บทที่ 45: ความจริงที่ไม่เหมือนเดิม
วินาทีที่แสงสีทองอันอบอุ่นสาดส่องออกมาจากใจกลางของผลึก... โลกแห่งความจริงก็พลันสลายไป...
มันไม่ใช่การถูกดึงเข้าไป... ไม่ใช่การเดินทาง... แต่เป็นการ "ตื่นขึ้น" ในสถานที่แห่งใหม่
ทีมเดินทางเท้าทั้งหกคนไม่ได้ลอยตัวอยู่ในโถงแห่งนิรันดร์อีกต่อไป แต่พวกเขากลับพบว่าตัวเองกำลังยืนอยู่บนทางเดินที่ทำจากโลหะสีขาวนวลที่ทอดยาวสุดสายตา... เบื้องบนไม่ใช่เพดาน แต่คือท้องฟ้าสีครามสดใสที่พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อน... และรอบตัวของพวกเขาคือ มหานคร
มันคือเมืองที่ไม่ควรจะมีอยู่จริง...
ตึกระฟ้าที่สูงตระหง่านไม่ได้สร้างขึ้นจากคอนกรีตหรือเหล็กกล้า แต่กลับดูเหมือนถูก "ปลูก" ขึ้นมาจากพื้นดิน ลำต้นของมันคือโลหะชีวภาพที่บิดเกลียวอย่างสง่างามราวกับต้นไม้โบราณ และบนยอดของมันก็มีโดมแก้วคริสตัลที่ส่องประกายระยิบระยับราวกับอัญมณี... ยานยนต์ขนาดเล็กที่ไร้เสียงบินผ่านไปมาอย่างเงียบเชียบตามเส้นทางแสงที่มองไม่เห็น... และที่น่าทึ่งที่สุดคือ... อากาศที่นี่บริสุทธิ์และเต็มไปด้วยกลิ่นหอมจางๆ ของดอกไม้ที่ไม่รู้จัก
"ที่นี่... ที่ไหน" ไลรากระซิบออกมาเป็นคนแรก เธอไม่ได้ "รู้สึก" ถึงความกลัวหรืออันตราย... แต่กลับรู้สึกถึง ความสงบ ที่สมบูรณ์แบบ
"ผม... ได้ยินเสียง" โอไรออนพูดอย่างตะกุกตะกัก "เสียงดนตรี... เสียงหัวเราะ... เสียงของ... ความหวัง"
พวกเขาไม่ได้เป็นแค่วิญญาณที่ล่องลอย... แต่พวกเขามีตัวตนอยู่จริง... พวกเขาสามารถสัมผัสได้ถึงพื้นโลหะที่เย็นเฉียบใต้ฝ่าเท้า... รู้สึกได้ถึงสายลมอ่อนๆ ที่พัดมาปะทะใบหน้า... และพวกเขาก็เห็น "ผู้คน"
ผู้คนที่เดินผ่านไปมานั้นดูผ่อนคลายและมีความสุข พวกเขาสวมใส่เสื้อผ้าที่ทำจากผ้าเรืองแสงที่เปลี่ยนสีไปมาอย่างช้าๆ... และที่น่าตกใจที่สุดคือ... พวกเขามีลักษณะที่หลากหลาย... บางคนมีผมสีทองและดวงตาสีฟ้าเหมือนชาวดุษฎีนคร... ในขณะที่บางคนก็มีผมสีดำขลับและผิวสีน้ำผึ้งเหมือนกับครามและลินดา... แต่กลับไม่มีการแบ่งแยก... ไม่มีกำแพง... พวกเขาเดินพูดคุย หยอกล้อและหัวเราะด้วยกันราวกับเป็นครอบครัวเดียวกัน
ครามยืนนิ่งราวกับถูกสาป... เขามองเห็นชายคนหนึ่งที่มีรอยสักบนใบหน้าเหมือนกับของเขา... แต่ชายคนนั้นไม่ได้ถือหอก... เขากำลังถือแท็บเล็ตโฮโลแกรมและถกเถียงเรื่องสมการที่ซับซ้อนกับหญิงสาวผมสีทองอย่างออกรส
"บรรพบุรุษ..." ครามพึมพำออกมาอย่างไม่เชื่อสายตา
"พวกเขาทั้งหมด... เคยอยู่ที่นี่ด้วยกัน" ลีน่ากล่าวเสริม ความจริงอันน่าทึ่งตรงหน้าทำให้หัวใจของเธอเต้นรัว
พวกเขาไม่ได้แค่กำลังมองดูภาพในอดีต... แต่ผลึกความทรงจำได้นำพาจิตสำนึกของพวกเขาย้อนเวลากลับมา... ให้มายืนอยู่ในใจกลางของ "ยูโทเปีย"... เมืองในตำนานของผู้สร้าง... เมืองที่เคยเป็นความหวังสุดท้ายของมนุษยชาติ... ก่อนที่ทุกสิ่งทุกอย่างจะพังทลายลง
ภาพของมหานครยูโทเปียที่สงบสุขค่อยๆ เลือนลางลง... จิตสำนึกของทีมเดินทางเท้าถูกดึงให้ลอยสูงขึ้น... ทะลุผ่านโดมแก้วคริสตัลของตึกระฟ้า... ผ่านหมู่เมฆ... จนกระทั่งพวกเขามองเห็นภาพรวมของเมืองทั้งเมืองที่ตั้งอยู่ใจกลางหุบเขาอันเขียวชอุ่ม...
แล้วภาพก็เปลี่ยนไป...
พวกเขาไม่ได้ลอยอยู่บนฟ้าอีกต่อไป แต่กลับมายืนอยู่ในห้องทดลองขนาดมหึมาแห่งหนึ่ง มันคือห้องทรงกลมขนาดใหญ่ที่ผนังทั้งหมดคือจอโฮโลแกรมที่กำลังแสดงข้อมูลที่ซับซ้อนนับล้านชุด ใจกลางห้องคือแท่นลอยฟ้าที่นักวิทยาศาสตร์หลายสิบคนกำลังทำงานกันอย่างขะมักเขม้น พวกเขาทั้งหมด... ทั้งชาวดุษฎีนครและชาวพงไพร... กำลังจ้องมองไปยังจอโฮโลแกรมหลักที่อยู่เบื้องหน้าด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง
"พวกเขา... กำลังทำอะไรกัน" ไรรากระซิบถามขึ้นเบาๆ แม้จะรู้ดีว่าไม่มีใครในอดีตได้ยินเสียงของเธอก็ตาม
"นี่คือ... 'โครงการแกนกลาง' (The Core Project)" ลีน่าตอบ เสียงของเธอสั่นเทาเล็กน้อย "มันคือโครงการในตำนานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของผู้สร้าง... คือความพยายามที่จะทำความเข้าใจดาวเคราะห์ดวงนี้ให้ถึงแก่นแท้ของมัน"
บนจอหลัก ปรากฏภาพจำลองของดาวเคราะห์ทั้งดวง เส้นสายของข้อมูลกำลังวิ่งจากเปลือกนอกลงไปสู่ใจกลาง... ลึกขึ้น... ลึกขึ้น... ผ่านชั้นหิน... ผ่านชั้นแมนเทิล... จนกระทั่งมันไปถึง แกนกลางของดาว
และในวินาทีนั้นเอง... ทุกสิ่งทุกอย่างก็เปลี่ยนไป
ข้อมูลทางธรณีวิทยาที่เคยเป็นระเบียบได้หายไป... ถูกแทนที่ด้วยภาพที่ไม่มีใครเคยคาดคิด... มันคือ โครงข่ายพลังงานที่ซับซ้อนและงดงาม... มันส่องแสงสีฟ้าอ่อนๆ และเต้นเป็นจังหวะช้าๆ ราวกับเป็นสิ่งมีชีวิต... เส้นสายพลังงานนับล้านล้านเส้นเชื่อมต่อกันเป็นโครงข่ายที่ดูคล้ายกับ... เซลล์ประสาทในสมองของมนุษย์
"พระเจ้า..." ไรราครางออกมา [มัน... มันไม่ใช่แค่แกนกลางของดาว... แต่มันคือ... 'สมอง']
เหล่าผู้สร้างในห้องทดลองต่างโห่ร้องออกมาด้วยความยินดี! พวกเขาได้ค้นพบความลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของจักรวาล... ดาวเคราะห์ที่พวกเขาอาศัยอยู่นั้น... มีชีวิตและมีจิตสำนึก
ท่ามกลางความยินดีนั้น... ความขัดแย้งแรกก็ได้ถือกำเนิดขึ้น...
ชายชราผู้หนึ่งที่มีรอยสักบนใบหน้าเหมือนกับคราม... เขาสวมชุดนักวิทยาศาสตร์สีขาว... ก้าวออกมายืนเบื้องหน้าจอ เขาคือ "มาคี" ผู้นำของฝ่ายชีววิทยาและธรรมชาติวิทยา "ดูสิ!" เขากล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความยำเกรง "มันคือปาฏิหาริย์! จิตวิญญาณของดาวเคราะห์... ไกอา... เธอพยายามจะสื่อสารกับเรา!"
แต่แล้ว หญิงสาวผมสีทองผู้มีแววตาที่เฉียบคมราวกับใบมีดก็ก้าวออกมาโต้แย้ง เธอคือ "โซลานา" ผู้นำของฝ่ายฟิสิกส์ควอนตัมและปัญญาประดิษฐ์ "นั่นไม่ใช่ 'จิตวิญญาณ'" เธอกล่าวอย่างเย็นชา "แต่มันคือ 'แหล่งพลังงาน' ที่ไร้ขีดจำกัด... คือโครงข่ายคอมพิวเตอร์ชีวภาพที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่มนุษย์เคยค้นพบ... ลองจินตนาการดูสิว่าเราจะทำอะไรกับมันได้บ้าง! เราสามารถควบคุมสภาพอากาศ! สร้างพลังงานที่ไม่มีวันหมด! เราจะสามารถก้าวข้ามขีดจำกัดของความเป็นมนุษย์ไปได้ตลอดกาล!"
"การ 'ควบคุม' รึ!" มาคีทวนคำด้วยความไม่พอใจ "นี่คือสิ่งมีชีวิต! เราเป็นเพียงผู้อาศัย! เราไม่มีสิทธิ์ที่จะไปควบคุมหรือเปลี่ยนแปลงมัน! หน้าที่ของเราคือการ 'เรียนรู้' ที่จะอยู่ร่วมกับมันอย่างสันติ!"
"ความสันติไม่ช่วยให้เผ่าพันธุ์ของเราก้าวหน้าหรอกนะ ท่านมาคี" โซลานาตอบกลับ "มีเพียง 'การควบคุม' เท่านั้นที่จะนำมาซึ่งความสมบูรณ์แบบที่แท้จริง"
การถกเถียงที่ดุเดือดได้เริ่มต้นขึ้น... มันคือสงครามระหว่างสองปรัชญา... ระหว่าง "ศรัทธาในชีวิต" กับ "ความเชื่อมั่นในตรรกะ"... และทีมเดินทางเท้าจากอนาคตก็ได้แตยืนมองรอยร้าวแรกที่กำลังจะฉีกกระชากดินแดนแห่งยูโทเปียนี้ออกจากกัน...
ภาพของการถกเถียงที่ดุเดือดในสภาสูงค่อยๆ จางหายไป... จิตสำนึกของพวกเขากลับไม่ได้ถูกส่งกลับไปยังโถงแห่งนิรันดร์ แต่ถูกดึงลึกลงไปในกระแสแห่งกาลเวลาอีกครั้ง... เวลาได้กรอไปข้างหน้า... อาจจะหลายเดือน... หรืออาจจะนานนับปี...
พวกเขา "ตื่นขึ้น" อีกครั้งในสถานที่แห่งใหม่... มันคือห้องควบคุมใต้ดินขนาดมหึมาที่ใหญ่โตราวกับมหาวิหาร ผนังทั้งหมดคือจอภาพที่กำลังแสดงข้อมูลพลังงานที่ซับซ้อน และใจกลางห้อง... คือช่องว่างวงกลมขนาดใหญ่ที่มองลงไปเห็นแกนกลางของเครื่องจักรขนาดยักษ์ที่กำลังส่องแสงสีฟ้าอ่อนๆ และส่งเสียงฮัมความถี่ต่ำที่สั่นสะเทือนไปทั่วทั้งห้อง
"นี่คือ... 'โครงการคอนดิวอิท' (The Conduit Project)" ลีน่ากระซิบออกมาอย่างตกตะลึง เธอจำภาพร่างของมันได้จากไฟล์ข้อมูลที่เก่าแก่ที่สุดในหอจดหมายเหตุ "มันคือความพยายามที่จะสร้าง 'สะพาน' เชื่อมต่อโดยตรงกับจิตสำนึกของดาวเคราะห์... พวกเขา... ทำมันจริงๆ"
เบื้องหน้าของพวกเขาคือภาพของ โซลานา และทีมนักวิทยาศาสตร์ฝ่าย "ตรรกะ" ของเธอกำลังทำงานอย่างขะมักเขม้น ใบหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความทะเยอทะยาน พวกเขากำลังยืนอยู่บนหน้าประวัติศาสตร์... กำลังจะกลายเป็นผู้ควบคุมพลังของพระเจ้า
แต่เมื่อผลึกความทรงจำหมุนมุมมองให้พวกเขา "มอง" ออกไปข้างนอก... พวกเขาก็ได้เห็นภาพอีกด้านหนึ่ง
บนพื้นผิวของดาวเคราะห์... เหนือห้องควบคุมใต้ดินแห่งนี้... มาคี และผู้คนฝ่าย "ศรัทธา" อีกนับร้อยกำลังคุกเข่าลงบนพื้นดิน พวกเขาไม่ได้ประท้วงด้วยความรุนแรง... แต่กำลังสวดมนต์... ส่งพลังจิตที่เต็มไปด้วยความห่วงใยและความเคารพลงไปในผืนดิน... เป็นความพยายามครั้งสุดท้ายที่จะ "ขอโทษ" และ "ปลอบประโลม" จิตวิญญาณของดาวเคราะห์ที่กำลังจะถูกล่วงละเมิด
มันคือภาพที่แตกสลายที่สุด... ข้างล่างคือความทะเยอทะยานของวิทยาศาสตร์... ข้างบนคือความสิ้นหวังของศรัทธา...
"เริ่มลำดับการเชื่อมต่อได้" เสียงของโซลานาดังขึ้นอย่างเฉียบขาดในห้องควบคุม "เปิดใช้งานคอนดิวอิท... เฟสที่หนึ่ง"
วูมมมมมมมมมมมม...
เครื่องจักรยักษ์ใจกลางห้องเริ่มทำงาน! ลำแสงพลังงานสีฟ้าพุ่งลงไปในอุโมงค์ที่เจาะลึกลงไปสู่แกนกลางของดาว! บนจอภาพหลัก... กราฟพลังงานพุ่งสูงขึ้นอย่างคงที่!
"การเชื่อมต่อเสถียร!" นักวิทยาศาสตร์คนหนึ่งรายงาน "เรา... เราทำได้แล้ว! เราเชื่อมต่อกับมันได้แล้ว!"
ภาพบนจอโฮโลแกรมเปลี่ยนจากข้อมูลทางฟิสิกส์... กลายเป็นโครงข่ายพลังงานสีฟ้าที่งดงาม... "ความคิด" ของดาวเคราะห์กำลังไหลผ่านเข้ามาในระบบของพวกเขา มันคือข้อมูลที่บริสุทธิ์... คือความเข้าใจในทุกสรรพสิ่ง... คือปัญญาที่ไร้ขีดจำกัด...
โซลานายิ้มออกมา... มันคือรอยยิ้มของผู้ชนะ...
แต่แล้ว... รอยยิ้มของเธอก็ค่อยๆ จางหายไป
โครงข่ายพลังงานที่เคยสงบนิ่งและงดงาม... เริ่มสั่นไหวอย่างรุนแรง... สีฟ้าที่เคยอ่อนโยนเริ่มกลายเป็นสีแดงฉาน...
"เกิดอะไรขึ้น!" โซลานาตะโกน "ทำไมข้อมูลถึงได้บิดเบี้ยว!"
"มัน... มันไม่ใช่ข้อมูลครับ!" นักสื่อสารควอนตัมคนหนึ่งร้องออกมาด้วยใบหน้าที่ซีดเผือด "มันคือ... 'ความเจ็บปวด'! มันคือเสียงกรีดร้อง! เราไม่ได้กำลัง 'เชื่อมต่อ'... แต่เรากำลัง 'ทรมาน' มัน!"
เสียงฮัมที่เคยคงที่ของเครื่องจักรคอนดิวอิท... เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นเสียงครวญครางที่โหยหวนและน่าสะพรึงกลัว...
"ปิดระบบ! ปิดระบบเดี๋ยวนี้!" มาคีตะโกนผ่านระบบสื่อสารจากบนพื้นผิวโลก เสียงของเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก "พวกเจ้ากำลังฆ่าเธอ!"
แต่ในห้องควบคุมใต้ดิน... โซลานากลับไม่ฟัง เธอกำลังจ้องมองข้อมูลที่บิดเบี้ยวบนจอภาพด้วยแววตาที่ลุกเป็นไฟ voracious "ไม่! เราใกล้จะสำเร็จแล้ว! มันแค่... กำลังปรับตัว! เพิ่มกำลังของสนามพลังสกัดกั้นขึ้นอีก 20%!"
"แต่ท่านครับ! พลังงานมันไม่เสถียรแล้ว!" วิศวกรคนหนึ่งร้องเตือน
"ทำตามคำสั่ง!" โซลานาคำรามลั่น
และนั่นคือ... ความผิดพลาดครั้งสุดท้าย
"กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!"
มันไม่ใช่เสียงที่ดังผ่านอากาศ... แต่มันคือ เสียงกรีดร้องทางจิต ที่ระเบิดออกมาจากแกนกลางของดาวเคราะห์โดยตรง! มันคือเสียงกรีดร้องของสิ่งมีชีวิตที่ยิ่งใหญ่และเก่าแก่... ที่กำลังถูกฉีกกระชากจิตวิญญาณเป็นชิ้นๆ!
คลื่นพลังจิตที่มองไม่เห็นได้ระเบิดย้อนกลับขึ้นมาตามอุโมงค์ของคอนดิวอิท... มันคือสึนามิแห่งความเจ็บปวดที่บริสุทธิ์!
เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!
คอนโซลควบคุมในห้องระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ! จอภาพทั้งหมดแตกละเอียด! นักวิทยาศาสตร์ที่อยู่ใกล้ที่สุดกรีดร้องออกมาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่สมองของพวกเขาจะถูกเผาไหม้ด้วยพลังงานจิตที่รุนแรงเกินกว่าจะรับไหว!
ทีมเดินทางเท้าจากอนาคตที่ "ยืน" อยู่ในเหตุการณ์นั้น... ก็รู้สึกได้ถึงมัน... มันคือแรงอัดกระแทกทางจิตที่รุนแรงจนทำให้ทุกคนทรุดลงไปกับพื้น! โอไรออนกับไลรากรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดราวกับร่างกายกำลังจะฉีกขาด! แม้จะเป็นเพียง "ภาพสะท้อน" ของเหตุการณ์จริง... แต่มันก็รุนแรงจนแทบจะทำให้พวกเขาเสียสติ!
ตูมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม!
บนพื้นผิวโลก... เครื่องจักรคอนดิวอิทได้ระเบิดออกจากภายใน! เสาพลังงานจิตสีแดงฉานพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า... ก่อนจะแผ่ขยายออกไปเป็นวงกว้าง... ครอบคลุมมหานครยูโทเปียทั้งเมือง...
มันคือ "คลื่นเสียงกระซิบ" ระลอกแรก... และเป็นระลอกที่รุนแรงที่สุด...
ภาพที่ทีมเดินทางเท้าได้เห็นต่อจากนั้น คือภาพของนรกที่มาเยือนดินแดนสวรรค์...
ตึกระฟ้าโลหะชีวภาพที่เคยงดงาม... บัดนี้กลับบิดเบี้ยวและเหี่ยวเฉาลงราวกับต้นไม้ที่ขาดน้ำ... โดมแก้วคริสตัลแตกสลายราวกับหยดน้ำตา... ผู้คนที่เคยเต็มไปด้วยความสุขและความหวัง... บัดนี้กลับกรีดร้องด้วยความหวาดกลัวและทำร้ายกันเอง... จิตใจของพวกเขาถูกทำลายลงในพริบตา... เหลือเพียงความสับสน... ความโกรธแค้น... และความหวาดระแวง...
แต่ท่ามกลางความโกลาหลนั้น... พวกเขาก็ได้เห็นภาพที่น่าทึ่งที่สุด...
มาคีและเหล่าผู้ติดตามของเขาที่อยู่บนพื้นผิว... ไม่ได้วิ่งหนี... แต่กลับคุกเข่าลงและเริ่มสวดมนต์บทเพลงสุดท้ายของพวกเขา พวกเขากำลังทำในสิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้... คือการใช้พลังจิตของตัวเอง... สร้าง "กำแพงแห่งศรัทธา" ขึ้นมาต้านรับคลื่นพลังงานมรณะนั้น!
"พวกเขา... กำลังสละตัวเอง..." ลีน่ากระซิบออกมาทั้งน้ำตา
มาคีและเหล่าพรานคนแรก... กำลังใช้พลังชีวิตของตัวเองเป็น "ฟองน้ำ" ดูดซับความเจ็บปวดที่เลวร้ายที่สุดของดาวเคราะห์เอาไว้... พวกเขาไม่ได้พยายามจะหยุดยั้งมัน... แต่กำลังพยายามจะ "กรอง" มัน... เพื่อปกป้องผู้คนที่เหลือให้รอดพ้นจากความบ้าคลั่งที่สมบูรณ์แบบ...
มันคือการเสียสละที่ยิ่งใหญ่ที่สุด... คือจุดกำเนิดของ "ผู้พิทักษ์" แห่งพงไพร...
คลื่นพลังจิตสีแดงฉานที่เคยบ้าคลั่งค่อยๆ สงบลง... การเสียสละของมาคีและเหล่าผู้ติดตามได้ผล... พวกเขาใช้พลังชีวิตของตนเองเป็น "เขื่อน" กรองเอาความเจ็บปวดที่รุนแรงที่สุดออกไปจนหมดสิ้น เหลือเพียง "เสียงกระซิบ" ที่แผ่วเบาแต่เต็มไปด้วยความแค้น... ซึ่งจะหลอกหลอนโลกใบนี้ไปอีกหลายร้อยปี
ภาพสุดท้ายที่ทีมเดินทางเท้าจากอนาคตได้เห็น... คือภาพของมหานครยูโทเปียที่ล่มสลาย...
มันไม่ใช่ซากปรักหักพังที่เกิดจากสงคราม... แต่เป็นซากของความฝันที่แตกสลาย... ตึกระฟ้าโลหะชีวภาพที่เคยสูงตระหง่าน บัดนี้กลับบิดเบี้ยวและดำเป็นตอตะโก... ยานยนต์ที่เคยบินอย่างเงียบสงบตกกระจัดกระจายอยู่ตามท้องถนนราวกับซากแมลง... และที่น่าเศร้าที่สุดคือ... ผู้คน...
ผู้รอดชีวิตที่ไม่ได้เสียสติไปอย่างสมบูรณ์แบบ ต่างเดินไปมาอย่างเหม่อลอย ดวงตาของพวกเขาว่างเปล่า... ความหวังและความฝันถูกพรากไปจนหมดสิ้น... เหลือเพียงความทรงจำอันเลือนลางของโลกที่เคยสวยงาม...
ท่ามกลางความพินาศนั้น... ผู้รอดชีวิตสองกลุ่มสุดท้ายก็ได้มาเผชิญหน้ากัน...
โซลานา... ผู้นำฝ่ายตรรกะ... ยืนอยู่ท่ามกลางซากห้องควบคุมใต้ดินที่พังยับเยิน ชุดนักวิทยาศาสตร์ของเธอขาดวิ่นและเปรอะเปื้อนไปด้วยฝุ่นผง แต่แววตาของเธอยังคงลุกเป็นไฟ... ไม่ใช่ด้วยความทะเยอทะยาน... แต่ด้วยความโกรธแค้นและความผิดหวัง
และเบื้องหน้าของเธอคือ "ไค" ... ชายหนุ่มผู้เป็นศิษย์เอกของมาคี... หนึ่งในไม่กี่คนที่รอดชีวิตจากการเสียสละครั้งใหญ่ เขาสวมเพียงเสื้อผ้าธรรมดา แต่ร่างกายกลับเต็มไปด้วยรอยแผลเป็นจากการดูดซับพลังงานจิต... ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความโศกเศร้าที่ลึกสุดหยั่ง
"นี่คือผลลัพธ์ของ 'ความก้าวหน้า' ของท่าน" ไคกล่าวขึ้นเป็นคนแรก เสียงของเขาแหบพร่า "ท่านทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง... ท่านทรมานดวงดาว... เพียงเพื่อสนองความโอหังของตัวเอง"
"ข้าไม่ได้ทำลาย!" โซลานาสวนกลับอย่างดุดัน "ข้าพยายามจะปลดปล่อยพวกเรา! แต่พวกเจ้า... พวกที่ยึดติดกับความเชื่องมงาย... พวกเจ้าขัดขวางข้า! ถ้าเพียงแต่พวกเจ้าให้ความร่วมมือ... ถ้าเพียงแต่มาคีไม่ขี้ขลาด..."
"ท่านเรียกการเสียสละว่าความขี้ขลาดรึ!" ไคตะโกนกลับ "เขาตายเพื่อปกป้องพวกเราจากความผิดพลาดของท่าน! เขาตายเพื่อเยียวยาบาดแผลที่ท่านเป็นคนสร้าง!"
"บาดแผลที่สามารถ 'แก้ไข' ได้!" โซลานาเถียง "เรายังมีเทคโนโลยี! เรายังมีข้อมูล! เราสามารถสร้าง 'กำแพง' ที่สมบูรณ์แบบขึ้นมาได้! สร้างเมืองที่ปิดกั้น 'เสียงกระซิบ' บ้าๆ นี่ออกไปได้อย่างถาวร! เราจะเริ่มต้นใหม่... สร้างโลกที่ขับเคลื่อนด้วยตรรกะที่บริสุทธิ์... ที่ซึ่งอารมณ์และความเชื่องมงายจะไม่มีวันเข้ามาทำลายเราได้อีก!"
ไคส่ายหน้าช้าๆ... แววตาของเขาเต็มไปด้วยความสมเพช "ท่านยังไม่เข้าใจอีกรึ... การ 'ปิดกั้น' ไม่ใช่การแก้ไข... แต่มันคือการ 'หลีกหนี' ท่านกำลังจะสร้างคุกที่สวยหรูขึ้นมาขังตัวเอง... เพื่อที่จะได้ไม่ต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่ท่านทำลงไป"
เขาหันหลังให้กับโซลานา "ส่วนพวกเรา... จะอยู่ที่นี่... ในป่า... เราจะอยู่กับบาดแผลนี้... เราจะ 'ฟัง' เสียงกรีดร้องของเธอ... และเราจะใช้ทั้งชีวิตที่เหลืออยู่เพื่อหาทาง 'เยียวยา' เธอ... นั่นคือหนทางของเรา"
มันคือคำประกาศสุดท้าย... คือการแยกทางที่ไม่มีวันหวนกลับ
โซลานามองตามแผ่นหลังของไคและเหล่าผู้รอดชีวิตที่เลือกเส้นทางแห่งศรัทธาเดินจากไป... แววตาของเธอแข็งกร้าวและเย็นชา... "พวกคนโง่" เธอกระซิบกับตัวเอง "จงอยู่ในป่าที่เน่าเฟะของพวกเจ้าไปเถอะ... ส่วนข้า... จะสร้างสวรรค์แห่งตรรกะขึ้นมาใหม่... โดยไม่มีพวกเจ้า"
ภาพสุดท้ายที่ทีมเดินทางเท้าได้เห็น... คือภาพของผู้รอดชีวิตสองกลุ่ม... ที่หันหลังให้กัน... และเดินจากไปคนละทิศทาง... ทิ้งความฝันแห่งยูโทเปียที่เคยรวมพวกเขาเป็นหนึ่งเดียวไว้เบื้องหลัง... ให้กลายเป็นเพียงตำนานที่ถูกลืมเลือน...
ภาพสุดท้ายนั้นแตกสลายลงราวกับกระจก... และจิตสำนึกของทีมเดินทางเท้าทั้งหกคนก็ถูกเหวี่ยงกลับมาสู่ความจริงที่ว่างเปล่า...
พวกเขากลับมายืนอยู่ในโถงแห่งนิรันดร์อีกครั้ง... มือของพวกเขายังคงสัมผัสอยู่บนพื้นผิวของผลึกความทรงจำที่บัดนี้ได้หยุดเรืองแสงและกลับไปเป็นผลึกโปร่งแสงที่นิ่งสนิทเหมือนเดิม...
ไม่มีเวลาใดผ่านไปเลยในโลกภายนอก... แต่สำหรับพวกเขา... มันราวกับว่าพวกเขาได้ใช้ชีวิตและตายไปแล้วนับร้อยครั้งในประวัติศาสตร์ที่ถูกผนึกไว้
ความเงียบที่น่าอึดอัดเข้าปกคลุมไปทั่ว... มันไม่ใช่ความเงียบที่ว่างเปล่าเหมือนตอนแรก... แต่เป็นความเงียบที่หนักอึ้ง... หนักอึ้งไปด้วยความจริงที่พวกเขาเพิ่งได้รับรู้
ไม่มีใครกล้าพูดอะไรเป็นคนแรก... ทุกคนต่างกำลังต่อสู้กับภาพติดตาและเสียงกรีดร้องที่ยังคงดังก้องอยู่ในหัวของตัวเอง
ลีน่า... ผู้นำที่เคยยึดมั่นในตรรกะและความสมบูรณ์แบบของดุษฎีนคร... บัดนี้กลับยืนตัวสั่นเทาอย่างควบคุมไม่ได้ น้ำตาไหลอาบแก้มของเธออย่างเงียบงัน มันไม่ใช่แค่น้ำตาแห่งความเศร้า... แต่เป็นน้ำตาแห่งความ ละอายใจ เธอคือลูกหลานของโซลานา... คือผลผลิตของความกลัวและความโอหังที่ทำลายโลกทั้งใบ... อุดมการณ์ทั้งหมดที่เธอเคยยึดถือ... ได้พังทลายลงในพริบตา
เร็กซ์... ทหารผู้ภักดี... ทรุดลงคุกเข่าในความว่างเปล่า เขากำหมัดแน่นจนข้อนิ้วขาวซีด ความภักดีทั้งหมดที่เขามีต่อนคร... บัดนี้ได้แปรเปลี่ยนเป็นความขมขื่น "เรา..." เขากระซิบออกมาเสียงแหบพร่า "...เราคือลูกหลานของผู้ที่วิ่งหนี... เราขังตัวเองอยู่ในกรง... แล้วเรียกมันว่าสวรรค์"
ครามและลินดา... พวกเขายืนกอดกันแน่น ความโศกเศร้าฉายชัดอยู่ในแววตาของทั้งสองคน พวกเขาเพิ่งจะได้เห็นการเสียสละของบรรพบุรุษคนแรก... ได้เห็นความจริงที่เจ็บปวดเบื้องหลังตำนานที่เล่าขานกันมา... มันคือการยืนยันในสิ่งที่พวกเขาเชื่อมาตลอด... แต่การได้เห็นมันด้วยตาของตัวเอง... มันช่างหนักหนาสาหัสเกินกว่าจะรับไหว
"มาคี..." ครามพึมพำชื่อของบรรพบุรุษออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ "เขา... ไม่ได้พ่ายแพ้"
แต่คนที่อาการหนักที่สุดคือสองพี่น้อง...
โอไรออนนั่งขดตัวอยู่กลางอากาศ เขายกมือกุมหูของตัวเองแน่นราวกับจะป้องกันไม่ให้เสียงกรีดร้องสุดท้ายของดาวเคราะห์แทรกเข้ามาในหัวของเขาอีก... ส่วนไลรา... เธอกำลังร้องไห้... เธอไม่ได้แค่ "เห็น" เรื่องราว... แต่เธอ "รู้สึก" ถึงมันทั้งหมด... ความเจ็บปวดของดาวเคราะห์... ความสิ้นหวังของผู้คน... และความแตกสลายของสองอารยธรรม... มันไหลผ่านตัวเธอราวกับกระแสไฟฟ้าแรงสูง
"มัน... ยังไม่จบ" ไลราพูดขึ้นมาในที่สุด "ความเจ็บปวดนั้น... มันยังคงอยู่... ที่นี่... ในโลกของเรา"
คำพูดของเธอคือความจริงที่ทุกคนต้องยอมรับ... "เสียงกระซิบ" ไม่ใช่แค่วิญญาณร้าย... แต่มันคือ รอยแผลเป็นทางจิตของดาวเคราะห์ดวงนี้ ที่ยังคงกรีดร้องขอความช่วยเหลือมาตลอดสามร้อยปี
"โซลานากับมาคี... ตรรกะกับศรัทธา... พวกเขาแยกทางกัน" ลีน่ากล่าวขึ้น เธอค่อยๆ เช็ดน้ำตาของตัวเองออก แววตาที่เคยเต็มไปด้วยความละอายใจ บัดนี้กลับถูกแทนที่ด้วยความมุ่งมั่นที่เยือกเย็น "และนั่น... คือความผิดพลาดครั้งประวัติศาสตร์"
เธอหันไปมองหน้าทุกคน... มองไปยังคราม... ไม่ใช่ในฐานะคนป่า... แต่ในฐานะผู้สืบทอดของอีกครึ่งหนึ่งของมรดกที่แตกสลาย
"บางที... ภารกิจที่แท้จริงของเรา... อาจจะไม่ใช่การเลือกข้าง..." เธอกล่าว "แต่คือการนำทั้งสองกลับมารวมกันอีกครั้ง... คือการ 'แก้ไข' ในสิ่งที่บรรพบุรุษของเราได้ทำผิดพลาดไป"
คำพูดของเธอคือจุดเริ่มต้นใหม่... คือการก่อกำเนิดของภารกิจที่ยิ่งใหญ่และเป็นไปไม่ได้...
พวกเขาไม่ได้มาที่นี่เพื่อค้นหามรดกของผู้สร้างอีกต่อไป...
แต่พวกเขามาที่นี่... เพื่อที่จะกลายเป็น "ผู้เยียวยา" โลกทั้งใบ
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 84
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น