บทที่ 15 รอยทางแห่งหายนะ

-A A +A

บทที่ 15 รอยทางแห่งหายนะ

บทที่ 15 รอยทางแห่งหายนะ

 

‘ฉันรู้...’ เอเรนตอบสั้นๆ ดวงตาของเขายังคงจ้องมองเด็กหญิงอย่างพิจารณา ‘แต่ไม่ว่าเธอจะเป็นอะไร... ฉันจะดูแลเธอเอง’

 

ภายใต้แสงจันทร์และเปลวไฟที่ริบหรี่ เด็กหญิงไร้ชื่อที่มีดวงตาสีแดงเลือดและผมสีขาวราวหิมะ กำลังกินปลาที่เอเรนย่างให้ พลังลึกลับได้ปลุกบางสิ่งในตัวเธอให้ตื่นขึ้นมา และสิ่งนั้น... อาจเป็นอะไรที่น่ากลัวพอๆ กับสิ่งที่เอเรนและลีร่ากำลังเผชิญอยู่

 

ยามอรุณรุ่งมาถึง แสงสีทองสาดส่องลอดแนวต้นไม้สูงใหญ่ เอเรนสะดุ้งตื่นขึ้นจากภวังค์ แม้ร่างกายจะยังอ่อนล้าจากการต่อสู้ครั้งก่อน แต่พลังแห่งศาสตราวิญญาณก็ฟื้นฟูเขาได้เร็วกว่าที่คิด เขาเหลือบมองไปยังเด็กหญิงที่นอนหลับอย่างสงบข้างๆ เส้นผมสีขาวของเธอดูโดดเด่นตัดกับความมืดมิดของผืนป่า ดวงตาสีแดงเลือดของเธอยังคงหลับพริ้ม

 

ลีร่ามองเอเรนก่อนที่จะถอนหายใจแผ่วเบา ‘เธอเปลี่ยนไปมากเลยนะเอเรน... แทบไม่เหลือเค้าเดิม’ เสียงของลีร่าเจือความกังวล ‘ฉันไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน’

 

‘มันคือผลจากพลังแห่งศาสตราโลหิต’ เสียงอันเย็นชาของอีเร็นดังขึ้น ‘ดวงวิญญาณที่ถูกรวบรวม... ถูกหลอมรวมเข้าไปในร่างที่ว่างเปล่า... มันให้กำเนิดสิ่งใหม่’

 

‘แล้ว... เธอจะทำอย่างไรกับเด็กคนนี้? เธอจะปลอดภัยไหม?’

 

เอเรนหลับตาลงชั่วครู่ ‘ฉันยังไม่รู้... แต่ฉันจะไม่ทิ้งเด็กคนนี้ไว้’ ความคิดของเอเรนหนักแน่นกว่าที่ลีร่าคาดไว้มาก 

 

‘เธอเป็นพยาน... เป็นผลลัพธ์ของความโหดเหี้ยมที่ฉันต้องชำระสะสาง’

 

ขณะที่พวกเขาพูดคุยกัน เสียงฝีเท้าและเสียงเกราะกระทบกันก็เริ่มดังใกล้เข้ามาจากทิศทางของหมู่บ้านเฮเมรา กลิ่นควันและเถ้าถ่านยังคงลอยตามลมมาจางๆ

 

‘กองทัพมาถึงแล้ว! เร็วกว่าที่คิด!’ ลีร่าเตือน

 

เอเรนลุกขึ้นยืนช้าๆ เขามองไปทางทิศที่เสียงดังขึ้น ก่อนจะหันกลับมามองเด็กหญิงที่ยังคงหลับใหล

 

‘เราต้องไปจากที่นี่’ เอเรนตัดสินใจอย่างรวดเร็ว เขาอุ้มเด็กหญิงขึ้นมาแนบอกอีกครั้ง

 

เขาเดินลึกเข้าไปในป่า เลือกเส้นทางที่หนาแน่นไปด้วยพงหญ้าและต้นไม้ เพื่อให้การติดตามเป็นไปได้ยากที่สุด ลมหายใจของเขาหนักขึ้นเมื่อต้องใช้พลังงานในการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง พร้อมแบกร่างเด็กหญิงไปด้วย แต่ความมุ่งมั่นในดวงตาของเขานั้นไม่เคยลดลง

 

ตลอดทั้งวัน การเดินทางของเอเรนดำเนินไปอย่างเงียบเชียบและรวดเร็ว ราวกับเงาที่เคลื่อนที่ไปตามป่า เขาใช้ทักษะการเอาตัวรอดที่ฝังลึกอยู่ในจิตวิญญาณของผู้กล้า ผสมผสานกับการรับรู้ของลีร่าที่ละเอียดอ่อนต่อสภาพแวดล้อม ทำให้พวกเขาสามารถหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับหน่วยลาดตระเวนของอัศวินที่กระจายกำลังค้นหาได้อย่างหวุดหวิดหลายครั้งหลายครา

 

‘พวกเขาตามมาติดๆ เลยนะเอเรน’ ลีร่าเตือนเมื่อรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนจากพื้นดินที่เพิ่มขึ้น

 

 ‘คงไม่ยอมปล่อยเราไปง่ายๆ หรอก’

 

‘ฉันรู้’ เอเรนตอบเสียงเรียบ 

 

‘พวกมันคงไม่อยากให้เรื่องที่เกิดขึ้นในเฮเมราแพร่กระจายออกไปแน่’

 

เขาหยุดพักชั่วครู่ข้างลำธารใสสะอาด พลางตรวจสอบบาดแผลที่ได้รับจากอัลดัส มันยังคงเป็นรอยลึก แต่พลังแห่งศาสตราวิญญาณก็เริ่มสมานมันอย่างช้าๆ ร่างของเอเรนแข็งแกร่งกว่ามนุษย์ทั่วไปอย่างเห็นได้ชัด

 

เด็กหญิงในอ้อมแขนของเอเรนเริ่มกระสับกระส่าย เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ ดวงตาสีแดงเลือดคู่นั้นจ้องมองมาที่เอเรนอย่างพิจารณา

 

“ใคร?” เสียงแหบพร่าของเธอดังขึ้นเป็นครั้งแรกหลังจากฟื้นคืนสติ มันไม่ใช่เสียงของเด็กไร้เดียงสาอีกต่อไป หากแต่เป็นเสียงที่แฝงไว้ด้วยความรู้สึกที่ลึกล้ำเกินวัย

 

เอเรนมองดวงตาสีแดงคู่นั้นอย่างเงียบงัน ‘ฉันคือเอเรน... และนี่คือลีร่า... เราช่วยเธอไว้’ เขาพยายามสื่อสารผ่านกระแสจิตอย่างอ่อนโยนที่สุด

 

เด็กหญิงจ้องมองอย่างว่างเปล่า ก่อนจะเอียงคอเล็กน้อย “ช่วย... ใคร?”

 

‘ช่วยชีวิตเธอ... จากความตาย’ ลีร่าตอบผ่านเอเรน น้ำเสียงเต็มไปด้วยความอ่อนโยน 

 

‘เธอจำอะไรไม่ได้เลยเหรอ?’

 

เด็กหญิงส่ายหน้าช้าๆ “มืด... ว่างเปล่า...” เธอพูดได้เพียงแค่นั้น ราวกับความทรงจำเก่าๆ ได้ถูกลบเลือนไปพร้อมกับการเกิดใหม่ของเธอ

 

เอเรนรู้สึกถึงความว่างเปล่าในตัวเด็กหญิง มันไม่ใช่ความบริสุทธิ์แบบเดิม แต่เป็นความว่างเปล่าที่พร้อมจะเติมเต็มด้วยสิ่งใหม่ๆ

 

“เธอไม่มีชื่อใช่ไหม?” เอเรนถาม เด็กหญิงพยักหน้า

 

‘เราควรตั้งชื่อให้เธอนะเอเรน’ ลีร่าเสนออย่างกระตือรือร้น 

 

‘เธอควรมีชื่อใหม่... สำหรับชีวิตใหม่ของเธอ’

 

เอเรนพิจารณาครู่หนึ่ง ชื่อ... ชื่อที่เหมาะสมกับดวงตาสีแดงเลือดและผมสีขาวราวหิมะ และการเกิดใหม่จากความตาย

 

“เซเลเน่” เอเรนเอ่ยชื่อนั้นออกมา เสียงของเขาหนักแน่น 

 

“จากภาษาโบราณ... ผู้ที่มาจากดวงจันทร์... หรือผู้ที่นำแสงสว่างในความมืด”

 

เด็กหญิงดวงตาสีแดงเปล่งประกายขึ้นเล็กน้อยเมื่อได้ยินชื่อนั้น เธอพึมพำซ้ำๆ “เซเลเน่... เซเลเน่...” รอยยิ้มบางๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอเป็นครั้งแรก รอยยิ้มที่ไม่ใช่รอยยิ้มของเด็กที่หิวโหย แต่เป็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความลึกลับ

 

การเดินทางดำเนินต่อไปอีกหลายวัน เอเรน ลีร่า และเซเลเน่ หลบซ่อนตัวในถ้ำลับแลและโพรงไม้ใหญ่ พวกเขาเคลื่อนที่ในยามค่ำคืนเป็นหลัก เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะกับกองทัพอัศวินที่ยังคงตามล่าอย่างไม่ลดละ 

 

เอเรนใช้พลังศาสตราวิญญาณในการล่าสัตว์และหาอาหาร ส่วนเซเลเน่ก็กินอาหารดิบได้อย่างเป็นธรรมชาติอย่างน่าประหลาดใจ

 

ในระหว่างการเดินทาง เอเรนกับลีร่าได้แลกเปลี่ยนเรื่องราวกันมากขึ้น ลีร่าได้เรียนรู้เกี่ยวกับโลกที่เทคโนโลยีเจริญก้าวหน้าของเอเรน ส่วนเอเรนก็ได้เรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์โบราณของโลกนี้ พลังเวทมนตร์ ‘ฉันเข้าใจแล้วว่าทำไมนายถึงแค้นพวกอัศวินมากขนาดนั้น’ ลีร่ากล่าวในคืนหนึ่ง

‘และฉันก็เข้าใจแล้วว่าทำไมเธอถึงไร้ซึ่งความหวังกับโลกใบนี้’ เอเรนตอบ 

 

‘แต่ตอนนี้... เรามีความหวังใหม่แล้ว’ เขามองไปยังเซเลเน่ที่นอนหลับอย่างสงบ 

 

‘เธอคือความหวังนั้น’

 

‘แล้วเราจะทำอย่างไงต่อกองทัพอัศวินกำลังตามเรามาไม่หยุด’ ลีร่าถามด้วยความกังวล

 

เอเรนเงยหน้าขึ้น ดวงตาคมกริบของเขามองไปยังท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว 

 

‘เราจะซ่อนตัวอยู่ในเงามืด... และค่อยๆ เติมเต็มพลัง’ เขาเอ่ยเสียงเรียบ 

 

‘ฉันสัมผัสได้ถึงแหล่งพลังงานโบราณบางอย่างในป่าลึกทางเหนือ... มันอาจจะช่วยให้พลังของอีเร็นกลับมาสมบูรณ์ได้’

 

ลีร่าครุ่นคิด ‘ถ้าอีเร็นกลับมาสมบูรณ์... นายก็จะกลับมาแข็งแกร่งที่สุด... แต่... มันจะควบคุมนายไหม?’

 

‘ไม่...’ เอเรนตอบอย่างมั่นใจ ‘ฉันจะไม่ยอมให้มันควบคุมฉันได้อีก... ฉันคือเอเรน... และฉันจะใช้พลังของมันเพื่อเป้าหมายของฉันเอง... เพื่อล้างแค้นอาณาจักร... และเพื่อปกป้องเซเลเน่’

 

เขาตระหนักดีว่าการเผชิญหน้ากับอาณาจักรโดยตรงในตอนนี้ยังเร็วเกินไป พวกเขาต้องการเวลา ต้องการพลังที่สมบูรณ์ และต้องการข้อมูลเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับโลกใบนี้ และผู้กล้าคนใหม่ที่กำลังจะถูกอัญเชิญมา

 

ภายใต้แสงจันทร์ที่สาดส่องลงมา เอเรนกระชับดาบนิลในมือให้แน่นขึ้น ความมุ่งมั่นของเขาแรงกล้ากว่าที่เคย เขาคือผู้กล้าที่กลับมาจากความตาย พร้อมกับพลังแห่งความมืดที่ได้มาใหม่ พร้อมกับจิตใจที่ขัดแย้งระหว่างความแค้นและความเมตตาที่ได้รับจากลีร่า และพร้อมกับผู้ติดตามตัวน้อยที่มีดวงตาสีเลือดและผมสีขาวราวหิมะ

 

รอยทางแห่งหายนะที่เขาจะสร้างขึ้นเพื่อล้างแค้นกำลังจะเริ่มต้นขึ้น และมันจะเปลี่ยนโฉมหน้าของโลกนี้ไปตลอดกาล...

 

 

 

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ติดตามเราได้ที่

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ คัดลอก หรือนำไปดัดแปลงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืนแล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบนิยาย เรื่องสั้น บทความ หรือเนื้อหาอื่นๆ ที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ที่ keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงานจะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018- keangun. All Rights Reserved.