ตอนที่ 15 ไข่อสูรสวรรค์

สวรรค์มวลดาว (Heavenly Star)

-A A +A

ตอนที่ 15 ไข่อสูรสวรรค์

หมวดหนังสือ: 

ตอนที่ 15 ไข่อสูรสวรรค์

 

นกสีขาวขนาดใหญ่กระพือปีก ตลอดลำตัวของมันยาว 5 เมตร ขนสีขาวที่ปกคลุมร่างตั้งชูชัน ปุยขนดุจเพลิงสีขาวย้อมอาบแสงจันทร์ กรงเล็บแหลมคมดั่งตะขอสะท้อนแสงเย็นเยียบ มันจ้องมองไปที่นางและร้องคำรามเตือนอย่างโกรธเคือง

 

เย่หนิงเสวี่ยตัวสั่นขณะมองมันอย่างหวาดกลัว นางกอดไข่ขาวก้าวขาถอยหลัง และไม่คิดวางมันลง

 

นกเทียนเล่ยยิ่งกู่ร้องเสียงคมกล้า นิสัยมันนั้นอ่อนโยนและไม่เคยโจมตีมนุษย์คนใด กระทั่งยามที่มันถูกกระตุ้นโทสะเพราะมนุษย์ตัวน้อย มันก็ยังคงส่งเสียงเตือนถึงสามครั้ง หากแต่เมื่อเตือนไปแล้วสามหน เย่หนิงเสวี่ยกลับยิ่งกอดไข่เอาไว้แน่น ทำให้มันใกล้จะสูญสิ้นความอดทน

 

“ได้โปรด... มอบไข่ใบนี้ให้ข้าเถอะ พี่ชายของข้าต้องใช้มัน ข้าไม่อาจสูญเสียพี่ชายของข้าได้” เย่หนิงเสวี่ยอ้อนวอนขณะที่นางก้าวถอยหลัง นางยังคงยืนกรานแม้ว่าจะหวาดกลัว

 

“ข้าชื่อเย่หนิงเสวี่ย...ข้าสัญญาว่าจะมาหาเจ้าบ่อยๆและมาเล่นกับเจ้า...ข้าจะนำอาหารอร่อยๆมาให้เจ้าด้วย... เจ้าได้โปรดมอบมันให้ข้าเถิดนะ... ข้าต้องการมันจริงๆ”

 

“ข้ารู้ว่านี่คือลูกของเจ้า... ข้ารู้ว่าข้าเห็นแก่ตัว แต่ข้าไม่อาจสูญเสียพี่ชายข้าได้ เจ้าจะกรุณา มอบมันให้ข้าได้ไหม ได้โปรด...”

 

อสูรสวรรค์นั้นเป็นสัตว์ที่ฉลาดมาก แต่หากพูดกันตามตรง มันไม่อาจเข้าใจภาษามนุษย์ได้ หรือแม้มันสามารถฟังเข้าใจ จะเป็นไปได้อย่างไรที่มันจะมอบลูกน้อยของมันให้กับมนุษย์?

 

สุดท้าย พอผ่านการเตือนถึงห้าครั้ง ความอดทนมันก็หมดลง มันกู่ร้องเสียงคมกล้า พุ่งลงจากฟากฟ้ากางกรงเล็บแหลมคมส่งประกายเย็นเยียบ หนึ่งกรงเล็บเล็งที่ใบหน้าเย่หนิงเสวี่ย อีกกรงเล็บหนึ่งเล็งคว้าไข่ในอ้อมแขนนาง

 

เย่หนิงเสวี่ยร้องอย่างหวาดกลัวพร้อมกับหลับตา ขณะที่มือทั้งสองกอดกุมไข่เอาไว้แน่นหนาไม่รู้ตัว นกเทียนเล่ยพุ่งมาถึงนางในฉับพลัน เพียงพลังกดดันของมันก็แทบจะฉีกร่างของนางได้ เย่หนิงเสวี่ยตะโกนอย่าสิ้นหวัง “ไม่...ข้าต้องช่วยพี่ชาย ข้าจะไม่ยอมให้เขาไปจากข้า...”

 

กรงเล็บแหลมคมของนกเทียนเล่ยตวัดวาดตัดอากาศเข้าที่หน้าเย่หนิงเสวี่ย หากกลับหยุดลงก่อนที่จะแตะสัมผัสรอยแผลเป็นของนาง ในชั่วขณะถัดมา ร่างของเย่หนิงเสวี่ยก็เปล่งแสงสีขาวพร่างพราว รอยแผลเป็นของนางจางหายไปในแสงสีขาว  กลับปรากฎดวงหน้างดงามตระการตาน่าเหลือเชื่อ ทั้งดวงตาที่ปิดอยู่ , ขนตา , จมูก ,ริมฝีปาก ตลอดจนผิวพรรณที่ปราณีตละเอียดอ่อนยิ่งกว่าหิมะ ทุกอย่างล้วนไร้ตำหนิ บางทีคำว่าสมบูรณ์แบบอาจไม่เพียงพอใช้กับความงามของนาง องคาพยพน้อยใหญ่ของสาวน้อยวัย 10 ขวบ กลับเปล่งความงามกระชากลมหายใจราวกับเทพยดาแต่งเสริมเติมให้ด้วยความทุ่มเท แม้ว่ารอยแผลเป็นเล็กๆน้อยๆจะเป็นดั่งหนาม หากแต่ไม่อาจทำลายความงามที่สมบูรณ์  ในทางตรงกันข้าม กลับทำให้ผู้คนหลงใหลในตัวนาง

 

บางทีพระเจ้าอาจอิจฉารูปโฉมของนาง ท่านจึงได้ทำลายความงามนางด้วยสองรอยแผลเป็น แต่ตอนนี้ท่านได้เมตตานำมันกลับคืนแล้ว

 

ชั่วขณะที่รอยแผลเป็นเลือนหายไป แสงสีขาวสว่างออกครอบคลุมทั่วยอดเขา เสียงนกร้องโหยหวนทลายม่านความเงียบงัน เสียงดังจนผู้คนในเมืองเทียนเล่ยที่อยู่ห่างออกไป 10 ลี้ยังได้ยินชัดเจน จนกระทั่งหลายคนตื่นขึ้นมา

 

อสูรสวรรค์ สัตว์ผู้ทรงพลังกระทั่งเหล่ามนุษย์และพวกสัตว์ต่างหวาดกลัว เป็นรองเพียงหนึ่งช่วงชั้นจากขอบเขตเทวะ หากยามนี้กลับกำลังถูกแสงสีขาวกลืนกินทีละน้อย เพียงไม่กี่อึดใจ ร่างใหญ่โตของมันก็ถูกกัดกินและกลายเป็นเถ้าธุลีปลิวไปกับสายลมโดยไม่หลงเหลือสิ่งใด เมื่อแสงสีขาวจางหายไป เย่หนิงเสวี่ยทรุดล้มลงบนพื้น นางหมดสติไปพร้อมดวงตาที่ยังปิดอยู่ ในอ้อมแขนยังคงกอดไข่ไว้แน่น อย่างไรก็ตาม สองรอยแผลเป็นนั้นได้กลับมาปรากฎบนใบหน้าของนางอีกครั้ง จากรอยเลือนลางค่อยชัดเจนขึ้น จนกลับเป็นเหมือนเช่นที่มันเคยเป็น

 

“ท่านพี่...”

 

เย่หนิงเสวี่ยพึมพำด้วยตัวสั่นเทา แม้ว่าจะยังหลับอยู่ แต่ด้วยจิตใต้สำนึกจึงทำให้นางกอดกระชับไข่เอาไว้แน่น ด้วยเกรงว่าสิ่งที่ช่วยพี่ชายนางได้จะหายไป

 

ก่อนรุ่งสาง เมื่อรุ่งอรุณใกล้มาถึง เย่หนิงเสวี่ยตื่นขึ้นมาในที่สุด ร่างนางชุ่มไปด้วยน้ำค้าง สิ่งแรกที่นางทำคือกอดไข่ใบล้ำค่ายิ่งกว่าชีวิตไว้แน่น จากนั้นนางผ่อนคลายลงเล็กน้อยแล้วมองไปรอบๆอย่างกังวล หากแต่พบว่านกยักษ์สีขาวตัวนั้นไม่อยู่ที่นี่ นางสับสนอยู่ครู่หนึ่งและจำได้เพียงว่ามันพุ่งเข้ามาหานาง...ถัดจากนั้นนางก็หมดสติลง...

 

นางหยุดนึกถึงมันและไม่กล้าเสียเวลาอยู่ที่นี่ นางลุกขึ้นยืนและวิ่งอย่างเต็มกำลังลงจากเขา เพราะนางรู้ดีว่ายิ่งรั้งอยู่นาน พี่ชายนางยิ่งตกอยู่ในอันตราย

 

ยามเช้าแสงสว่างกระจายทั่วฟ้า ปู่หลงยืดบิดกายและก้าวออกมาจากห้อง จากนั้นกล่าวกับหลงเจิ้งหยางที่อยู่ข้างหลัง “หยางเอ๋อร์ เจ้าค่อยไปหลังจากทานมื้อเช้าก่อนก็ได้ อย่าลืมแต่งเนื้อแต่งตัวให้สมกับฐานะของเจ้าด้วย”

 

“ตกลง ว่าแต่เมื่อคืนนี้ท่านได้ยินเสียงประหลาดนั่นไหมท่านปู่?” หลงเจิ้งหยางถามด้วยความสงสัย

 

ปู่หลงพยักหน้า “หากข้าฟังไม่ผิด นั่นสมควรเป็นเสียงร้องของนกเทียนเล่ย บางทีอาจมีใครไประรานมัน...ข้าจะเข้าไปดูหลานสาวข้าก่อน”

 

พลั่กก....

 

ประตูไม้เก่าถูกผลักเข้ามา เย่หนิงเสวี่ยยืนอยู่ข้างนอกด้วยร่างกายเหนื่อยล้า ผมสีขาวของนางเปื้อนฝุ่นผงและใบไม้ ขณะที่ร่างของนางชุ่มโชกด้วยหยดเหงื่อและหยาดน้ำค้าง บนใบหน้าปรากฎรอยขีดข่วนเลวร้ายเพิ่มขึ้นมาหลายรอย นางยื่นแขนอันสั่นเทายกไข่สีขาวขึ้น นางขยับริมฝีปาก แต่ก่อนที่นางจะได้พูดสิ่งใดโลกเบื้องหน้าก็ดับวูบลง นางล้มฟุบลงกับพื้นในที่สุด

 

ปู่หลงเพิ่งรู้สึกตัวหลังจากตกตะลึง เขารีบเข้ามาอุ้มนางและรับไข่ไว้ และพบว่านางหมดสติไปแล้ว สำหรับเขา ไม่ทราบว่าในสองวันมานี้นางได้หมดสติไปแล้วกี่ครั้ง

 

น้ำเสียงตื่นตะลึงดังขึ้นมาจากข้างหลังปู่หลง “นี่มัน... ไข่นกเทียนเล่ย ข้าเพิ่งเห็นมันมาเมื่อวาน นี่มัน...นาง...”

 

ปู่หลงพลันรู้สึกสลดปรากฎออกจากแววตา เขาถอนใจยาว “เด็กโง่เอ๋ย เป็นเด็กที่โง่อะไรเช่นนี้!”

 

เขาวางไข่ไว้ในมือของหลงเจิ้งหยาง “หยางเอ๋อร์ เจ้ารู้ว่าต้องทำยังไง รับปากข้าว่าเจ้าจะไม่ทำให้ความพยายามของสาวน้อยต้องสูญเปล่า”

 

“ข้าทราบแล้ว” หลงเจิ้งหยางรับไข่มาจากนั้นรีบเดินเข้าไปในบ้าน

 

ครึ่งชั่วยามถัดมา หลงเจิ้งหยางนำถ้วยน้ำซุปเล็กๆเข้าไปในห้องเย่หวูเฉิน ปู่หลงเดินกลับไปกลับมาอย่างเคร่งเครียดสองมือไขว้อยู่ข้างหลัง เขาเอ่ยปากถามทันทีที่เห็นหลงเจิ้งหยางก้าวออกมา

 

“ทุกอย่างเรียบร้อยดีไหม?”

 

หลงเจิ้งหยางเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก “ข้าเอาแก่นชีวิตธรรมชาติที่อยู่ในไข่ใบนั้นกรอกปากเขาไปหมดแล้ว หากว่าเขายังมีชีวิตอยู่ เขาจะสามารถมีชีวิตยืดออกไปได้อีกครึ่งเดือน”

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.