บทที่ 22 สาวน้อยคาเสะ

มนตราสะท้านโลกา

-A A +A

บทที่ 22 สาวน้อยคาเสะ

เส้นผมสีเขียวปลิวไสวตามแรงลม หญิงสาวผู้มาใหม่กรีดร้องเสียงดังลั่น เธอเบิ่งตามองพื้นเบื้องหน้าด้วยความหวาดหวั่น 

“ใครก็ได้ช่วยรับฉันที” 

เธอตะโกนเสียงดัง ก่อนที่ร่างกายอันผอมบางจะร่วงหล่นลงที่พื้นเสียงดังตุบ หญิงสาวผู้มาใหม่เบิ่งตาก่อนที่จะสำรวจร่างกายของตนเอง เธอหันหน้าไปมองยังไบรท์ที่ยืนอยู่ไม่ห่าง ก่อนที่จะมองเด็กหนุ่มผมทองด้วยสายตาอันเขียวปัด 

“ไอ้บ้าเอ้ย ทำไมถึงไม่ยอมรับฉัน นายใช่ไหมที่เป็นคนอัญเชิญฉันมา ผู้สาวมีพลังเวทย์อันมหาศาลที่สามารถอัญเชิญอสูรจากต่างโลกได้ทั้งที แต่ไม่สามารถรับอสูรที่มาจากต่างโลกอย่างนั้นหรอ นายรู้ไหมว่าฉันเป็นใครฉันเป็นเจ้าหญิงอันสูงศักดิ์ ของอาณาจักร demon  อันเกรียงไกร ที่อยู่ส่วนลึกของทวีปมืด”

เธอพูดในขณะที่สำรวจร่างกายว่ามีส่วนไหนบาดเจ็บหรือไม่ ถึงแม้ว่าเผ่าปีศาจจะมีร่างกายที่ทนทาน แต่ลูกครึ่งมนุษย์กับปีศาจเช่นหญิงสาวกับไม่ได้อยู่ในจำพวกนั้นด้วย ลูกขึ้นที่แข็งแกร่งนั้นก็มีเป็นธรรมชาติ แต่คนที่เกิดมาแล้วร่างกายอ่อนแอที่สุดในเผ่าพันธุ์เช่นเธอที่มีร่างกายคล้ายคลึงกับมนุษย์ ดังนั้นตั้งแต่เด็กๆพ่อแม่ของเธอไม่เคยให้เธอต้องบาดเจ็บเช่นนี้ หากจะพูดง่าย ๆคาเสะเด็กสาวผมสีเขียวในตาสีอำพัน ดวงตางดงามราวกับนางงาม ก็คือไข่ในหินดี ๆ นี่เอง 

เธอเบะปาก ก่อนที่จะมีน้ำตาใสๆไหลออกจากตา หญิงสาวร้องไห้ก่อนที่จะชี้นิ้วไปยังเด็กน้อยผมสีดำที่ยืนอยู่ไม่ห่าง “ไอ้บ้าจำไว้เลยนะ ต่อให้นายจะตาย ฉันก็จะไม่มีทางช่วยเหลือนาย  ไม่สิต่อให้มันจะเป็นสัญญาของสัตว์อสูรฉันก็ไม่มีทางที่จะทำกับนายเด็ดขาด ฉันจะไม่ยอมเป็นทาสของนาย ต่อให้มันจะเป็นชะตากรรมฉันก็จะทำลายมันซะ”

สิ้นคำของเด็กสาวผมสีเขียว ไบรท์ที่ยื่นนิ่งอยู่ก็หมดความอดทน เขาตะโกนกลับไป “บ้าที่สุด ฉันไม่ได้อัญเชิญเธอมาให้เธอมาตะโกนด่าฉันอย่างนี้ การอัญเชิญอสูรก็คืออสูรนั้นต้องมาช่วยเหลือเจ้านาย มันเป็นเรื่องพื้นฐานที่ใครๆก็รู้ สัตว์อสูรที่ถูกอัญเชิญมาต้องช่วยเหลือ คนที่อัญเชิญมาก็คือเจ้านาย สวนสัตว์อสูรที่ถูกอัญเชิญมาก็ต้องเป็นลูกน้องอย่างเสียไม่ได้ ฉันบอกอะไรให้เธอทำเธอก็ต้องทำตามนี่มันเป็นหลักการพื้นฐานไม่รู้หรือไง”

  “เรื่องแบบนั้นมันเป็นเรื่องโบราณนานมาแล้ว  สมัยนี้สัตว์อสูรอย่างพวกฉันมีสิทธิ์ปฏิเสธรู้ไหม แล้วอีกอย่างต่อให้จะเรียกตัวเองว่าสัตว์อสูรก็ตาม แต่พวกฉันมีสถานะเป็นมนุษย์กึ่งเทพ นายเข้าใจความหมายนี้หรือเปล่าถ้าเปรียบง่ายๆฉันก็เป็นลูกสาวของเทพแห่งสายลม หนังรักต่างหากที่ต้องก้มหัวขอร้องฉันให้ไปช่วนาย”

ไบรท์เถียงกลับไปในทันที “อย่างนั้นหรอ ถ้าเป็นอย่างนั้นฉันก็ไม่คิดจะขอร้องเธอ ต่อให้เธอไม่ยอมทำพันธะสัญญาฉันก็ไม่ว่าแต่อย่างน้อยก็ควรจะช่วยฉันบ้าง ฉันมีศัตรูมากมายที่ต้องต่อสู้โดยเฉพาะเจ้าพวกนั้นที่มันยืนอยู่นั่น แล้วเธอพูดอย่างนี้ได้ยังไงฉันไม่ได้ตั้งใจจะอัญเชิญเธอมาสักหน่อย ถ้าหากฉันรู้ว่าสัตว์อสูรที่โผล่มาจะเป็นเธอฉันจะไม่มีทางร่ายเวทอัญเชิญเด็ดขาด “

ไบรท์ตระโกนในขณะที่เด็กสาวผมเขียวกำลังร้องไห้ยุด ตอนแรกเด็กสาวก็ร้องไห้พอเป็นพิธี แต่พอเธอเห็นรอยช้ำที่ต้นขา เธอก็ร้องไห้เสียงดังขึ้นกว่าเดิม
“ไอ้บ้าเอ้ย ตั้งแต่เกิดมาฉันไม่เคยมีรอยแผลแม้แต่นิดเดียว แล้วแบบนี้จะทำยังไงดีฉันแต่งงานไม่ได้แล้วแย่ที่สุด ถูกนักเวทย์อัญเชิญมาเป็นครั้งแรกแท้ๆ นักเวทย์ที่อัญเชิญมาก็เป็นเด็กหนุ่มผมสีดำหน้าตาธรรมดาธรรมดา ไม่ใช่เจ้าชายรูปงามสักหน่อย “

คาเสะเช็ดน้ำตา ก่อนที่จะเปลี่ยนสีตามามองเย็นไบรท์ เส้นผมสีดำดวงตาสีแดงของเด็กน้อย (ในสายตาของคาเสะ) รสนิยมของเธอไม่ใช่แบบนี้ แต่หากพินิดพิจารณาคนตรงหน้า เด็กหนุ่มแปลกหน้าหน้าตาก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่แต่ประการใด ดวงตานัยน์ตาสีแดงเส้นผมที่ปลิวไสวช่างคล้ายคลึงกับเผ่าพันธุ์ในโลกปีศาจ หรือถ้าหากจะกล่าวให้ถูกก็คือทวีปที่อยู่ไกลจากที่นี่ ทวีปที่สัตว์อสูรเดินป้วนเปี้ยนราวกับว่าโลกนี้ไม่มีมนุษย์อยู่ 

"มองอะไรของเธอผู้หญิงประหลาด”

“นายว่ายังไงนะ ว่าฉันเป็นผู้หญิงประหลาดอย่างงั้นหรอ”

ไบรท์พยักหน้า “ใช่”

ก่อนที่เด็กสาวจะได้เถียงกับไบรท์ต่อ เสียงของมาโคโตะก็พูดขัดขึ้น “เด็กสาวที่มาจากทวีปมืด เธอจะไม่ช่วยเหลือเจ้าเด็กนี่อย่างนั้นหรอ”

“แน่นอน ยังไงฉันก็ไม่มีทางที่จะทำพันธสัญญากับเจ้านี่หรอก แค่รอเวลาอีก 1 ชั่วโมงฉันก็จะได้กลับไปยังที่ที่ฉันจากมาแล้ว”

“ถ้าอย่างนั้นก็ดี ถ้าอย่างนั้นฉันกับเจ้าหนูนี่ก็จะต่อสู้กันต่อ และฉันกับเธอก็จะไม่ยุ่งเกี่ยวกันถ้าเธอไม่ยื่นมือเข้ามายุ่ง ฉันก็จะไม่ทำร้ายเธอหญิงสาวจากทวีปมืด”

ไบรท์ได้ยินอย่างนั้น เขาก็กัดฟันด้วยความเจ็บใจ สำหรับไบรท์ในตอนนี้พลังเวทของเขาถูกใช้จนหมด ถ้าจะกล่าวให้ถูกพลังเวทย์ตอนนี้ของเด็กน้อย เหลือไว้เพียงใช้เรียกลูกบอลไฟมาได้อีกแค่ 2 ถึง 3 ลูกเท่านั้น ถ้าหากหญิงสาวแปลกหน้าที่มาจากต่างมิติ ไม่คิดจะยื่นมือเข้ามายุ่งและไม่คิดจะยื่นมือเข้ามาช่วย  เรื่องที่เขาอุตส่าห์พยายามทำเวทย์มนต์อัญเชิญที่เขาอุตส่าห์ใช้ มันก็ข่มจะสูญเปล่า  หนทางที่เหลืออยู่สำหรับเด็กหนุ่มก็คือความแพ้พ่าย  หากเขาแพ้เขาก็อาจจะถูกสังหาร  เขาคุ้นคิดอยู่ในใจในขณะที่หัวสมองกำลังปั่นอย่างรวดเร็ว  เสียงที่ไม่คาดฝันอีกเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น 

รูรุที่ถูกจับไว้ตะโกนขึ้น “วิ่งมาหาฉันแล้วก็ปล่อยฉันออกไป ถ้าฉันได้ออกไปฉันก็สามารถช่วยนายต่อสู้ได้”

“ใครจะปล่อยให้เธอออกไปได้ง่ายๆ อย่าลืมสิเจ้าหนูว่าฉันยังต้องลบความทรงจำของเธอบางส่วนอยู่ ถ้าเธอรู้ว่าแผนที่แท้จริงของพวกเราเป็นอย่างไร พวกเราก็คงลำบากไม่ใช่น้อย เพราะฉะนั้นเธออย่าหวังเลยว่าเธอจะได้ออกไป เอาละหลับตาลง ทำใจให้สบายพอมือของฉันสัมผัสกับตัวเธอความทรงจำของเธอก็จะถูกลบหายไป”

ไบรท์เคลื่อนร่าง ด้วยความรวดเร็ว แต่ด้วยสภาพร่างกายที่เต็มไปด้วยบาดแผล ประกอบกับพลังเวทย์ที่ลดน้อยลงทำให้เขาไม่สามารถพุ่งร่างไป เขาทำได้แค่ตวาดเสียงดัง

“หยุดน้าเว้ย”

หญิงที่ยืนอยู่ด้านข้างรูรุค่อยๆนำมือเข้าไปใกล้ร่างของเด็กน้อยก่อนที่มือของเธอได้สัมผัสกับศีรษะของรูรุ มือของเธอก็หยุดชะงัก เธอรู้สึกถึงความเจ็บปวด หญิงสาวมองไปยังการโจมตีที่พุ่งตรงมาา ก่อนที่เธอจะกัดฟันแน่นและเปลี่ยนสายตาไปมองยังเด็กหญิงผมเขียว การโจมตีที่รวดเร็วแต่ไม่ค่อยรุ่นแรง  พุ่งเข้าใส่แขนขวาที่กำลังจะลูบหัวของเด็กน้อยผมสีฟ้า  

เวทมนตร์ธาตุลมที่บางเบาแต่ทว่ามันกลับแหลมคม ได้โจมตีใส่เส้นเลือดที่อยู่ที่แขน ความแม่นยำเรากับการจัดวางเพียงแค่การโจมตีแค่ครั้งเดียวก็ทำให้หญิงสาวต้องหยุดชะงัก  ดูสีแดงหยดอยากลงกับพื้นดินก่อนที่เชือกที่มัดเด็กน้อยจะค่อยๆถูกเวทมนตร์ธาตุลมเฉือนตัดออกอย่างเชื่องช้า  

หญิงสาวมองหน้าของเด็กผมฟ้าที่มีนามว่ารูรุ ก่อนที่จะเปลี่ยนสายตาไปมองยังเด็กสาวผมสีเขียวที่มีนามว่าคาเสะ

“เด็กน้อยไหนเธอบอกว่าจะไม่แทรกแซงการต่อสู้ของพวกเรา ทำไมเธอถึงใช้เวทมนต์ธาตุลมบริสุทธิ์โจมตีฉันละ”

คาเสะยิ้ม “ฉันมีนามว่าคาเสะ พ่อของฉันเป็นเทพแห่งสายลม แม่ของฉันเป็นเทพแห่งสายลม หน้ากูฉันถูกตั้งขึ้นเนื่องด้วยเจตจำนงของพ่อและแม่นั่นก็คือ สายลมที่มีความอิสระในตัวเอง  ถ้าฉันบอกว่าไม่ช่วยมันก็ไม่ใช่ความพูดที่แน่นอนถ้าฉันคิดว่าฉันอยากจะช่วยฉันก็จะช่วย  ถ้าฉันคิดว่าฉันไม่อยากจะช่วยแต่ฉันอยากจะช่วยฉันก็จะช่วย  ถ้าฉันคิดว่าฉันไม่อยากจะช่วย มันก็ไม่แน่ว่าฉันอยากจะช่วย  ความจริงคือความลวงความลวงคือความจริง  ความคิดคือความจริงคือความเท็จความเท็จคือความจริง  เข้าใจความหมายนี้หรือเปล่า 

“ไม่เข้าใจ“ ไบรท์กล่าว ก่อนที่จะยิ้มเขามองไปยังรูรุที่ตอนนี้ไร้การพันธนาการ เชือกที่ถูกมัดแขนมัดขาของเด็กชายที่มีหน้าตาสะสวยเหมือนกับผู้หญิงถูกเวทมนตร์ธาตุลมทำลายจนสิ้นซาก

 เมื่อเขาเห็นดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนสายตาไปมองยังเด็กสาว 

“แต่ว่าถึงฉันจะไม่เข้าใจ แต่ฉันก็ขอบคุณจริงๆนะคาเสะ ที่ช่วยลูกศิษย์ของพี่ฉัน เธอไม่ต้องช่วยฉันก็ได้หลังจากนี้ฉันจะจัดการเอง”

“ไม่หรอก ฉันเปลี่ยนใจแล้ว แล้ว”

 คาเสะเคลื่อนร่างมาอยู่ตรงหน้าไบรท์ ก่อนที่จะกล่าว “ฉันจะทำพันธะสัญญากับนาย”

 

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.