บทที่ 370 ซากโบราณสถาน

-A A +A

บทที่ 370 ซากโบราณสถาน

บทที่ 370 ซากโบราณสถาน

“ไม่ต้องมาเกรงใจฉันหรอก เรื่องแค่นี้มันเป็นเพียงแค่เรื่องเล็กน้อย อีกอย่างโซลออฟอีเทอนิตี้ก็ไม่ได้กำหนดเป้าหมายไปที่พวกคุณจริง ๆ สิ่งที่พวกเขากำลังทำอยู่เป็นเพียงแค่การวางกลลวงเอาไว้เท่านั้น” ลู่หยางกล่าว

คำพูดของอีกฝ่ายทำให้สองพี่น้องหันมามองหน้ากันอย่างตกตะลึง ก่อนที่โจวเทียนหมิงจะถามขึ้นมาว่า

“คุณกำลังหมายความว่ายังไงครับ?”

“หากฉันเดาไม่ผิดเรื่องที่โซลออฟอีเทอนิตี้ตั้งค่าหัวสมาชิกของฉันก็น่าจะเป็นกลลวงด้วยเหมือนกัน จุดประสงค์ที่แท้จริงของเขาควรจะเป็นการโจมตีฉือมู่หรือไม่ก็ฉงป้า แต่ฉันคิดว่าโอกาสน่าจะออกที่ฉงป้ามากที่สุด” ลู่หยางตอบ

“ทำไมคุณถึงคิดแบบนั้นล่ะ?” โจวเทียนหยานถาม เพราะท้ายที่สุดเรื่องที่โซลออฟอีเทอนิตี้ตั้งค่าหัวสมาชิกของบลัดบราเธอร์กับเรื่องที่ฉงป้าจะถูกโจมตี มันก็ดูเป็นเรื่องสองเรื่องที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกันเลย

“หากว่าบลัดไทแรนท์เป็นคนประกาศล่าค่าหัวลูกกิลด์ของฉัน ตัวฉันก็คงไม่คิดแบบนี้แต่กิลด์ของโซลออฟอีเทอนิตี้อยู่ไกลจากกิลด์ของฉันมาก การลดความแข็งแกร่งของกิลด์ฉันลงก็ดูจะไม่มีประโยชน์สำหรับเขาเท่าไหร่เลย อย่างมากที่สุดมันก็เป็นการปูทางให้บลัดไทแรนท์จัดการกับฉันได้ง่ายมากขึ้นเท่านั้น แต่มันก็เห็นได้ชัดว่าบลัดเติสตี้ยังมีกำลังไม่มากพอจะจัดการกับบลัดบราเธอร์ได้ 

“แต่ถ้าหากพวกเขามุ่งเป้าหมายไปที่ฉงป้ากับฉือมู่ เรื่องมันก็จะกลับตาลปัตรไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง แน่นอนว่าเรื่องนี้เป็นเพียงแค่การคาดเดาของฉันเท่านั้นและฉันก็ไม่มีหลักฐานอะไรมาสนับสนุนคำพูดของตัวเองด้วย” ลู่หยางกล่าว

“สิ่งที่คุณพูดมันก็มีเหตุผลนะ บางทีโซลออฟอีเทอนิตี้อาจจะกำลังวางแผนแบบนั้นอยู่จริง ๆ ก็ได้” โจวเทียนหมิงกล่าวหลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง

“ก่อนหน้านี้ฉันพยายามติดต่อไปหาฉือมู่กับฉงป้าเพื่อเตือนพวกเขาแล้ว แต่พวกเขาทั้งสองคนคงจะคิดว่าฉันติดต่อไปขอความช่วยเหลือ มันเลยไม่มีใครให้ความสนใจกับฉันเลย” ลู่หยางพูดต่อ

โจวเทียนหมิงทำได้เพียงแต่เผยรอยยิ้มขึ้นมาอย่างจนปัญญา ก่อนที่เขาจะพูดขึ้นมาว่า

“ก่อนหน้านี้ฉือมู่กับฉงป้าก็เคยมาชวนพวกเราสองพี่น้องเข้าร่วมพันธมิตรกับเขาด้วยเหมือนกัน แต่พอพวกเขาเห็นสถานการณ์ของพวกเราแล้วพวกเขาก็ล้มเลิกความตั้งใจพวกนั้นไป”

“สองคนนี้เป็นพวกคิดเห็นแต่ประโยชน์ของตัวเองมากเกินไป” โจวเทียนหยานกล่าว

“เรื่องนั้นมันก็ใช่ แต่ถ้าหากฉันคาดการณ์ไม่ผิดเมื่อไหร่ก็ตามที่ฉงป้าได้รับความพ่ายแพ้ ในเวลานั้นสถานการณ์ของพวกเราก็จะยากลำบากมากกว่าเดิม ไม่ทราบว่าพวกคุณสองพี่น้องพอจะมีแผนการอะไรดี ๆ ไหม?” ลู่หยางกล่าว

โจวเทียนหมิงทำได้เพียงแต่ถอนหายใจ ก่อนจะพูดตอบลู่หยางว่า

“พูดตามตรงนะพี่ลู่หยางว่าพวกเราสองพี่น้องเตรียมตัวจะขายป้อมปราการออกไปแล้ว”

“ขาย?” ลู่หยางถามอย่างประหลาดใจ

โจวเทียนหมิงพยักหน้าพร้อมกับพูดว่า

“ความจริงแล้วกว่าเราจะครอบครองป้อมปราการนี้ได้ มันก็ไม่ได้มีเพียงแต่ความดีความชอบของพวกเราสองพี่น้องเท่านั้น เพื่อนพี่น้องของพวกเราต้องร่วมเสียสละกันไปอย่างมากมาย เมื่อเราเห็นว่าพวกเรายังไม่มีความสามารถมากพอจะปกป้องป้อมปราการเอาไว้ได้ สู้พวกเราขายมันออกไปเอาเงินไปแจกจ่ายให้พี่น้องทุกคนมันก็ยังดีกว่าการที่พวกเราเสียป้อมปราการไปฟรี ๆ”

น่าเสียดายที่ถึงแม้โจวเทียนหมิงจะคิดแบบนี้ แต่คนที่กล้าซื้อป้อมปราการของพวกเขาไปมันก็มีอยู่ไม่มากนัก

“พวกคุณคิดจะขายเท่าไหร่?” ลู่หยางถาม

“50 ล้านเครดิตพร้อมกับหุ้น 30% ของกิลด์ โดยเราจะช่วยปกป้องป้อมปราการอย่างเต็มที่” โจวเทียนหยานตอบ

“พวกคุณตกลงขายไปแล้วหรือยัง?” ลู่หยางถาม

“ยังครับ นี่เป็นราคาต่ำที่สุดที่พวกเราจะรับได้ ตอนนี้เป็นช่วงเจรจากับกิลด์ภายในเมืองซีเอ็มเพอเรอร์ที่ให้ความสนใจ” โจวเทียนหมิงตอบ

การที่อีกฝ่ายยอมเปิดเผยข้อมูลออกมาถึงขนาดนี้ มันก็เห็นได้ชัดว่าทั้งคู่ไว้ใจลู่หยางมากและไม่ได้มองว่าชายหนุ่มเป็นคนนอก

ลู่หยางใช้เวลาคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นมาว่า

“เอาแบบนี้ไหม? ฉันจะซื้อป้อมปราการและหุ้นทั้งหมดในกิลด์ของพวกคุณในราคา 150 ล้านเครดิต จากนั้นฉันจะให้หุ้นพวกคุณ 2 คน ๆ ละ 15% และให้พวกคุณดูแลป้อมปราการต่อไป ตัวฉันจะไม่เข้าไปยุ่งกับการบริหารขอแค่ช่วยฟังคำสั่งของฉันในยามสงครามเท่านั้นก็พอ”

“นอกจากนี้ฉันจะให้โควต้าเงินเดือนบางส่วนกับพวกคุณเพื่อให้กิลด์จ่ายเงินเดือนให้กับสมาชิกในอนาคต โดยเงินเดือนที่สมาชิกเหล่านั้นจะได้รับมันจะไม่น้อยกว่า 5,000 เครดิตต่อเดือน”

ข้อเสนอของลู่หยางทำให้สองพี่น้องตกตะลึง เพราะข้อเสนอนี้มันก็เทียบเท่าได้กับการที่พวกเขายังคงเป็นเจ้าของกิลด์และป้อมปราการอยู่ เพียงแต่ผลกำไร 70% จะต้องถูกปันผลไปให้กับลู่หยางเท่านั้น อย่างไรก็ตามจำนวนของเงินปันผลมันก็ขึ้นอยู่กับพวกเขาเป็นคนตัดสินใจอยู่ดี

“พวกเราชอบข้อเสนอของคุณมาก แต่ผมขออนุญาตเตือนว่าตอนนี้คุณไม่เหมาะสมจะซื้อป้อมปราการของพวกเราเท่าไหร่ หากผมคาดการณ์ไว้ไม่ผิดคุณไม่มีทางรับมือกับโซลออฟอีเทอนิตี้และบลัดไทแรนท์ได้พร้อม ๆ กันหรอก” โจวเทียนหยานพยายามพูดเตือน

ลู่หยางส่ายศีรษะพร้อมกับพูดว่า

“เรื่องนี้พวกคุณไม่จำเป็นจะต้องกังวล ในเมื่อฉันกล้าซื้อ มันก็หมายความว่าฉันมีความมั่นใจว่าฉันสามารถต่อต้านการโจมตีของพวกเขาทั้งสองกิลด์พร้อม ๆ กันได้”

โจวเทียนหมิงและโจวเทียนหยางขอเวลาออกไปปรึกษากันส่วนตัวสักครู่ ก่อนที่พวกเขาจะกลับมาตอบรับกับลู่หยางว่า

“หลังจากนี้ต่อไปพวกเราก็ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วย หากคุณอยากจะให้พวกเราทำอะไรก็ขอให้สั่งการออกมาได้เลย”

“ถ้าอย่างนั้นอันดับแรกพวกคุณก็เตรียมตัวกันเอาไว้ให้ดี เพราะหลังจากนี้ป้อมปราการจะถูกย้ายไปอยู่ภายใต้การครอบครองของบลัดบราเธอร์” ลู่หยางกล่าว

“พี่ลู่หยาง คุณมีแผนการอะไรงั้นเหรอ?” โจวเทียนหมิงถามอย่างตกใจ

ชายหนุ่มเผยรอยยิ้มออกมาอย่างลึกลับ ก่อนที่เขาจะตอบกลับไปว่า

“ในเมื่อโซลออฟอีเทอนิตี้ชอบใช้กลยุทธ์ในสงคราม ฉันก็จะเล่นเกมจิตวิทยากับเขาสักกระดาน มาดูกันสิว่าใครจะหลอกใครได้ก่อนกัน”

โจวเทียนหยานหลุดหัวเราะขึ้นมาเบา ๆ เพราะเขาไม่คิดว่าลู่หยางจะเป็นคนที่น่าสนใจถึงขนาดนี้

“เอาล่ะพวกเรามาเซ็นสัญญากันเถอะ ทันทีที่ข้อตกลงบรรลุผลฉันจะโอนเงินให้พวกคุณทันที แต่พวกคุณอย่าเพิ่งแบ่งเงินให้ลูกน้องของพวกคุณนะ ช่วยรออีก 15 วันหลังจากนั้นค่อยเอาเงินไปแบ่งให้พี่น้องของพวกคุณ” ลู่หยางกล่าว

“ได้ครับ” ทั้งสองคนพยักหน้ารับพร้อมกัน

ไม่นานกระบวนการเซ็นสัญญาก็ลุล่วงไปได้ด้วยดี จากนั้นลู่หยางก็โอนจ่ายเงิน 150 ล้านไปให้กับโจวเทียนหมิงทำให้เงินในบัญชีของเขาเหลืออยู่ไม่ถึง 100 ล้านเครดิตแล้ว

“ตอนนี้พวกเราควรจะต้องทำอะไรครับ?” โจวเทียนหมิงถาม

“พยายามปกป้องป้อมปราการเอาไว้เหมือนเดิม ขอแค่อดทนไปอีก 15 วันทุกอย่างมันก็จะผ่านพ้นไปได้ด้วยดี” ลู่หยางตอบ

“โอเคครับ” โจวเทียนหยานกล่าว

ลู่หยางพยักหน้ารับก่อนที่เขาจะตบไหล่พี่น้องทั้งสองและออกไปจากพื้นที่พิเศษ

ในระหว่างที่ชายหนุ่มกำลังจะออกไปลากมอนสเตอร์เพื่อเก็บเลเวลต่อไป ทันใดนั้นเขาก็สังเกตเห็นแสงประหลาดที่อยู่ในพื้นที่โล่งระหว่างห้องวิจัย 1 และห้องวิจัย 2

ย้อนกลับไปในชาติก่อนกว่าที่เขาจะเดินทางมายังสถานที่แห่งนี้ มันก็ถูกกิลด์อื่น ๆ สำรวจไปแล้วเป็นจำนวนนับครั้งไม่ถ้วน และหนึ่งในเรื่องกล่าวขานที่น่าตื่นเต้นมากที่สุดนั่นก็คือที่นี่เป็นจุดเกิดของมอนสเตอร์ระดับลอร์ดที่มีพลังป้องกันสูงมาก เพียงแต่เขายังไม่เคยเจอกับบอสตัวนั้นด้วยตัวเอง

ชายหนุ่มเดินตามแสงสว่างไปด้วยความสงสัย ก่อนที่เขาจะเดินมาถึงบันไดหินอ่อนสีขาว

ระบบ: คุณพบซากโบราณสถาน

ตัวบันไดมี 7 ขั้นซึ่งบันไดแต่ละขั้นมีความสูง 30 เซนติเมตร หลังจากที่เขาเดินขึ้นไปตามบันไดเขาก็ได้พบกับระเบียงทางเดินที่สร้างขึ้นจากหินอ่อนสีขาวและมีเพียงเสาหินโค้งที่ตั้งอยู่ตรงบริเวณปลายระเบียง

ชาติก่อนเขาก็เคยเดินทางมาตรงนี้ด้วยเช่นกัน แต่ในคราวนั้นมันไม่มีแสงสว่างคอยนำทางให้กับเขาเหมือนกับในตอนนี้

ตรงบริเวณลานระเบียงมีเสาหินอยู่เพียงแค่ 6 ต้นและทางด้านหลังมันก็มีหลุมขนาดใหญ่ ซึ่งจากคำอธิบายเนื้อเรื่องของเกมภายในหลุม ๆ นี้ก็มีซากของสิ่งมีชีวิตโบราณซุกซ่อนอยู่

ในขณะที่ลู่หยางกำลังสงสัย จู่ ๆ เสาหินทั้ง 6 ต้นก็เริ่มเปล่งแสงสีขาวบริสุทธิ์ ซึ่งทุก ๆ ครั้งที่มันมีแสงสว่างส่องขึ้นมา มันก็จะมีมอนสเตอร์ตัวสีเทาที่มีปีกคล้าย ๆ กับพวกอิมพ์ปรากฏตัวขึ้น

ผู้พิทักษ์ซากโบราณ (ระดับกึ่งอีลิท)

เลเวล 60

พลังชีวิต 1/1

ค่าสถานะของมอนสเตอร์ที่อยู่ตรงหน้าทำให้ลู่หยางตกตะลึง เพราะถึงแม้ว่ามันจะมีเลเวลสูงถึง 60 แต่พลังชีวิตของมันกลับมีเพียงแค่ 1 เท่านั้นเอง

 

 


นึกว่าจะได้พันธมิตรใหม่ ได้ลูกน้องใหม่เลยเหร๊อ!!

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ติดตามเราได้ที่

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ คัดลอก หรือนำไปดัดแปลงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืนแล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบนิยาย เรื่องสั้น บทความ หรือเนื้อหาอื่นๆ ที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ที่ keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงานจะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018- keangun. All Rights Reserved.