ตอนที่ 24 คร่ากุมตัวองค์หญิง (2)

สวรรค์มวลดาว (Heavenly Star)

-A A +A

ตอนที่ 24 คร่ากุมตัวองค์หญิง (2)

หมวดหนังสือ: 

ตอนที่ 24 คร่ากุมตัวองค์หญิง (2)

 

“ปล่อยองค์หญิงซะ!!”

 

“เจ้ากำลังทำอะไร รู้รึปล่าวว่าจับตัวใครอยู่!”

 

“ปล่อยตัวองค์หญิงเดี๋ยวนี้ หรือว่าเจ้าคิดจะก่อกบฎ?”

 

ฝูงชนต่างแตกตื่น บางคนก็เริ่มถอยออกไปโดยไม่รู้ตัวเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา ตอนแรกไม่มีใครคาดคิดว่าจะได้เห็นองค์หญิงในตำนาน ต่อมาพวกเขากลับได้แต่มององค์หญิงถูกจับตัว ผู้คนต่างมองไปที่เย่หวูเฉิน แววตาเต็มไปด้วยความสมเพช ถึงกับกล้าพาดกระบี่ไว้ที่คอขององค์หญิง ชีวิตของมันผู้นี้จบสิ้นลงแล้ว

 

ข้างบนเกี้ยวหงส์ แขนข้างหนึ่งของเย่หวูเฉินกอดหนิงเสวี่ย อีกข้างหนึ่งโอบลำคอองค์หญิงและถือกระบี่จ่อไว้ องค์หญิงน้อยผู้น่าสงสารไม่กล้าขยับเขยื้อน น้ำตานางไหลราวหยดน้ำค้างร่วงลงบนดอกบัว มองดูแล้วน่าสงสารจับใจ นางกัดริมฝีปากเล็กๆ ปลายจมูกสั่นเล็กน้อย เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ถูกบุรุษถือกระบี่พาดลำคอ

 

ภายใต้การป้องกันของราชองครักษ์ องค์หญิงกลับถูกชายหนุ่มถือกระบี่จับตัว เหงื่อเย็นเยียบผุดร่วงบนหน้าผากของหวู่ชาง ไม่ว่าองค์หญิงจะถูกช่วยเหลืออย่างปลอดภัยหรือไม่ ความบกพร่องในหน้าที่ของเขาย่อมไม่อาจหลีกเลี่ยง และหากเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นกับองค์หญิง แม้องค์จักรพรรดิจะอภัยโทษให้ แต่เขาก็ยังสมควรต้องปลิดชีพตนเองเพื่อชดใช้ความผิด

 

ก่อนหน้านี้เขาได้ใช้ปราณตรวจสอบบริเวณรอบๆ และไม่พบผู้ใดมีพลังปราณมากพอจะเป็นอันตรายคุกคาม เขายังพบว่าเย่หวูเฉินแทบไม่ต่างจากคนธรรมดา นั่นทำให้เขากล้าเดินออกห่างจากองค์หญิงถึง 5 ก้าว ระหว่างที่กำลังจัดการเรื่องตรงหน้า เขาก็ยังคงระแวดระวังอยู่ตลอดเวลา แต่เพียงชั่วขณะที่เขาชะงักงัน เย่หวูเฉินกลับพุ่งผ่านตัวเขาไปอย่างง่ายดาย ด้วยความเร็วเหนือล้ำเขากระทั่งสามารถชิงกระบี่จากเอวของหนึ่งในองครักษ์ และถือมันจ่อคอองค์หญิง

 

หวู่ชางสีหน้าห่อเหี่ยว เขากระซิบ “เคล็ดเลี่ยงสายลม ไม่คิดว่าเจ้าจะเป็นนักเวทย์ธาตุลมที่หาได้ยากยิ่ง”

 

เป็นความจริงที่เย่หวูเฉินใช้เพียงเวทย์ลมระดับต่ำ ‘เคล็ดเลี่ยงสายลม’ ซึ่งสามารถใช้เพิ่มความเร็วของบุคคลได้ในระยะเวลาสั้นๆ

 

“นักเวทย์ธาตุลม?”

 

ผู้คนพูดคุยกันอย่างตื่นเต้นอีกครั้ง บางคนกระทั่งเผยสีหน้าอิจฉา นักเวทย์นั้นหาได้ยากและเป็นที่ยอมรับนับถืออย่างมาก เพียงเฉพาะผู้ที่มีพรสวรรค์และมีพลังเวทย์ในร่างเท่านั้นจึงจะสามารถฝึกฝนได้ ซึ่งทำให้นักเวทย์มีน้อยยิ่ง หากนักเวทย์และนักรบที่มีระดับเดียวกันต่อสู้กัน จะเป็นเรื่องยากมากที่จะบอกว่าใครแข็งแกร่งกว่า แต่หากพวกเขาเข้าสู้ในสนามรบ พลังของนักเวทย์จะแกร่งกล้าพอที่จะเผชิญหน้ากับนักรบระดับเดียวกันหลายสิบหรือกระทั่งหลายร้อยคน เนื่องจากนักเวทย์ที่ทรงพลังจะมีระยะโจมตีไกลจนน่ากลัว และรวมถึงเวทย์ทำลายล้าง อีกทั้งด้วยความที่เวทย์มีความพิเศษเฉพาะของธาตุธรรมชาติ ทำให้พวกเขากลายเป็นจ้าวสมรภูมิในหลากหลายพื้นที่สนามรบ ดังนั้นผู้ที่สามารถฝึกพลังเวทย์ได้มักจะถูกอาณาจักรประเมินค่าไว้สูงมาก พวกเขาจะถูกส่งตัวไปยังสมาคมนักเวทย์ของอาณาจักร และพวกเขาไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับอาหารการกินหรือเสื้อผ้าอีกเลยตลอดชีวิต

 

ซ่อนตัวอยู่ในฝูงชนอย่างเงียบๆ หลงเจิ้งหยางผ่อนคลายได้อย่างยากลำบาก เพราะถ้าหากเขาปรากฎตัวออกไปในขณะนี้ ก็จะยิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงไปอีก และพวกผู้คนที่มุงดูอยู่ก็จะเห็นราชตระกูลกลายเป็นตัวตลก เขาเชื่อว่าเย่หวูเฉินไม่ได้มีความตั้งใจที่จะทำร้ายน้องสาวของเขาจริงๆ และเขาทำได้อย่างมากเพียงสื่อสารด้วยสายตา ยามเห็นหวู่ชางชะงักไปเมื่อครู่ก่อน... ท่านปู่บอกว่าเขาเป็นทายาทของเทพกระบี่ไม่ใช่หรือ? หรือว่าเขาคือบุคคลที่ราชวงศ์เทิดทูน ผู้บ่มเพาะสองพลัง วิชายุทธ และ เวทย์มนต์?

 

ขณะที่คำพูดต่อมาของเย่หวูเฉิน  ได้ทำให้พวกเขาต้องสะดุ้งสุดตัวด้วยความตกตะลึง

 

“คุกเข่าลง แล้วตบหน้าตัวเอง 3 ครั้ง” เย่หวูเฉินไม่ตอบคำหวู่ชาง เขากลับสั่งพวกเขาแทน น้ำเสียงเขาเย็นยะเยียบและเชือดเฉือน ปราศจากวี่แววว่าเขากำลังล้อเล่นอยู่

 

หลงเจิ้งหยางพยายามอย่างหมดท่าติดต่อเขาด้วยสายตา.... น้องเย่ เจ้าเป็นน้องชายข้า! แม้ว่าเจ้าจะเป็นทายาทของเทพกระบี่ แต่เจ้าสมควรจะมาล้อผู้อื่นเล่นไปทั่วเช่นนี้หรือ? เจ้าคร่ากุมน้องสาวข้า และข้ายังสามารถยับยั้งตัวเองได้ หากว่าเจ้าเพียงแค่ล้อเล่น...

 

ไม่มีผู้ใดเห็นว่า ขณะที่เย่หวูเฉินปรากฎตัวบนเกี้ยวหงส์ มีสองบุคคลในฝูงชนมองหน้ากันละกัน บริวารผู้หนึ่งมีสีหน้าราวกับเห็นผียามกลางวัน และเขารีบมุ่งหน้าไปยังทิศทางบ้านตระกูลเย่

 

หลังจากพูดถ้อยคำสั้นๆ ใบหน้าของหวู่ชางยิ่งมืดคล้ำลงไปอีก ราชองครักษ์แต่ละคนมีสีหน้าทะมึนขณะมองไปยังเย่หวูเฉิน พวกเขาล้อมรอบเย่หวูเฉินไว้ แต่ไม่มีใครกล้าขยับเข้าไปแม้เพียงก้าวเดียว

 

หวูชางก้าวไปข้างหน้าและชี้ปลายกระบี่สีทองไปที่เย่หวูเฉิน เขาตะโกนเสียงเย็นชา “ปล่อยองค์หญิงซะ ข้ายังสามารถปล่อยให้เจ้าและน้องสาวจากไปอย่างปลอดภัย แต่หากเจ้ากล้าแตะต้องแม้เส้นผมของนาง เจ้าจะต้องถูกประหาร 9 ชั่วโคตร"

 

เย่หนิงเสวี่ยยังคงอยู่อ้อมแขนของเย่หวูเฉิน ใบหน้าของนางยังคงหวาดกลัวเหมือนเช่นเดิม แต่นางไม่เอ่ยอะไรแม้คำเดียว เพราะนางกลัวว่าอาจจะไปรบกวนพี่ชายนาง

 

“โอ้? ดูเหมือนว่าเจ้าจะยังไม่ได้ยินสิ่งที่ข้าพูด ดังนั้นข้าจะพูดมันอีกครั้ง คุกเข่าลงแล้วตบหน้าตัวเอง 3 ครั้ง! เจ้าควรจะขอบคุณข้า หากเมื่อครู่เจ้าพยายามจะฆ่าน้องสาวข้าละก็ ข้าจะสั่งให้เจ้าตัดมือและเท้า! เอาละ... ข้าให้เวลาเจ้า 3 อึดใจ!”

 

“หนึ่ง!”

 

“คร่ากุมองค์หญิง ข่มขู่หัวหน้าราชองครักษ์ แต่ละอย่างล้วนเป็นการต่อต้านราชวงศ์ แต่หากเจ้าไปซะตอนนี้ข้าจะยังเหลือโอกาสไว้ให้เจ้า!”

 

“สอง!”

 

หวู่ชางก้าวไปข้างหน้าอีกหนึ่งก้าว เขาไม่เชื่อว่าบุรุษผู้นี้จะกล้าลงมือจริงๆ

 

“สาม!”

 

!

 

“!!”

 

มีเสียงบางเบาตามมาด้วยเสียงแหกปากร้องไห้ของเด็กหญิง กระบี่ยาวของราชองครักษ์แตะที่คอองค์หญิงแล้วกรีดเป็นรอยตัดยาว โลหิตค่อยๆซึมไหลออกมา องค์หญิงน้อยที่น่าสงสารถูกตามใจมาตั้งแต่เด็ก นางไม่เคยถูกรังแกหรือสยบต่อใคร ไม่ต้องกล่าวถึงยามถูกกระบี่บาดลำคอ ภายใต้ความเจ็บปวด นางร้องไห้จิตใจแทบสลาย พร้อมร่ำกล่าวแทบขาดใจ “ท่านลุงหวู่... ได้โปรดช่วยข้าด้วย... ฮือฮือ.... มันเจ็บมากจริงๆ...”

 

สีหน้าของเย่หวูเฉินไม่เปลี่ยนแม้แต่น้อย ราวกับเขากำลังทำเรื่องปกติธรรมดาอยู่ เขาขยับมือขวา ใช้มืออีกข้างจับกระบี่ แล้วใช้ฝ่ามือปิดบาดแผลที่เขาเพิ่งกรีด ไม่คาดคิดว่าเขากลับดูคล้ายกลัวที่จะเห็นนางเจ็บ

 

“พลั่ก!” หวู่ชางคุกเข่าลงบนพื้นอย่างรุนแรง จากนั้นตบหน้าตนเองอย่างรุนแรง 3 ครั้ง ทุกครั้งใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี เสียงตบหน้า 3 ทีทำให้ผู้คนที่เงียบอยู่ส่งเสียงอื้ออึงขึ้นมาทันใด แต่ละคนต่างมีสีหน้าไม่เชื่อสายตา

 

“ปล่อยองค์หญิงเถอะ!” หวู่ชางกล่าวพร้อมก้มศีรษะต่ำ ร่างของเขาสั่นสะท้าน หมัดของเขากำไว้แน่น ปลายเล็บแทบจะจิกเข้าไปในอุ้งมือ

 

พวกราชองครักษ์รีบเข้ามาพยุงเขาลุกขึ้น แต่ละคนดวงตาแทบถลนออกมา พวกมันปรารถนาให้หัวหน้าตนสับเย่หวูเฉินเป็นชิ้นๆ หวู่ชางเป็นหัวหน้าของพวกเขา ยิ่งกว่านั้นยังเป็นเป้าหมายและความภาคภูมิ แต่เวลานี้ เกียรติของพวกเขาถูกเหยียบย่ำ แล้วพวกเขาจะทนอยู่ได้อย่างไร?

 

“พอแล้ว” หลงเจิ้งหยางในที่สุดก็ยืนขึ้น สีหน้าเขาแสดงความไม่อยากเชื่อ นี่คือเย่หวูเฉินที่สุภาพและเงียบสงบจริงหรือ? ทำไมเขาถึงบ้าบิ่นได้ถึงเพียงนี้? เขาไม่รู้ตัวหรือว่ากำลังทำอะไรอยู่? ไม่รู้จริงๆหรือว่านักรบอาจยอมรับความผิดพลาด แต่ไม่อาจยอมรับความอัปยศอดสู!

 

“ฝะ ฝ่าบาท.... องค์ชายรัชทายาท!” ราชองครักษ์ตะโกนขึ้นมาในเวลาเดียวกัน จากนั้นรีบคุกเข่าลง ผู้คนต่างคุกเข่าลงตามกันทีละคนๆเป็นลูกโซ่ ทั่วทั้งท้องถนนต่างตื่นกลัว พวกเขาสามารถแสดงความไม่เคารพต่อองค์หญิงได้ แต่พวกเขาไม่อาจกระทำต่อหน้าองค์รัชทายาท เพราะเขาคือว่าที่องค์จักรพรรดิ!

 

หลงเจิ้งหยางโบกมือหยุดเสียงตะโกนของพวกเขา และถอนหายใจหนักหน่วง “ปล่อยน้องสาวของข้าเถอะ”

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.