บทที่ 46 ความจริงที่ถูกนำมา
บทที่ 46: ความจริงที่ถูกนำมา
สิ้นคำประกาศกร้าว ร่างของสองผู้กล้าก็พร่าเลือนเข้าปะทะกันดุจพายุคลั่ง ฝ่ายหนึ่งเปี่ยมด้วยศรัทธาในความถูกต้องของตนเอง ส่วนอีกฝ่ายเชื่อมั่นในทุกคำกล่าวขององค์ราชาจนหมดหัวใจ
เสียงระเบิดของพลังเวทสะท้อนก้องไปทั่วทุ่งหิมะอันกว้างใหญ่ หิมะที่อยู่เบื้องล่างแตกกระจายและระเหยเป็นไอในทันทีที่สัมผัสกับความรุนแรงนั้น
เปลวเพลิงสีดำอมแดงที่พวยพุ่งออกจากดาบอีเร็นในมือเอเรนปะทะเข้ากับแสงศักดิ์สิทธิ์สีทองของอาร์เธอร์อย่างรุนแรง คลื่นพลังอัดกระแทกจนพื้นน้ำแข็งใต้ชั้นหิมะปริร้าวราวกับใยแมงมุม ผืนดินสะท้านไหวราวกับโลกากำลังจะแตกสลาย หากเป็นเมื่อก่อนชายหนุ่มคงไม่สามารถยืนหยัดต่อกรกับพลังอำนาจของผู้กล้าคนนี้ได้แม้เพียงชั่วลมหายใจ แต่ทว่าตอนนี้มันกลับเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
เอเรนคำรามลั่น “ตายเสียเถอะ!”
“พลังนี้... คือสิ่งที่แกได้รับมาจากราชาแห่งแดนเหนือสินะ” อาร์เธอร์กล่าวสวนกลับขณะปัดป้องเพลงดาบอย่างเยือกเย็น
“ถ้าใช่…แล้วมันจะทำไม”
อาร์เธอร์ยิ้มเยาะ “ถ้าอย่างนั้น…แกก็ไม่ได้ต่างอะไรกับพวกเราเลย”
คำพูดนั้นจุดไฟโทสะในใจของเอเรนให้ลุกโชนยิ่งขึ้น เปลวเพลิงที่โหมกระหน่ำจากดาบอีเร็นถูกฟาดฟันออกไปเป็นเส้นสายถี่กระชั้น พุ่งทะยานราวกับฝนเพลิงแห่งนรกที่มุ่งทิ่มแทงทุกสิ่งตรงหน้า อาร์เธอร์เพียงชูดาบศักดิ์สิทธิ์ขึ้นสูง แสงสีทองทอประกายเจิดจ้ากลายเป็นกำแพงพลังที่ต้านทานทุกคมไฟโลหิตเอาไว้ได้
ตูมมมมมมม!
หิมะรอบด้านถูกพลังทั้งสองฉีกกระชากจนกลายเป็นเศษละอองฟุ้งกลางอากาศ ทุ่งหิมะที่เคยเงียบงันพลันแปรเปลี่ยนเป็นสมรภูมิเดือดของไฟและแสง แววตาของเอเรนลุกโชนด้วยเพลิงแค้น ในขณะที่แววตาของอาร์เธอร์กลับเย็นเยียบราวกับน้ำแข็งขั้วโลก
เอเรนหอบหายใจหนักๆ เหงื่อเย็นผสมกับไอร้อนจากเพลิงเวทบนร่างของเขา เขากัดฟันแน่นจนกรามสั่น แต่ยังคงยกดาบขึ้นโดยไม่คิดยอมแพ้
‘ถ้าไม่ใช่เพราะองค์ราชาแมกนัส... เราคงไม่มีวันมายืนอยู่ตรงนี้”
ภาพในความทรงจำพลันผุดขึ้นในใจเอเรน — แววตาอันคมกล้าและเปี่ยมอำนาจของราชาผู้ยิ่งใหญ่ ผู้ประทับเหนือบัลลังก์พร้อมคำสอนที่หนักแน่นดุจค้อนเหล็ก ตลอดเวลาที่ผ่านมา แมกนัสคือเสาหลัก คือผู้ที่มอบทั้งพลังและความหมายในการมีชีวิตอยู่ของเขา
แต่ในจังหวะที่ไฟและแสงกำลังจะปะทะกันอีกครั้ง เอเรนกลับหยุดชะงัก ดวงตาสั่นไหวราวกับถูกกดด้วยพันธนาการที่มองไม่เห็น
จิตสังหารอันเยียบเย็นของอาร์เธอร์แผ่พุ่งเข้าจับกุมร่างของเอเรน มันกดทับลงมาราวกับโซ่ตรวนที่มองไม่เห็นซึ่งพันธนาการลึกลงไปถึงจิตวิญญาณ ก่อนที่ชายหนุ่มผมสีทองจะเอื้อนเอ่ยถ้อยคำที่เฉียบคมยิ่งกว่าคมดาบ
“ฉันเห็นแกภักดีต่อราชาแมกนัสแล้วอยากจะอ้วก”
“แก… แกหมายความว่ายังไง”
“ถ้าแกไม่หลอกตัวเองแกก็คงคิดได้แล้ว… ทั้งเรื่องที่ราชาส่งแกมาสู้แค่คนเดียว… และเรื่องที่พลังของแกยังสู้ฉันไม่ได้”
“......”
“แล้วอีกอย่างราชาที่แกภักดีน่ะ... แท้จริงแล้วมันต้องการแค่วิญญาณของลีร่า”
“ทำไมแกถึงคิดอย่างนั้น”
“เรื่องนั้น…แกก็ลองไปตามหาจากราชาที่แกภักดีนักหนานั่นสิ”
พลังแห่งเหมันต์แผ่ยะเยือกเข้าสู่ร่างกายของเอเรน เปลวไฟบนดาบนิฬกาฬของอีเร็นค่อยๆ หรี่แสงและมอดดับลง
“นั่นก็เพราะ... ราชาแมกนัสคือผู้ที่ต้องการวิญญาณของลีร่า... สตรีผู้มีความบริสุทธิ์ทางวิญญาณ”
คำพูดของอาร์เธอร์ราวกับระเบิดเวลาที่ทำลายความเชื่อมั่นของเอเรนจนแตกเป็นเสี่ยงๆ โลกทั้งใบที่เขาสร้างขึ้นจากความภักดีพังทลายลงในพริบตา
“แก... พูดอะไร... บ้าๆ” เอเรนเอ่ยเสียงสั่น ดาบอีเร็นในมือสั่นเทาอย่างรุนแรง “องค์ราชา... เป็นราชา... แล้วยังไง?”
“ฉันพูดความจริง” อาร์เธอร์ตอบด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเหนื่อยหน่าย “ราชาแมกนัส... ผู้สร้างศาสตราโลหิต... ก็เหมือนกับพวกเรา... เป็นเพียงผู้ถูกหลอกใช้”
“แก... หมายความว่ายังไง!” เอเรนตะโกนถาม เสียงของเขาแตกพร่าด้วยความสับสน
อาร์เธอร์ยิ้มอย่างเศร้าสร้อย แววตาเต็มไปด้วยความขมขื่น “ฉันไม่ได้โกหก... แต่ฉันอยากให้แกรู้ความจริง” เขาเอ่ยช้าๆ ชัดๆ “ราชาแมกนัส... ต้องการวิญญาณของลีร่า... เพื่อที่จะปลดปล่อยหญิงสาวที่เขารัก... และหญิงสาวคนนั้น... คือผู้สร้างศาสตราโลหิตที่แท้จริง”
ทุกอย่างเงียบสงัดลงในบัดดล มีเพียงเสียงลมหนาวที่พัดหวีดหวิว
คำพูดสุดท้ายของอาร์เธอร์ไม่ต่างจากคมมีดนับพันเล่มที่พุ่งทะลวงเข้ากลางใจของเอเรน ดวงตาของเขาเบิกกว้างด้วยความตกตะลึงจนสุดขีด ความแข็งแกร่งทั้งหมดเหือดหายไปจากร่าง เขาล้มลงคุกเข่าบนพื้นหิมะอันเย็นเฉียบด้วยความเจ็บปวดและหวาดกลัว ศรัทธาทั้งชีวิตของเขา... ได้แหลกสลายลงแล้วในวันนี้
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 102
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น