ตอนที่ 37 เทพทั้ง 4 แห่งเทียนเฉิน

สวรรค์มวลดาว (Heavenly Star)

-A A +A

ตอนที่ 37 เทพทั้ง 4 แห่งเทียนเฉิน

หมวดหนังสือ: 

ตอนที่ 37 เทพทั้ง 4 แห่งเทียนเฉิน

 

เย่หวูเฉินโบกมือ “พวกเจ้าออกไปได้ เพียงเท่านี้ข้าก็พอแล้ว.... อ้อ ช้าก่อน ข้ามีเรื่องจะถามสักสองสามข้อ” เย่หวูเฉินฉุกคิดบางสิ่งได้จึงเรียกพวกเขา

 

“นายน้อย ท่านจะถามว่า?”

 

“จักรพรรดิคนปัจจุบันชื่ออะไร?”

 

“เรื่องนี้.....” สองพี่น้องมองหน้ากันแล้วยืนขึ้นพูดตะกุกตะกัก “นายน้อย นามของจักรพรรดิเป็นเรื่องต้องห้าม พวกเรา....”

 

“ข้าแค่ถามให้พวกเจ้าบอกชื่อ ไม่มีคนนอกใดๆได้ยินทั้งนั้น” เย่หวูเฉินเริ่มรำคาญ

 

“ทราบแล้ว ชื่อจริงขององค์จักรพรรดิคือ.... หลงหยิน”

 

 “แล้วจักรพรรดิคนก่อนละ?”

 

“หลงเจิ้ง”

 

“โอ้?” เขาแอบคิดในใจ กลายเป็นว่าปู่หลงมีชื่อจริงว่าหลงเจิ้ง เขาเป็นผู้หนึ่งที่โดนดูถูก เขายังไม่ทันย่างเข้าสู่วัยกลางคน แต่กลับประกาศยกตำแหน่งจักรพรรดิให้กับบุตรชาย เขาไม่ต้องการเกียรติยศและความมั่งคั่ง และเขาใช้ชีวิตอย่างสันโดษในทางตอนเหนือ และถอนตัวเองออกจากเรื่องราวต่างๆทางโลก เขาจึงเป็นอิสระจากวังวนของการแย่งชิงอำนาจ

 

แม้ว่าเย่หวูเฉินจะยังไม่เคยพบหลงหยินมาก่อน บางทีเขาอาจคู่ควรขึ้นเป็นจักรพรรดิ และเขาคงมีความสามารถอยู่บ้าง แต่หลงเจิ้งหยาง แม้ว่าหลังจากเพาะบ่มจิตใจถึง 5 ปี เขาก็ยังคงเหลือสิ่งติดค้างอยู่ในใจ แม้ว่าเขาจะเรียกเย่หวูเฉินเป็นน้องชายอย่างจริงใจ แต่ถ้าหากเขากลายเป็นจักรพรรดิแล้วหลังจากนั้น....

 

เย่หวูเฉินเป็นบุคคลที่มีพรสวรรค์น่าหวาดหวั่น ในช่วงชีวิตก่อน เขาได้สร้างความสำเร็จที่น่าหวั่นสะพรึงไว้ถึง 4 ศาสตร์ เขาร่ายบทกวีและขับขานบทเพลงได้ก่อนอายุ 7 ขวบ เขายังเชี่ยวชาญในประวัติศาสตร์ทั้งยุคโบราณและยุคปัจจุบัน กล่าวโดยสรุป ไม่มีจักรพรรดิคนใดที่สามารถเป็นสหายหรือพี่น้องกับบุคคลอื่นได้ ซึ่งเป็นธรรมดาของโลก ไม่เช่นนั้น พวกเขาจะต้องพบกับจุดจบอีกแบบ กระทั่งในหนังสืออ่านเล่น ที่เซียนหลงและเว่ยเสี่ยวเป๋าเป็นพี่น้องผู้จริงใจต่อกัน แต่ในท้ายที่สุด เซียนหลงกลับสังหารเว่ยเสี่ยวเป๋า ถึงแม้ว่าเว่ยเสี่ยวเป๋าจะใช้อุบายหนีรอดมาได้ก็ตาม

 

“งั้นข้าจะถามเจ้าอีกครั้ง ในเมื่อราชตระกูลของเทียนหลงใช้คำว่า ‘หลง’ เป็นแซ่ หรือจะหมายความว่าในเมืองเทียนหลงของพวกเรามีมังกรอยู่จริงๆ?” เย่หวูเฉินถาม

 

สองพี่น้อง เย่ซีและเย่บา ดวงตาเบิกโพลง ด้วยคำถามดั่งสายฟ้าฟาดที่เย่หวูเฉินถามออกมาไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย มีข่าวลือว่านายน้อยสูญเสียความทรงจำ แต่ส่วนที่เสียไปนั้นช่างมากเหลือเกิน

 

“โอ้? มีใครเคยเห็นมันบ้างหรือยัง?”

 

เย่ซีส่ายศีรษะ “ไม่มีผู้ใดเคยเห็นมันมาก่อน แต่มีตำนานที่เล่าขานสืบต่อกันมายาวนานกล่าวไว้ว่า ภูเขาไฟเทียนเม่ยซึ่งเป็นสถานที่กล่าวกันว่าร้อนระอุที่สุดในทวีปเทียนเฉิน ผู้คนธรรมดาไม่อาจเฉียดใกล้ ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงการเข้าไป มียอดฝีมือมากมายเชื่อว่าพวกเขาจะสามารถเอื้อมเก็บเกี่ยวผลมังกรเพลิงฟ้าที่อยู่ใจกลางภูเขาไฟและออกมาได้โดยยังมีชีวิต แต่สุดท้ายพวกเขาทั้งหมดก็ตกตายอยู่ข้างใน”

 

“สถานที่ร้อนที่สุด.... พลังแห่งธาตุไฟย่อมเหนือล้ำอย่างยิ่งยวด” เย่หวูเฉินกระซิบกับตนเอง เขาพลันถามคำถามอื่นต่อ “สถานที่ใดในทวีปเทียนเฉินที่มีจิตปราณหนาแน่นที่สุด?”

 

“จิตปราณหนาแน่นที่สุด?” เย่ซีและเย่บา สีหน้ากลวงเปล่า

 

“งั้นเอาแบบนี้ สถานที่ใดในทวีปเทียนเฉินที่น่ากลัวที่สุด อย่างเช่น สถานที่แบบเดียวกับภูเขาไฟเทียนเม่ย”

 

“สถานที่ที่น่ากลัวที่สุด....” เย่ซีเกาศีรษะ เขาคิดไปพลางกล่าว “ข้าไม่ค่อยรู้จักมากนัก แต่ข้าได้ยินว่าที่ทิศเหนือของทวีปเทียนเฉิน ตอนเหนือของอาณาจักรชางหลานนั้นหนาวเหน็บสุดขั้ว นอกจากนั้นยังมีสัตว์อสูรน้ำแข็งดุร้ายกระจายอยู่ทั่วดินแดน บุคคลธรรมดาย่อมไม่มีทางกล้าเข้าไป ที่แห่งนั้นยังเป็นที่อยู่อาศัยของเสวี่ยหนี่ในตำนาน คนที่อาศัยอยู่ที่นั่นต่างเรียกนางว่าแพทย์เทวะเสวี่ยหนี่ ซึ่งเป็นเหตุผลที่ผู้คนมากมายที่ต้องการการรักษา ต่างมุ่งหน้าไปยังสถานที่แห่งนั้น แต่พวกเขาทั้งหมดล้วนต้องแข็งตาย

 

 “อาณาจักรต้าฟงกล่าวกันว่ามีหน้าผามหึมาทอดยาวหลายสิบลี้ที่เรียกกันว่า ‘หุบเหวปลิดวิญญาณ’ ว่ากันว่าก้นหุบเหวนั้นไม่ปรากฎ ครั้งหนึ่งอาณาจักรต้าฟงลองพยายามหยั่งความลึกของมัน แต่ไม่ว่าพวกเขาจะใช้วิธีการใดก็ไม่อาจหยั่งถึงก้นหุบเหวได้ มีบางคนใช้เชือกโรยตัวลงไป แต่พวกเขากลับหายตัวไปกลางทาง เมื่อดึงเชือกขึ้นมา ที่ปลายเชือกย่อมว่างเปล่าโดยไม่มีข้อยกเว้น”

 

“ทางตอนใต้ของอาณาจักรคุยชุยมีสถานที่หนึ่งซึ่งผู้คนจะต้องตายหากก้าวเข้าไป ‘ดินแดนสาบสูญ’ ในอดีต อาณาจักรคุยชุยได้ส่งยอดฝีมือชั้นฟ้าให้เข้าไปในนั้น แต่เขาไม่เคยกลับออกมาอีกเลย ตำนานกล่าวไว้ว่ามีสัตว์อสูรโบราณที่ดุร้ายจำนวนมากอยู่ข้างใน”

 

“ทั้งหมดนี้ต่างเป็นสถานที่สุดสยดสยอง แต่ว่า” เย่บาหายใจติดขัด “หากกล่าวถึงสถานที่น่าสะพรึงกลัวที่สุด ย่อมไม่อาจมีที่ใดเทียบได้กับ ‘หอคอยปีศาจ’ แห่งอาณาจักรเทียนหลงของพวกเรา!”

 

หลังจากกล่าวถึงหอคอยปีศาจ เย่ซีเองก็พยักหน้าและแสดงสีหน้าหวาดกลัวออกมา “หอคอยปีศาจอยู่ห่างออกไปเพียงไม่กี่ลี้ทางตะวันตกของเมืองเทียนหลง อยู่ในป่าดำผืนเล็ก แต่เดิมเมืองเทียนหลงใช้เป็นสถานที่คุมขังอาชญากรที่แข็งแกร่งจำนวนหนึ่ง แต่หลังจากเมื่อ 20 ปีก่อน ยอดฝีมือขอบเขตเทวะทั้ง 4 แห่งทวีปเทียนเฉินได้จับกุมตัวสตรีเทพพิโรธ และผนึกนางเอาไว้ในหอคอยปีศาจ นับแต่นั้นมา สถานที่แห่งนั้นจึงกลายเป็นสถานที่น่ากลัวที่สุดในบรรดาสถานที่น่ากลัวทั้งหมด....  มีอยู่วันหนึ่ง ยามคุ้มกันที่ทำหน้าที่ปกป้องหอคอยจู่ๆก็มีเลือดไหลออกมาทั่วร่าง ขณะที่เลือดของเขาหลั่งไหลออกมา เขาพูดว่า ‘‘พวกเขา’ ตายหมดแล้ว.... พวกเขาตายหมดแล้ว....’ จากนั้นร่างของเขาก็พลันระเบิดออก... หลังจากนั้น ไม่ว่าผู้ใดที่เข้าไปยังสถานที่แห่งนี้ ถ้าเขาไม่กลับออกมาอีกเลย ก็กลายเป็นเขาออกมาแล้วไล่กัดทุกคนที่พบเห็น และเขาก็จะตายหลังจากนั้นเพียงไม่นาน ทุกวันนี้ทุกคนในทวีปเทียนเฉินต่างรู้จักสถานที่ต้องห้ามแห่งนี้ หากจำเป็นต้องผ่านทาง คนทั่วไปยอมอ้อมไกลขึ้นดีกว่าผ่านเข้าไปในป่าดำ”

 

“ผู้หญิงในวันนั้นน่ากลัวมากขนาดนั้นจริงๆหรือ? หน้าตาของนางดูเป็นเช่นไร?” เย่หวูเฉินถามอย่างสนอกสนใจ

 

“ข้าไม่ทราบ เพราะว่านอกจากเทพทั้ง 4 แล้ว ทุกคนที่เคยรู้ว่านางหน้าตาเป็นเช่นไรต่างก็ตายไปหมดแล้ว” เย่ซีคอตกตอบไป

 

นี่นับเป็นครั้งที่สองที่เย่หวูเฉินได้ยินชื่อ ‘สตรีเทพพิโรธ’ ครั้งแรกที่ได้ยินคือตอนที่ฉู่จิงเทียนเล่าให้เขาฟัง ข้อมูลสองแหล่งที่เขาได้มาไม่แตกต่างกัน แต่กลับทำให้เขายิ่งเพิ่มความสนใจในตัว ‘สตรีเทพพิโรธ’ ผู้ที่ทุกคนต่างหวาดกลัว

 

“เอาละ งั้นตอนนี้เล่าให้ข้าฟังว่ายอดฝีมือขอบเขตเทวะทั้ง 4 คนมีใครบ้าง?” เย่หวูเฉินยกถ้วยชาของเขาขึ้นป้อนให้หนิงเสวี่ย

 

“เรื่องนี้.... ยอดฝีมือขอบเขตเทวะทั้ง 4 คน หนึ่งมาจากอาณาจักรเทียนหลงของพวกเรา เทพกระบี่ ‘ฉู่ชางหมิง’ ตำนานกล่าวไว้ว่าในช่วงเวลาที่อาณาจักรเทียนหลงเกิดวิกฤติ เทพกระบี่ได้จับกระบี่ชางหมิงไว้ในมือ เขาก้าวออกไปเบื้องหน้าแล้วฟาดรังสีกระบี่เข้าปกคลุม พลังของหนึ่งบุรุษกลับทำให้กองทัพนับแสนล่าถอยในทันที จนถึงทุกวันนี้ อาณาจักรต้าฟงไม่กล้าระรานอาณาจักรเทียนหลงของพวกเราอีกเลย เทพกระบี่คือตัวตนในตำนานที่ไม่อาจลบเลือนไปจากอาณาจักรเทียนหลงของพวกเราได้ อีกคนหนึ่งคือ ‘เทพสงคราม’ แห่งอาณาจักรต้าฟง ‘ฟงเฉาหยาง’ เขาเป็นผู้เดียวจากทั้งสี่ที่จะมอบชีวิตให้กับอาณาจักร เพราะเขาได้สัญญาไว้ว่าจะปกป้องราชวงศ์ของอาณาจักรต้าฟงไปตลอดชีวิต หลังจากนั้นไม่ปรากฎนับลอบสังหารในราชวังอีกเลย หากแต่อาณาจักรต้าฟงเสียใจอยู่เพียงสิ่งเดียว นั่นคือเขาเพียงปกป้อง แต่ไม่รับคำสั่ง และเขาไม่เข้าร่วมสงครามใดๆ”

 

“อีกคนหนึ่งคือ ‘เสวี่ยหนี่’ จากตำหนักสตรีหิมะแห่งอาณาจักรชางหลาน ไม่เพียงนางจะเป็นแพทย์เทวะอันดับหนึ่ง นางยังมีระดับพลังขอบเขตเทวะที่น่าหวาดหวั่น มีข่าวลือว่า เพียงแค่นางโบกมือก็สามารถแช่แข็งศัตรูจำนวนมากได้อย่างง่ายดาย ส่วนคนสุดท้ายมาจากอาณาจักรคุยชุย เขามีชื่อว่า ‘หวู่เชียวชุย’ แต่ว่ามีเรื่องราวเกี่ยวกับเขาน้อยมาก เขามักจะท่องไปไร้ร่องรอยราวกับเป็นวิญญาณ ไม่เคยมีผู้ใดเคยเห็นว่าเขามีหน้าตาเช่นไร”

 

“โดยปกติ ยอดฝีมือชั้นเทวะทั้ง 4 จะไม่ติดต่อกัน แต่เนื่องจากความน่าหวาดกลัวถึงขีดสุดของสตรีเทพพิโรธ ทั้ง 4 คนจึงต้องร่วมมือกัน พวกเขาจับกุมนางได้หลังจากต่อสู้กันตลอดทั้งคืน และใช้โซ่ปีศาจผนึกนางเอาไว้.... โอ้ นายน้อย โซ่ปีศาจมาจากสำนักจักรพรรดิใต้ ว่ากันว่าเป็นวัตถุโบราณสามารถผนึกมัดได้ทุกสิ่ง มีเพียงกระบี่จักรพรรดิใต้เท่านั้นจึงจะสามารถตัดมันได้”

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.