บทที่ 82: ไททันมหันตภัย ไททันจอมมารทมิฬ
ปัจจุบันไททันระดับสูงทั้งหลายกำลังอาละวาดเหมือนคนบ้าอยู่ในป้อมปราการ พวกมันได้ทำลายทุกสิ่งที่ขวางหน้า
นี่นับว่าเป็นภัยพิบัติระดับหายนะเลยทีเดียว
สำหรับจอมมารทมิฬ นี่เป็นเหมือนวงดนตรีที่บรรเลงเพลงได้ไพเราะที่สุด
“ไททันจงเจริญ!”
“การทำลายเท่านั้นถึงจะก่อกำเนิดสิ่งใหม่! เผ่าพันธุ์ที่มีความก้าวหน้ากว่าย่อมเป็นผู้ครอบครองดินแดนแห่งนี้!” พอจอมมารทมิฬเห็นว่าแผนการขั้นสุดท้ายของตัวเองดำเนินไปอย่างราบรื่น เขาก็กลั้นยิ้มเอาไว้ไม่ไหว เขากางแขนออกพลางมองไปเบื้องหน้าด้วยสายตากระตือรือร้น
มัจจุราชหน้าหยก ภูตพยัคฆ์ ปีศาจนรก พวกนายดูสิ! การเสียสละของพวกนายจะไม่สูญเปล่า ป้อมปราการนี้สุดท้ายแล้วจะต้องย่อยยับในมือของพวกเรา
ในตอนนั้นเอง จู่ ๆ ก็มีเสียงเย็นชาดังขัดจังหวะความเพลิดเพลินของจอมมารทมิฬ
“ฉันหาแกเจอแล้ว”
วินาทีต่อมา… เว่ยโยวปรากฏตัวออกมาจากเงามืดพร้อมตวัดมีดสั้นในมือพุ่งตรงไปที่คอของฝ่ายตรงข้าม
สกิลซ่อนเงานั้นเป็นสกิลในสถานะวิญญาณดำของเว่ยโยวเช่นกัน
เพราะเหตุนี้เองเขาจึงเข้าใกล้จอมมารทมิฬได้โดยที่อีกฝ่ายไม่รู้ตัว
ถ้าจะบอกว่าด้วยพลังยมทูตขาวดำ เขาเกิดมาเพื่อเป็นนักฆ่าโดยเฉพาะคงก็ไม่เกินจริงนัก
สกิลวิญญาณขาว: สะกดรอยวิญญาณ
สกิลวิญญาณดำ: ค้นวิญญาณและซ่อนเงา
แต่สิ่งที่เว่ยโยวคาดไม่ถึงก็คือ ขณะที่มีดสั้นกำลังจะตัดเนื้อของอีกฝ่าย เป้าหมายก็หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว
ฉัวะ!
การโจมตีที่หมายจะเอาชีวิตนั้นทิ้งไว้เพียงรอยแผลลึกเห็นกระดูกบนไหล่ขวาของจอมมารทมิฬ
เว่ยโยวเห็นดังนั้นก็ขมวดคิ้ว เดิมทีเขาคิดว่าศัตรูไม่มีทางหลบการโจมตีของเขาพ้น
ตอนนี้ดูเหมือนว่าคู่ต่อสู้ของเขาจะระมัดระวังตัวสูงเกินที่คิดไว้
จอมมารทมิฬหันกลับไปมองฝ่ายที่ลอบโจมตีตน ไม่นานลวดลายอักขระบนตัวของเขาก็สว่างขึ้น
วินาทีถัดมา ไอปีศาจสีดำสนิทก็ควบแน่นอยู่บนฝ่ามือก่อนจะพุ่งตรงเข้าใส่เว่ยโยว
แย่แล้ว!
ดวงตาของเว่ยโยวมีประกายบางอย่างในขณะที่เขารับรู้ถึงอันตรายจากไอปีศาจจึงรีบถอยกลับทันที
ตูม!
ไอปีศาจระเบิดออกจนก่อให้เกิดหลุมลึกบนพื้นดาดฟ้า
“ไม่คิดเลยว่าแกจะหาฉันเจอเร็วขนาดนี้” จอมมารทมิฬเงยหน้าขึ้นสบตาแล้วยิ้มให้กับผู้มาเยือน “ถ้าฉันเดาไม่ผิด แกคงจะมีพลังพิเศษบางอย่างในการสะกดรอยตามฉันมาสินะ?”
เว่ยโยวไม่ได้ตอบคำถามคนตรงหน้า เขาจ้องมองศัตรูด้วยสายตาเย็นชาพร้อมกับกระชับมีดสั้นในมือเอาไว้แน่น
“อะไรกัน นี่แกมาคนเดียวเหรอ?” จอมมารทมิฬมองไปรอบ ๆ ก็ไม่เห็นคนอื่น เขาจึงกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่ไหว “ฮ่า ๆๆ นี่มัน… จะไม่ดูถูกกันไปหน่อยหรือไง?”
“แค่ฉันคนเดียวก็ฆ่าแกได้แล้ว” ดวงตาของเว่ยโยวเป็นประกายกร้าว ก่อนที่ร่างของเขาจะเปลี่ยนเป็นเงามืดพุ่งตรงเข้าใส่ฝ่ายตรงข้าม
“ฝีเท้าไม่เลวเลย” จอมมารทมิฬเยาะเย้ย “น่าเสียดาย… ด้วยพลังแค่นั้นแกคิดว่าแกจะฆ่าฉันได้งั้นเหรอ?”
สิ้นเสียงพูด ไอปีศาจสีดำก็ปกคลุมแขนของเขาอีกครั้ง
เป๊ง!
จากนั้นเขาก็ยกแขนขึ้นปัดมีดสั้นในมือของคู่ต่อสู้ได้อย่างง่ายดาย “คนอย่างแกทำอะไรฉันไม่ได้หรอก!”
พอจอมมารทมิฬปัดอาวุธของศัตรู มืออีกข้างก็พุ่งออกไปคว้าคอของอีกฝ่าย
“อึก!” หลังจากเว่ยโยวถูกจับตัวได้ อีกฝ่ายก็ออกแรงบีบจนคอเขาแทบแหลกละเอียด ขาที่ลอยอยู่กลางอากาศพยายามดิ้นรนเต็มแรงในขณะที่มีดสั้นในมือร่วงลงสู่พื้น
“ทำไมแกถึงเงียบไปแล้วล่ะ แกจะฆ่าฉันไม่ใช่เหรอ?” จอมมารทมิฬทำสีหน้าโหดเหี้ยม “เอาสิ… ทำอะไรสักอย่างสิ! ถ้าแกทำไม่ได้ ฉันจะส่งแกไปลงนรกเอง!”
วินาทีต่อมา จอมมารทมิฬก็ออกแรงบีบมากขึ้นโดยพยายามบีบคอให้เว่ยโยวหมดแรง
ทันใดนั้นจู่ ๆ เขาก็ได้ยินเสียงเย็นชาของอีกฝ่ายดังมาจากข้างหลังอีกครั้ง “ใครบอกว่าฉันฆ่าแกไม่ได้?”
พอได้ยินเสียงนี้จอมมารทมิฬก็ทำหน้าเหลือเชื่อ
เป็นไปได้ยังไง?!
หรือว่าศัตรูที่เขากำลังบีบคออยู่นั้นเป็นเพียงร่างโคลน?
ในขณะที่จอมมารทมิฬกำลังหันไปมองด้านหลัง เขาก็เข้าใจอะไรบางอย่างได้ทันที
คนที่โดนเขาบีบคออยู่นั้นสวมหน้ากากสีขาว
แต่คนที่ยืนอยู่ข้างหลังสวมหน้ากากสีดำ!
ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้สังเกตเลย
ต้องบอกว่าการรับรู้ของจอมมารทมิฬนั้นเฉียบคมมาก เพียงชั่วพริบตาเดียว เขาก็เข้าใจแผนการของเว่ยโยวได้ในทันที
ถูกต้องแล้ว
เป็นเพราะเว่ยโยวมีทั้งวิญญาณขาวและวิญญาณดำ ดังนั้นเขาจึงสามารถแยกร่างออกเป็น 2 ร่างได้สบาย ๆ
วิญญาณดวงหนึ่งคือวิญญาณขาว ส่วนอีกดวงคือวิญญาณดำ
ปัจจุบันวิญญาณขาวถูกจอมมารทมิฬบีบคออยู่ ซึ่งเขาจงใจทำตัวเป็นเหยื่อล่อ
ในตอนที่เว่ยโยวพุ่งเข้าใส่คู่ต่อสู้ก่อนหน้านี้ เขาได้ใช้สกิลแยกร่างทันที โดยที่วิญญาณขาวยังคงโจมตีฝ่ายตรงข้ามต่อไป
ส่วนวิญญาณดำก็หลบซ่อนเข้าไปในเงาคอยวนเวียนอยู่ด้านหลังจอมมารทมิฬอย่างเงียบเชียบ
นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้เกิดสถานการณ์ปัจจุบัน เมื่อครู่นี้เป็นเพราะจอมมารทมิฬไม่เข้าใจความสามารถของเว่ยโยวอย่างถ่องแท้ จึงทำให้เขาสามารถคว้าโอกาสนี้เอาไว้ในมือได้
นี่เป็นโอกาสที่จะฆ่าหัวหน้าลัทธิได้สำเร็จ!
“ไปลงนรกซะเถอะ!” เว่ยโยวพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ทันใดนั้นมีดสั้นก็แทงทะลุหลังจอมมารทมิฬ
ฉึก!
จากนั้นเลือดสีแดงฉานก็ค่อย ๆ ขยายตัวบนหลังคนที่ถูกแทง
ในเวลาเดียวกัน ปลายมีดคมกริบก็แทงทะลุหัวใจของเขา
ยามที่เว่ยโยวต้องเผชิญหน้ากับผู้ร้ายที่วางแผนการใหญ่โต เขาก็ไร้ความปรานีเช่นกัน
“อั่ก…” จอมมารทมิฬกระอักเลือดออกมา
“นี่มัน… คาดไม่ถึงจริง ๆ ฉันไม่เคยคิดเลยว่าจะมีคนอย่างแกอยู่ในป้อมปราการ” ขณะที่หัวหน้าลัทธิพูด เว่ยโยวที่มีสีหน้าไร้อารมณ์ก็กดมีดสั้นให้ลึกลงไปอีกเล็กน้อย
ถ้าเป็นคนธรรมดาที่ถูกโจมตีถึงขั้นนี้ ในไม่ช้าพวกเขาจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย
แต่สิ่งที่เขาคาดไม่ถึงก็คือ แม้ดวงตาของจอมมารทมิฬจะดูหมองลงเล็กน้อย แต่มันกลับไม่แสดงให้เห็นว่าชีวิตของเจ้าตัวใกล้จะดับสิ้น
เป็นไปไม่ได้…
เว่ยโยวขมวดคิ้วพร้อมกับที่ดวงตาฉายแววตื่นตระหนก
ทันใดนั้นรอยยิ้มชั่วร้ายก็ปรากฏบนใบหน้าของจอมมารทมิฬ “ฉันลืมบอกแกไปอย่างหนึ่ง สำหรับมนุษย์ที่กลายร่างเป็นไททัน ส่วนหัวใจ… ไม่ใช่บาดแผลที่ทำอันตรายถึงชีวิต”
“เพราะขอเพียงเราเลือก เราก็จะสามารถแปลงร่างเป็นไททันได้ทุกเมื่อ!”
“แกควรจะภูมิใจนะที่บังคับให้ฉันกลายร่างเป็นไททันได้!”
สิ้นเสียงพูด ร่างของจอมมารทมิฬก็ค่อย ๆ ขยายใหญ่ขึ้น
“แย่ล่ะสิ…” เว่ยโยวกัดฟันแล้วถอยหนีไปโดยไม่ลังเล ในระหว่างที่เขาลอยอยู่ในอากาศ วิญญาณทั้ง 2 ดวงก็กลับมารวมกันอีกครั้ง
เขารู้ดีแก่ใจว่าถ้าศัตรูแปลงร่างเป็นไททันแล้ว เขาคนเดียวไม่สามารถรับมือกับอีกฝ่ายได้อีกต่อไป
ถึงอย่างไรจอมมารทมิฬก็เป็นผู้มีพลังพิเศษแรงก์ SS เมื่อเป็นไททันเขาก็จะมีพลังเทียบเท่ากับไททันมหันตภัย ซึ่งมันคือหายนะร้ายแรงที่จะทำลายป้อมปราการสงครามแห่งนี้ได้
“ไอ้พวกมนุษย์เอ๋ย พวกแกจงต้อนรับการมาเยือนของฉัน… ด้วยเสียงกรีดร้องที่น่าหวาดหวั่นนั้นซะ!” จอมมารทมิฬเงยหัวที่ใหญ่โตขึ้นคำรามก้องไปทั่วฟ้า
หลังจากที่เขาแปลงร่างเป็นไททันเต็มตัวแล้ว เขาก็สูงถึง 80 เมตร
แม้แต่ตึกสูงระฟ้าของสมาคมนักล่าก็รองรับร่างมหึมาเช่นนี้ไม่ได้และเริ่มพังทลายลง
บัดนี้ไททันจอมมารทมิฬได้ยืนตระหง่านแผ่ออร่าที่น่าสะพรึงกลัวแบบที่ไม่เคยมีใครพบเห็นมาก่อนอยู่กลางเมือง
แล้วการปรากฏตัวของเขาก็เท่ากับเป็นการประกาศให้ทุกคนในที่นี้ได้รู้…
ไททันมหันตภัยระดับ 8 ไททันจอมมารทมิฬ ได้มาเยือนที่นี่แล้ว!!
…
ในเวลาเดียวกัน ผู้คนหลายล้านภายในป้อมปราการที่วุ่นวายก่อนหน้านี้ต่างก็สังเกตเห็นร่างสูงใหญ่ของไททันจอมมารทมิฬ
ความเป็นจริงไม่ใช่ไททันทุกตัวที่จะสูงถึง 80 เมตร แม้แต่ไททันมหาวิบัติก็ยังสูงเพียง 50-70 เมตรเท่านั้น
“ตัวบ้าอะไรเนี่ย นี่มันไททันระดับไหน ทำไมมันถึงได้ตัวใหญ่ขนาดนี้?!”
“แย่แล้ว ทุกอย่างจบสิ้นแล้ว นี่ต้องเป็นการโจมตีของเผ่าไททันแน่ ป้อมปราการแห่งนี้ถึงคราวล่มสลายแล้ว!”
“ไททันมหันตภัย! ออร่าที่แผ่ออกมาน่ากลัวขนาดนี้จะต้องเป็นไททันมหันตภัยแน่ ๆ”
“ว่าแต่ทำไมไททันมหันตภัยถึงมาโผล่ในป้อมปราการสงครามในแนวป้องกันที่ 3 ได้ล่ะ?”
“ทหารลาดตระเวนตายหมดแล้วหรือไง ทำไมพวกเขาถึงไม่รีบออกมาช่วยพวกเราอีก!”
“ฉันยังไม่อยากตาย!”
เสียงกรีดร้องโหยหวนดังก้องไปทั่ว ในขณะที่ทุกคนพากันวิ่งหนีแบบไม่คิดชีวิต
แต่ท่ามกลางพวกเขาก็ยังมีนักล่าจากสมาคมนักล่า
อย่างที่รู้กันดีว่าอาคารที่จอมมารทมิฬทำลายลงหลังจากแปลงร่างเป็นไททันนั้นก็คืออาคารของสมาคมนักล่า ในระหว่างที่อาคารกำลังถล่ม นักล่าจำนวนมากก็พากันวิ่งหนีตายออกมาอย่างบ้าคลั่ง
ถึงแม้นักล่าเหล่านี้จะเป็นผู้มีพลังพิเศษ แต่พวกเขาก็ไม่ได้แข็งแกร่งมากพอที่จะต่อกรกับไททันมหันตภัยตัวนี้ได้อยู่ดี
“ฉันต้องยอมรับว่า… ความรู้สึกที่ได้เป็นไททันนี่มันวิเศษมากจริง ๆ ไอ้มนุษย์ชั้นต่ำพวกนี้ดูไม่ต่างจากมดเลยสักนิด” จอมมารทมิฬพูดเยาะเย้ยในขณะที่ยกเท้าเหยียบย่ำผู้คนที่อยู่เบื้องล่าง
ในชั่วพริบตา มนุษย์ที่วิ่งหนีตายเกือบ 100 คนก็ถูกเหยียบเละอยู่ใต้ฝ่าเท้าของเขา
ความรู้สึกที่สามารถกำจัดชีวิตของผู้อื่นได้ตามต้องการมันยิ่งทำให้อะดรีนาลีนในกายของจอมมารทมิฬสูบฉีด
ไททัน… เป็นสิ่งมีชีวิตที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหารอย่างแท้จริง!
พออยู่ต่อหน้าไททันตัวสูงใหญ่ สิ่งที่ถูกเรียกว่ามนุษย์นั้นก็ไม่ต่างจากสัตว์เลี้ยง มดปลวก และอาหารเลยสักนิด
-----------------------------------------------------
ฮัลโหล ๆ~ แอดจะบอกว่าอีบุ๊กไททันเล่ม 4 วางขายแล้วน้า นักอ่านท่านไหนรออยู่ สามารถเข้าไปจับจองกันได้ที่ลิงก์หรือ QR Code ด้านล่างเลยจ้า
MEB https://shorturl.asia/Dacmu

สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 88
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น