ตอนที่ 47 .. “ แทงข้างหลัง ”

องค์หญิงใบ้ กับ เจ้าชายยาจก

-A A +A

ตอนที่ 47 .. “ แทงข้างหลัง ”

ฟังเพลงเพราะๆ ประกอบ นิยาย องค์หญิงใบ้ กับ เจ้าชายยาจก

     เป็นเพียงความบันเทิงในการฟังเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศ รวมถึง เหตุการณ์ของตัวละครในนิยาย เพื่อให้เกิดอรรถรสในการอ่านเท่านั้น ไม่ได้มีผลใดๆกับทางการค้าทั้งสิ้น .. ด้วยความเคารพผู้ประพันธ์นิยาย .. มัชฌิมา                     

เตรียมใจ - บางแก้ว

https://www.youtube.com/watch?v=-i6cOVkxkxY

ขอขอบคุณ วงบางแก้ว จาก ค่าย แกรมมี่ ที่เอื้อเฟื้อเพลงให้มาประกอบในนิยาย

Romance Fiction - นิยายรัก / รักโรแมนติก

ตอนที่ 47 .. “ แทงข้างหลัง ”

“ไม่เลยหวะ แถวนี้ ฉันไม่รู้จักใครเลย นี่มัน สุมทรสงครามนะโว๊ย อัมพวา จะออกทะเลอยู่แล้ว แขนขาแถวนี้ของฉันไม่มีไกลมาถึงนี่หรอก” หญิงยุ เริ่มไม่ไหว หน้าเริ่มมืด เพราะไม่เคยเดินบุกป่าฝ่าดงแบบนี้ 

“รามพักก่อนได้ไหม หญิงไม่ไหวแล้ว” เมืองราม หันไปบอกชาญชัย

“เอางี้ แกล่วงหน้าไปก่อนนะชาญ มีอะไรแล้วรีบโทรบอกฉัน ขอพาเมียไปนั่งพักก่อน สงสัยไม่ไหวแล้ว” ริชาร์ดเดินตามมาติดๆ หลังจากแวะยิงกระต่ายข้างทาง

“มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ”

“ช่วยดูว่าพวกนั้นเจอร่างธวัชไหม และช่วยโทรบอกผมด้วย เดี๋ยวผมตามไป พอดีเมียผมไม่สบาย”

“ได้ครับ ถ้าเจอเมื่อไหร่ผมจะรีบโทรบอก ไปพิมพ์” ริชาร์ดรีบจูงมือเมียตามนกไปให้ทัน

       ส่วนสองนางกำนัล เดินรั้งท้าย เพราะไม่ไหวเหมือนกัน ดีที่พวกชาวบ้านอีก 3-4 คนอยู่เป็นเพื่อนไม่งั้นคงหลงและคลาดกันแน่

“อีกไกลไหมงามตา ทำไมมันลึกลับซับซ้อนจัง” นกถามเพราะเริ่มไม่ไหวเหมือนกัน

“ข้างหน้านี่หละพี่ อีกไม่ถึง 40 เมตร นั่นไงหลังคาบ้านนั้นที่เห็นลิบๆนั่นแหละ อีกนิดเดียวพี่”

       ยุ้ยเริ่มไม่ไหวแล้ว เพราะท้องอยู่ อยู่ดีๆล้มหมดสติไปเลย เพราะร้อนแดด ขบวนจึงต้องหยุด เพราะต้องดูยุ้ย

“เอาหละทุกคนหยุดพักก่อน อีกนิดเดียวก็จะถึงแล้ว ไม่ไกลมาก คงไม่เสียเวลามากนักหรอก” เมืองรามสงสารทุกคน

     นกเอาน้ำเทใส่ผ้าเช็ดหน้าแล้วบิดให้หมาดๆเช็ดหน้าเช็ดตาให้ยุ้ย และเอายาดมของตัวเองที่ติดมาส่ายไปมา นางกำนัลทั้งสองคนรีบวิ่งเข้ามารับช่วงต่อ

“ฝ่าบาทเพคะ ทรงเป็นเช่นไรบ้าง” นกชี้ไปที่ยุ้ย

“ดูยุ้ยแทนฉันด้วย” บุษบามาดูแลต่อ

       นกเริ่มไม่ไหวเหมือนกัน เพราะเร่งเดินทางแบบไม่ได้หยุดกันเลย อะไรก็ไม่ได้เตรียมมาทานกัน เพราะไม่นึกว่าการเดินทางจะไกลแบบนี้ คล้อยหลังไม่เท่าใด นกวูบไปอีกคน ต่อหน้า เพทาย

“ฝ่าบาท เป็นอะไรไปเพคะ ฝ่าบาท บุษบา องค์หญิง..” บุษบารีบวางยุ้ยลงบนขอนไม้เบาๆและวิ่งมาดูเจ้านาย

“องค์หญิงเพคะ เพทายขอผ้าชุบน้ำหน่อย” บุษบารีบเอาผ้าชุบน้ำเช็ดหน้าให้นก งามตาตกใจมากที่สองคนทำไมถึงเป็นอะไรที่เหมือนกัน อ๊วกก็เหมือนกัน หน้ามืดเป็นลมบ่อยๆ สลับกันไปมา หญิงยุเดินเข้ามาเห็นพอดี

“ไอ้รัน ไอ้รัน” นกนิ่งเงียบ หญิงยุหันไปดูยุ้ย ก็เป็นเหมือนกัน

“ทำไมอาการเป็นเหมือนกันเลย รามคะ หญิงว่า..”

“เอาน่า อย่าพึ่งคิดถึงเรื่องนั้น เพทาย บุษบา เธอสองคนอยู่ดูแล นกกับยุ้ยที่นี่นะ ฉันกับกลุ่มจะล่วงหน้าไปก่อน เพราะนี่มันเที่ยงแล้ว ฉันสังหรณ์ใจยังไงไม่รู้ ไปงามตา อีกไม่ไกลใช่ไหม” เมืองรามเริ่มใจไม่ดี

“ใช่พี่อีกนิดเดียวนั่นไงหลังคาบ้านมัน” งามตาชี้ให้ดู

“ไป ชาญชัย นายล่วงหน้าไปดูลาดราวทางโน้นหน่อย พิมพ์พี่ฝากด้วย ไปกับชาญชัยนะ ส่วนคุณริชาร์ดมากับผม ไปงาม ที่เหลือตามผมมา” ทุกคนเริ่มเดินทางต่อ อีกไม่กี่เมตรก็จะถึงจุดหมายปลายทางแล้ว เป้าหมายอยู่ข้างหน้า

“รีบไป ช้าไม่ได้”

\\\\\ +++++ \\\\\

       หมอผีแขก ดูเวลาที่นาฬิกาข้างฝาบ้านและแดด จึงเริ่มจุดไฟที่อยู่ในกองรอบๆแคร่ที่วางธวัชไว้ เพื่อจะทำพิธีที่อ้างว่าจะเรียกวิญญาณกลับเข้าร่าง ตามความเชื่อ หมอผีเริ่มทำพิธี ท่องมนต์ สวดพึมพรำ ตามประเพณี ซึ่งเป็นขณะเดียวกันที่ กลุ่มของเมืองรามและชาญชัยกำลัง เคลื่อนตัวมาโอบล้อมบริเวณบ้านหลังนั้นไว้ งามตารีบเร่งพาเมืองรามเดินตรงเข้าไปยังบ้านหลังนั้น

>>>>> ***** <<<<<

       เที่ยงแล้ว มีโทรศัพท์สายตรงด่วนเข้ามาที่วังบุษบง พิกุลรับสาย

“คะ คะ” แล้วพิกุลก็ส่งโทรศัพท์ให้ชุ่ม

“ของท่านค่ะ” ชุ่มรับโทรศัพท์แล้วสนทนาต่อ

“ว่าไง พจน์ ได้ความว่าไงบ้าง พอจะมีหวังบ้างไหม”

“มีครับ มีอยู่องค์หนึ่งพึ่งเสียชีวิตไปเมื่อ 2 วันที่แล้ว กระผมได้ลองเจรจาต่อรองแล้ว ทางครอบครัวให้ใช้สิทธิ์ได้ครับ แต่..”

       เสด็จเจ้าฟ้ารีบบอกชุ่ม “ถ้าเขาต้องการอะไร เขาขออะไรให้เขาไปได้เลย” ชุ่มพยักหน้า แล้วชุ่มก็รีบบอกลูกน้องคนสนิท

“เขาอยากได้อะไร ถ้าไม่เหนือบ่ากว่าแรง ก็ให้เขาไปเลย” พจน์รับคำ จากนั้น หลังจากที่ได้ต่อรองกันเป็นที่เรียบร้อย ทางพจน์จึงสามารถเบิกโลงแก้วออกมาได้ เพราะครอบครัวของหม่อมเจ้าองค์นั้น ยอมลงชื่อเพื่อใช้สิทธิ์เบิกโลงแก้วให้ เพื่อแลกกับเงินก้อนหนึ่งจำนวน 3 ล้านบาท เพราะฐานะของหม่อมเจ้าองค์นั้น กำลังไม่สู้ดี ถือว่าคุ้มแค่ลงชื่อแกร็กเดียว กับเงิน 3 ล้านบาท มีใครบ้างที่จะไม่เอา เมื่อได้โลงแก้วมาแล้ว พจน์จึงรีบดำเนินการเอาโลงนั้นขึ้นรถมาส่งที่วังบุษบงทันที โดยไม่รอช้า

<<<<< ----- >>>>>

       แล้วงามตาก็มาถึงจนได้ แต่ภาพที่เธอกำลังเห็นก็คือ ร่างของธวัชที่วางอยู่บนแคร่กำลังถูกไฟเผาร่าง ทุกคนตกใจมาก พวกนก ยุ้ย หญิงยุ นางกำนัล และพิมพ์ ร้องเอะอะโวยวายกันใหญ่ เมื่อตามมาทันเห็นเหตุการณ์นี้ โดยเฉพาะนกกับยุ้ย อยากจะเป็นลมอีกรอบ เมืองรามตะโกนบอกทุกคน ริชาร์ดและชาวบ้านผู้ชายรีบหาถังน้ำเพื่อเอาน้ำใส่ และไปดับไฟ ที่กำลังลุกไหม้อยู่ตรงนั้น อย่างแรง

“รีบดับไฟก่อนเร็ว ก่อนที่มันจะไหม้ไปมากกว่านี้ ชาญชัย จับมันทุกคน อย่าให้พวกนั้นหนีรอดไปได้เร็ว” เมืองรามสั่งอีกรอบ

       ส่วนหมอผีแขกกับลูกน้องอีก 2 คน เมื่อรู้ว่ามีคนมาล้มพิธีก็รีบหนีแยกกันไปคนละทาง แต่ก็ไม่รอด เพราะคนของเมืองรามเยอะกว่า จึงตามจับกลับมาได้ นก ยุ้ย งามตาและพิมพ์ รีบช่วยกันเอาน้ำสาด แต่ไฟแรงมาก ลมก็แรง ทำให้ไฟไหม้โหมค่อนข้างแรงลุกโชน จนแคร่ไม้หักลงมาทางขวา ร่างของธวัชเอียงไหลลงไปทางนั้น ทำให้ร่างกายทางด้านขวาโดนไฟเผาไหม้ดำเป็นตอตะโกข้างหนึ่งทันที นกตะโกนออกไปทันที

“พี่วัช ใครก็ได้ช่วยดับไฟที ” แล้วรีบวิ่งเข้าไปเอาน้ำสาดลงไปที่ด้านนั้นจนไฟดับ ยุ้ยก็เช่นกัน

“พี่วัช พี่วัช” ยุ้ย เอาเท้าถีบเศษแคร่ที่ค้างอยู่ออกไปจนร่างของธวัชกลิ้งหมุนออกมาจากกองเพลิง แล้วเอาน้ำสาดลงไปอีกครั้งและวิ่งเข้าไปกอดร่างสามี แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะยังร้อน จึงต้องถอยออกมา นกนั่งหมดแรงร้องไห้อยู่ตรงนั้น

       พิมพ์ไล่ยิงหมอผีแขกไปทางหลังบ้าน ริชาร์ด เมืองรามและชาญชัย วิ่งตามไปสมทบ หลังจากช่วยกันดับไฟจนสำเร็จ หมอผีแขกวิ่งหลบเข้าไปในดงกล้วย เพราะถือว่าชำนาญทางกว่า ได้โอกาสย่องมาด้านหลังและเอาท่อนไม้ตีไปที่หลังของพิมพ์อย่างแรง จนพิมพ์ล้มลงปืนตก แล้วเงื้อมือจะตีซ้ำ เมืองรามมาทันพอดีจึงยิงไปหนึ่งนัดโดนที่ข้อมือขวา หมอผีปล่อยท่อนไม้และรีบวิ่งหนีไป ชาญชัย อ้อมไปดักอีกทาง พอได้จังหวะ ก็เตะไปที่หน้าท้องอย่างแรง จนหมอผีกระเด็นลงไปนอนจุก แล้วก็วิ่งเข้าไปเอาปืนจ่อหัว เอาเท้าเหยียบอกไว้ เมืองรามวิ่งตามมา ดึงกุญแจมือขึ้นมา พลิกตัวหมอผีและจับเอามือมาไว้ข้างหลังใส่กุญแจมือทันที ริชาร์ดวิ่งเข้ามาดูพิมพ์เมียรัก

“เป็นไงบ้างที่รัก พี่ขอโทษที่มาช่วยหนูไม่ทัน” พิมพ์ส่ายหน้า

“ไม่เป็นไรพี่ พอไหว เจ็บใจจริงๆ”

       เมืองรามกับชาญชัย พาตัวหมอผีเดินกลับมา พิมพ์เห็นเข้าจึงเดินเข้าไปและขอคืนสักที พิมพ์เตะผ่าหมากเข้าไปทันทีอย่างแรงจนหมอผีต้องทรุดตัวลงทันที แล้วถุยน้ำลายใส่

“ถุย ไอ้สารเลว” แล้วทั้งหมด ก็กลับมารวมตัวกันที่ใต้ถุนบ้านหมอผี ทางฝั่งลูกน้องทั้งสองคน ก็กำลังหนี พวกชาวบ้านทั้ง 6 คนที่มาด้วยนั้น ก็วิ่งแยกย้ายและสามารถจับมาได้เช่นกัน

***** ฿฿฿฿฿ *****

       เหมือนปาฏิหาริย์มีจริง คนทำดีย่อมได้ดี หลวงตาบุญและพระอาวุโสทุกองค์ที่นั่งสมาธิ ส่งกระแสจิตช่วยดวงจิต ดวงวิญญานของธวัชนั้นไว้ได้ทัน เมื่อรู้ว่าธวัชปลอดภัยแล้ว ก็ออกจากการนั่งสมาธิทันที และมองหน้ากัน ส่งยิ้มให้ ไม่พูดอะไรมาก ทุกองค์ก้มกราบพระประธานแล้วก็ลุกออกจากโบสถ์แห่งนั้นไป

“หมดเคราะห์หมดโศกซะทีนะเจ้าชาย” ก่อนออกไปจากโบสถ์ หลวงตาบุญ หันไปบอก จ้อย เอี้ยง ทดและสะอิ้ง

“ไม่มีอะไรแล้วนะโยม ธวัชปลอดภัยแล้ว ตอนนี้ก็คงได้แต่รอเท่านั้น ว่าเมื่อไหร่ เท่านั้นเอง”

       จ้อย เอี้ยง ทดและสะอิ้ง ก้มกราบหลวงตาบุญ จากนั้นหลวงตาบุญก็เดินออกไป ทั้งหมดมองหน้ากันอย่างมีความสุข

///// +++++ /////

     จริงๆแล้ว งามตาโดนหมอแขกหลอก เมื่อองค์หญิงเล่าความฝันในงามตาฟัง งามตาจึงยอมบอกว่า ศพของธวัชอยู่ไหน องค์หญิงและเพื่อนๆ รีบไปทันที แต่สายไปเสียแล้ว หมอผีคนนั้นหลอกเธอ ร่างของธวัชที่เธอเห็นกำลังถูกเผา ไหม้ ดำเป็นตอตะโกไปแล้วบางส่วน นก ยุ้ยและเพื่อนๆ ก็ช่วยกันดับได้ทัน ธวัชโดนเผาร่างไหม้ไปด้านหนึ่งคือด้านขวาทั้งแถบ ตั้งแต่แขนไปจนถึงขาแต่ดับได้ทัน เพราะหมอแขกจุดไฟไว้รอบทุกด้านประกอบกับลมแรงในตอนนั้น ไม่สามารถมีใครเข้าไปใกล้กองไฟได้ ถึงจะเอาน้ำสาดเข้าไปเท่าใดก็ไม่สามารถช่วยได้ เหมือนที่เขาบอก น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ งามตาเหมือนโดนแทงข้างหลัง เพราะโดนหมอผีแขกหลอกเข้าอย่างจัง งามตาชี้หน้าต่อว่า หมอแขกคนนั้น

“ทำไมมึงถึงได้กล้าหลอกกู ห๊ะ มาหลอกกันทำไม มาให้ความหวังทำไม” งามตาแบบมืออกไปทันที

“เอาเงินกูไปตั้งเท่าไหร่แล้ว เอาคืนมา” แต่ไม่ทันที่จะได้ฟังคำตอบก็โดนยุ้ยถีบเข้าให้ก่อนทันทีที่ยอดอก ลงไปนอนหงายแผ่หลาอยู่ที่พื้น เพราะยั๊วมากที่มาเผาร่างสามีสุดที่รัก นกทนไม่ไหวเช่นกัน ขอด้วยเดินตรงไปกระทืบยอดอกเลยทันทีเป็นคนแรก จากนั้นทุกคนที่มา ทนไม่ไหวเช่นกัน จึงขอแจมสหบาทาทันที จึงรุมประชาทัณฑ์ทั้งสามคนเกือบตาย

       โดนเข้าไปไม่รู้ว่ากี่ตีน ไม่ว่าจะพิมพ์ งามตา หญิงยุ เพทาย บุษบา ก็เอากะเขาด้วย สักพัก เมืองรามบอกให้พอแล้ว จึงให้ริชาร์ดเข้าไปแยกและหยุด ปาร์ตี้ปลาตีนในครั้งนี้ ไม่งั้นทั้งสามคนนี้ได้ตายคาเท้าพวกสาวๆพวกนั้นอย่างแน่นอนเลยทีเดียวเชียว ดุมาก

“พอแล้วครับ พอแล้ว พวกนั้นได้รับโทษกันสาสมแล้ว ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจและกฎหมายต่อไป นะครับผมขอ”

       ทุกคนเมื่อได้ฟังจึงหยุดได้ เมื่อได้กระทืบและปลดปล่อยอารมณ์จนเป็นที่น่าพอใจ เมืองราม ชาญชัยและพิมพ์จับหมอกแขกไปลงทัณฑ์ โทษฐานหลอกลวงชาวบ้าน

“ไป ไปรับโทษได้แล้วพวกแก โทษฐานหลอกลวงชาวบ้าน ถุย ชุบชีวิตคนได้งั้นเหรอ ทุเรศ” ชาญชัยพูดออกมาระหว่างที่นำตัวไป

นกยกมือไหว้เพื่อนๆทุกคนที่มาช่วยเธอในครั้งนี้ และขอให้ทุกคนนำร่างอันไร้วิญญาณของธวัชไปไว้ที่วังให้ด้วย ทุกคนก็ยินดี ชาวบ้านที่มาด้วยก็ช่วยกันนำร่างของธวัชบรรจุลงโลงเดิมที่เอามาครั้งแรก ทุกคนแปลกใจมากที่ทำไมร่างของธวัชไม่เน่าไม่เปื่อย ทั้งๆที่เสียมาแล้วร่วมสองเดือน นี่แหละทำให้ทุกคนที่มาในวันนี้ หาคำตอบไม่ได้จริงๆ นกบอกทุกคน

“ช่วยนำโลงใบนี้ไปไว้ที่วังบุษบงด้วยนะคะ ถือว่านกขอร้อง นะยุ้ย นะงาม” นกหันไปมองหน้าทั้งสองคน ยุ้ยไม่มีความเห็น เพราะไม่รู้จะแสดงความคิดเห็นยังไง อยากทำอะไรก็ทำเนื่องจากรับไม่ได้กับสภาพศพที่เห็น อยากจะเป็นลม

       ส่วนงามตาเสียใจมากที่เธอทำพลาดในครั้งนี้ เพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์หรือเพราะความเห็นแก่ตัวกันแน่ ยุ้ยเงียบกริบพูดอะไรไม่ออกเลย ตกใจด้วย ไม่รู้จะทำยังไงต่อดี อีกต่อไปแล้ว หลังจากนั้นก็รีบดำเนินการย้ายศพธวัชทันที ส่วนที่เหลือจากนี้ก็ขึ้นอยู่กับดวงและโชคชะตาของธวัชแล้วหละ เพราะนกทำให้แล้วตามคำขอของสามี คืนนี้จะเป็นเช่นไร ต้องรอดูกันต่อไป

----- ^^^^^ -----

       เมืองรามและชาญชัย พาตัวทั้งสามคน ข้ามเขตไปไว้ที่กองปราบทันที เพราะถือว่าเป็นคนร้ายคดีพิเศษคดีหนึ่ง เมื่อถึงกองปราบก็จัดการทำประวัติและจับทั้งสามคนยัดเข้ากรงขังชดใช้กรรมต่อไป เมืองรามและชาญชัยมองหน้ากัน จบอีก 1 คดี

***** +++++ *****

       ยุ้ยขับรถพางามตากลับมายังบ้านด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียดตามๆกัน ตลอดทางที่กลับมาจากสมุทรสงคราม ไม่มีใครพูดอะไรกันเลย เงียบกริบมาตลอด แม้กระทั่งริชาร์ดและพิมพ์ เมื่อจอดรถ งามตาเปิดประตูรถออกมาไปแบบคนไม่มีวิญญาณ ดวงตาเหม่อลอยเดินตรงเข้าบ้านไปเฉยๆ ส่วนริชาร์ดกับพิมพ์ก็ขอตัวแยกย้ายกับบ้านใครบ้านมัน ยุ้ยเองก็เดินกลับเข้าร้าน วันนี้ร้านปิด หยุดทำการ 1 วัน เพราะอะไรก็น่าจะรู้ จ้อยและเอี้ยง นั่งนิ่งรอยุ้ยกลับมา กะว่าจะอ้าปากถามเสียหน่อยเรื่องธวัช แต่เมื่อเห็นอาการของทุกคนแล้ว จึงไม่กล้าถาม ได้แต่ถอนหายใจ และเดินกอดคอออกจากร้านไปเงียบๆ

       งามตาเดินขึ้นบ้านอย่างช้าๆ คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยตลอดทาง ยังไม่เข้าห้อง เดินเลี้ยวขวามานั่งที่ศาลา มองไปรอบบ้าน และคิดถึงเรื่องราวต่างๆที่ผ่านมา ว่าสิ่งที่เธอทำไป มันผิดหรือถูก ทำไมถึงต้องร้ายกับนกกับยุ้ย มันได้อะไรขึ้นมา สุดท้ายก็ไม่มีใครได้อะไร งามตา ลุกขึ้นไปเปิดประตูห้องของนก เข้ามานั่งนิ่งๆที่เตียง แล้วนั่งก้มหน้าเอามือมาปิดหน้าร้องไห้

“นี่ฉันทำอะไรลงไป ฉันทำไปได้ยังไง โง่ ทำไมฉันถึงโง่อย่างนี้ ทำไมฉันถึงไม่เชื่อความรู้สึกตัวเอง มันมีที่ไหนการชุบชีวิตคน โง่นัก สมแล้วงามตาที่แกต้องเป็นแบบนี้ สุดท้ายก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมา ร่างของพี่วัชต้องเป็นแบบนั้น หนูขอโทษนะพี่วัช”

<<<<< ----- >>>>>

       ระหว่างทางที่ริชาร์ดขับรถพาเมียกลับบ้าน พิมพ์ยังคงติดใจกับสิ่งที่ได้เห็นในวันนี้ จึงเก็บมาคิด

“พี่ริช” ทนเก็บความสงสัยไม่ไหวจึงเอ่ยปากถามสามี

“มีอะไรเหรอ ทำไมถึงทำหน้าเครียดอย่างนั้น” ริชาร์ดหันไปดูแว่บนึง

 “พี่เห็นหนูทำหน้าแบบนี้มาตั้งแต่กลับออกมาจากที่เกิดเหตุแล้วนะ” แล้วก็หันกลับไปดูทางต่อดังเดิม

“ก็มันแปลกนี่พี่” พิมพ์นั่งคิดมาตลอดทาง แต่คิดไม่ตก

“อะไรเหรอที่แปลก” ริชาร์ดยังไม่รู้ว่าพิมพ์เครียดหรือสงสัยอะไร

“ศพพี่วัชไง พี่ไม่สังเหตุเหรอ ว่ามันไม่เน่า ไม่เปื่อยเลยนะ ตอนที่เราไปถึงหนะ เหมือนคนที่นอนหลับธรรมดาเฉยๆเท่านั้น ทั้งๆที่พี่แกก็เสียมาแล้วตั้ง 2 เดือน ธรรมดา 2 เดือนเนี่ย มันต้องส่งกลิ่นแล้วนะ นี่มันกลับไม่มีกลิ่น ไม่เหม็น ไม่มีร่องรอยของน้ำเหลืองอะไรเลย พี่ไม่สงสัยบ้างเหรอ นี่แหละที่หนูนั่งคิดไม่ตกว่า นี่มันฝันหรือจริงเนี่ย” เมื่อเมียพูดขึ้นมา ริชาร์ดจึงนึกขึ้นได้เช่นกัน

“เออ จริงด้วย พี่ลืมนึกถึงเรื่องนั้นไปเลย ใช่ๆพี่นึกออกแล้ว พี่ก็มองเหมือนกันนะ ใครไม่รู้ก็นึกว่าคุณธวัชแค่นอนหลับเฉยๆเท่านั้น ทุกอย่างยังคงปกติเหมือนไม่เกิดอะไรขึ้นเลย ถ้าพิมพ์ไม่พูดขึ้นมา พี่ลืมไปแล้วนะเนี่ย มันแปลกจริงๆ พี่ก็พึ่งเคยเห็นนี่แหละ”

       ริชาร์ดหันไปมองหน้าเมียเล็กน้อย พิมพ์หันมาเช่นกัน

“พูดแล้วยังขนลุกเลยนะพี่ ดูซิเนี่ย ถ้าไปพูดให้ใครฟัง คงไม่มีใครเชื่อนะพี่ ว่าคนตายไปแล้ว 2 เดือน แต่ศพกลับไม่เน่าไม่เปื่อย นี่ถ้าไม่เห็นด้วยตา หนูไม่เชื่อเลยนะเนี่ย ถ้ามีคนมาเล่าให้ฟัง”

“ใช่ พี่เห็นด้วย แต่ก็เอาเถอะยังไงมันก็ผ่านไปแล้ว รอดูกันต่อไปว่าจะจริงไหมกับสิ่งที่องค์หญิงบอกเอาไว้”

“อะไรเหรอพี่” พิมพ์จำไม่ได้กับสิ่งที่นกบอกเอาไว้

“อ้าว ไม่ทันไรเมียพี่ลืมซะแล้ว สงสัยจะเริ่มแก่” พิมพ์มองหน้าสามี แล้วเอามือทุบไปที่แขนซ้าย

“พี่หนะว่าหนูอีกแล้ว ก็แล้วมันเรื่องอะไรหละ มันหลายเรื่องที่ผ่านไปผ่านมาในหัวสมองเนี่ย” ริชาร์ดจึงเตือนความจำ

“ก็คืนนี้ไง ที่นกบอกว่า ดวงจิตหรือวิญญาณของธวัชจะกลับเข้าร่างได้ ลืมไปแล้วเหรอ”

“เออใช่ๆ หนูลืมไปเลยได้ยังไง ใจจริงก็อยากที่จะไปรอลุ้นนะพี่ แต่..” พูดจบพิมพ์ทำท่าสยิว

“แต่อะไรครับที่รัก ดูทำเข้า” ริชาร์ดหันไปถามเมื่อเห็นเมียทำท่าสยิว

“หนูกลัวผีหนะซิ เห็นได้ข่าวว่า พี่นกเอาโลงแก้วมาใส่ไว้ไม่ใช่เหรอ มันก็เห็นนะซิ ศพคนตายนะพี่ วางโชว์ออกแบบนั้นถึงจะอยู่ในวังก็เถอะแต่ในความรู้สึกของหนู ยังไงมันก็น่ากลัว แล้วคนในวังหละ ปาดนี้มิขนหัวลุกสยองไปทั้งวังกันแล้วเหรอ” พิมพ์ทำท่าออกมาจนริชาร์ดเห็นภาพเลย

“นั่นซิ หนูพูดซะพี่เห็นภาพเลย แล้วตกลงจะไปรอลุ้นกับเขาไหมคืนนี้หนะ ยังพอมีเวลานะ เอาไหม พี่จะพาไป นี่ก็พึ่ง 5 โมงเย็น ยังทันนะ เอาไหม” พิมพ์ส่ายหัว แล้วทำหน้าบอกบุญไม่รับ

“ขนาดอยู่ในโลงทึบๆ หนูยังกลัว นี่ เล่นโลงใสออกขนาดนั้น หนูไม่เอาด้วยหละพี่ บอกตามตรง หนูใจไม่แข็งพอ”

“เครครับ งั้นเราก็นอนอยู่บ้านเราเหมือนเดิม แล้วรอฟังข่าวดีกันต่อไป ตามนั้น”

       พิมพ์พยักหน้า แล้วก็เอาหัวมาซบไหล่สามี นั่งพิงอย่างมีความสุขไปตลอดทางจนถึงบ้าน

\\\\\ +++++ \\\\\

       ประมาณ 17.30 น. รถตู้มูลนิธิร่วมกัตญญูที่นกว่าจ้างมา ก็มาถึงวังบุษบง เจ้าหน้าที่ยกโลงทึบลงจากรถและเดินเข้าไปในห้องโถงของวัง ซึ่งมีโลงแก้วที่พจน์จัดเตรียมมาให้ไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว นกให้เจ้าหน้าที่นำร่างของธวัชออกจากโลงทึบนั้นไปใส่ไว้ในโลงแก้วที่ตั้งเอาไว้บนแท่นที่จัดไว้อย่างสวยงามประดับประดาไว้อย่างดี โดยให้หันด้านซ้ายที่ไม่โดนไฟไหม้ออกมาด้านนอก แล้วเอาด้านส่วนที่ไหม้ไปไว้ด้านใน เพื่อไม่ให้คนในวังกลัว หลังจากที่ทำทุกอย่างเสร็จ นกก็จ่ายค่าเสียเวลาให้กับทุกคน

“ขอบใจมากเลยนะพี่ ที่ช่วยเหลือหนู เดินทางกลับดีๆนะ” ทุกคนเมื่อได้ค่าเหนื่อยแล้วก็เดินทางกลับ

       นกหันกลับเข้าไปในวัง เห็นสีหน้าของนางกำนัลทุกคนในวัง จึงมีคำถามขึ้นมาทันที “เป็นอะไร ทำไมถึงต้องทำสีหน้ากันอย่างนั้นมิทราบ ห๊ะ ว่าไง เอ้า ไหนมีใครพอจะบอกอะไรฉันมาได้บ้างไหม” แขไขใจกล้าบอกองค์หญิงคนแรก

“คือ..เออ ทุกคนเค้ากลัว นั่นๆๆ” และชี้ไปที่ศพของธวัช

“พระสวามีขององค์หญิงหนะเพคะ ศพนะ คนตาย พระองค์ทรงคิดเช่นไร คิดยังไงเอาโลงแก้วมาใส่และทรงตั้งตระหง่านไว้กลางห้องโถงรับแขกอย่างนั้น นางกำนัลเค้าก็กลัวกันนะซิเพคะ ไม่น่าทรงถาม”

“กลัว กลัวอะไร ก็แค่คนนอนหลับคนหนึ่ง ดูซิ ร่างกายของพระสวามีฉัน ยังปกติ ไม่เน่า ไม่เปื่อย อะไรเลย และที่สำคัญไม่มีกลิ่นเหม็นเน่าด้วย แล้วจะกลัวอะไรกัน ไร้สาระ น่ารำคาญจริงพวกเธอเนี่ย เพทาย บุษบา ไปดูซิว่ามีอะไรทานบ้าง ฉันหิวแล้ว”

“เพคะองค์หญิง” ทั้งสองสาว รีบเดินตัวปลิวออกไปทันที

“อ้อ เอางี้ ถ้าใครกลัวนะ ก็ไม่ต้องเดินเฉียดหรือผ่านมาตรงนี้”

     หญิงรันพูดออกมา ก่อนที่จะไปทานอาหาร สองสาวจึงหยุดฟัง

“แค่นี้ ก็จบ จริงไหม” แต่มันไม่ใช่อย่างที่คิดไว้หนะซิจ๊ะ

“ทรงพูดง่ายนะเพคะองค์หญิง ก็ตรงนี้มันทางผ่าน จะขึ้นจะลงชั้นบน มันก็ต้องผ่านตรงนี้ ยังไงก็ไม่พ้น” พิกุลพูดออกมาบ้าง

       ระหว่างที่กำลังโต้เถียงกันอยู่เสด็จพ่อ และท่านแม่เดินลงมาพอดี เพราะได้เวลาที่จะทานมื้อเย็น

“มากันแล้วรึลูกหญิง เป็นไงบ้าง ไหนพ่อดูซิว่าเป็นยังไงบ้าง” เสด็จเจ้าฟ้าเดินไปดูมุมที่หญิงรันขอเอาไว้

“จัดได้ดีนี่ ซุ้มดอกไม้จัดได้สวยงาม แท่นบูชา ก็วางได้เหมาะ สวยๆ” ท่านแม่ชม เพราะงานออกมาดี ดูแล้ว ไม่น่ากลัว

“สิ่งที่ลูกขอ พ่อก็ทำให้หมดแล้วนะลูก อย่าทำหน้าแบบนั้นซิ ถ้าสิ่งที่ลูกหวังและบอกเอาไว้มันเป็นจริง พ่อก็ขอให้ลูกเชื่อในสิ่งที่หนูเชื่อว่ามันจะเป็นจริงขึ้นมา พ่อขอให้ลูกโชคดีนะ” พ่อพยายามปลอบใจลูกสาว “ใช่แล้วลูก แม่ก็ด้วยนะ เป็นกำลังใจให้”

       ท่านแม่อดเป็นห่วงลูกสาวไม่ได้ “ยังไงคืนนี้ก็ขอให้ความฝัน และสิ่งที่หนูขอเป็นจริงนะลูก ไป ไปทานมื้อค่ำกัน เหนื่อยมาทั้งวันแล้วลูก ไป” แล้วนกก็ไปทานอาหารมื้อค่ำกับเสด็จพ่อและท่านแม่ทันที ด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยจะดี ออกเครียดนิดๆ

>>>>> ***** <<<<<

       ยุ้ยขณะที่นั่งทานข้าวอยู่ก็ตาลอยๆไม่แพ้งามตา สะอิ้งหนะไม่ต้องพูดถึง เพราะไม่รับรู้อะไรอยู่แล้ว จนทดต้องเอ่ยปากถาม เพราะดูแล้วบรรยากาศไม่น่าจะมีความสุขเลย แค่สะอิ้งคนเดียวก็เครียดจะแย่อยู่แล้ว นี่ยังมาทำหน้าเครียดกันอีกตั้งสองคน

“นี่ ตกลงจะพูดอะไรกันบ้างไหม มีใครจะเล่าอะไรให้พ่อฟังได้รึยังว่าวันนี้เป็นยังไงกันบ้าง ดูซิ ดูทำหน้ากันเข้า”

       ยุ้ยกับงามตาหันหน้ามามองซึ่งกันและกัน แล้วก็ก้มหน้าทั้งคู่ งามตาตัดสินใจพูดออกมาเป็นคนแรก ยกมือไหว้ทดกับสะอิ้ง

“ก่อนอื่น งามต้องกราบขอโทษคุณพ่อกับคุณแม่ด้วยที่ได้ทำผิดไปในครั้งนี้ ความผิดที่ไม่น่าจะให้อภัยเลย กับความโง่ของหนู”

“ช่างมันเถอะ พ่อไม่ได้ว่าอะไร คนที่ทำผิดแล้วยอมรับผิดหนะ พ่อชอบ แสดงว่ายังมีสติ ดีกว่าพวกที่ทำผิดแล้วไม่ยอมรับผิดนะงาม อย่าคิดมากเลย แล้วตกลงเป็นยังไงหละ กับสิ่งที่ไปแก้ไขมาในวันนี้” งามตาทำหน้าเศร้าๆและพูดออกมา

“ก็ยังถือว่าทันค่ะพ่อ ศพพี่วัชยังอยู่ปกติดีตอนไปถึง แต่เรามาช้าไปหน่อยจึงทำให้ร่างพี่วัชโดนไฟเผาไหม้ไปด้านหนึ่ง คือทางขวาเกรียมเลย แต่มันก็น่าแปลกอยู่อย่างหนึ่งนะ ทุกคนก็เห็น ใช่ไหมยุ้ย” ยุ้ยพยักหน้า แล้วงามตาก็พูดต่อ

“ร่างพี่วัช ไม่เน่าไม่เปื่อย ต่างจากศพทั่วไปที่หนูเคยเห็น ไม่มีกลิ่นเหม็นเน่าไม่มีน้ำเหลืองหยดแม้แต่หยดเดียว มันเหมือนคนที่นอนหลับเฉยๆหนะพ่อ หนูถึงแปลกใจตรงนี้มาก ถ้าไปช้าอีกหน่อยรับรองว่าเราต้องเสียร่างพี่วัชไปแล้วจริงๆแบบไม่น่าจะให้อภัยเลย”

“เหรอ มันก็น่าแปลกจริงๆนะเอ้อ แล้วนี่จะว่าอะไรไหม ถ้าพ่ออยากไปดูร่างของธวัชตอนนี้หน่อย พาพ่อไปหน่อยได้ไหม”

       งามตาหันไปมองยุ้ย “ว่าไงยุ้ย พาพ่อไปหน่อยซิ ได้ไหม ตอนนี้เลย ได้ไหม” ยุ้ยพยักหน้า ไม่พูดอะไรมาก ลุกขึ้นทันที งามตาจึงเอาฝาชีมาครอบอาหาร และพยุงทดกับสะอิ้งลงบ้านไปที่รถทันที อย่างช้าๆ จากนั้นก็ขับรถออกไปเลยทันที โดยไม่รอช้า

***** >>><<< *****

       หญิงยุหลังจากที่ทานมื้อค่ำเสร็จ ก็มีความรู้สึกว่าเป็นห่วงเพื่อนมาก จึงชวนเมืองรามไปหาเพื่อนที่วัง และอยากไปดูด้วยว่า สิ่งที่เพื่อนบอกมาจะจริงเท็จแค่ไหน ที่จริงก็แค่อยากไปเห็นด้วยตาเท่านั้นแหละ

“รามหญิงเป็นห่วงไอ้รันมันหนะ ตอนนี้สภาพจิตใจมันไม่ดีเลย นะช่วยพาหญิงไปหามันหน่อย อีกอย่างหญิงก็อยากจะรู้ว่าจริงไหมที่คนตายแล้วจะฟื้นคืนชีพกลับมาได้หนะ” หญิงยุเดินไปมาเหมือนเสือติดจั่น

“แล้วดูสภาพศพของเพื่อนคุณซิดำเป็นตอตะโกออกอย่างนั้น ถ้าฟื้นขึ้นมาแล้วมันจะเป็นยังไง หญิงนึกภาพไม่ออกเลย ก็เลยอยากไปเห็นด้วยตาตัวเอง นะรามนะ” หญิงยุไม่สบายใจเอาเลยเสียจริงๆ จึงหันไปมองหน้าสามี

       เมืองรามพยักหน้า เพราะอยากรู้และอยากเห็นเหมือนกัน จึงไม่รีรอที่จะไปในทันที

“ไป เราไปกัน”

<<<<< ===== >>>>>

       พิมพ์เปลี่ยนใจแล้ว อยากไปดูให้เห็นด้วยตาเช่นกัน จึงชวนสามีไปหานกที่วังเช่นเดียวกับหญิงยุ

“พี่ริชหนูเปลี่ยนใจแล้ว ไป ไปวังพี่นกกัน หนูอยากจะเห็นว่ามันเป็นยังไง ไหนๆก็ตามเรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว”

“ไม่กลัวแล้วเหรอ เห็นเมื่อตอนเย็นบอก หยะแหยง” ริชาร์ด กระแนะกระแหนเมีย

“พี่หนะ มาทำพูดดี มาล้อหนู กลัวก็กลัว แต่ไม่เป็นไร คนที่วังเยอะจะตาย อีกอย่างพี่ก็อยู่ คงจะไม่ปล่อยให้เมียต๊กกะใจตายไปก่อนหละมั้ง จริงไหม” ริชาร์ดเอามือมาลูบหัวเมียเล่น “เออ ไปไป ตามใจเมียเสมอ” พิมพ์ยกมือไหว้สามี แล้วก็รีบออกจากบ้านทันที

       ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ยุ้ยก็ขับรถพาพ่อ แม่และงามตา มาถึงวังของนก ทดมองดูรอบๆ วังบุษบงทำไมช่างใหญ่โตและกว้างขวางอะไรขนาดนี้ภายใน เมื่อตอนที่มาครั้งแรก ไม่ได้สังเกตุถึงความโอ่อ่าแบบนี้ งามตาก็เช่นกัน ตกตะลึงถึงความใหญ่โตและอลังการของวังบุษบง ถ้าย่ำเท้าเดินเข้ามาก็ถือว่าเดินเมื่อยเลยแหละ จากประตูหน้ากว่าจะถึงวังชั้นในซึ่งเป็นที่ประทับของเสด็จเจ้าฟ้าและนก

       ยุ้ยขับรถเข้ามาจอดที่หน้าวังชั้นนอก ตรงเรือนรับรองเพื่อให้ ทุกคนลงและไปหาที่จอดให้เป็นที่เป็นทาง นกกำลังเดินจัดสถานที่อยู่อย่างเพลินๆ จัดตรงนั้น แต่งตรงนี้ หันไปดูว่าเสียงรถใครมาจอด แล้วก็หันไปจัดดอกไม้ต่อ สักพัก แขไขพากลุ่มของงามตาเข้ามาและให้นั่งรอที่เก้าอี้ตรงห้องรับรองแขก แขไขนั่งคุกเข่าและคลานไปกระซิบบอกนกที่หู

“องค์หญิงเพคะ มีแขกมาขอพบ เขาบอกว่าเป็นพ่อและแม่ของพระสวามีพระองค์” นกตกใจมากที่พ่อและแม่มา

       ไม่นึกว่าจะมาได้ จึงรีบเดินออกไปต้อนรับ

“แขไขรีบไปเอาน้ำมารับแขกด้วยไปเร็ว” นกเดินออกมา แล้วยกมือไหว้ทดและแม่

“พ่อ แม่ สวัสดีค่ะ” นกต้อนรับพ่อและแม่สามีอย่างดี

“ทำไมพ่อไปนั่งตรงนั้นหละคะ นั่นมันพื้น ไม่เอา ลุกขึ้นมา พ่อทดเป็นถึงพ่อสามีหนู ไม่เอา มานั่งตรงนี้ ไม่งั้นหนูโกรธจริงๆด้วย งามตา ยุ้ย ทำไม ถึงไม่พาพ่อกับแม่ มานั่งข้างบนหละ”

“หนูก็ทำตัวไม่ถูกเหมือนกันพี่ ไม่เคยเจอแบบนี้ ก็เลยพากันนั่งกับพื้นกันหมด” งามตาพูดออกมา เพราะไม่เคยจริงๆ

“ใช่พี่ พวกเราไม่เคยเข้าจ้าวเข้านาย แบบนี้มาก่อน มันกว้างใหญ่มาก เลยงุนงงไปหมด”

       แขไขให้น้องๆนางกำนัลนำน้ำเย็นๆมาให้และก็ขอตัวจากไปทำงานช่วยนกต่อ

“หนูต้องขอขอบคุณ คุณพ่อมากเลยนะคะที่มาในวันนี้ ถ้าหนูรู้ว่าพ่อจะมาจะได้ให้คนที่วังไปรับหนูบอกแล้วไงว่ามีอะไรอย่าได้เกรงใจทำไมพ่อถึงเกรงใจหนูหละหนูน้อยใจนะ”

“พ่อไม่ได้มีเจตนาหรอกนก ทีแรกก็ว่าจะไม่มา แต่อยากเห็นหน้าลูกซะหน่อย ไม่รู้ว่าปาฏิหาริย์จะมีจริงไหม”

       พูดจบทดก็ลุก อยากจะเห็นร่างลูก “พ่อขอไปดูเจ้าวัชได้ไหม” ทดชะเง้อมองหาธวัช

“ได้ซิคะพ่อ ทางนี้ค่ะ” นกรีบพาพ่อและแม่ไปดูธวัชซึ่งนอนนิ่งอยู่ในโลงแก้ว สะอิ้งถึงดูเหมือนว่าจะสติแตกหรือจิตหลุดไปแล้ว แปลกแต่จริง เมื่อได้เห็นร่างของลูก เหมือนเธอจะจำได้ว่านั่นคือลูกของเธอ จึงอ้าปากส่งเสียงออกมา หลังจากที่ไม่ได้ส่งเสียงออกมาเลยเกือบเดือน สะอิ้งเอามือลูบโลงแก้ว ไปมาแล้วเดินไปรอบๆ

“วัช ธวัช ธวัช ลูกแม่ ตื่น ตื่นลูก ตื่นได้แล้ว” ทุกคนตกใจมากที่ได้ยินเสียงพูดของสะอิ้ง

“สะอิ้ง แกยอมพูดแล้ว” ทดดีใจมาก ที่สะอิ้งเริ่มมีปฏิกิริยาตอบสนองบ้าง สะอิ้งชี้ไปในโลงแก้ว แล้วพูดอีก

“วัช วัชนอนหลับอยู่ในนั้น วัชนอนอยู่ ไปปลุกซิ วัชมันขี้เซา เดี๋ยวจะทำงานสายนะ” ทุกคนน้ำตาไหลออกมา กับความรักของแม่ที่มีต่อลูก สะอิ้งไม่รับรู้ว่าลูกชายได้เสียชีวิตไปแล้ว นกจึงเดินเข้าไปประคองสะอิ้งออกมานั่งข้างๆ

“ไปปลุกวัชนะ วัชนอนอยู่ข้างใน วัชมันขี้เซา” นกเดินเข้ามาหาสะอิ้ง

“ค่ะแม่ เดี๋ยวหนูจะไปปลุกพี่วัชให้ แม่มานั่นตรงนี้ก่อนนะ บุษบา มาดูแลคุณแม่ด้วย” บุษบารับคำ

“เพคะองค์หญิง” รีบคลานมาดูแลแม่สามีทันที โดยไม่รอช้า

       ทดเดินเข้าไปดูธวัชใกล้ๆดูรอยเกรียมไหม้ทางด้านขวา แล้วส่ายหน้า นกเดินเข้ามาอยู่ข้างๆ

“ถ้าปาฏิหาริย์มีจริง เจ้าวัชมันฟื้นขึ้นมาได้จริง แล้วนกจะรับกับสภาพของมันได้เหรอ พ่อถามจริงๆ บอกพ่อมาตามตรงนะ”

“ไม่ว่าพี่วัชจะเป็นยังไง หน้าผีหรือเสียโฉมยังไง หนูไม่แคร์ ขอแค่ให้พี่วัชฟื้นคืนชีพมีชีวิตมาก่อนก็แล้วกัน แล้วเรื่องรูปร่างหน้าตาเราค่อยว่ากันภายหลัง ปัจจุบันศัลยกรรมบ้านเราหมอเก่งๆมีเยอะแยะไป ไม่ต้องบินไปถึงเกาหลีหรือต่างประเทศหรอกพ่อ”

       นกยืนยันเช่นนั้น “หนูจะแก้ไขปัญหาไปทีละเปาะ พ่อเชื่อหนูนะ หนูจะทำทุกวิถีทาง เพื่อให้พี่วัชกลับมาเหมือนเดิมให้ได้ เสียเท่าไหร่เท่ากัน หนูยอมเสีย ขออย่างเดียวขอแค่ให้พี่วัชฟื้นกลับมาเหมือนเดิมเป็นพอ” ทดเชื่อในสิ่งที่นกพูด จึงเดินกลับมานั่งที่เดิม

       ยุ้ยและงามตา เดินดูสภาพศพของธวัชอีกครั้ง เอามือลูบกระจกของโลงแก้ว ไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่นกบอกว่า ธวัชจะฟื้นคืนชีพกลับมาอีกครั้งในคืนนี้ มันไม่น่าจะเป็นไปได้แต่ก็ต้องเชื่อและมีความหวังบ้างเพราะอย่างน้อยสิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าก็สามารถบอกถึงปาฏิหาริย์อย่างหนึ่งได้คือ ร่างของธวัชไม่เน่าไม่เปื่อย ทั้งสองเมียเดินไปรอบๆ 1 เที่ยวและหยุด แล้วมองเข้าไปด้านใน

“พี่วัช รีบกลับมาหาหนูนะพี่ ลูกของเรารออยู่ พี่วัชต้องกลับมาหนูกับลูกนะพี่ หนูจะรอ พี่ต้องรีบกลับมาเร็วๆนะ หนูคิดถึงพี่”

       ยุ้ยรำพันกับตู้โลงแก้วเบาๆ งามตาก็เช่นกันเดินอยู่อีกด้าน เข้ามาดูรอยเกรียมไหม้ซึ่งเป็นผลงานความผิดพลาดของตัวเอง

“หนูขอโทษนะพี่ ที่ทำให้ร่างของพี่เสียไปไม่เหมือนเดิม ยกโทษและให้อภัยหนูนะพี่ ถ้าพี่ฟื้นขึ้นมาจริงๆ ต่อนี้ไปหนูจะไม่ดื้อเลย”

       แปลกแต่จริง อยู่ดีๆก็มีลมพัดเข้ามาวูบหนึ่งผ่านงามตาและทุกคนในนั้น จนงามตารับรู้ได้ว่า ธวัชรับรู้แล้วเป็นแน่แท้ งามตาจึงยกมือพนมขึ้นทันทีที่ข้างโลงแก้ว

“ขอบคุณนะพี่ที่เข้าใจ กลับมาเร็วๆนะพี่ ไม่ว่าพี่จะเป็นเช่นไร หนูรับได้ เพราะหนูรักพี่”

“พี่วัชไม่ต้องเป็นห่วงและกังวลอะไรนะ ทุกอย่างหนูได้จัดเตรียมไว้ให้พี่หมดแล้ว ขอให้พี่กลับมาอย่างที่พี่มาบอกหนูนะ”

       นกพูดเบาๆขณะที่ยืนดูยุ้ยกับงามตา และมองกลับไปที่พ่อทดซึ่งหน้าตาไม่สู้ดีกับแม่สะอิ้งที่นั่งเหม่อลอยยิ้มเอ๋อๆ อยู่คนเดียว

\\\\\ ----- /////

       ธวัชร่ำลาพลอยเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่ดวงจิตของเขาจะกลับไปสู่ร่างเดิมของเขาในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า พลอยกอดธวัชเอาไว้แล้วร่ำไห้ปานใจจะขาด อยากตายซ้ำอีกครั้งให้ได้ ธวัชหอมลงไปที่หน้าผาก พลอยกอดธวัชเอาไว้แน่น ธวัชไม่รู้จะให้อะไรเป็นของขวัญให้สมกับความดีของพลอยที่ช่วยเหลือเขามาตลอดที่อยู่ในโลกของวิญญาน

       จึงตัดสินใจให้ความสุขกับพลอยเป็นครั้งสุดท้าย คงจะทำได้เพียงเท่านี้ คิดได้ดังนั้นจึงรวบขาของพลอยแล้วอุ้มไปวางลงกับที่นอน จากนั้นก็ให้ความสุขกับพลอยเต็มที่ พลอยมีความสุขจนวินาทีสุดท้าย หลังจากเสร็จกิจ ธวัชแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย ถึงเวลาที่ต้องไปเสียทีจริงๆ จึงเดินจากพลอยแล้วยกมือบ๊ายบาย

“ลาก่อนนะน้องพลอย สักวันเราคงได้พบกันอีก พี่มีความรู้สึกเช่นนั้น”

“ลาก่อนค่ะพี่ สามีสุดที่รักของหนู จำเอาไว้นะคะพี่ ว่าหนูรักพี่ อย่าลืมคิดถึงหนูบ้างนะพี่ อย่าลืมคิดถึงเมียคนนี้บ้างนะ”

       แล้วร่างของธวัชก็หายวับไปกับตาต่อหน้าของพลอย พลอยร่ำไห้แล้วทรุดตัวคุกเข่าถึงสามีสุดที่รัก 2 เดือนที่ได้เป็นผัวเมียกัน พลอยมีความสุขมาก และจะไม่มีวันลืมสิ่งที่เกิดขึ้นเลยในชีวิต พลอยได้แต่นั่งนึกและคิดถึงภาพอดีตของธวัชในวันแรกที่ได้เจอกัน

<<<<< ***** >>>>>

       ไม่นาน หญิงยุกับเมืองราม ก็มาถึง

“ไอ้รัน” หญิงยุวิ่งเข้ามากอดเพื่อน โดยไม่ได้มองว่ามีใครอยู่บ้าง

“เป็นไงบ้างแก ไหวไหม เหนื่อยไหม ฉันว่าจะมาช่วยแกตั้งแต่เย็นแล้ว แต่ไม่ว่าง ต้อง Clear งาน พอเสร็จฉันก็มาเลยนะแก”

“ฉันไหว เห็นไหมนางกำนัลเยอะแยะ อีกอย่าง งานก็ไม่ได้หนักหนาอะไร แค่เอาดอกไม้มาจัดรอบๆ เปิดไฟนิดหน่อย นอกนั้นให้นางกำนัลทำทั้งนั้น แกสบายใจได้ ไป ไปหาที่นั่งก่อน” หลังจากที่ผละออกจากตัวเพื่อน ก็ต้องตกใจที่เห็นคนเต็มไปหมด กำลังจ้องมองมาที่เธอเป็นสายตาเดียวกัน หญิงยุ ยกมือไหว้ทด แต่ไม่สนใจยุ้ยกับงามตา เพราะไม่ชอบ ตัวปัญหาที่มีคดีกับสามี เมืองรามเดินเข้ามา ด้วยสีหน้าที่ไม่ปกติ เดินตรงผ่านเมียไปหาเพื่อนที่โลงแก้วทันที

“นี่เหรอโลงแก้ว เกิดมาก็พึ่งเคยเห็นนี่แหละ” หญิงยุเดินเข้ามาหา

“ใช่ค่ะรามโลงแก้ว ไม่ใช่ว่าใคร ก็จะมีโอกาสได้ลงไปอยู่ในนี้ได้ง่ายๆนะ ถ้าไม่ใช่ระดับหม่อมเจ้าขึ้นไป”

“นี่แสดงว่า ในอนาคต ถ้าหญิงสิ้นอายุขัยตายไป ก็มีสิทธิ์และสามารถเข้าไปลงนอนในโลงนี้ได้หนะซิ”

“ใช่ หญิงรันก็ด้วย ว่าแต่คุณถามทำไม” หญิงยุสงสัย

“แล้วโลงแก้วมีไว้ทำไม ในเมื่อคนก็เสียชีวิตไปแล้ว ไม่กลัวกันเหรอ ถ้าเอามาตั้งไว้แบบนี้” เมียส่ายหน้า

“ไม่รู้ซิ มันเป็นธรรมเนียมกันมาตั้งแต่โบราณกาลนานแล้ว ถ้าใครไม่เอาก็ได้เอาไว้เพื่อประดับบารมีมั้ง”

       หญิงยุกล่าวง่ายๆแบบไม่รู้จริงๆ “บางคนก็ยังอยากเห็นหน้าของคนที่รักจนวินาทีสุดท้าย บางคนก็ฝัง บางคนก็เผา เรื่องนี้หญิงตอบไม่ได้ ประเพณีของทางราชนิกูล มันมีมานานแล้ว เขาก็ทำตามต่อๆกันมา อย่างคราวนี้หญิงก็ไม่รู้ว่าหญิงรันทำยังไง ถึงเอาโลงแก้วใบนี้มาให้สามีมันได้ก็ถือว่าเก่งมากเลยทีเดียว”   

เมืองรามจ้องมองร่างเพื่อนที่นอนอยู่ข้างใน สภาพไม่น่าจะรอด และอยู่มาได้จนถึงเวลานี้โดยไม่เน่าไม่เปื่อย

“มันน่าแปลกนะหญิง” หญิงยุถาม แต่ไม่ได้มองหน้าสามี เพราะกำลังดูร่างของธวัชเช่นกัน

“อะไรเหรอราม” หญิงยุ เดินดูและพิจารณา ถึงความอัศจรรย์และน่าพิศวง มันเหมือนคนนอนหลับจริงๆ ถ้าไม่เห็นด้วยตา จะไม่เชื่อเลยจริงๆ แถมมีกลิ่นหอมอีกต่างหาก ไม่เหม็นเลย

“มันเหมือนคนนอนหลับ ไม่เหมือนคนที่ตายไปแล้ว 2 เดือน” เมืองรามชี้ให้เมียดูเพื่อนตัวเอง

“หญิงดูซิ ทุกอย่างยังอยู่ปกติ แถมมีกลิ่นสมุนไพรหอมลอยออกมาอยู่ตลอดเวลา มันไม่เหมือนคนตายเลย” เมืองรามยิ่งดู ยิ่งไม่เข้าใจ ความมหัศจรรย์ที่อยู่ตรงหน้าจริงๆ นกเดินเข้ามาหาเพื่อนๆ เมืองรามจึงเอ่ยปากถามคำถามบางอย่าง ที่ยังติดอยู่ในใจ

“นก” นกหันไปหาพี่ชายตัวเอง

“ขาพี่” เมืองรามเอามือเกาะโลงแก้วแล้วลูบไปมา

“ไอ้กลิ่นหอมๆที่พี่ได้กลิ่นอยู่เนี่ย นกจุดอะไรเพื่อกลบกลิ่นศพของไอ้วัชหรือเปล่า”

“เปล่านะพี่ หนูไม่ได้ทำอะไรเลย” นกพูดออกไปตรงๆ

“นอกจาก เคลื่อนย้ายร่างพี่วัชออกมาจากโลงเดิมเท่านั้น” พูดไปด้วยเดินไปด้วยช้าๆแถวนั้น

“แล้วเอามาใส่ไว้ที่โลงแก้วนี้เฉยๆ” เมืองรามอึ้งเลย

“จริงเหรอ” นกพยักหน้า

“พี่จำได้ว่า กลิ่นนี้มันติดจมูกพี่มาตั้งแต่ที่บ้านของหมอผีนั่นแล้วหนะ” นกหยุดเดิน แล้วหันไป

“ไม่รู้ซิ หนูไม่ได้สังเกตุ” แล้วก็หันไปมองในตู้

“แต่หนูก็ว่าใช่นะ กลิ่นนี้มันอยู่ติดตัวพี่วัชมาตลอด ตั้งแต่หนูเข้าใกล้ร่างพี่เค้า จะมีก็แต่ตอนนี้แหละที่มันส่งกลิ่นชัดมากทะลุโลงออกมาเลย ถ้าพี่ไม่ทัก หนูก็ไม่ได้สนใจอะไรเลย และมันมีอะไรเหรอเปล่าพี่”

“ราม มาดูอะไรนี่ซิ” ก่อนที่เมืองรามจะตอบอะไรนก หญิงยุเรียกเสียก่อน เมืองรามกับนก จึงเดินไปหาหญิงยุอีกด้านหนึ่ง

“มีอะไรเหรอหญิง” หญิงยุชี้ให้ทั้งสองคนมองเข้าไปตรงบริเวณมือ แขน ขาและเท้า ของธวัชทางซ้าย

“คนตายส่วนใหญ่ ร่างกายมันต้องดำคล้ำ ผิวแห้งจนถึงกระดูกและมีพวกน้ำเหลืองไหลเยิ้มใช่ไหม”

“ใช่..แล้วทำไมเหรอ” เมืองรามถามเมีย

“หญิงพยายามจะบอกอะไรเราสองคนเหรอ” หญิงยุชี้ให้ทั้งสองคนดูอะไรบางอย่างที่ผิดสังเกตุในนั้น

“ก็ดูและสังเกตุเอาเองซิ รามบอกมันเหมือนคนนอนหลับใช่ไหม นี่มันยิ่งกว่าอีกนะ รามดูดีๆ หญิงมองและสังเกตุอยู่นานแล้ว ดูเส้นเลือดที่อยู่ตามร่างกายซิ ผิวมันเหมือนคนที่มีการสูบฉีดอย่างดีปกติ มีเลือดฝาดด้วย ดูซิ มอง เห็นไหมตรงนั้นหนะ ตรงนั้นด้วย และที่สำคัญนะ นั่น มือ เส้นเลือดสีเขียวๆเห็นชัดเจน และนี่ใกล้สุด ปลายเท้า เท้าเนียนมาก ไม่แห้ง มันน่าแปลกไหม จริงไหมไอ้รัน เอ้า แกดู เดี๋ยวแกจะหาว่าฉันคิดมาก” นกพึ่งสังเกตุและเพ่งพินิจลงไป ตรงบริเวณที่เพื่อนบอก มันก็จริงทุกประการ

      นกรีบมองดูมือและร่างกายตัวเอง มีเลือดฝาดเหมือนกันทุกประการ เส้นเลือดสีเขียวๆที่มือ

“จริงด้วยไอ้ยุ ทำไมฉันถึงไม่ได้สังเกตุนะ หรือว่าตั้งแต่วันนั้น พี่วัชยังไม่ตาย” นกมองหน้าเพื่อน

“เป็นไปไม่ได้ หมอชันสูตรศพแล้วว่าไอ้วัชไม่มีชีพจร เสียชีวิตทันทีตั้งแต่วันนั้นแล้ว ก่อนที่จะนำร่างมันมาใส่โลง ไม่งั้นจะออกใบมรณะบัตรได้ยังไง พี่ไม่เชื่อ” เมืองรามเถียงหัวชนฝา

       แต่สิ่งที่ปรากฏอยู่ข้างหน้าก็ไม่สามารถที่จะบอกอะไรได้เช่นกัน ระหว่างที่ทั้งสามคนกำลังมึนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ถึง 20 นาที หลังจากที่หญิงยุมาถึงวังของนก ริชาร์ดกับพิมพ์ก็ตามมาสมทบอีก ทั้งสามคนหันไปดูว่าใครมาอีก

“พิมพ์ ริชาร์ด” ทั้งสองคนยกมือสวัสดีทุกคนที่อยู่ในห้องนี้ นกเดินมากอดพิมพ์

“คิดถึงพี่นกมากๆเลย เป็นไงบ้างพี่ เตรียมงานและความพร้อมไปถึงไหนแล้ว หนูขอยลโฉมโลงแก้วสักครั้งในชีวิตหน่อยพี่ กลัวก็กลัว แต่ก็อยากเห็น” นกจูงมือพาน้องสาวสุดที่รักไปให้เห็นกับตา

“นี่ไง” พิมพ์กับริชาร์ด เดินดูรอบๆ พิมพ์เอามือลูบโลงแก้ว แล้วเอาจมูกสูดดมกลิ่นหอมที่ลอยออกมา

“กลิ่นอะไรหนะพี่ทำไมถึงได้หอมเอามากๆเลย จะว่ากลิ่นการบูรหรือไม้แก่นจันที่เอาไว้กลบกลิ่นพวกศพ ก็ไม่น่าจะใช่นะ” นกรีบบอก

“ไม่ใช่หรอกจ๊ะพิมพ์ กลิ่นนี้มันอยู่กับพี่วัชมาตั้งแต่ตอนที่ไปนำร่างกลับมาแล้ว แปลกมาก” พิมพ์ยิ่งดู ยิ่งอเมซิ่ง นกอธิบายต่ออีก

“ยิ่งตอนนี้นะยิ่งแรงขึ้นจนทุกคนได้กลิ่นชัดเลย ไม่เหม็น จะว่ามะลิ หรือชบา เบญจมาศ จะว่าเป็นกลิ่นพวกโคโลนจ์ก็ไม่ใช่ พวกดอกไม้ไทยๆ ยิ่งไม่ใช่ใหญ่เลย ช่างเถอะ รู้ว่ามันหอมก็ใช้ได้แล้วหละ” พิมพ์พยักหน้า

“เห็นอย่างนี้แล้วกลัวไหม” พิมพ์ส่ายหน้า

“ไม่แล้วพี่ ทีแรกหนูก็กลัวนะ หากมาเจอร่างแบบเน่าๆ เละๆ แต่นี่พี่ดูซิปกติ เหมือนคนนอนหลับเท่านั้นเอง ก็เลยดูไม่น่ากลัว”

ริชาร์ดถามต่อ “แล้วความคืบหน้าเป็นยังไงบ้างครับคุณนก ต้องเตรียมทำพิธีอะไรเพิ่มไหม”

“ไม่ค่ะ พี่วัชไม่บอกอะไร ในฝัน พี่วัชแค่บอกว่า ช่วยหาร่างให้เจอเท่านั้น และก็ไม่ได้บอกอะไรเลย พวกเราคงต้องรออย่างเดียว ว่าพี่วัชจะกลับมาได้อย่างไร นี่ก็ใกล้เวลาเข้าไปทุกทีแล้ว นกว่าเราคงต้องรออย่างเดียวเท่านั้นหละค่ะ นกก็ไม่ได้รู้หรือปิดบังอะไรคุณเลยนะ แค่ทำทุกอย่างที่พี่วัชบอกไว้เท่านั้น นกว่าเรามานั่งคุยกันทางโน้นดีกว่า ไปพิมพ์” นกจับมือน้องสาวไปหาที่นั่งคุยกัน

“ค่ะพี่” พิมพ์ยังคงสงสัยเหมือนหญิงยุ เพราะดูแล้วยังไงๆก็ไม่เหมือนคนตาย ริชาร์ดยังคงคิดไม่ตก เกิดมาก็พึ่งเคยพบเจอนี่แหละ

       แต่ทำไงได้ รอยกระสุนยังคงเป็นร่องรอยที่เห็นชัดเจนเด่นออกขนาดนั้นและอีกอย่างที่ปฏิเสธไม่ได้ก็คือ ธวัชไม่มีชีพจรและลมหายใจ เพียงแต่สภาพร่างยังคงปกติไม่เน่าเปื่อยไปตามกาลเวลาก็เท่านั้นเอง จากนั้นก็ได้มีการพูดคุยกันอยู่นานมาก เหมือนวันนี้มีงานศพเล็กๆเลยทีเดียว เสด็จพ่อกับท่านแม่ไม่ลงมา เพราะเห็นว่า ไม่เกี่ยวกับพวกเขา สรุปทุกคน ที่มาในคืนนี้ไม่กลับบ้าน ขออยู่เพื่อจะดูความมหัศจรรย์ในตอนเช้า เมื่อเป็นอย่างนั้น นกจึงให้ทุกคนแยกย้ายกันไปพักผ่อนตามอัธยาศัย เพราะนี่มันก็ดึกมากแล้ว ไม่รู้ว่าปาฏิหาริย์จะมาตอนไหน จึงให้ทุกคนแยกย้ายกันไปอาบน้ำ และหาที่หลับที่นอนให้

“พิกุล แขไข เพทายและบุษบา รบกวนด้วยนะพวกเรา ช่วยดูเรือนรับรองทางปีกซ้ายให้กับแขกของฉันด้วย ตามนางกำนัลไปได้เลยนะทุกคน ไม่ต้องเกรงใจ ส่วนไอ้ยุ แกขึ้นไปนอนห้องเดิมของแก ตามสบายนะพี่ราม ไอ้ยุมันรู้ว่าอยู่ตรงไหน ส่วนยุ้ยกับงามตาจะเอายังไง พิมพ์กับริชาร์ด เขาไม่มีปัญหาอยู่แล้ว” ทั้งสองคนมองหน้ากัน สักพักสะบัดหน้าหนีกัน

“เอาหละเป็นอันว่ารู้แล้ว” นกเข้าใจ

“พิกุล สองคนนี้ให้นอนห้องเล็กคนละห้องนะ แขไขพาพ่อกับแม่ไปห้องใหญ่นะ ส่วนพิมพ์กับริชาร์ด ตามเพทายไปได้เลย บุษบาไปบอกพวกน้องๆให้เตรียมหมอนผ้าห่ม และผ้าเช็ดตัวแขกให้เรียบร้อยนะ ตามสบายนะทุกคน นกขอตัวก่อน”

       พอสั่งงานเสร็จ นกก็เดินกลับไปอยู่ที่โลงแก้วของสามีทันที โดยไม่สนใจใคร จัดตรงนั้นแต่งตรงนี้ต่อ แบบมีความสุขในแบบของเธอ ก่อนนอน ทุกคนเดินไปดูธวัชที่นอนอยู่ในโลงแก้วอีกครั้งเพื่อเป็นบุญตา จากนั้นก็แยกย้ายกันไปนอน

***** ///// *****

       หลังจากที่ธวัชไปแล้ว พลอยก็ได้แต่นั่งซึมเศร้า นั่งคิดถึงอดีต ตั้งแต่ที่ได้เจอธวัชในวันแรกๆ ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา ไม่ว่าจะได้มีโอกาสได้เสียกับธวัชจนเป็นผัวเมียกันจนถึงวันและวินาทีสุดท้าย พลอยน้ำตาไหลริน ยกมือขึ้นพนมขอพรกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์

“ถ้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริงบุญของลูกยังเหลืออยู่บ้าง ถ้าลูกได้มีโอกาสไปเกิดใหม่ตามที่พี่วัชเคยบอกไว้ ขอให้ลูกได้เกิดและอยู่ใกล้ๆกับพี่วัชตลอดไปด้วยเทอญ” พลอยขอพรไปพร้อมกับน้ำตา

“หนูรักพี่มากนะพี่วัช ถ้าชาติหน้ามีจริง ขอให้เราได้เกิดและอยู่ด้วยกัน อยู่ใกล้ๆกันอีกนะพี่นะ ลาก่อน ขอให้พรที่หนูขอ สมปรารถนาด้วยเทอญ” เสียงท้องฟ้าดังลั่นเปรี้ยงปร้างขึ้นมาทันที โดยไม่มีปี่มีขลุ่ย

%%%%% ----- %%%%%

       ในคืนเพ็ญค่ำวันนี้ หลวงตาบุญ ยังคงนั่งสมาธิอยู่เพียงลำพัง ส่งกระแสจิตช่วยนำทางเพื่อให้ดวงจิตดวงวิญญาณของธวัช กลับสู่ร่างโดยไม่หลงทางและจิตวอกแวกหลุดไปที่ใดระหว่างทาง เพราะหลวงตารู้ดีว่าขณะนี้ดวงจิตของธวัชกำลังสับสนมาก

xxxxx ===== xxxxx

       เวลาผ่านไปทุกคนต่างแยกย้ายกันไปนอน ห้องใครห้องมัน 5 ทุ่มแล้ว นกยังข่มตาหลับไม่ลงนอนกระสับกระส่าย เหงื่อไหลออกมาเต็มหน้า ภาพของธวัช วิ่งผ่านไปมา ทั้งดี ทั้งร้าย จนทำให้เธอสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึก

“พี่วัช” วันนี้เป็นเวรของบุษบาที่ต้องมานอนเฝ้าเจ้านาย แต่คงเพราะเพลียเลยหลับยาว ไม่ได้ยินเสียงร้องของนก นกขยับผ้าห่มแล้วลุกออกมาจากเตียง เดินไปที่หน้าต่าง มองดูท้องฟ้าที่กำลังปั่นป่วนอยู่ สักพักก็หยิบเสื้อคลุมมาใส่แล้วเดินลงไปด้านล่างเพียงคนเดียว

       นกเดินลงไปยืนกอดโลงแก้วเอาหน้าเอาแก้มพิงไปที่โลงแก้วนั้น เอามือลูบไปที่โลงแก้วตรงใบหน้าสามี และจูบลงไปตรงนั้น พร้อมกับระบายความในใจออกมา พร้อมกับน้ำตาที่ไหลรินนิดๆ

“พี่วัช อย่าโกหกหนูนะพี่ พี่อยู่ไหน ทำไมถึงไม่ปรากฏร่างออกมาให้น้องเห็นสักที น้องจะไม่ไหวอยู่แล้วนะ น้องรอพี่อยู่แทบใจจะขาดแล้วนะพี่ นี่ก็จะหมดคืนแล้วนะพี่ คืนเพ็ญที่พี่บอกน้อง กำลังจะผ่านไปแล้ว พี่ พี่อยู่ไหน รีบกลับมานะพี่นะ”

       แล้วนกก็เดินกลับขึ้นไปนอน เมื่อได้เห็นหน้าสามีอีกครั้ง คราวนี้นกสามารถหลับได้เมื่อหัวถึงหมอน แล้วเหมือนกับว่าจะฝันไปอีกหรือเปล่าก็ไม่รู้ได้ ความรู้สึกของนกในตอนนี้เหมือนว่า ธวัชมานอนอยู่ด้วยใกล้ๆ นกรู้สึกตัวในภาพฝันที่เหมือนจะเลืองลางแห่งนั้น

“พี่วัช พี่วัช พี่วัชกลับมาแล้ว พี่วัช” นกกอดธวัชเอาไว้ ระดมจูบไปที่แก้มทั้งสองข้าง เท่าที่อยากทำ

“พี่เป็นยังไงบ้าง พี่หายไปไหนมา รู้ไหมว่าน้องคิดถึงพี่มากเลยรู้ไหม” นกได้แต่เอามือลูบหน้า ลูบตาธวัช

“พี่ไม่ได้ไปไหน พี่ก็อยู่ข้างๆน้องทุกวันทุกคืนนี่แหละ เพียงแต่น้องไม่เห็นพี่ก็เท่านั้นเอง” ธวัชเอามือลูบหน้าและเสยผมนก

“ต่อไปนี้ พี่ห้ามไหนอีกแล้วนะ หนูขอสั่งห้ามไม่ให้พี่ไปไหน ไปไกลจากน้องอีกแล้ว เข้าใจไหม”

       ธวัชพยักหน้า สักพักเหมือนความสุขจะอยู่ได้ไม่นาน คุยกันได้ไม่กี่คำ ธวัชก็เลือนหายไปจากอ้อมกอดของนกทันที

“พี่วัช พี่วัช กลับมา พี่วัช พี่วัช” นกสะดุ้งตื่นลุกขึ้นมานั่งอีกเป็นครั้งที่สอง

       คราวนี้บุษบาตกใจตื่นทันที เพราะเสียงร้องของนก จึงรีบวิ่งไปหานกทันที

“ฝ่าบาท ทรงเป็นอะไรเพคะ ทรงร้องเสียงหลงเลย หม่อมฉันตกใจหมดเลย”

       นกนั่งตัวสั่น เหงื่อไหลออกมาเต็มหน้า จนบุษบาต้องนำผ้าขนหนูมาเช็ดให้

“พี่วัช พี่วัช เธอเห็นพี่วัชไหมบุษบา เมื่อกี้พี่วัชยังนอนอยู่กับฉันตรงนี้เลย” บุษบา มองไปมารอบๆเริ่มกลัว

“ฝ่าบาท อย่าทรงพูดออกมาเช่นนั้นซิเพคะ พระสวามีของฝ่าบาท มาเหรอ มะมะไม่มีนะเพคะ” บุษบากลัวมาก

“ทรงคิดไปเองหรือเปล่า อย่าเล่นแบบนี้ซิเพคะฝ่าบาท ถ้าพระสวามีของฝ่าบาทมาจริงๆ บุษบาขอตัวลาก่อนนะเพคะ”

“จะไปไหน เสด็จพี่ฉันน่ากลัวตรงไหน จริงๆ เมื่อกี้เสด็จพี่ยังนอนกอดฉันอยู่ตรงนี้เลย นี่ไงกลีบกุหลาบที่ฉันใส่ไว้ให้ในตัว”

       บุษบายื่นหน้าเข้าไปดูกลีบกุหลาบใกล้ๆ ยิ่งเพิ่มความกลัวให้กับเธอเข้าไปอีก เมื่อเห็นดังนั้นบุษบาไม่ไหวแล้ว รีบวิ่งกลับไปที่นอนตัวเองแล้วดึงผ้าห่มปิดหัวปิดตัวนอนต่อทันที นกไม่รู้จะทำยังไง จึงเอนตัวนอนและหลับตาข่มใจนอนทันที

$$$$$ ----- $$$$$

       <กล่าวถึงชีวิตของพลอย> พลอยเป็นลูกของพ่อค้าแม่ค้า ที่หาเช้ากินค่ำไม่ได้ร่ำรวยอะไร พลอยเป็นเด็กที่เรียนเก่ง พลอยอยากเป็นหมอเพราะจะได้สามารถช่วยเหลือทุกคนได้ พลอยเป็นลูกสาวคนเดียวและความหวังเดียวของที่บ้านคิดว่า อนาคตถ้าพลอยเรียนจบคงได้เปิดคลีนิครักษาคนได้ แต่ความหวังนั้นก็ได้พังทลายลงเมื่อพลอยได้เสียชีวิต ทุกอย่างจึงหายวับไปหมด

       พลอยเป็นเด็กสาวร่าเริง ไม่ค่อยจะมีเพื่อนเท่าใดนัก เพราะหลังจากเรียนเสร็จในตอนเย็นต้องรีบกลับมาช่วยงานพ่อกับแม่ที่บ้าน อาชีพค้าขายของพ่อแม่ ก็พออยู่ได้ไปวันๆ พ่อขายล๊อตเตอรี่และรับจ้างส่งของทั่วไป ส่วนแม่ขายผักและรับจ้างเย็บผ้าทั่วไป รายได้ไม่มากนักพออยู่ได้ พลอยเป็นเด็กน่ารัก ไม่ชอบเที่ยว เรื่องผู้ชายไม่ต้องพูดถึง ใครมาจีบเธอหนีหมด เพราะรู้ตัวดีว่าฐานะทางบ้านเป็นยังไง เวลาว่างพลอยก็มาช่วยแม่ขายผักบ้าง เวลาที่แม่เอาผ้าไปส่งที่โรงงานหรือขายล๊อตเตอรี่แทนพ่อ เวลาที่พ่อไปส่งพัสดุให้กับลูกค้า ถ้ามีเวลาว่างพลอยก็จะรีบอ่านหนังสือเพื่อจะไปสอบแข่งขันกับคนอื่นเขาเพื่ออนาคต

       วันนี้เป็นวันสอบวันสุดท้ายของพลอย พลอยจึงรีบตื่นแต่เช้าเพื่อไปขอพรจากบุพการีทั้งสอง

“หนูไปสอบก่อนนะพ่อ แม่” พลอยแต่งชุดนักเรียนที่ขาวสะอาดน่ารัก มาไหว้พ่อและแม่

“ขอให้สอบได้นะลูก พ่อเอาใจช่วย ทำให้เต็มที่ ผลลัพธ์ออกมาจะเป็นยังไง ช่างมัน ถือว่าเราทำเต็มที่แล้ว” พ่อให้พร

“ใช่ลูก แม่กับพ่อ ไม่ได้คาดหวังอะไรมากนักหรอก ถ้าสอบได้มันก็ดี ความฝันของลูกจะได้เป็นจริง อะไรที่เป็นความสุขของลูก พ่อกับแม่ให้ได้หมดหละ ตั้งใจนะลูก ขอให้ทำอย่างเต็มที่ก็พอแล้ว ผลที่ออกมาจะเป็นยังไง แม่กับพ่อไม่ว่า ถ้าสอบไม่ได้ เราก็มาเรียนเอกชนเอา แม่ขอให้ลูกของแม่ สอบได้นะ เพี้ยง” แม่เป่ากะหม่อมให้ลูกสาว

       พลอยก้มลงกราบเท้าของพ่อและแม่ และเดินออกไปด้วยรอยยิ้มที่มีความสุข พ่อและแม่มองหลังลูกสาวจนลับตาไป แต่หารู้ไม่ว่า หลังจากนี้จะไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าลูกสาวสุดที่รักแสนขยันคนนี้อีกแล้วไปตลอดชีวิต นั่นเป็นน้ำเสียงสุดท้ายที่พ่อและแม่ได้ยินจากปากของพลอย

“หนูไปสอบก่อนนะพ่อ แม่” เสียงนี้ยังคงดังก้องอยู่ในหูของพ่อและแม่ จากวันนั้นจนถึงวันนี้

       ก่อนตาย พลอยอายุได้ 17 ปี วันนั้นเป็นวันที่พลอยไปสอบเอ็นทรานซ์วันสุดท้ายเพื่อเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยที่เธอชอบ แต่ต้องมาจบชีวิตลงเสียก่อน เพราะขากลับหลังจากที่สอบเสร็จ โดนลูกหลงของเด็กช่างกลกลุ่มหนึ่งที่ตีกันบนถนนแถวนั้น เกิดการยิงกันจนกระสุนพลาดไปถูกรถคันหนึ่งที่วิ่งมา ทำให้รถเสียหลักพุ่งมาชนเธออย่างแรงขณะที่เธอกำลังเดินข้ามทางม้าลายอย่างถูกต้องกับสัญญานไฟแดง พลอยโดนรถชน อัดก๊อปปี้ตายคาที่ทันที เพราะแรงรถที่เสียหลักมาชนแรงมาก พลอยเสียชีวิตอยู่ที่ข้างฟุตบาทบนทางม้าลาย ท่ามกลางความชุลมุนและผู้คนมากมาย ในวันนั้นพลอยเป็นเด็กสาวเพียงคนเดียวที่โชคร้าย

       หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้น กลุ่มของนักเรียนช่างกลก็ได้ถูกจับดำเนินคดี และคนที่ขับรถเสียหลักชนพลอยเสียชีวิตนั้น ก็ได้ชดใช้และยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งๆที่มันเป็นเหตุสุดวิสัย พ่อและแม่ของพลอยเข้าใจว่าชายผู้นั้นไม่ได้มีเจตนาที่จะทำให้พลอยเสียชีวิต ต้องไปโทษพวกเด็กช่างกลเหล่านั้นต่างหาก แต่ชายคนนั้นก็เต็มใจที่จะให้ความช่วยเหลือเท่าที่จะทำได้

       ตั้งแต่นั้นมา จึงทำให้พลอยตายไปแบบจำอะไรไม่ได้เลยจริงๆ จึงเป็นที่มาของความจำเสื่อม เพราะพลอยโดนชนอย่างแรง หัวเธอไปกระแทกกับพื้นถนนอย่างจังและโดนรถลากไถลไปติดกับฟุตบาท คอหักเสียชีวิตทันที ไม่สามารถช่วยชีวิตอะไรได้เลยในชุดนักเรียนชุดสุดท้ายที่เธอได้ใส่อยู่ การจำอะไรได้บ้างไม่ได้บ้างและดวงวิญญาณที่ต้องวนเวียนอยู่ ณ บริเวณนั้น จึงทำให้เธอต้องเร่ร่อนเป็นวิญญาณที่ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร มีใครเป็นญาติบ้าง แต่พลอยก็สามารถใช้ชีวิตรอดมาได้ จนได้มาเจอกับธวัช

       หลังจากที่พลอยเสียชีวิตไปแล้ว ไม่นานผลการสอบก็ออกมา ปรากฏว่า พลอยสอบติดคณะแพทย์ศาสตร์ของมหาลัยมหิดล พ่อและแม่ มาแสดงความดีใจกับพลอยที่หลุมฝังศพ และร่ำไห้กับความพยายามของพลอยจนวินาทีสุดท้าย

“ลูกทำสำเร็จแล้วนะลูก พ่อขอให้ลูกของพ่ออย่าได้มีห่วงอะไรอีกเลย ไปสู่สุขคตินะลูกนะ” พ่อเอามือลูบรูปของพลอย

“แม่และพ่อ รับรู้แล้วนะว่าลูกทำได้ ความฝันของลูกเป็นจริงแล้วนะพลอย พลอยเก่งมาก แม่มีความสุขมากที่พลอยทำได้นะลูกชาติหน้าถ้ามีจริง ขอให้พลอยกลับมาเกิดเป็นลูกของแม่อีกนะ แม่รักลูกนะพลอย” แม่เอาพวงมาลัยมาวางไว้แล้วก็จากไป

>>>>> @@@@@ <<<<<

       ดวงจิตของธวัชกำลังสับสน เพราะมีห่วงและกังวลในเรื่องของนกและพลอยอยู่ จึงทำให้สมาธิการกลับเข้าสู่ร่างยังไม่ได้ ไม่นาน ก็เหมือนมีเสียงดังมาจากสวรรค์ มานำทางให้ธวัชได้ยิน และคอยแนะนำการกลับคืนสู่โลกมนุษย์ในครั้งนี้

“เจ้าชาย เจ้าชาย จงมีสติ ดวงจิตอย่าวอกแวกและหลงทางไปที่อื่น รวมสติให้อยู่ ณ จุดเดียว เพ่งกระแสจิตไปยังที่เจ้าชายจะไป”

“หลวงตา หลวงตา ทำไมผมถึงไม่สามารถเข้าร่างผมได้หละครับ ทั้งๆที่ผมเห็นร่างแล้ว ทำยังไงก็ไม่สามารถเข้าได้  ผมลองดูหลาย

ครั้งแล้ว แต่ทำไมผมถึงไม่สามารถเข้าร่างได้หละครับ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับผม หรือว่าบุญของผมหมดแล้ว”

“ที่เจ้าเข้าไม่ได้ เพราะเจ้ายังมีห่วง พยายามทำสมาธิ ตัดเรื่องที่เจ้ากำลังกังวลอยู่ออกให้หมด ไม่ว่าเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ เวลาของเจ้าไม่มีแล้ว เหลือไม่มาก ถ้าเจ้ายังทำจิตให้ว่างและบริสุทธิ์ไม่ได้ เจ้าก็ไม่สามารถที่จะเข้าร่างของเจ้าได้อีกเลยตลอดชีวิต แม้ว่าเจ้าจะเห็นร่างอยู่ตรงหน้าก็ตาม เชื่ออาตมา หยุดคิด และมีสมาธิ รีบนั่งทำสมาธิซะก่อนที่อะไรๆ มันจะสายเกินไป”

       แล้วภาพของหลวงตาบุญก็ได้จางหายไปต่อหน้าของธวัช ธวัชหยุดเดินไปมา แล้วนั่งลง ทำตามที่หลวงตาบุญแนะนำทันที

***** \\\\\ *****

       คนในวังกลัว เพราะองค์หญิงนกเล่นตั้งศพของธวัช ไว้ด้วยโรงแก้ว กลางวังหลวง คืนนั้นเป็นคืนวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ ตรงตามที่ธวัชเคยบอกเธอในฝัน เที่ยงคืน ทุกคนได้หลับกันหมดแล้ว ก็ได้เกิดอาเพสแปลกๆ ที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ ลมพัดมาอย่างแรง ฟ้าร้อง ฟ้าแลบเปรี้ยงปร้าง แต่ไม่ดังมาก ได้เกิดเหตุการณ์ประหลาด อยู่ดีๆ ก็มีประกายแสงสว่างจ้าขึ้นที่ท้องฟ้า พุ่งตรงลงมาจากด้านบนลงมายังวังไม่ลงสู่พื้นดิน ตีโค้งและวิ่งเป็นสายส่องตรงไปยังร่างของธวัชที่อยู่ในโลงแก้ว แสงวิ่งเข้าร่างของธวัชอยู่นานพอสมควร

       แล้วไม่นานโลงแก้วนั้นก็แตกกระจายออกเป็นเสี่ยงๆเสียงดังมากก้องไปทั่ววัง จนใครๆไม่กล้าออกมา เพราะกลัวและร่างของธวัชก็ได้หายไปในพริบตา จากนั้นทุกอย่างก็เงียบสงบลงทันที ไม่มีพายุ ไม่มีลม ไม่มีฝน เป็นเหตุการณ์ปกติ ทุกคนในวัง ต่างเอาผ้าห่มคลุมหัวตามๆกัน แต่ก็แปลกที่นกกลับหลับ ไม่ตื่นขึ้นมาดูกับเหตุการณ์ที่เกิดในคืนนี้ เหมือนจะหลับสบายเสียอีกด้วยซ้ำ

     6 โมงเช้า พิกุลเดินฮัมเพลงเอาดอกไม้มาประดับสถานที่เช่นเดิม ก็ต้องตกใจเมื่อเห็นโรงแก้วแตกละเอียด และมองไม่เห็นร่างของธวัชในนั้น เธอจึงรีบวิ่งอ้าว ไปบอกองค์หญิงทันที เสียงเคาะประตูดังลั่นแต่เช้า

“พระสวามี” นกจึงรีบวิ่งไปดู ส่วนพิกุลกลัวไม่กล้าตามไปด้วย เมื่อเห็นโลงแตกและไม่มีร่างของพระสวามี

       นกได้แต่นั่งนิ่งดูโลงแก้วที่เหลือ แล้วก็ร้องร่ำไห้อยู่เพียงคนเดียวตามลำพัง

“พี่วัช พี่วัช ทำไม ทำไม ไหนบอกว่า จะกลับมาอยู่กับหนูไง พี่วัช พี่วัช ทำไมถึงไม่ทำตามสัญญา ทำไมต้องหลอกหนู ทำไม”

>>>>>>>>>> ********** <<<<<<<<<<

โปรดติดตามตอนต่อไปใน ตอนที่ 48 .. “ สิ่งที่ไม่แน่นอน ”

ตอนที่ 47 .. “ แทงข้างหลัง ”

Romance Fiction - นิยายรัก / รักโรแมนติก

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.