บทที่ 84: หลินหยวนมาถึง การโจมตีด้วยระเบิดเพลิง
“ไอ้มนุษย์เอ๋ย ช่างโง่เขลาจริง ๆ นอกจากจะโง่แล้วยังเสือกอ่อนแออีก” จอมมารทมิฬก้าวเข้าไปหาฟางเหยียนพร้อมกับพูดเยาะเย้ย “เห็นไหม นี่แหละคือขีดจำกัดของมนุษย์”
เขาเดินเพียงไม่กี่ก้าวก็ไปหยุดยืนอยู่ตรงหน้าอีกฝ่าย จากนั้นเขาก็ยื่นฝ่ามืออันใหญ่โตไปคว้าหัวของหินยักษ์เอาไว้
เพียงแค่เขาออกแรงนิดเดียว มันก็สามารถบดขยี้กะโหลกของคนตรงหน้าจนแหลกละเอียดได้ในพริบตา
เมื่อฟางเหยียนตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ ดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง เขาไม่อาจยอมรับได้เลยว่าตนจะต้องมาตายง่าย ๆ แบบนี้
ฉูด!
แต่ทันใดนั้นก็มีเลือดพุ่งออกมาจากหลังคอของไททันจอมมารทมิฬ
ในเวลาเดียวกัน เว่ยโยวได้มาปรากฏตัวที่ด้านหลังของศัตรูแล้ว
“ไอ้โง่ ฉันต่างหากคือคู่ต่อสู้ของแก!” เว่ยโยวยังคงฟาดฟันมีดสั้นในมือออกไปอย่างต่อเนื่อง โดยที่การโจมตีของเขาทิ้งร่องรอยมากมายไว้บนหลังของไททันมหันตภัย
ถึงบาดแผลพวกนี้จะไม่ได้ร้ายแรงถึงขั้นเอาชีวิต แต่ชายหนุ่มไม่ได้หมายที่จะสังหารอีกฝ่ายเพียงอย่างเดียว เขาเพียงแค่อยากก่อกวนให้ศัตรูโมโหและดึงดูดความสนใจมาที่เขาแทน
แต่ดูเหมือนว่าจอมมารทมิฬจะเข้าใจเจตนาที่แท้จริงของเว่ยโยวอย่างถ่องแท้ เขาจึงถามเสียงเย็นว่า “อะไรกัน? นี่แกอยากจะช่วยชีวิตเพื่อนของแกงั้นเหรอ? ในเมื่อแกอยากตายขนาดนั้น ฉันจะทำให้ความปรารถนาของแกเป็นจริงเอง”
ทันทีที่เขาพูดจบ ลวดลายอักขระบนร่างของเขาก็เปล่งแสงสีดำอีกครั้ง ต่อมาหมอกมืดก็จับตัวเป็นของแข็งบนอากาศเปลี่ยนกลายเป็นโซ่หลาย 10 เส้นที่พุ่งตรงไปยังฝ่ายตรงข้าม
ทางด้านเว่ยโยวที่อยู่ในระยะประชิดไม่อาจหลบพ้น จึงถูกโซ่มัดขาทั้ง 2 ข้างตรึงเขาไว้กับที่
ทันใดนั้นสีหน้าของชายหนุ่มก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย แล้วเขาก็ใช้มีดในมือฟันโซ่ที่พุ่งเข้ามา
เคร้ง!
เสียงโลหะกระทบกันโดยที่โซ่ตรงหน้ายังคงไม่ขยับเขยื้อน
แต่แรงสะท้อนกลับทำให้ฝ่ามือของเว่ยโยวสั่นเทาเพราะความปวดร้าว ดูเหมือนว่าโซ่พวกนี้จะแข็งกว่าที่เขาคิดเอาไว้มาก
ขณะเดียวกัน จอมมารทมิฬก็พูดเยาะเย้ยขึ้นมาอีกครั้งว่า “ไม่ต้องห่วง ฉันไม่มีทางปล่อยให้แกรอดไปได้อีกแน่ ตรวนพวกนี้นอกจากจะแข็งอย่างน่าเหลือเชื่อแล้ว มันยังมีผลในการกักขังวิญญาณด้วย”
“ถ้าแกถูกโซ่นี้มัดเอาไว้แล้ว พลังแยกวิญญาณของแกก็จะไร้ผล!”
หลังจากที่เขาพูดประโยคเหล่านี้จบ ดวงตาของเว่ยโยวก็ฉายแววสิ้นหวัง
ไททันมหันตภัยตรงหน้าเขานอกจากจะมีพลังมหาศาลแล้ว ยังมีพลังจิตที่เหนือกว่ามนุษย์ทั่วไปอีกด้วย
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะร่วมแรงร่วมใจต่อสู้กับอีกฝ่าย แต่เขาก็ไม่เห็นจุดอ่อนของมันเลยแม้แต่น้อย
ในเวลาเพียงไม่ถึง 5 นาที ผู้มีพลังพิเศษแรงก์ SS 3 คนรวมตัวเขาเองก็พ่ายแพ้ไปทีละคน
ยามที่ต้องเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งแบบนี้ แม้แต่เว่ยโยวก็รู้สึกไร้พลังและสิ้นหวัง
“ฉันขอยอมรับเลยว่าแววตาของนายนี่มันดีจริง ๆ ฉันอยากจะชื่นชมแววตาที่สิ้นหวังนั้นให้นานกว่านี้สักหน่อย” จอมมารทมิฬมองชายตรงหน้าด้วยสายตาอาฆาตพร้อมกับเหยียดยิ้มมุมปาก “แต่หลังจากที่ได้เล่นสนุกกันมาขนาดนี้ ถึงเวลาส่งแกลงนรกแล้ว!”
“ฉันจะให้แกไปเฝ้าดูป้อมปราการพังทลายลงในนรกก่อนก็แล้วกัน!”
จอมมารทมิฬพูดจบแล้วก็ออกแรงที่มือขวาเพิ่มขึ้นโดยตั้งใจจะบดขยี้หัวของฟางเหยียนให้แหลกละเอียด
แต่จู่ ๆ ก็มีเสียงเย็นชาดังขึ้นที่ข้างหูของเขา
“แกต่างหากที่สมควรไปลงนรก!” เสียงนั้นมาพร้อมกับระเบิดเพลิงที่มีพลังทำลายล้างพุ่งออกมาจากในอากาศ
ตูม!
ร่างมหึมาของจอมมารทมิฬถูกแรงระเบิดอัดจนกระเด็นออกไป
แล้วคนที่โจมตีอย่างกะทันหันนี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากหลินหยวน!
และในมือของเขามีเพียงแหวนเทพอัคคีเท่านั้นที่สามารถปลดปล่อยพลังระเบิดที่เทียบเท่ากับการโจมตีเต็มกำลังของผู้มีพลังพิเศษแรงก์ SSS ออกมาได้!
แหวนเทพอัคคีที่หลินหยวนสวมอยู่นั้นเป็นของขวัญที่หลี่หวงเหยียนมอบให้
ซึ่งความสามารถของแหวนวงนี้ไม่มีอะไรซับซ้อน
สกิลแรก: ระเบิดเพลิง
เมื่อใช้สกิลนี้จะเป็นการโจมตีด้วยระเบิดเพลิงที่มีพลังเทียบเท่ากับการโจมตีเต็มกำลังของหลี่หวงเหยียน
สกิลที่ 2: กำแพงไฟ
เมื่อใช้สกิลนี้จะมีกำแพงไฟพุ่งขึ้นมารอบตัวของผู้ใช้แหวน โดยช่วยปิดกั้นการโจมตีที่พุ่งเข้ามา
ในตอนนั้นหลินหยวนไม่ลังเลเลยที่จะเลือกใช้สกิลระเบิดอัคคี ส่งผลให้ไททันจอมมารทมิฬกระเด็นถอยห่างออกไป
เพื่อรับมือกับไททันระดับ 8 มีเพียงการโจมตีเต็มกำลังจากผู้มีพลังพิเศษแรงก์ SSS เท่านั้นที่จะสร้างความเสียหายรุนแรงให้กับศัตรูได้
ตัวเด็กหนุ่มนั้นเคยเห็นความแข็งแกร่งของหลี่หวงเหยียนด้วยตาตัวเอง พลังที่เขาปลดปล่อยออกมาเต็มพิกัดย่อมสร้างความเสียหายกับอีกฝ่ายได้อย่างไม่ต้องสงสัย
ก่อนหน้านี้หลินหยวนตั้งใจเอาไว้ว่าจะใช้แหวนเทพอัคคีเป็นไพ่ตาย แต่เมื่อสถานการณ์มาถึงขั้นนี้แล้ว เขาเองก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้วจริง ๆ
ถ้าหากเขาไม่ลงมือ เว่ยโยวกับฟางเหยียนอาจจะต้องตายด้วยน้ำมือของจอมมารทมิฬ
หลังจากใช้สกิลระเบิดอัคคี หลินหยวนก็ลงจอดบนพื้น พร้อมกันนั้นสีหน้าของทุกคนที่อยู่เบื้องหลังก็กลับมามีชีวิตชีวากันอีกครั้ง
“ยอดไปเลย การโจมตีนี้ได้ผล! เราโจมตีไททันมหันตภัยตัวนี้ได้แล้ว เว่ยโยวรอดแล้ว!”
“...”
“ฉิบหายแล้ว!”
หลังจากที่จอมมารทมิฬตั้งตัวได้ มันก็ลุกยืนขึ้นอีกครั้ง ทว่ารอยแผลขนาดใหญ่ที่ไหม้เกรียมบริเวณหน้าท้องของเขาพิสูจน์แล้วว่าการใช้สกิลระเบิดอัคคีก่อนหน้านี้สร้างความเสียหายให้เขาได้รุนแรงมากจริง ๆ
นั่นทำให้ใบหน้าของไททันมหันตภัยเต็มไปด้วยความโมโห ในขณะที่เขาจ้องไปทางหลินหยวน
และสายตาที่เฉียบแหลมของจอมมารทมิฬ ไม่นานเขาก็สังเกตเห็นแหวนที่เด็กหนุ่มสวม
แหวนยังคงมีร่องรอยของพลังก่อนหน้านี้หลงเหลืออยู่
การโจมตีที่เขาได้รับนั้นน่าจะถูกปล่อยออกมาจากแหวนวงนี้อย่างแน่นอน
วินาทีต่อมา ดวงตาของจอมมารทมิฬก็หม่นแสงลง “หึ… ฉันก็นึกว่าเป็นผู้มีพลังแรงก์ SSS ซะอีก เหมือนกับว่าแกก็เป็นแค่กลุ่มคนไร้ประโยชน์ที่ใช้สมบัติมาอวดเก่ง ฉันอยากจะรู้นักว่าแกจะใช้สมบัตินี้ไปได้สักกี่น้ำ!”
สิ้นเสียงพูด กระสุนเวทมนตร์ก็ค่อย ๆ ควบแน่นบนฝ่ามือของจอมมารทมิฬอีกหลายนัด
จากนั้นกระสุนเวทมนตร์ทั้งหมดก็หมุนวนรอบตัวเขาในขณะที่จำนวนของพวกมันเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งครบ 12 นัด
“กระสุนสังหารเทพ 12 นัด!” จอมมารทมิฬตะโกนก้องไปทั่วท้องฟ้า แล้วกระสุนเวทมนตร์สีดำทั้ง 12 นัดที่เคยหมุนวนรอบตัวก็พุ่งเข้าใส่หลินหยวนทันที
ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะโกรธแค้นถึงขั้นคิดจะสังหารเด็กหนุ่มในการโจมตีครั้งเดียว
แล้วกระสุนเวทมนตร์ทั้ง 12 นัดที่พุ่งออกมาก็ปลดปล่อยแรงกดดันที่น่าสะพรึงกลัวอย่างหาที่ใดเปรียบไม่ได้
ก่อนหน้านี้เขาเคยใช้ท่าไม้ตายนี้โจมตีฟางเหยียน ผู้มีพลังพิเศษแรงก์ SS จนหมดสภาพมาแล้ว
“ระวัง!”
“รีบหนีเร็วเข้า!”
ในระหว่างที่กระสุนเวทมนตร์พุ่งตรงมาที่หลินหยวน เขาก็ได้ยินเสียงเตือนของโจวอวี้หลงและหลินชิงดังขึ้น
แน่นอนว่าเขาเองก็อยากจะหลบเหมือนกัน แต่ความเร็วของกระสุนเวทมนตร์ทั้ง 12 นัดนั้นมันเร็วเกินไป ลำพังเพียงแค่กำลังของเขาไม่มีทางหลบการโจมตีนี้ได้พ้นแน่นอน
หลินหยวนที่ตกอยู่ในสถานการณ์สุ่มเสี่ยงก็กัดฟันใช้สกิลแหวนเทพอัคคีอีกครั้ง
ในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตายแบบนี้ มีเพียงกำแพงไฟของแหวนเทพอัคคีเท่านั้นที่จะปกป้องเขาเอาไว้ได้
วินาทีต่อมากำแพงไฟทั้ง 4 ด้านก็ปะทุขึ้นรอบตัวเด็กหนุ่ม
แล้วเปลวเพลิงสีแดงฉานก็พุ่งขึ้นจากพื้นสูงระฟ้า ส่งผลให้อุณหภูมิรอบตัวเขาเพิ่มขึ้นอย่างกะทันหัน
ฉ่า ๆๆ!
กระสุนเวทมนตร์ทั้งหมดที่มุ่งเป้ามาทางหลินหยวนถูกเผาเปลี่ยนกลายเป็นควันสีดำ โดยที่มันไม่สามารถเข้าใกล้ผู้ใช้พลังได้ไม่แต่น้อย
แล้วภาพนี้ก็ทำให้ทุกคนต้องตะลึงงันอีกครั้ง
“แข็งแกร่งมาก”
“นี่เขารับมันทั้งหมดเองเลยเหรอ?”
“เฮ้ย นั่นมันการโจมตีของไททันมหันตภัยเชียวนะ!”
สิ่งที่คนพวกนี้ไม่รู้ก็คือ แหวนเทพอัคคีที่หลินหยวนสวมอยู่นั้นใช้สกิลได้เพียงอย่างละ 1 ครั้งเท่านั้น
หลังจากที่เด็กหนุ่มใช้สกิลระเบิดเพลิงและกำแพงไฟแล้ว แหวนเทพอัคคีก็ดูหมองลง
บัดนี้แหวนได้เปลี่ยนกลายเป็นเครื่องประดับไร้ประโยชน์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ทางด้านไททันจอมมารทมิฬเองก็สังเกตเห็นเรื่องนี้เช่นกัน เขาจึงเหยียดยิ้มพูดว่า “ดูเหมือนว่าสมบัติของแกจะมีวันหมดอายุนะ”
เมื่อภัยคุกคามเพียงอย่างเดียวหมดฤทธิ์ไปแล้ว จอมมารทมิฬก็ไม่รู้สึกหวาดกลัวศัตรูอีกต่อไป
“ตอนนี้คนที่แข็งแกร่งที่สุดในป้อมปราการสงครามมารวมตัวกันที่นี่แล้วเหรอ?”
“ดี ดีมาก! ฉันจะฆ่าพวกแกให้หมดก่อน แล้วค่อยทำลายป้อมปราการนี้ให้ย่อยยับ!” ไททันมหันตภัยที่ยืนอยู่ต่อหน้าทุกคนกำลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่งไม่ต่างจากปีศาจชั่วร้าย
ปัจจุบันผู้คนภายในป้อมปราการต่างมองไปที่ไททันตัวยักษ์ใหญ่โดยสัญชาตญาณ
ผู้พิทักษ์ทั้ง 4 ของหน่วยลาดตระเวน
ผู้มีพลังพิเศษแรงก์ SS 2 คนของสมาคมนักล่า
และเด็กหนุ่มผมดำผู้ซึ่งเคยสร้างความเสียหายให้กับไททันมหันตภัยจนมีบาดแผลฉกรรจ์!
*******************************************
SkySaffron: ได้เวลาพระเอกออกโรง!


แสดงความคิดเห็น