บทที่ 83: นักล่าแรงก์ SS 2 คน
“ไม่ได้การ” เว่ยโยวที่มองดูจอมมารทมิฬสังหารคนไปนับร้อยด้วยการกระทืบเท้าเพียงครั้งเดียวก็เขม็งมองอีกฝ่ายด้วยดวงตาแดงก่ำ
เขากระชับมีดสั้นสีดำในมือแน่นแล้วเปลี่ยนเป็นเงาพุ่งเข้าหาฝ่ายตรงข้าม
“แกนี่มันไม่กลัวตายจริง ๆ” ขณะที่เว่ยโยวกำลังพุ่งทะยานเข้าประชิดตัวไททันมหันตภัย สายตาของเขาก็มีประกายเย็นชา
หากเขายังเป็นมนุษย์ อีกฝ่ายอาจจะสามารถประมือกับเขาได้หลายกระบวนท่า แต่ตอนนี้เขาแปลงร่างเป็นไททันเต็มตัวแล้ว เว่ยโยวในสายตาของเขานั้นจึงไม่ต่างจากแมลงวันที่ตบเบา ๆ ก็ร่วง
จอมมารทมิฬคิดดังนั้นก็ยกฝ่ามือใหญ่โตขึ้นฟาดไปทางมนุษย์ตัวจ้อย
เมื่อเว่ยโยวต้องเผชิญกับฝ่ามือที่ใหญ่โตจนดูเหมือนว่าบดบังได้ทั้งท้องฟ้า เขาก็หรี่ตาลง
ปัง!!
ด้วยความเร็วของไททันมหันตภัย เว่ยโยวไม่มีทางหนีรอดจากการโจมตีนี้ไปได้เลย ฝ่ามือมโหฬารฟาดเขาจนกระเด็นไปกระแทกกับอาคารที่ตั้งอยู่ใกล้ ๆ
อีกทั้งศัตรูไม่มีทางปล่อยเขาไปง่าย ๆ
“ในเมื่อแกแทงมีดเข้าหัวใจฉันแล้ว การโจมตีนี้ฉันถือว่าเป็นรางวัลให้แกก็แล้วกัน” จอมมารทมิฬมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเหี้ยมเกรียมในขณะที่ยกฝ่ามืออันมหึมาไปอย่างทิศทางของเว่ยโยว ทำให้แสงสีดำพุ่งตรงออกจากฝ่ามือ
หลังจากหัวหน้าลัทธิแปลงร่างเป็นไททัน พลังพิเศษของเขาก็เพิ่มขึ้นสูงอย่างน่าตกใจ
ตูม!
แสงเวทมนตร์พุ่งทะยานไปทางเว่ยโยว ทำให้อาคารที่เขากระแทกจนพังก่อนหน้านี้สลายไปเพราะพลังของจอมมารทมิฬ
…
ณ กองบัญชาการทหารลาดตระเวน
“หน่วยข่าวกรองมาแล้ว!” โจวอวี้หลงแจ้งข่าวแก่ทุกคน “หัวหน้าลัทธิไททันปรากฏตัว ตอนนี้มันอยู่ที่สมาคมนักล่า และมันก็ได้แปลงร่างเป็นไททันมหันตภัยเรียบร้อยแล้ว!”
เมื่อได้ยินข่าวนี้หัวใจของคนในห้องที่เคยเต้นแรงก็แทบจะหยุดเต้น
แน่นอนว่าเรื่องร้ายแรงที่สุดได้เกิดขึ้นแล้ว
จากนั้นหลินชิงก็ถามแทรกขึ้นมาว่า “แล้วเว่ยโยวล่ะ เขาไปตามหาตัวหัวหน้าไม่ใช่เหรอ?”
โจวอวี้หลงตอบเสียงเข้มว่า “การที่มันกลายร่างเป็นไททัน นั่นหมายความว่าเว่ยโยวไม่สามารถฆ่ามันได้ด้วยกำลังของตัวเอง แบบนี้เขาคงจะรั้งมันไว้ได้ไม่นานหรอก”
“งั้นพวกเราก็อย่าเสียเวลาไปมากกว่านี้เลย รีบออกไปกันเถอะ เราจะต้องฆ่าไททัน ก่อนที่มันจะสร้างความเสียหายให้กับป้อมปราการไปมากกว่านี้!!”
หลี่ต้าหมานลุกขึ้นแล้วพูดพร้อมทำหน้าเคร่งขรึมดูผิดปกติ “ไปกันเถอะ”
ถึงแม้ว่าเขาจะพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง แต่ทุกคนก็เห็นกับตาว่าชายร่างสูงที่เป็นดั่งกระทิงดุกำลังโศกเศร้าและโกรธแค้นมากแค่ไหน
ดูเหมือนว่าหลี่ต้าหมานอยากจะฆ่าไททันมหันตภัยตัวนี้ด้วยมือของตัวเองเพื่อแก้แค้นให้กับถังหย่วนซานผู้เป็นเพื่อนสนิทของเขา
หลังจากที่โจวอวี้หลงแจ้งข่าว เขาก็เดินออกจากห้องประชุมโดยไม่ลังเลและพุ่งทะยานไปยังอาคารสมาคมนักล่าอย่างรวดเร็ว
ทางด้านหลินชิง, หลี่ต้าหมาน และหลินหยวนเองก็ตามมาติด ๆ
ทุกคนรู้ดีว่าสถานการณ์ในครั้งนี้วิกฤตมากแค่ไหน ในสถานการณ์เช่นนี้พวกเขาไม่สามารถรั้งรอได้แม้แต่วินาทีเดียว แต่ในหัวใจของทุกคนก็อัดแน่นไปด้วยความหนักอึ้ง
เพราะถึงอย่างไรพวกเขาก็ไม่เคยเผชิญหน้ากับศัตรูในระดับไททันมหันตภัยมาก่อน
…
ที่สมาคมนักล่า
ไททันจอมมารทมิฬขมวดคิ้วมองภาพเบื้องหน้า
เป็นเพราะ… เวทมนตร์ทำลายล้างก่อนหน้านี้ของเขาไม่สามารถกำจัดเว่ยโยวได้
บัดนี้ผู้มีพลังพิเศษแรงก์ SS 2 คนลอยอยู่กลางอากาศขนาบข้างคนเจ็บ โดยมีโล่แสงสีเขียวมรกตสลัวโอบล้อมพวกเขาเอาไว้
เป็นเพราะโล่พลังงานนี้เองที่ช่วยป้องกันเว่ยโยวเอาไว้
“โชคดีที่เราอยู่ในสมาคมนักล่า ไม่อย่างนั้น… เราอาจจะช่วยชีวิตคุณไม่ได้”
คนที่ขนาบอยู่ข้างกายเว่ยโยว 2 คนเป็นผู้มีพลังพิเศษแรงก์ SS 2 คนซึ่งพวกเขาไม่ใช่ใครอื่นนอกจากนักล่าตัวท็อปของสมาคมนักล่า
โจวอวี้หลงเคยบอกเอาไว้ก่อนหน้านี้ว่า นอกจากผู้พิทักษ์ทั้ง 4 คนแล้ว ยังมีนักล่าแรงก์ SS อีก 2 คนที่จะมาช่วยต่อสู้ปกป้องป้อมปราการ
และในขณะนั้นนักล่าทั้ง 2 ก็บังเอิญอยู่ในสมาคมนักล่าพอดี ซึ่งทำให้พวกเขาสามารถช่วยเว่ยโยวได้ทันท่วงที
“ผมเย่โจว ส่วนคนข้าง ๆ นี้คือฟางเหยียน” ผู้มีพลังแรงก์ SS คนหนึ่งยิ้มขณะแนะนำตัว “โล่พลังที่ล้อมตัวเราอยู่นี้เป็นพลังพิเศษของผมเอง”
“ถึงแม้ว่าพลังนี้จะไม่ได้มีความพิเศษอะไร แต่อย่างน้อยมันก็สามารถรับการโจมตีจากไททันมหันตภัยได้อยู่”
หลังจากอีกฝ่ายกล่าวจบ เว่ยโยวก็พูดขึ้นทันทีว่า “ขอบคุณพี่เย่โจวที่ช่วยผมเอาไว้”
บอกตามตรงว่าถ้า ‘เย่โจว’ ไม่ได้เปิดใช้โล่พลังงานนี้ทันเวลา เขาคงตายไปแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น การที่โล่ต้านทานการโจมตีเต็มกำลังของไททันมหันตภัยได้ มันก็แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของผู้ครอบครองพลังนี้
ทันใดนั้น ‘ฟางเหยียน’ ที่อยู่อีกฝั่งก็ยิ้มพูดว่า “เอาล่ะ คุณอย่าคิดว่าไอ้หมอนี่จะแข็งแกร่งขนาดนั้น ความสามารถของหมอนี่นอกจากการป้องกันแล้ว นอกนั้นไร้ประโยชน์หมดเลย ถ้าเขาต้องเผชิญกับศัตรูที่แข็งแกร่ง เขาก็ทำได้แค่หลบอยู่ในกระดองเต่าเพื่อเอาชีวิตรอดก็เท่านั้น”
พอเย่โจวถูกเพื่อนหักหน้า เขาก็โวยวายขึ้นมาทันที “ฟางเหยียน นายก็พูดเกินไป ฉันใช้กระดองเต่านี่ช่วยนายเอาไว้ตั้งมากมายไม่ใช่หรือไง? ถ้านายกล้ามาดูถูกกันอีก หลังจากนี้ฉันจะไม่ปกป้องนายแล้ว!”
ดูเหมือนว่านักล่าแรงก์ SS 2 คนนี้จะสนิทกันและมั่นใจในความแข็งแกร่งของตัวเองมาก
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะกำลังเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่งมาก แต่พวกเขาก็ยังไม่มีท่าทีร้อนรนแล้วยังกล้าพูดคุยหยอกล้อกันอยู่อีก
ทันใดนั้นไททันจอมมารทมิฬที่อยู่เบื้องหน้าก็โจมตีอีกครั้ง เขาเหวี่ยงหมัดไปที่ทั้ง 3 คนโดยที่ปลายหมัดปกคลุมไปด้วยไอปีศาจสีดำมืด
“ระวัง!” เย่โจวรีบเค้นพลังของตัวเองออกมาจนขีดสุด
แล้วโล่สีเขียวมรกตก็สว่างขึ้นอีกครั้ง
จอมมารทมิฬที่เห็นโล่กำบังนั้นก็อดไม่ได้ที่จะเยาะเย้ย “มดปลวกอย่างพวกแกคิดจะมาหยุดฉันคนนี้งั้นเรอะ ฝันไปเถอะ!”
สิ้นเสียงพูด ไอปีศาจที่ปกคลุมกำปั้นของเขาก็พลุ่งพล่าน
ปัง!
เปรี๊ยะ ๆๆ
โล่สีเขียวมรกตเบื้องหน้าถูกโจมตีจนได้ยินเสียงปริแตก
คราวนี้สีหน้าของเย่โจวเปลี่ยนไปในขณะที่เขาตะโกนเสียงดัง “ถอย!!”
ปัง!!
ภายใต้แรงกดดันของไอปีศาจ โล่สีเขียวมรกตก็พังทลายลงทำให้ร่างของเย่โจวกระเด็นถอยหลังไปกระแทกกับพื้น ก่อนที่เขาจะลุกขึ้นมากระอักเลือด
“เย่โจว!!” สีหน้าของฟางเหยียนเปลี่ยนเป็นซีดเผือด แล้วเขาก็เร่งรุดไปหาเพื่อนของตน
ในฐานะสหายของเย่โจว เขารู้ดีว่าพลังพิเศษของอีกฝ่ายนั้นน่าทึ่งมากแค่ไหน
แต่บัดนี้ไททันจอมมารทมิฬที่อยู่ตรงหน้าได้ทำลายโล่พลังงานของเขาด้วยการโจมตีเพียงหมัดเดียว
นี่อาจหมายความว่า… พลังของไททันมหันตภัยนั้นมันมากมายเกินกว่าที่พวกเขาจินตนาการเอาไว้
“รั้งมันไว้จนกว่าผู้พิทักษ์คนอื่น ๆ จะมาถึง!” เมื่อสถานการณ์เป็นแบบนี้ เว่ยโยวจึงตัดสินใจอย่างเด็ดขาด
เขารู้ดีแก่ใจว่าเพียงแค่พวกเขา 3 คนคงไม่อาจต่อกรไททันมหันตภัยตรงหน้าได้อย่างแน่นอน ดังนั้นสิ่งที่พวกเขาทำได้ก็คือถ่วงเวลาไว้ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ และพยายามรักษาชีวิตตัวเองเพื่อรอให้พวกโจวอวี้หลงมาถึงก่อน แล้วพวกเขาค่อยร่วมมือกันกำจัดไททันจอมมารทมิฬตัวนี้!
“ตกลง!”
จากนั้นฟางเหยียนก็กัดฟันเรียกใช้พลังพิเศษของตัวเอง แปลงร่างเป็นหิน!
แต่การแปลงร่างเป็นหินของเขานั้นแตกต่างไปจากการแปลงร่างทั่วไป
ในระหว่างกระบวนการแปลงร่าง ร่างกายของเขาจะขยายใหญ่ขึ้นอย่างต่อเนื่องจนในที่สุดก็ขยายใหญ่เทียบเท่ากับไททันจอมมารทมิฬ
“เอาหมัดไปกิน!” ฟางเหยียนคำรามพร้อมกับปล่อยหมัดพุ่งตรงเข้าใส่ฝ่ายตรงข้าม
ปัง!!
แต่เขาก็ต้องประหลาดใจเมื่อหมัดที่ทรงพลังของเขาถูกคู่ต่อสู้คว้าเอาไว้ด้วยมือเปล่า
แม้ว่าหลังจากแปลงร่างเป็นยักษ์หิน รูปร่างของเขาจะขยายใหญ่โตกว่าปกติ แต่เขาก็ยังดูเหมือนเด็กน้อยยามที่อยู่ต่อหน้ากับไททันมหันตภัยที่สูงถึง 80 เมตร
“เหมือนว่าแกจะยังไม่ได้รับบทเรียนเลยสินะ” จอมมารทมิฬเหยียดยิ้มชั่วร้าย “ถ้างั้นฉันจะสั่งสอนแกเอง!”
วินาทีต่อมา ลวดลายอักขระบนร่างกายของเขาก็เปล่งแสงสีดำออกมา เขายกฝ่ามือขึ้นโดยที่ภายในมีก้อนพลังงานสีดำสนิทควบแน่นออกมาทีละก้อน
ก้อนพลังงานเหล่านี้ค่อย ๆ ลอยไปหมุนวนรอบตัวเขา ในขณะที่มันเปล่งรัศมีที่น่าสะพรึงกลัวออกมา
เพียงไม่กี่วินาทีกระสุนเวทมนตร์จำนวน 12 นัดก็หมุนวนอยู่รอบตัวไททันจอมมารทมิฬ
ทางด้านฟางเหยียนเบิกตากว้างยืนมองภาพเบื้องหน้า พร้อมกับลางสังหรณ์ที่ร้องเตือนถึงอันตราย
แล้วจอมมารทมิฬก็ทำการจู่โจม โดยที่เขาออกคำสั่งง่าย ๆ เพียงคำเดียวว่า “ไป”
สิ้นเสียงนั้น กระสุนเวทมนตร์สีดำ 12 นัดก็เป็นเหมือนเม็ดทรายล็อกเป้าพุ่งตรงเข้าหาฝ่ายตรงข้าม
ในระยะประชิดขนาดนี้ ฟางเหยียนไม่มีทางหลบการโจมตีนี้พ้น!
ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม!
หลังจากฟางเหยียนต้านทานกระสุนเวทมนตร์ทั้ง 12 นัดได้อย่างยากลำบาก ร่างยักษ์หินของเขาก็กระเด็นถอยไปข้างหลังก่อนจะกระแทกทะลุอาคารที่อยู่ใกล้เคียงจนห่างไปจากจุดเดิมหลายร้อยเมตร ก่อนที่สุดท้ายจะร่วงลงกระแทกกับพื้น
ตึง!!
“แค่ก ๆๆ!” คราวนี้เป็นฟางเหยียนที่กระอักเลือด
จากการทนรับกระสุนเวทมนตร์ที่รุนแรง เขารู้สึกเหมือนกับว่าร่างกายของเขาแหลกสลายไปเรียบร้อยแล้ว
ถึงกระนั้นเขาก็ยังพยายามฝืนลุกขึ้นยืน และความเจ็บปวดอันแสนสาหัสก็แผ่ซ่านไปทั่วร่างกายทำให้เขาต้องทรุดตัวลงอีกครั้ง
เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าตัวเขาที่แข็งแกร่งถึงขนาดนี้จะทนรับการโจมตีของศัตรูเพียงครั้งเดียวก็ยังไม่ได้
พอมาอยู่ต่อหน้าไททันมหันตภัย ผู้มีพลังพิเศษแรงก์ SS นั้นก็ไม่ต่างจากตุ๊กตายัดนุ่น
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 92
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น