บทที่ 441: คำขอ 3 ข้อ

-A A +A

บทที่ 441: คำขอ 3 ข้อ

“เจ้ารู้ด้วยหรือว่าเจ้าผิด?” เซียวถังอี้ขมวดคิ้วพร้อมส่งสายตาเย็นชาไปทางน้องสาว “เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้าผิดเรื่องอะไร? เซียวถังถัง เพียงแค่มองปราดเดียวข้าก็รู้แล้วว่าเจ้ากำลังคิดอะไรอยู่”

“...” หญิงสาวได้แต่ก้มหน้านิ่งไม่ปริปากพูด 

ทางด้านอวี้หวานหว่านมอง 2 พี่น้องตระกูลเซียวด้วยความสงสัยใคร่รู้ เพราะตั้งแต่เล็กจนโตนางไม่เคยเห็นศิษย์พี่ของนางกลัวใครมากเท่านี้มาก่อน

แม้ว่าศิษย์พี่รองจะเชื่อฟังศิษย์พี่ใหญ่มากตอนที่อยู่ในหุบเขาหมอเทวดา แต่นางก็ไม่เคยแสดงท่าทีหวาดกลัวมู่ไป๋ไป่เลยแม้แต่น้อย

ยิ่งไปกว่านั้น ศิษย์พี่ใหญ่ยังเอาใจใส่ศิษย์พี่รองมากกว่าคนอื่น

นางคิดว่าบนโลกนี้จะไม่มีใครที่สามารถจัดการศิษย์พี่รองของนางได้อยู่หมัดเสียอีก 

เซียวถังถังทำปากยื่นและตบตะเกียบลงบนโต๊ะอย่างหมดความอดทน “แล้วท่านจะเอาอย่างไร?!”

“เซียวถังอี้ ท่านแค่ไม่ชอบข้าใช่หรือไม่? ท่านถึงได้หาเรื่องข้าทันทีที่ไป๋ไป่ไม่อยู่!”

“ในเมื่อท่านไม่ชอบหน้าข้า แล้วไยท่านถึงยืนกรานให้ข้ากลับมาอยู่ที่นี่ล่ะ หวานหว่านกับข้าสามารถพักที่โรงเตี๊ยม 2 คนก็ได้!”

“เฮอะ 12 ปี! ตลอดเวลา 12 ปีที่ผ่านมา ท่านทิ้งข้าไว้ที่หุบเขาหมอเทวดาโดยที่ไม่สนใจมาดูดำดูดี ตอนนี้เราได้กลับมาพบกันอีกครั้ง แต่ท่านกลับใจร้ายกับข้า”

“ถ้าใครไม่รู้คงจะคิดว่าข้าเป็นศัตรูของท่าน ไม่ใช่น้องสาวท่าน!”

ยิ่งพูดมากเท่าไหร่เซียวถังถังก็ยิ่งรู้สึกเสียใจมากขึ้นเรื่อย ๆ นางขยี้ตาตัวเองแรง ๆ หลายครั้งและตัดสินใจที่จะพาอวี้หวานหว่านออกไปจากตำหนักอ๋องเซียว “หวานหว่าน ตามข้ามา ข้าไม่อยากอยู่ที่นี่!”

“ศิษย์พี่รองจะพาเจ้าไปพักที่โรงเตี๊ยมในเมืองหลวง เราจะไปพักห้องที่ดีที่สุดกัน!”

“หยุดอยู่ตรงนั้น!” เซียวถังอี้รู้สึกโมโหมากจนอดกลั้นเอาไว้ไม่ไหว “ตอนนั้นใครเป็นคนที่หัวรั้นจะไปที่หุบเขาหมอเทวดาเสียให้ได้ แล้วจู่ ๆ ตอนนี้เจ้าจะมารู้สึกว่าตนเองถูกทอดทิ้งอย่างนั้นหรือ?”

เซียวถังถังยืนตัวแข็งทื่ออยู่กับที่ทันที

นางจำได้…

ดูเหมือนว่านางจะเป็นคนที่ทำทุกวิถีทางเพื่อจะติดตามมู่ไป๋ไป่ไปที่หุบเขาหมอเทวดา

ยามนี้มุมปากของเซียวถังถังกระตุก ในขณะที่นางลอบถอนหายใจเบา ๆ “เอ๋~ ไม่นะ ข้าลืมไปเสียแล้วว่าเมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น น่าอายจริง ๆ!”

“ถ้าข้าเกลียดเจ้า ข้าจะสนใจเจ้าทำไม?” เซียวถังอี้รู้ว่าเจ้าน้องสาวตัวแสบกำลังคิดอะไรอยู่ เขาจึงใช้ปลายนิ้วเคาะโต๊ะเป็นจังหวะแล้วพูดว่า “นั่งลงกินข้าว แล้วก็อยู่ที่นี่เถอะ อย่าออกไปสร้างปัญหาอะไรในช่วงนี้”

เซียวถังถังที่ได้ยินดังนั้นก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่นางก็ยังคงดึงอวี้หวานหว่านกลับไปที่โต๊ะอาหารและนั่งลงอย่างเชื่อฟัง ก่อนจะหยิบชามกับตะเกียบขึ้นมา

ในที่สุดนางก็เพิ่งคิดได้ว่าตัวเองเชื่อฟังพี่ชายมากเกินไป นางจึงอดไม่ได้ที่จะบ่นพึมพำขัดขืนว่า “ทุกวันนี้ข้ายังทำตัวไม่ดีพออีกหรือ…”

“เจ้าเนี่ยนะทำตัวดี?” เซียวถังอี้เลิกคิ้วขึ้นพร้อมหรี่ตาจ้องมองอีกฝ่าย “เจ้าอยากพนันหรือไม่?”

“ท่านจะให้พนันอะไร?” เซียวถังถังเม้มปากถามด้วยความหงุดหงิด

“ก็พนันว่าเจ้าจะสร้างความเดือดร้อนหรือไม่” จากนั้นชายหนุ่มก็ชูนิ้วขึ้น 3 นิ้ว “ถ้าภายใน 3 วันนี้เจ้าไม่ได้สร้างความเดือดร้อนอะไร ข้าจะถอนคำพูดตัวเอง”

“แต่ถ้าตรงกันข้าม เจ้าจะต้องถอนคำพูดตัวเอง และเจ้าควรจะทำตัวให้ดีเสียตั้งแต่ตอนนี้”

เซียวถังถังเบ้ปากด้วยความไม่พอใจ “แล้วมันต่างกันตรงไหน ข้าก็ต้องเชื่อฟังท่านเหมือนกันไม่ใช่หรือ?”

“ถ้าท่านสั่งให้ข้าไปทางตะวันออก ข้าจะกล้าไปทางตะวันตกหรืออย่างไร?”

“ข้าขอเพิ่มเงื่อนไขอีกข้อหนึ่ง ถ้าหากข้าชนะ ท่านจะต้องยอมรับคำขอของข้า 3 ข้อ”

เซียวถังอี้พยักหน้าทันที “ตกลง”

เขารู้จักนิสัยของน้องสาวเป็นอย่างดี สำหรับเจ้าเด็กคนนี้ การอยู่เงียบ ๆ เพียงแค่วันเดียวคงจะถึงขีดจำกัดของนางแล้ว

ชายหนุ่มจึงไม่รังเกียจที่จะพนันกับนาง

แต่ถ้านางทำสำเร็จ ก็ถือเสียว่าเป็นการชดเชยให้นางที่เขาไม่ได้ไปเยี่ยมนางตลอดหลายปีมานี้ 

พอเซียวถังถังเห็นว่าเซียวถังอี้ยอมตกลงโดยง่าย นางก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้น

แม่เจ้าโว้ย!

หญิงสาวไม่เคยคิดเลยว่าพี่ชายที่ชอบรังแกนางมาตั้งแต่เด็กจะยอมทำตามคำขอ 3 ข้อของตน

นางจะต้องชนะเดิมพันนี้ให้ได้และล้างแค้นเซียวถังอี้ที่ทำให้นางได้รับความอัปยศมาตลอดชีวิต!

จากนั้นเซียวถังถังก็กินข้าวอย่างมีความสุข ก่อนที่นางจะพาอวี้หวานหว่านกลับไปที่เรือนของตัวเอง

ทางด้านเซียวถังอี้ก็ไม่ได้คัดค้านอีกฝ่าย เขาสัญญากับอวี้เซิ่งและเจียงเหยาเอาไว้ว่าจะช่วยดูแลลูกสาวของพวกเขา เขาจึงต้องรักษาสัญญาที่ให้ไว้

อวี้หวานหว่านนั้นเป็นเด็กขี้อาย ดังนั้นการที่นางอยู่กับเซียวถังถังจึงเป็นเรื่องที่เหมาะสม

อีกด้านหนึ่ง

กว่าจะถึงเวลาที่มู่ไป๋ไป่กลับจากตำหนักตี้เฉินมันก็ดึกมากแล้ว

บัดนี้ความสุขที่เธอได้กลับมายังวังหลวงแทบจะจางหายไปในพริบตา สิ่งเดียวที่ยังหลงเหลืออยู่ก็คือความเหนื่อยล้าจากการเดินทางมาหลายวัน

“พี่รอง ท่านต้องจำเอาไว้ให้ดีว่าต้องทายาให้ตรงเวลา อย่าได้ลืมเด็ดขาด” หญิงสาวขยี้ตาที่เมื่อยล้าในขณะที่พูดเตือนพี่ชายคนรองว่า “พรุ่งนี้ข้าจะไปหาไทเฮา จากนั้นก็จะไปหาท่านพี่รัชทายาท เราไปพบกันที่ตำหนักของท่านพี่รัชทายาทก็แล้วกัน”

“ตกลง” มู่จวินเซิ่งพยักหน้า พอเห็นว่าน้องสาวหันหลังเดินออกไป เขาก็เรียกอีกฝ่ายอย่างลังเล “ไป๋ไป่…”

“หืม? พี่รองมีอะไรอีกหรือ?” ตอนนี้มู่ไป๋ไป่รู้สึกง่วงมากจนตาแทบจะลืมไม่ขึ้น

เธอคิดว่าพี่ชายคนรองมีเรื่องสำคัญอยากจะพูด แต่เขากลับเรียกเธอโดยที่ไม่พูดอะไร เขาทำเพียงแค่เดินเข้ามากอดเธอไว้อย่างอ่อนโยน

ขณะนี้ศีรษะเล็ก ๆ ของหญิงสาวถูกมือใหญ่ของพี่ชายที่มีรอยด้านกุมเอาไว้จนเกือบมิด

“พี่รอง… ท่านกำลังทำอะไรอยู่น่ะ?” นอกจากมู่ไป๋ไป่จะรู้สึกแสบตาแล้ว เธอยังรู้สึกแสบจมูกมากด้วย

ความคับข้องใจที่เธอพยายามจะไม่สนใจมันได้ย้อนกลับมาจนทำให้ดวงตาคู่สวยพร่าเลือน

“พี่รองไม่รู้วิธีปลอบใจคนอื่น” มู่จวินเซิ่งกล่าวพร้อมกับยิ้มจาง ๆ “พี่ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร เพราะสถานที่นี้ไม่ใช่สถานที่เหมาะจะพูดคุย”

ชายหนุ่มปล่อยน้องสาวก่อนจะลูบหัวนางเบา ๆ เป็นการทิ้งท้าย “พี่รองจึงคิดว่า ถ้าพี่กอดเจ้าเอาไว้แบบนี้ เจ้าจะรู้สึกดีขึ้น”

ต่อหน้ามู่เทียนฉง เขามักจะนับว่าตัวเองเป็นขุนนางก่อนที่จะคิดถึงฐานะลูกชายเป็นอันดับรอง

เขาไม่มีความสามารถและไม่กล้าตั้งคำถามถึงการกระทำของมู่เทียนฉง

แต่เขาก็สามารถเลือกที่จะยืนอยู่เคียงข้างมู่ไป๋ไป่ได้

“พี่รองอยู่เคียงข้างเจ้าเสมอ” มู่จวินเซิ่งมองน้องสาวตรงหน้าด้วยสายตาจริงจังพร้อมกับเอ่ยคำมั่นจากใจ

มู่ไป๋ไป่ทั้งรู้สึกซาบซึ้งและขบขันในเวลาเดียวกัน “พี่รอง มันไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอก ข้ารู้…”

ถึงอย่างไรเธอก็เติบโตมาในวังหลวงแห่งนี้

“เอาล่ะ พี่รอง ท่านกลับไปพักผ่อนเถอะ ท่านต้องดูแลตัวเองให้ดี ๆ อย่าให้เซียวเซียวต้องกังวล!”

พอชายหนุ่มได้ยินชื่อของหลัวเซียวเซียว ใบหน้าหล่อเหลาของเขาก็มีสีสันแต่งแต้ม 

“อ่า… ข้าเข้าใจแล้ว” มู่จวินเซิ่งกระแอมในลำคออย่างตะขิดตะขวงใจก่อนจะถามว่า “พรุ่งนี้ตอนที่เราไปที่ตำหนักของเสด็จพี่ เซียวเซียวจะไปด้วยหรือไม่?”

มู่ไป๋ไป่พยายามกลั้นหัวเราะเอาไว้ขณะตอบว่า “ไปสิ นางต้องไปอยู่แล้ว เอาไว้ข้าจะรอให้พวกท่าน 2 คนมาขอบคุณข้าที่คอยเป็นแม่สื่อให้”

แม่ทัพหนุ่มยิ้มพร้อมกับพูดว่า “ตกลง พอถึงเวลานั้นข้าจะเตรียมของขวัญชิ้นใหญ่เอาไว้ให้เจ้า”

หญิงสาวรู้สึกประหลาดใจไม่น้อยที่ผู้เป็นพี่ชายตอบเช่นนี้

ดูเหมือนว่าเรื่องระหว่างพี่รองกับเซียวเซียวจะดำเนินไปได้ด้วยดี

หลังจากกล่าวคำอำลากับมู่จวินเซิ่งแล้ว มู่ไป๋ไป่ก็ตรงกลับไปที่ตำหนักอวี๋ชิงทันที

ด้านนอกตำหนักมีนางกำนัล 2 คนที่คุ้นหน้าถือโคมไฟรอหญิงสาวอยู่ เมื่อพวกนางเห็นองค์หญิงหก ทั้งคู่ก็รีบเดินเข้ามาหาทันที

“องค์หญิงหก ในที่สุดพระองค์ก็เสด็จกลับมาแล้ว” นางกำนัลพูดจบแล้วก็ยื่นเสื้อคลุมในมือให้กับมู่ไป๋ไป่ “พระสนมทรงเป็นกังวลว่าอากาศตอนกลางคืนจะเย็นลง พระสนมจึงสั่งให้พวกเรามารอองค์หญิงอยู่ที่นี่เพคะ”

“เสื้อคลุมตัวนี้เพิ่งถูกตัดเย็บขึ้นมาใหม่ องค์หญิงหก พระองค์ลองสวมดูว่าพอดีหรือไม่เพคะ”

มู่ไป๋ไป่รับเสื้อคลุมสีขาวมาและลูบไล้งานปักที่ประณีตบนนั้น ก่อนที่เธอจะรู้สึกแสบจมูกอีกครั้ง

“ท่านแม่ยังรอข้าอยู่หรือไม่?” หญิงสาวสูดจมูกแรง ๆ แล้วระงับความรู้สึกของตัวเองก่อนจะถามออกไปอย่างใจเย็น

“เพคะ” นางกำนัลคนหนึ่งยิ้มพร้อมกับพูดว่า “พระสนมคงไม่อาจข่มตานอนหลับได้หากองค์หญิงหกยังไม่เสด็จกลับมาเพคะ”

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ติดตามเราได้ที่

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ คัดลอก หรือนำไปดัดแปลงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืนแล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบนิยาย เรื่องสั้น บทความ หรือเนื้อหาอื่นๆ ที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ที่ keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงานจะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018- keangun. All Rights Reserved.