รอยร้าวแห่งโชคชะตา

รอยร้าวแห่งโชคชะตา

-A A +A

รอยร้าวแห่งโชคชะตา

          มันเป็นวันพิเศษแต่ไม่ได้พิเศษมากไปกว่าวันเกิดเพราะวันนี้สามารถมีได้มากกว่าหนึ่งครั้งต่อปี   มันคือวันที่มีคนมากมายไปเที่ยวกันที่หาดแห่งหนึ่ง   งานสังสรรค์และรื่นเริงถูกจัดขึ้นเต็มชายหาด   มีทุกสิ่งที่นักท่องเที่ยวต้องการ   ทั้งความสุขจากอาหารเลิศรสในราคาย่อมเยาและอาหารตาของวัยรุ่นหนุ่มสาวมากมาย   “ฉันบอกคุณแล้วไงว่าช่วงนี้หาดนี้คนจะเยอะเป็นพิเศษน่ะ!!”   หญิงวัยกลางคนในชุดเสื้อเชิ้ตและกางเกงขาสั้นสีชมพู   “ก็มันช่วยไม่ได้นี่นา   พวกเราไม่มีเวลาแล้วนะ”   ชายวัยกลางคนสวมชุดแบบเดียวกับหญิงคนนั้นเพียงแต่มีโทนสีฟ้าสว่าง   กล่าวในขณะที่กำลังเอามือโกยทรายออกจนกลายเป็นหลุม   ชายวัยกลางคนปักร่มชายหาดลงไปในหลุมลึกก่อนจะโปะทรายกลับเข้าไปใหม่ในขณะที่หญิงวัยกลางคนเริ่มปูผ้าหลากสีและลวดลายก่อนที่ทั้งสองจะนั่งลงโดยที่ฝ่ายหญิงกำลังจัดแจงอาหารจากตะกร้าปิกนิกที่ทำจากไม้สานขนาดใหญ่   

          “คุณพ่อ!!   คุณแม่!!   หนูอยากลงน้ำแล้ว!!”   เด็กสาวผมน้ำตาลที่ได้มาจากผู้เป็นพ่อและนัยน์ตาสีเขียวที่ได้มาจากผู้เป็นแม่   คำขอของเธอทำให้ผู้เป็นพ่อและแม่มองหน้ากันไปมาก่อนจะแสดงรอยยิ้มออกมาอย่างมีความสุข   “เอาล่ะ   ซาราห์   ได้เวลาเปียกแล้ว!!”   ชายวัยกลางคนอุ้มร่างของเด็กสาวที่กำลังปั้นตุ๊กตาทรายขึ้นอย่างฮึกเหิม   “ระวังหน่อย   ยามิล!”   หญิงวัยกลางคนรีบเดินตามยามิลไปอย่างติดๆ  

          พ่อ   แม่และลูกต่างพากันเดินลงไปยังทะเล   ผ่านกลุ่มวัยรุ่นหลายกลุ่มที่ต่างก็ทักทายพวกเขาอย่างสนิทสนมทั้งที่ในความเป็นจริงไม่เคยรู้จักกันมาก่อน   น้ำถูกสาดใส่ฝ่ายตรงข้ามอย่างมีความสุขโดยแบ่งฝักแบ่งฝ่ายเป็นฝั่งแม่และลูกกับฝั่งพ่อผู้ยอมเป็นกระต่ายขาเดียว   “ดีไหมลูก   สนุกไหม?”   ยามิลเอ่ยอย่างมีความสุขแม้จะเริ่มรู้สึกแสบตาจากความเค็มของน้ำทะเล   “สนุกมากเลยค่ะ   คุณพ่อ”   ยามิลที่ได้เห็นรอยยิ้มของลูกสาวกลับเปลี่ยนสีหน้าเป็นเศร้าหมองลงอย่างรวดเร็ว   ไม่มีรอยยิ้มอีกต่อไปจนผู้เป็นภรรยาเองก็มองเห็นได้อย่างชัดเจนและเธอก็เริ่มจะร้องไห้ออกมาโดยไม่รู้ตัว   “อย่าร้องไห้....ในเวลาที่กำลังสนุก....ที่สุดแบบนี้สิ....จอร์เจียนา”   ยามิลกล่าวติดติดขัดขัดเพราะอาการร้องไห้   “คุณพ่อ   คุณแม่เป็นอะไรหรือคะ?”   ยิ่งได้ฟังเสียงใสซื่อของผู้เป็นลูกก็ยิ่งทำให้น้ำตามันทะลักออกมาจากดวงตาของยามิลแต่เพียงครู่หนึ่งทุกอย่างก็สงบลงอีกครั้ง   “โทษทีนะ   ซาราห์   คงเพราะน้ำทะเลเข้าตาน่ะจ่ะ”   ยามิลยิ้มเล็กๆ   “ใช่จ่ะ”   จอร์เจียนาเองก็ยิ้มตามแต่เป็นรอยยิ้มที่ดูฝืนเป็นอย่างมาก

 

          สงครามสาดน้ำดำเนินต่อไปอีกหลายชั่วโมงจนครอบครัวอันแสบอบอุ่นก็ได้ขึ้นมาจากน้ำก็ปาไปเกือบเย็นแล้วซึ่งพวกเขาก็ได้เดินทางกลับไปยังสถานที่พักซึ่งเป็นโรงแรมหรู   ติดกับชายหาด   พักอยู่ที่ห้องชั้นบนสุดของโรงแรมที่ดูมีราคาแสนแพง   จอร์เจียนาอาบน้ำให้ซาราห์เสร็จแล้วก็เริ่มประแป้ง   สางผมให้ลูกสาวอย่างเบามือและทำการแต่งตัวให้เธอด้วยชุดที่เด็กสาวไม่คุ้นตาราวกับคืนนี้จะมีงานเลี้ยงอะไรสักอย่าง   ซาราห์หันไปมองที่พ่อของเธอก็พบว่าได้แต่งตัวด้วยชุดออกงานสีดำแล้ว   “วันนี้ลูกจะต้องสวยที่สุดจ่ะ”   จอร์เจียนายิ้มอย่างมีความสุขก่อนที่เธอจะขอตัวไปแต่งตัวบ้าง   “คุณพ่อ   คืนนี้พวกเราจะไปไหนต่อคะ?”   ซาราห์หันไปถามยามิลผู้อมยิ้มเล็กน้อยและยื่นมือออกไปหาลูกสาว   “ไปยังสถานที่ที่ความฝันของลูกจะเป็นจริง”   แม้ซาราห์จะไม่เข้าใจกับคำใบ้ของผู้เป็นพ่อแต่ไม่นานผู้เป็นภรรยาก็ได้เดินออกมาจากห้องแต่งตัว  

          ทั้งหมดขึ้นไปยังดาดฟ้าของโรงแรมซึ่งโดยปกติจะเป็นโซนร้านอาหารแต่ตอนนี้กลับเหลือเพียงโต๊ะอาหารโต๊ะเดียวที่ตั้งอยู่ที่ส่วนยื่นคล้ายระเบียง   มีการประดับตกแต่งสถานที่ด้วยดอกไม้และตุ๊กตาน้อยใหญ่ตลอดทางเดินที่ปูพรมสีแดงซึ่งมันทำให้นัยน์ตาของซาราห์เบิกกว้างด้วยความดีใจ   “คุณพ่อ   คุณแม่!!   นี่คือความฝันใช่ไหมคะ?”   ซาราห์ยิ้มร่าก่อนจะวิ่งออกไปหาตุ๊กตาหมีสีน้ำตาลตัวใหญ่ตัวหนึ่งและกอดมัน   “ลูกรู้สึกเหมือนความฝันได้กลายเป็นจริงไหมจ๊ะ?”   จอร์เจียนาเดินตรงไปหาซาราห์   ย่อตัวลงเล็กน้อยเพื่อกระซิบข้างหูเด็กสาว   มองดูใบหน้าที่พยักรับด้วยความดีใจ   

          จอร์เจียนาจูงมือซาราห์เดินไปยังโต๊ะอาหาร   เทียนเล่มเล็กและอาหารบนจานนับสิบที่วางอย่างเข้ารูปซึ่งแต่ละจานบ่งบอกถึงความเป็นอาหารชั้นสูงและแพงหูฉี่ซึ่งมันทำให้ซาราห์ขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะแหงนหน้ามองจอร์เจียนา   “คุณแม่คะ   วันนี้เป็นวันพิเศษอะไรหรือคะ?”   ซาราห์ถามด้วยใบหน้าแห่งความสงสัยซึ่งมันทำให้พ่อแม่ของเธอถึงกับสะอึกไปเล็กน้อย   “....ก็ไม่มีอะไรหรอกจ่ะ   พวกเราก็แค่รู้สึกว่าควรจะใช้เงินก้อนหนึ่งให้ลูกสักครั้งในชีวิต”   จอร์เจียนากล่าวเพียงเท่านั้นก็เริ่มร้องไห้อีกครั้ง   ยามิลฟังเสียงของภรรยาในขณะที่จ้องหน้าของลูกสาวที่ดูจะสับสนกับทุกอย่าง   ซาราห์เริ่มเห็นรอยยิ้มที่จืดชืดของยามิลชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ   ทว่าอยู่อยู่ก็มีเสียงเปิดประตูทางเชื่อมของดาดฟ้าซึ่งมันทำให้เสียงทั้งหมดเงียบลงพร้อมกับจอร์เจียนาและยามิลที่ต่างก็หันมองไปที่ผู้มาเยือนซึ่งก็คือชายปริศนาผู้สวมชุดสูทสีดำผู้เดินมาพร้อมแผ่นกระดาษแข็งหนา

          “คุณแม่จะสั่งอาหารเพิ่มหรือคะ?”   จอร์เจียนาไม่ตอบอะไร   ยามิลเองก็เช่นกัน   สายตาของพวกเขาไม่ได้มองที่ซาราห์แต่เป็นชายผู้มาเยือน   ดูจากใบหน้าก็พอให้เด็กสาวคาดเดาว่าน่าจะเป็นคนในวัยทำงานที่มีใบหน้านิ่งจนออกไปทางเย็นชา   ไม่เป็นมิตรและน่ากลัว   ชายปริศนาเดินมาถึงโต๊ะของพวกเขาแล้วจึงโค้งตัวลงเล็กน้อยก่อนจะยื่นแผ่นกระดาษให้ซึ่งมันมีลักษณะเป็นหนังสือปกแข็งหรู   “นายท่าน   รับสิ่งใดเพิ่มไหมครับ?”   ทั้งยามิลและจอร์เจียต่างไม่กล่าวอะไร   แถมยังไม่ยอมยื่นมือไปรับหนังสือเมนูนั่นด้วย   “ยังมีเวลาเหลือไม่ใช่หรือครับ?”   ยามิลกล่าวด้วยใบหน้าเป็นกังวลหลังจากมองดูเข็มนาฬิกา   เขารู้สึกว่ามีเม็ดเหงื่อไหลอยู่บนใบหน้าและมือของเขากำลังสั่นเทาไม่ต่างจากฝ่ายภรรยา   “พูดเรื่องอะไรหรือครับ   นายท่าน?”   พนักงานรับรายการอาหารยังคงค้างอยู่ในท่าเดิมจนกระทั่งจอร์เจียนาก็ได้ยื่นมือออกไปรับเมนูด้วยมือของเธอเองพร้อมกับกล่าวขอบคุณพนักงานรับรายการอาหาร   “ขอเป็นไอศกรีมมะนาวจัมโบ้ไซส์หนึ่งที่จ่ะ”   จอร์เจียนายื่นเมนูกลับไปพร้อมรอยยิ้มโดยไม่ทันสังเกตว่าซาราห์ที่ในตอนแรกกำลังสับสนกับสถานการณ์กลับมามีใบหน้าของเด็กที่รู้ว่าของขวัญกำลังถูกสั่ง   “จัมโบ้ไซส์เลยหรือคะคุณแม่   หนูรักคุณแม่ค่ะ!!”   ซาราห์ส่งเสียงหวานด้วยความดีใจเป็นอย่างมากแต่ความสุขของเด็กสาวกลับไม่ทำให้ใบหน้าเรียบเฉยของพนักงานรับรายการอาหารเปลี่ยนแปลง   “รบกวนรอสักครู่ครับ   นายท่าน”   พนักงานรับรายการอาหารเดินจากไปอย่างเรียบเฉย  

          เมื่อพนักงานรับรายการอาหารจากไปพร้อมกับเสียงประตูดาดฟ้าที่ปิดลงอีกครั้งกลับมีอีกเสียงที่ดังขึ้นอย่างไม่เป็นมิตร   เสียงของเก้าอี้ที่ล้มกระแทกพื้นพร้อมกับยามิลผู้ลุกขึ้นยืน   ใบหน้าของเขาดูตึงเครียดเป็นอย่างมากจนซาราห์เริ่มจะหวาดกลัวขึ้นมากับอาการของผู้เป็นพ่อ   “คุณพ่อ....”   “พาลูกหนีไป   ผมจะถ่วงเวลามันไว้ให้!!”   เสียงของยามิลเกือบจะเป็นเสียงตะโกนที่จริงจัง   “จะหนีไปไหน?!   อย่าพูดเหมือนกับเราไม่เคยทำมาก่อน!!”   จอร์เจียน่าเองก็เริ่มตะเบ็งเสียงแข่งกับสามีตัวเอง   น้ำเสียงและแววตาดุดันและขมึงตึงด้วยกันทั้งสองฝ่ายซึ่งมันทำให้ซาราห์รู้สึกเริ่มจะคุ้นเคยกับอาการของผู้เป็นพ่อและแม่ในขณะนี้   ความสงสัยในหัวของซาราห์ก่อตัวมากขึ้นเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้เธอนึกถึงเรื่องราวในอดีตที่ดันไปสอดคล้องกับสิ่งที่คนทั้งสองกำลังสนทนา   มันเริ่มแปลกไปตั้งแต่ปีที่แล้ว   บ่อยครั้งที่พ่อแม่ของเธอชอบเปลี่ยนที่พักบ่อยๆ   ทั้งไปนอนบ้านปู่   ย่า   ตา   ยาย   ญาติไม่ซ้ำหน้าและก็มีเพื่อนของทั้งคู่   แทบจะนับวันอยู่บ้านจริงจริงได้เลยด้วยซ้ำ

          “ลองอีกสักครั้ง!!   ได้โปรดเถอะพระเจ้า!!....เถอะนะ   ถือว่าผมขอก็ได้”   ยามิลเริ่มจะหลั่งน้ำตาออกมาไม่ต่างจากคนเสียสติ   จอร์เจียนาหลับตาลง   พยายามที่จะกลั้นน้ำตาที่กำลังใกล้จะเอ่อล้นออกมาเต็มทีแต่สุดท้ายมันก็หลั่งรดแก้มของเธอจนได้   หญิงวัยกลางคนพ่นลมหายใจออกมาอย่างแรง   “มีอะไรหรือคะคุณแม่   คุณพ่อ?”   ซาราห์หันไปหาจอร์เจียนาแต่เมื่อไม่ได้คำตอบอะไรจึงหันไปหายามิลก่อนที่ไม่นานผู้เป็นพ่อจะเริ่มเผยรอยยิ้มทั้งน้ำตา   “ลูกอยากไปนอนรึยังจ๊ะ?”   รอยยิ้มกว้างของจอร์เจียนามันกำลังสั่นเทาจนดูน่าตลกขบขันมากกว่าจะทำให้เชื่อว่าอีกฝ่ายกำลังโศกเศร้าและเสียใจ   “จะทำบ้าอะไร....!!”   พนักงานรับรายการอาหารเปิดประตูออกมา   ในมือถือถาดที่มีถ้วยไอครีมแก้วสวยหรูเต็มไปด้วยก้อนสีเขียวอ่อนเกือบห้าก้อนซึ่งมันเป็นเวลาเดียวกับที่ยามิลมีอาการสงบลงและยอมนั่งลงในที่สุด   “ไอศกรีมมะนาวจัมโบ้ได้แล้วครับ   นายท่าน”   พนักงานรับรายการอาหารวางแก้วไอครีมลงต่อหน้าของซาราห์อย่างรู้ใจซึ่งมันทำให้ความสงสัยที่ถูกเติมเต็มอยู่ในจิตใจของเด็กสาวดับหายไปในทันทีพร้อมกับตาคู่โตที่เบิกกว้างด้วยความสุข   “คุณแม่   หนูขอรับประทานไอศกรีมก่อนจะได้ไหมคะ?”   ซาราห์ยิ้มออดอ้อนผู้เป็นแม่ซึ่งจอร์เจียนาก็ไม่ได้ห้ามอะไรแถมเธอยังสั่งอาหารเพิ่มอีกต่างหาก  

          พนักงานรับรายการอาหารโค้งตัวรับก่อนจะหายเข้าไปในบานประตูอีกครั้ง   การหายไปครั้งที่สองยิ่งทำให้ยามิลมีอารมณ์รุนแรงมากกว่าเดิม   เขาลุกขึ้นยืนและจับแขนของซาราห์อย่างแรง   พยายามที่จะฉุดกระชากลูกสาวให้ตามเขาไปด้วยแรงของชายที่ไม่ได้อยู่ในฐานะพ่ออีกต่อไปจนซาราห์ส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดและในที่สุดจอร์เจียนาก็ไม่อาจทนกับความดื้อรั้นของผู้เป็นสามีและพุ่งตัวเข้าไปปราม   ในระหว่างที่กำลังฉุดกระชากลากตัวกันไปมาจนเกือบจะไปถึงประตู   ทั้งหมดก็ต้องหยุดยืนกับที่เมื่อเห็นว่าพนักงานรับรายการอาหารคนนั้นกำลังยืนอยู่ที่ข้างประตูในตอนนี้   “ให้เด็กเข้านอนก่อน!!”   จอร์เจียนาตวาดเสียงดังลั่นแต่ยามิลกลับจับมือทั้งคู่เดินผ่านพนักงานรับรายการอาหารไปหน้าตาเฉย   “ยังไม่ถึงเวลาก็ทำอะไรไม่ได้ใช่ไหมล่ะ?   ไม่ต้องกลัวมัน!!”   ยามิลมองหน้าพนักงานรับรายการอาหารหลังจากที่เดินผ่านเขาคนนั้นมาแล้ว   ใบหน้าของอีกฝ่ายชั่งดูเรียบเฉยอยู่ตลอดเวลาซึ่งมันทำให้เขาหงุดหงิดขึ้นมาอย่างน่าประหลาด  

          “ไอศกรีม....อร่อยไหมครับ   นายหญิง?”   พนักงานรับรายการอาหารเบนหน้ามองซาราห์เพียงเล็กน้อยแต่กลับสร้างความตกใจให้ยามิลจนตาทั้งคู่เบิกกว้างด้วยความตกตะลึงและมันทำให้ขาของเขาหยุดก้าวไปดื้อๆ   “นี่แก?!”   ยามิลปล่อยมือจากจอร์เจียนาแต่ยังไม่ปล่อยมือจากลูกสาวก่อนที่เขาจะหันกลับมามองที่พนักงานรับรายการอาหารที่ในตอนนี้ยืนอยู่ที่ขอบระเบียง   พนักงานรับรายการอาหารล้วงมือเข้าไปในเสื้อสูท   หยิบขวดขนาดเล็กที่ในนั้นไม่มีสิ่งใดอยู่ภายใน   “งานของผมจบแล้วครับ   นายท่าน   ขอให้นายท่านทั้งสามมีความสุขกับช่วงเวลาที่เหลือครับ”   พนักงานรับรายการอาหารโยนขวดแก้วลงพื้นแต่มันกลับไม่แตกออก   “ไอ้ชั่ว!!!”   ยามิลวิ่งเข้าใส่พนักงานรับรายการอาหารอย่างรวดเร็วก่อนจะคว้าปกเสื้อสูทด้วยแรงทั้งหมดจนตัวของพนักงานรับรายการอาหารลอยขึ้นและถูกหมัดซัดเข้าไปที่ใบหน้าอย่างเต็มแรงจนกระเด็นล้มลงกับพื้น   พนักงานรับรายการอาหารลุกขึ้นยืนหน้าตาเฉยเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น   ใบหน้าที่ถูกซัดจนเต็มแรงปรากฏรอยร้าวไม่ต่างจากผืนดินในยามแล้งและมันกำลังมีบางอย่างที่คล้ายฝุ่นดินร่วงกราวลงมาจากแก้มของชายคนนั้นด้วย   

          “จะบอกว่าผมเป็นคนชั่วไม่ได้นะครับในเมื่อผมให้เวลาคุณถึงหนึ่งปีเต็มตามสัญญาและเวลาในการตายของลูกของคุณก็คือนับจากนี้ไปอีก   35   นาทีเห็นจะได้”   พนักงานรับรายการอาหารกล่าวอย่างเยือกเย็นหลังจากดูนาฬิกาข้อมือแล้ว   “แก!!!”   ยามิลกางแขนออกจากลำตัว   น้ำสีเขียวหม่นทะลักออกมาจากตัว   ก่อร่างเป็นมือน้ำขนาดใหญ่ที่ประกบเข้าหากันราวกับอีกฝ่ายคือยุง   ทว่าหินย้อยนับสิบพุ่งทะลุออกมาจากมือน้ำที่ประกบกัน   บังคับให้ยามิลต้องเบี่ยงตัวหลบซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่มือน้ำคลายสภาพกลายเป็นน้ำเจิ่งนอง   “สมมุติว่าคุณฆ่าผมได้จริงจริงและแม้คุณอาจจะหาวิธีทำให้ลูกของคุณรอดจากยาพิษก็จะมีคนใหม่เข้ามารับหน้าที่ตามล่าแทนผมอยู่ดีครับ”   พนักงานรับรายการอาหารกล่าวเสียงเรียบ

          “เกเบรียล”   เสียงเรียกชื่อนั้นดังมาจากจอร์เจียนาผู้กำลังเดินตรงมาที่พนักงานรับรายการอาหารซึ่งนามได้ถูกเฉลยแต่ก็ยังมีใบหน้าเรียบเฉยอยู่ดี   “เมื่อหนึ่งปีที่แล้ว   เธอเคยมอบความเมตตาให้เด็กคนนี้แล้วครั้งหนึ่ง   จะเป็นไปได้ไหมที่ครั้งนี้ฉันจะขอความเมตตาจากเธออีกสักครั้ง?”   น้ำเสียงของจอร์เจียนานั้นสั่นเครือ   เธอคุกเข่าลงกับพื้น   ปล่อยให้หัวทาบลงกับพื้นในขณะที่มือยังจับแขนของซาราห์ไว้อย่างแน่นหนา   “คุณแม่   นี่มันเรื่องอะไรกันหรือคะ?   ทำไมถึงต้องทำแบบนั้นด้วย?   คุณแม่ร้องไห้ทำไม?”   ซาราห์ถามไถ่ผู้เป็นมารดาด้วยความกลัวและสับสน   เกเบรียลจ้องมองซาราห์ด้วยใบหน้าเรียบนิ่งก่อนที่เขาจะล้วงมือเข้าไปในเสื้อสูทและหยิบบางอย่างติดมือออกมาด้วย   มันคือขวดแก้วใสที่บรรจุน้ำสีฟ้าใสอยู่ภายใน   “ผมจะให้ก็ได้ครับแต่ครั้งนี้ต้องแลกกับความพยายามเล็กน้อยนะครับ”   เกเบรียลโยนขวดนั้นลงไปจากชั้นดาดฟ้าซึ่งทำให้ทั้งยามิลและจอร์เจียนาหน้าเสียในทันที   “ไอ้ชั่ว!!!”   ยามิลกำลังจะวิ่งเข้าไปต่อยเกเบรียลอีกครั้งแต่อีกฝ่ายกลับซึมหายลงไปในชั้นดาดฟ้าราวกับมีแอ่งน้ำบนพื้นแข็ง   “ขวดนั้นแข็งแรงมากเพราะงั้นไม่ต้องห่วงครับ”   ยามิลอึ้งไปชั่วครู่ก่อนจะรวบรวมสติและวิ่งเข้าไปอุ้มซาราห์ขึ้นนั่งบนบ่าและพาจอร์เจียนาลงลิฟต์ของโรงแรมไป   

 

          ณ   ห้องแห่งหนึ่งที่ดูเหมือนห้องสำนักงานทั่วไป   เกเบรียลนั่งอยู่อีกฟากของโต๊ะทำงานที่มีชายอีกคนกำลังนั่งเขียนอะไรบางอย่างอยู่บนแผ่นกระดาษเอสี่   “ทำไมวันนี้ทำหน้าเศร้าแปลกแปลกหืม   เกเบรียล?”   ชายเจ้าของโต๊ะทำงานจ้องหน้าอีกฝ่าย   “เปล่าครับ   คุณแอนเดอร์สัน   ผมก็แค่สงสัยว่าเมื่อไหร่ผมจะได้เกษียณจากงานบ้าบ้านี้สักที”   “ตราบใดที่ยังมีความผิดพลาดเกิดขึ้น”   แอนเดอร์สันเลื่อนสายตาที่จดจ่อที่ใบหน้าของอีกฝ่ายกลับไปจดจ่อที่แผ่นกระดาษ   “แม้ความผิดพลาดนั้นจะไม่ได้เกิดจากเราหรือครับ?”   แอนเดอร์สันโยนปากกาออกจากมือ   ใบหน้าเรียบนิ่งเริ่มแสดงออกทางอารมณ์ที่ไม่แน่ใจระหว่างโมโหกับตึงเครียด   “คิดซะว่าเป็นการช่วยโลกก็แล้วกันนะ   เกเบรียล   หนึ่งชีวิตที่ไม่ควรเกิดมาแลกกับหนึ่งร้อยชีวิตที่สมควรอยู่   นายเข้าใจใช่ไหม?”   ทิ้งเวลาอยู่ร่วมเกือบนาทีเห็นจะได้ก่อนที่เกเบรียลจะพยักหน้ารับ

          “เอาล่ะ   เดี๋ยวจะมีงานต่อไปมอบให้นาย   สำหรับงานเมื่อคืน   นายทำได้ดีมาก   เพื่อน”   เกเบรียลลุกขึ้นยืน   โค้งตัวทำความเคารพแอนเดอร์สันก่อนจะเดินจากไปอย่างเงียบสงบ   ‘เพื่อโลกที่ดีกว่านี้...’  

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.