความอันตราย

“เรื่องที่ครูให้ไปทำสำเร็จหรือเปล่า”

เนกิพยักหน้า “แน่นอน อาจารย์ถามแบบนี้คิดจะดูถูกผมหรือไง พวกนั้นเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว ว่าแต่ทางอาจารย์ล่ะ พวกความมั่นคงเริ่มติดคต่อมาหรือยัง”

“พวกนั้นก็เริ่มติดต่อมาแล้ว ครูไม่คิดเลยว่านี่จะเป็นแผนการของเจ้าพวกนั้น พวกมันทำแบบนี้นัขบว่าการดำเนินการของพวกมัน”

เนกิกล่าวขัด “เร็วเกินไป ความจริงน่าจะเริ่มเคลื่อนไหวก่อนที่พวกเราจะสอบเสร็จ แต่ว่าพวกมันกลับเคลื่อนไหวโดยการเริ่มลักพาตัวเด็กนักเรียนของโรงเรียนเวทมนตร์ การทำแบบนี้เหมือนพวกมันรู้เลยว่าอาจารย์จะต้องเข้าไปยุ่ง หรือว่านี่คือแผนการของพวกมัน”

“ครูก็เริ่มไม่แน่ใจเหมือนกัน ทั้งการที่พวกอาสึนะหายไป ทั้งเรื่องนักโทษที่มีความอันตรายที่สุดสามารถหลุดออกมาได้ รวมไปถึงภาระกิจที่ครูต้องไปสำหรับที่แห่งนั้น นี่มันจะประจวบเหมาะเกินไป แล้วเธอคิดยังไง”

เด็กหนุ่มมีท่าทางลังเล “ความคิดของผม ผมก็ยังเชื่อการสันนิษฐานของอาจารย์อยู่ แต่ว่าตอนนี้ผมเริ่มมีความคิดที่เปลี่ยนไป ผมคิดว่าเหตุการ์ที่พวกอาสึนะถูกดูดไปนั้นมันไม่ใช่เหตุการณ์ที่มนุษย์สามารถควบคุมได้”

ไอยราเลิกคิ้วขึ้น “โฮ่ นี่อย่าบอกนะว่าเธอคิดว่ามันเป็นเพราะสิ่งนั้น พวกมันหายไปนับพันปีแล้ว”

“มันก็จริงอยู่ แต่อาจารย์คงไม่ลืมไปหรอกนะว่าพวกมันมีเวทมนตร์เกี่ยวกับเวลาและการข้ามมิติ การที่พวกมันจะใช้พลังเกินขอบเขตมันสามารถเกิดขึ้นได้”

“แล้วท่าแบบนั้น ทำไมพวกนั้นทำไมต้องเคลื่อนไหว หรือว่าจะเป็นการหาตัวตายตัวแทน” ไอยราคิดกับคำกล่าวของลูกศิษย์ของตน ถึงแม้ว่าจะไม่มีหลักฐานชัดเจน แต่ว่าเหตุผลนี้ก็มีความเป็นไปได้ แถมยังสมเหตุสมผลอีกด้วย ถ้าหากเรื่งที่เนกิสันนิศฐานเป็นเรื่องจริง ทั้งสามอาณาจักรก็จะต้องตกอยู่ในอันตรายอีกครั้ง พวกจักรพรรดิเวทมนตร์ก็ต้องเริ่มเคลื่อนไหว ปู่กับย่าของพวกไอยราก็ต้องเริ่มเคลื่อนไหวเช่นเดียวกัน เมื่อมนุษย์ถูกคุกคาม

“ถ้าเป็นแบบนั้นฉันจะรีบส่งจดหมายไปหาย่าแอนนากับปู่โยดา แต่ก่อนอ่นพวกเราต้องหาหลักฐานมาเสียก่อน”

เนกิพยักหน้า “จริงอยู่ที่เราต้องหาหลักฐาน แต่ว่าเรื่องนี้ผมคิดว่ายาก นั่นก็เป็นเพราะว่าเรื่องคต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับพวกนั้นมันถูกทำให้หายไปราวกับไม่มีอะไรอยู่ ทำให้ให้สูญหายไม่หลงเหลือในประวัติศาสตร์”

“จริง ผู้ที่ได้ชื่อว่าผู้ทรงอำนาจในโลกเวทมนตร์นั้นได้ทำลาสยประวัติและพลังของตน ทำให้ไม่หลงเหลือในประวัติศาสตร์ 200 ปีที่สาบสูญนั้นไม่มีใครคิดจะรับรู้ และไม่คิดจะค้นหามานานแล้ว แม้แต่ตัวของครูเองก็ได้แค่ฟังเรื่องเล่าขานที่ดูเหมือนตำนานมาจากปู่กับย่า ตำนานนั้นมันดูไม่มีความเป็นจริง”

“แต่ว่า สิ่งนั้นก็เป็นสิ่งเดียวที่สามารถอธิบายได้ว่าทำไมสามอาณาจักรถึงสามารถกำเนิดเกิดขึ้นได้ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นสิ่งที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ก็ตาม แต่มันก็เป็นสิ่งเดียวที่ถูกหน่วยความมั่นึคงปิดบังกับประชาชนทั่วไป แถมยังถูกปกปิดอีกด้วย”

“แต่ว่าเรื่องนี้คงไม่เกี่ยวกับที่พวกนักเรียนในโรงเรียนเวทมนตร์ถูกลักพาตัวไปใช่ไหม”

เนกิพยักหน้ารับ “ใช่หรือไม่ก็คงมีแต่เทพเท่านั้นที่สามารถรับรู้ได้ แต่สิ่งที่ผมคิดได้ก็คือ พวกเราต้องแยกกนทำงานแล้วล่ะครับ”

ไอยิ้ม “แสดงว่าศิลากับหน่วยความมั่นคงลงมือพร้อมกัน พวกมันต้องการทำให้ครูไขว้เขวและไม่สามารถตัดสินใจได้ถูกว่าจะลงมือไปช่วยใครดี ระหว่างน้องชายของตนเอง หรือว่าจะเป็นนักเรียนเวทมนตร์ที่ถูกลักพาตัวไป ”

เนกิหัวเราะ “การทำแบบนี้นับว่าแสบไม่ใช่เล่นเลย อาจารย์จะทำยังไงก็ตัเ้งใช้ความคิดไม่ใช่น้อย จะเลือกทางไหนก็ยาก แล้วอาจารย์เลือกได้หรือยังว่าจะไปช่วยใคร”

ไอยรานยิ้ม “ฉันตัดสินใจแล้ว ฉันจะไปช่วย”

ณ ห้องอันเงียบสงบแห่งหนึ่ง ชายสวมหน้ากากจับจ้องไปยังร่างเล็ก ๆ  ร่างหนึ่งที่ยืนอยู่ 

“ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะทำเช่นี้” เสียงอันหวานใสกล่าวขึ้น ทำให้ชายหน้ากากกล่าตอบ

“สถานหการณ์ทำให้ฉันต้องหลบหนี แต่ตอนนี้ฉันก็กลับมาแล้ว แผนการที่เคยดำเนินการของพวกเราก็จะดำเนินต่อไป เมื่อฉันได้กลับมาอยู่ที่แห่งนี้อีกครั้ง”

“ฉันคิดว่าท่านจะลืมแผนการนี้ไปเสียแล้ว ถ้าเป็นเช่นนี้ก็ดี พวกเราจะเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง เพื่อรวบรวมสามอาณาจักรให้เป็นหนึ่ง และเพื่อทำให้มนุษย์ได้วิวัฒนาพัฒนาการเป็นเผ่าพันธุ์ที่สูงที่สุดในโลก ให้เหนือไปกว่าเผ่าเทพและเผ่ามาร”

“แน่นอน เมื่อเวลามาถึงพวกเราจะได้”

 

 

 

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.