บทที่ 2...2/3

เพราะคุณคือรักแรก

-A A +A
อ่านต่อ

บทที่ 2...2/3

ช่วงเวลาแห่งการสอบมาถึงแล้ว ความตั้งใจทั้งหมดจะจบลงในการสอบไฟนอลครั้งนี้ มีนามั่นใจว่าสอบผ่านฉลุยได้เรียนจบสมใจแน่นอน เธอวาดฝันไว้ว่าจะหางานทำสามารถพึ่งตัวเองและเป็นที่พึ่งของพี่สาวได้เสียที เธอมีสอบตลอดหลายสัปดาห์นั้น จนไม่มีเวลาติดตามข่าวของเพื่อน มารู้ตัวอีกทีก็วันเสาร์แห่งการนอนที่ขาดไปนาน แต่แล้วยามสายที่มีนากำลังหลับสบายอยู่นั้นกลับมีเสียงกริ่งดังที่หน้าบ้าน เธอโผเผไปดูที่หน้าต่างถึงได้เห็นว่าใครที่มาทำลายการนอนแสนสุขในเช้าวันนี้

มีนาเดินมาเปิดประตูรั้วให้ภาคินที่บอกให้เธอรีบไปอาบน้ำแต่งตัว หญิงสาวยอมตามใจเพราะถ้าไม่มีเรื่องสำคัญ เพื่อนคงไม่มาถึงแล้วทำหน้าอย่างกับโลกแตกแบบนั้น เธออาบน้ำไม่กี่นาทีก็กลับมาหาภาคินที่เก้าอี้หวายหน้าบ้าน อีกทั้งยังสะพายเป้ใบเก่งมาอย่างกับรู้ใจ

“ไปด้วยกันหน่อยสิ”

ไปไหนไม่รู้ แต่ไปก็ไป มีนาเดินตามภาคินไปที่รถซึ่งจอดอยู่นอกกำแพงบ้านของเธอ ระหว่างที่ภาคินขับรถ มีนาก็กินแซนด์วิชที่เมษาทำไว้ให้แก้หิวเพราะตอนนี้เกือบ  9โมงแล้ว ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ภาคินก็เลี้ยวรถเข้าไปที่ลานจอดรถของโรงพยาบาล

“ใครเป็นอะไรน่ะคิน ปู่หรือเปล่า” มีนาแค่เดาเพราะปู่เจตน์มารักษาที่โรงพยาบาลนี้เป็นประจำ

“อือ”

ภาคินจอดรถแล้วรอจนมีนาเดินมาสมทบ ก่อนจะเดินเคียงกันไปในโรงพยาบาล แล้วขึ้นลิฟต์ไปเรื่อยๆ มีนารอฟังแทนการถาม สีหน้าของเพื่อนดูเครียดมาก คราวนี้ปู่เจตน์เป็นอะไร เมื่อ 2 ปีก่อนผ่าตัดหัวใจก็ผลออกมาดีนี่นา

“ภูมิแพ้กำเริบน่ะ อากาศเปลี่ยน แต่คราวนี้หนักกว่าคราวก่อน” ภาคินถอนใจแรง แม้จะรักษาได้ก็ตาม แต่ว่าปู่ของเขาอายุ 77 ปีแล้ว ความชราทำให้การเป็นโรคนี้น่ากังวล “ตอนนี้เลยเครียดกังวลหมด แต่พี่เขมน่าจะเครียดที่สุด”

“ทำไมล่ะ” มีนาถามพลางตบไหล่เพื่อนเบาๆ เข้าใจแล้วว่าทำไมถึงเครียดขนาดนี้

“ปู่อยากให้พี่เขมแต่งงานน่ะสิ หลานคนโต ปูก็เลยอยากให้เป็นฝั่งเป็นฝาเพราะกลัวว่าตัวเองจะเป็นอะไรปุบปับ” แม้จะไม่ลงรอยกับพี่ชายต่างแม่ แต่เห็นเขมินท์เครียดทั้งงานที่บริษัท แล้วยังทุกข์ใจที่ปู่ป่วยแบบนี้ เขาก็เห็นใจอยากช่วย แต่ไม่รู้จะทำยังไง

“อย่างพี่เขมถ้าจะแต่งงานจริงๆ คงไม่ยากหรอก พี่พริมไงล่ะ” มีนาไม่คิดว่าเขมินท์จะต้องมาเครียดในเรื่องนี้

ภาคินพยักหน้า แม้จะไม่แน่ใจนักว่าเขมินท์กับพริมายังติดต่อกันอยู่หรือเปล่า “ทำหน้ายิ้มๆ เข้าไว้ มีนทำให้ปู่ของคินยิ้มได้ตลอด คินเลยอยากให้มีนมาด้วยกันน่ะ”

มีนายิ้มกว้างให้เพื่อน “โอเค ได้เลย”

เสียงหัวเราะคือยาวิเศษ มีนาคิดว่าการทำให้ใครต่อใครหัวเราะเป็นสิ่งที่พ่อแม่มอบให้เธอ แม้ว่าตอนที่พวกท่านจากไป เธอจะทำไม่ได้แม้แต่ยิ้ม แต่เมื่อผ่านเหตุการณ์เหล่านั้นมา เธอพร้อมจะยิ้มและหัวเราะไม่ว่าเจอเรื่องอะไรก็ตาม อย่างมากก็แค่ร้องไห้เพื่อหัวเราะในวันรุ่งขึ้น เสียงหัวเราะของเจตน์มาจากเรื่องเล่าของมีนา ความเปิ่นและโก๊ะของเธอมีได้ตลอดเวลา จนเมื่อนำมาเล่าให้ใครฟังก็มักจะหัวเราะออกมา เธอดีใจที่ไม่เพียงทำให้ปู่เจตน์หัวเราะ แต่ยังทำให้ภาคินยิ้มออกด้วย

 

ปู่เจตน์ได้กลับมาดูแลตัวเองที่บ้านหลังจากทุเลาจากการอาการภูมิแพ้จนเกือบเป็นปกติ โดยมีป้ารุจาของเขมินท์คอยดูแลเพราะเคยเป็นพยาบาลมาก่อน มีนาแวะเวียนไปเยี่ยมปู่เจตน์แทบทุกวัน ทำให้รู้ว่าเขมินท์กลับมาบ้านแทบทุกวันเช่นกัน เธอกะเวลาไว้อย่างดีให้คลาดกับเขาทุกครั้ง การที่เขามักขมวดคิ้วใส่เธอบ่อยๆ ทำให้เธอรู้สึกว่าถ้าลดเรื่องน่าหงุดหงิดให้เขาได้บ้าง คงเป็นเรื่องที่พอช่วยกันได้

วันเสาร์ของสัปดาห์นั้น มีนามีนัดกับเพื่อนๆ เพื่อมาเลี้ยงฉลองเรียนจบ อแมนดาบอกข่าวดีว่าจะกลับไปอยู่กับครอบครัวของพ่อที่อังกฤษ หลังจากนั้นค่อยคิดว่าจะทำอะไรต่อ ส่วนวารีได้งานแล้วที่ต่างจังหวัดอันเป็นบ้านเกิดของตัวเอง ตอนนี้ทุกคนมีก้าวที่ต้องเดินต่อ มีนาก็เหมือนกัน เธอไปสัมภาษณ์งานมาหลายที่ ในหลายที่นั้นจะมีสักบริษัทไหมที่อยากได้เธอไปร่วมงานด้วย

จนกระทั่งผ่านไปอีกสัปดาห์ ข่าวดีก็มาถึง มีนาได้งานตรงกับสายที่เรียนมา บริษัท รักษ์บ้าน เป็นบริษัทรับตกแต่งภายใน แม้จะเป็นบริษัทเล็กๆ เปิดมาได้ 5 ปี แต่ก็มีชื่อเสียงพอสมควร ทว่าปัญหาคือการเดินทางจากบ้านที่ค่อนข้างไกล ทำให้มีนาคิดเรื่องซื้อที่คอนโดเพราะราคาเช่าแพงเอาเรื่องอยู่ หากนำเงินที่จะเช่ามาซื้อคอนโดคงดีกว่า อย่างน้อยอสังหาริมทรัพย์ก็สามารถขายต่อได้ในอนาคต

“แน่ใจนะว่าจะไปอยู่คนเดียวแบบนั้น” เมษาเป็นห่วงน้อง แม้จะรู้ว่ามีนาดูแลตัวเองได้

มีนาอยากจะบอกเมษาว่าใจหวิวๆ เหมือนกันที่ต้องไปอยู่คนเดียว แต่หากต้องเดินทางไปกลับวันละเกือบ  4 ชั่วโมง เธอคงไม่ไหวเหมือนกัน

“แน่ใจสิพี่เม เอาไว้เสาร์อาทิตย์มีนจะกลับบ้านนะ สัญญาจะมานอนกอดพี่เม”

เมษาพยักหน้าน้ำตาคลอให้อย่างไรก็เป็นห่วง แม้น้องสาวจะดูแลตัวเองได้แล้วก็ตาม พอถึงวันเสาร์เมษาปิดร้าน 1 วัน เพื่อช่วยขนของที่น้องจำเป็นต้องใช้ใส่รถของภาคิน แล้วไปคอนโดที่มีนาเพิ่งวางดาวน์เพื่อผ่อนต่อในราคาที่รับไหวเพราะคอนโดอยู่ย่านชานเมืองราคาจึงไม่แพง โดยมีนาได้ความช่วยเหลือจากป้าที่อยู่ต่างจังหวัดมาลงชื่อกู้ร่วม ทำให้การกู้เงินผ่านไปได้ไม่ยากนัก

“สวยกว่าในรูปที่มีนถ่ายให้คินดูในแชทอีกนะ” ภาคินเดินสำรวจห้องจนทั่วพลางเอ่ยปากชม ก่อนจะหันไปทางเมษาที่ยังห่วงน้องสาวอยู่ไม่น้อย “มี รปภ. เช็คบัตร ดูปลอดภัยได้อยู่นะพี่เม บ้านของเบญอยู่แถวๆ นี้เหมือนกัน ถ้าผมมาหาแฟนจะแวะมาหามีนด้วยนะครับ พี่เมจะได้สบายใจ”  

มีนายกนิ้วโป้งให้เพื่อน “ดีนะ คินมาหาแฟน เพื่อนพอดีอยู่แถวนี้เลยได้ความเมตตาไปด้วย”

“ขอบใจนะคิน” เมษาค่อยเบาใจ “เราช่วยกันจัดของก่อนดีกว่า แล้วค่อยไปสำรวจว่ามีร้านอาหารหรือพวกของกินแถวๆ นี้ไหม เวลามีนทำงานเสร็จจะได้สะดวกหาซื้อแถวนี้ได้”

“มีหลายร้านเลยนะพี่เม เดี๋ยวจัดของเสร็จแล้วมีนจะพาไปเดินดูกัน”

          เป็นอันว่าตกลงกันตามนี้ พวกของใหญ่ๆ ที่ต้องประกอบอย่างชั้นวาง ภาคินรับผิดชอบไป ส่วนเสื้อผ้าและของใช้ต่างๆ สองพี่น้องจัดการได้เอง ใช้เวลาไม่ถึง 2 ชั่วโมง การจัดห้องก็เสร็จเรียบร้อย มีนาขนของมาไม่มากเพราะเสาร์อาทิตย์ก็กลับไปนอนที่บ้านอยู่แล้ว ทั้งหมดลงไปหาอะไรกินที่ร้านอาหารบริเวณคอนโดซึ่งราคาไม่แพง รสชาติพอใช้ได้ เมษาค่อยหายห่วงกลัวน้องสาวจะอยู่ลำบาก

          “ขับรถดีๆ คิน ดูแลพี่เมด้วย” มีนาโบกมือให้และย้ำอีกรอบเมื่อเดินมาส่งเมษากับภาคินที่ชั้นจอดรถ

          “ดูแลตัวเองดีๆ นะมีน ขาดเหลืออะไรโทรมาบอกนะ พี่จะให้คินช่วยขับรถเอามาให้” เมษายังคงห่วง

          มีนายิ้มกว้างโบกมือให้พี่สาวที่หันมามองเธอจากรถจนกระทั่งลับสายตา ตั้งแต่เป็นพี่น้องกันมา คราวนี้เป็นครั้งแรกที่มีนากับเมษาอยู่ไกลกัน แต่เมื่อถึงเวลาหนึ่งชีวิตก็จะต้องดำเนินไปตามที่ควรจะเป็น เธอได้ทำงานกับบริษัทนี้ ฉะนั้นการเปลี่ยนแปลงในชีวิตย่อมเกิดขึ้น

 

          มีนาไปทำงานโดยนั่งรถเมล์ 3 ป้ายหรือเดินไปก็ได้เพราะคอนโดอยู่ใกล้กับบริษัทรักษ์บ้าน เจ้านายของเธอซึ่งเป็นคนสัมภาษณ์งานเมื่อหลายสัปดาห์ก่อนชื่อวรการ ผู้ชายหน้าเทรนเกาหลีวัย 35 ยิ้มทีหัวใจแทบละลาย ความสุภาพ การตัดสินใจ มีความเป็นผู้นำและใจดี ทำให้เธอเข้าใจแล้วว่าทำไมบริษัทของเขาถึงได้มีชื่อเสียงในกลุ่มนักออกแบบภายใน อีกทั้งหากมีการประกวดผลงาน บริษัทรักษ์บ้าน มักจะมีชื่อติดอันดับด้วยเสมอ

          “ผมจะมอบหมายให้วนัทเป็นพี่เลี้ยงของมีนในช่วงแรกของการทำงานนะ” ชายหนุ่มขยับแว่นพลางยิ้มให้นักออกแบบภายในคนใหม่ที่เขาตัดสินใจรับเข้ามาร่วมงานด้วยตัวเอง

“ค่ะคุณการ ขอบคุณที่รับมีนเข้าทำงานที่รักษ์บ้านนะคะ” มีนายกมือไหว้เพราะเขาเห็นสิ่งที่เธอสามารถทำได้ เธอถึงได้มาทำงานที่นี่

          “การออกแบบของมีนทำให้ผมสนใจ มันมีสไตล์เป็นของตัวเองดี รักษาความเป็นตัวเองแบบนี้ไว้นะ”

          มีนายิ่งยิ้มปลื้ม “ค่ะ คุณการ”

          วรการยิ้มไปด้วย ก่อนจะก้มหน้าทำงานที่ค้างไว้ต่อ มีนาออกมาจากห้องผู้จัดการแล้วไปยังโต๊ะที่วนัทยืนอยู่ การทำความรู้จักกับรุ่นพี่มหา’ลัยเดียวกันเป็นไปด้วยดี แม้ว่าตอนที่เธอเรียนปี 1 วนัทจะเรียนปี 4 แล้วก็ตาม เธอได้โต๊ะอยู่ฝั่งตรงข้ามกับรุ่นพี่ แต่ละโต๊ะมีฉากกั้นทำให้มีความเป็นส่วนตัวไม่อึดอัด

          “งานแรกของมีนนะ พี่การให้พี่มาคอยสอน คอยแนะนำ พี่จะอธิบายงานให้มีนฟังก่อน ถ้าทำแล้วสงสัย ถามพี่ได้เลยนะ” วนัทบอก

“ขอบคุณค่ะพี่นัท”

วนัทช่วยสอนงานและพามีนาไปทัวร์ร้านอาหารแถวๆ บริษัท แม้มีนาจะไม่ค่อยได้รู้จักรุ่นพี่คนนี้มากนักตอนที่เรียมหา’ลัย แต่กิตติศัพท์ความเจ้าชู้ก็พอจะมาเข้าหูเธอบ้าง ทำให้หญิงสาวไม่เคลิ้มในความเอาใจใส่ของวนัท ถึงเธอจะชอบคนหล่อและใจดี แต่ถ้าเจ้าชู้ก็ขอเป็นเพื่อนร่วมงานกันน่าจะพอแล้ว

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.