บทที่ 347 กรรมสิทธิ์ของป้อมปราการ
บทที่ 347 กรรมสิทธิ์ของป้อมปราการ
“เป็นอะไรกันไปหมด ทำไมทุกคนถึงทำหน้าแบบนั้นล่ะ?” ลู่หยางแกล้งถามทั้ง ๆ ที่รู้คำตอบอยู่เต็มอก
“มันเป็นเพราะพวกเดธโซลแท้ ๆ ไม่อย่างนั้นพวกเราก็คงจะไม่โดนแซงหน้าไปแบบนี้” เหมาชิวกล่าว
“แบบนี้มันก็เท่ากับว่าโซลออฟอีเทอนิตี้ขโมยชื่อเสียงของพวกเราไปหมดเลย” ไป๋เหลิงกล่าวอย่างไม่พอใจ
สีหน้าของทุกคนทำให้ลู่หยางอดจะขำขึ้นมาไม่ได้ ก่อนที่เขาจะพูดออกไปว่า
“ใจเย็น ๆ กันก่อน นี่มันแค่เรื่องป้อมปราการเองแล้วอีกอย่างพวกเขาก็ได้ที่ 2 ไม่ใช่ที่ 1 ไม่ใช่เหรอ?”
“แค่ต้องตามหลังพวกเขาแค่นั้นมันก็รู้สึกไม่ดีแล้วค่ะ” เซี่ยหยู่เว่ยกล่าว
“แล้วใครบอกว่าเราตามหลังพวกเขาอยู่ล่ะ?” ลู่หยางกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ตอนแรกทุกคนต่างก็หงุดหงิดจากเสียงประกาศของระบบ แต่หลังจากได้ยินคำพูดของลู่หยาง ทุกคนต่างก็จับจ้องมองไปยังหัวหน้ากิลด์ด้วยความตื่นเต้น
“หัวหน้า คุณ...คุณหมายความว่ายังไง?!” ไป๋ฉือถามอย่างตะกุกตะกัก
ลู่หยางทำการส่งวีดีโอที่เขาสังหารลาวาลอร์ดพร้อมกับทำการติดตั้งคำสั่งป้อมปราการให้ทุกคนในที่ประชุมดู
“ลองดูนี่สิ”
“หัวหน้า พวกเราเป็นกิลด์แรกที่ยึดป้อมปราการได้เหรอครับ?!” ไป๋เหลิงถามอย่างดีใจ
“ใช่ ฉันยึดป้อมปราการได้ตั้งแต่ครึ่งเดือนก่อนแล้ว” ลู่หยางกล่าว
“แล้วทำไมคุณไม่บอกพวกเราเลยล่ะคะ” เซี่ยหยู่เว่ยกล่าว
ลู่หยางทำได้เพียงแต่ส่ายหัวด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะพูดขึ้นมาว่า
“มันไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากบอกแต่สถานการณ์มันสุ่มเสี่ยงมากจนเกินไป ลองคิดดูสิว่าในตอนนั้นหากฉันพูดเรื่องนี้ออกไปแล้วมีคนหลุดพูดเรื่องนี้ให้คนนอกฟัง มันก็อาจจะทำให้กิลด์ของเราจบเห่ได้เลยนะ”
“อย่าลืมสิว่าเมื่อครึ่งเดือนก่อนพวกเราอ่อนแอขนาดไหนทั้งในเรื่องเลเวลเฉลี่ยของผู้เล่นภายในกิลด์ เรื่องอุปกรณ์ที่ยังค่อนข้างจะขาดแคลน หากตอนนั้นมีข่าวหลุดออกไปว่าพวกเราครอบครองป้อมปราการได้เป็นกิลด์แรก เดธโซลกับบลัดเติสตี้ย่อมไม่ปล่อยพวกเราไปอย่างแน่นอน แม้แต่พันธมิตรอย่างฉงป้ากับฉือมู่ก็คงจะไม่หยิบยื่นความช่วยเหลือมาให้พวกเราด้วยเหมือนกัน นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมฉันถึงเก็บความลับเอาไว้จนถึงวันนี้”
หลังจากได้ฟังคำอธิบายเซี่ยหยู่เว่ย, ฉิงชางและคนอื่น ๆ ต่างก็พยักหน้ารับอย่างเข้าใจ
“ข่าวดียังไม่จบลงเพียงเท่านี้นะ เมื่อกี้เรดไนท์เพิ่งนำกำลังคนไปปล้นคลังวัตถุดิบของเดธโซลมาได้สำเร็จ ทำให้พวกเราได้รับวัตถุดิบสำหรับการสร้างอุปกรณ์ระดับทองได้อีกประมาณ 23,000 ชิ้น” ลู่หยางพูดต่อทำให้ทุกคนหูผึ่งด้วยความตื่นเต้น
“หัวหน้าพูดจริงเหรอครับ?!” ไป๋เหลิงถามด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง
“ฉันจะโกหกพวกนายไปทำไม ตอนนี้พวกหัวหน้ากิลด์เก่าของเดธโซลกำลังตามหาคนลงมือไปทั่วทั้งเมือง ฉันเลยให้พวกเขาซ่อนตัวอยู่เงียบ ๆ ก่อน” ลู่หยางกล่าว
“พวกเรารวยแล้ว”
“ถ้าวัดมูลค่าทางการตลาดวัตถุดิบพวกนั้นน่าจะมีค่าเกือบ ๆ 10 ล้านเครดิตได้เลยนะ”
…
ทุกคนต่างก็พูดขึ้นมาอย่างยินดี
“วัตถุดิบพวกนี้ฉันจะมอบให้กับกิลด์ทั้งหมด หลังจากนายช่างของพวกเราสร้างพวกมันเป็นอุปกรณ์จนเสร็จ อุปกรณ์ทั้งหมดจะถูกเก็บเอาไว้ภายในคลังกิลด์และสมาชิกทั้งหมดที่มีส่วนร่วมในสงครามครั้งนี้สามารถนำคะแนนกิลด์มาแลกอุปกรณ์พวกนั้นไปใช้งานได้” ลู่หยางกล่าวทำให้ทุก ๆ คนต่างก็รู้สึกซาบซึ้งใจกับความใจกว้างของเขา
“ฉันลืมรายงานเรื่องนี้ไปเลย หลังจากที่พวกเราเอาชนะเดธโซลกับบลัดเติสตี้ได้สำเร็จ มันก็ทำให้เราเก็บรวบรวมอุปกรณ์ระดับทองมาได้มากกว่า 10,000 ชิ้น” ถูเฟิงกล่าว
“ดีมาก! แบบนี้สมาชิกที่มีส่วนร่วมในสงครามก็คงจะแลกอุปกรณ์ไปใช้งานได้คนละ 2-3 ชิ้น หากหลังจากนี้พวกเขาขยันหาวัตถุดิบมาให้กับกิลด์อีกไม่เกิน 1 เดือนพวกเขาก็น่าจะแลกชุดอุปกรณ์ระดับทองไปใช้ได้ทั้งชุดแล้ว” ลู่หยางกล่าว
ทุกคนต่างก็พยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย
“เอาล่ะ ฉันยังมีข่าวดีอีกเรื่องที่ต้องประกาศแล้วมันก็ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด ทุกคนลองปรึกษากันดูว่าใครมีความโดดเด่นในสงครามครั้งนี้มากที่สุด ฉันจะยกป้อมปราการวินด์ธันเดอร์ไปให้คนคนนั้นได้ดูแล” ลู่หยางกล่าวทำให้แม่ทัพทุก ๆ คนต่างก็นั่งตัวตรงขึ้นมาอย่างฉับพลัน
นักเวทหนุ่มมองไปยังแม่ทัพทั้ง 6 คน ก่อนจะพูดเสริมขึ้นมาว่า
“ทุกคนลองปรึกษากันดูให้ดี แต่จำเอาไว้ว่าป้อมปราการไม่ได้มีเพียงแค่ที่เดียว ดังนั้นเราไม่ควรจะต้องมาอิจฉากันเพราะเรื่องเพียงแค่นี้ ขอให้ทุกคนแสดงความยินดีกับคนที่ได้ป้อมปราการนี้ไปด้วย”
แม่ทัพทุกคนต่างก็หันมามองหน้ากัน ก่อนที่บิทเทอร์เลิฟจะพูดขึ้นมาเป็นคนแรก
“ผมขอถอนตัวครับ ผมรู้สึกว่าผมยังอยากจะเรียนรู้เรื่องต่าง ๆ กับหัวหน้าต่อไปก่อน”
“ผมก็ขอถอนตัวเหมือนกัน ผมคิดว่าเซี่ยหยู่เว่ยน่าจะเหมาะสมที่สุด” ฉิงชางพูดเป็นคนที่ 2
“พวกเราสามพี่น้องโดดเด่นทางด้านการโจมตี แต่ไม่ถนัดในเรื่องการป้องกัน ดังนั้นพวกเราขอผ่านเรื่องนี้ไปก่อนครับ” ไป๋ฉือกล่าว
“ผมยังอายุน้อยเกินไป คราวนี้ผมก็ขอผ่านไปก่อนเหมือนกันครับ” ซุนหยูกล่าว
“ฉันก็ยังคิดว่าตัวเองไม่พร้อมเหมือนกัน” เจียงเจ๋อกล่าวเป็นคนสุดท้าย
เซี่ยหยู่เว่ยมองหน้าทุกคนอย่างประหลาดใจ ก่อนที่เธอจะพูดขึ้นมาว่า
“นี่พวกนายแอบนัดกันมาก่อนหรือเปล่าเนี่ย?!”
ทุกคนต่างก็เผยรอยยิ้มขึ้นมาพร้อม ๆ กัน
เหตุการณ์นี้ทำให้ลู่หยางประหลาดใจอยู่เหมือนกัน เพราะเขาไม่คิดว่าทุกคนจะมีน้ำใจให้แก่กันมากขนาดนี้ ไม่ว่ายังไงเซี่ยหยู่เว่ยก็มีผู้ใต้บังคับบัญชาเยอะที่สุดในปัจจุบันการมอบป้อมปราการให้เธอดูแลนั้นจึงถือว่าเป็นเรื่องที่เหมาะสมที่สุดแล้ว
“ในเมื่อทุกคนสละสิทธิ์ ฉันก็ขอมอบป้อมปราการนี้ให้เซี่ยหยู่เว่ยดูแลก็แล้วกัน อย่างที่ฉันเคยบอกไว้ในก่อนหน้านี้ว่ารายได้ 30% จากป้อมปราการจะตกเป็นของทีมเซี่ยหยู่เว่ย ส่วนรายได้อีก 70%จะถือว่าเป็นรายได้ของกิลด์” ลู่หยางพูดสรุปก่อนจะหยิบคำสั่งบุกป้อมปราการวินด์ธันเดอร์ออกมาจากกระเป๋า ซึ่งไอเท็มชิ้นนี้เป็นสิ่งที่เขาได้รับมาจากดันเจี้ยนดีม่อนแทรปปิ้ง
“หลังจากนี้มันเป็นของเธอ”
เซี่ยหยู่เว่ยรับคำสั่งบุกป้อมมาอย่างตื่นเต้น ก่อนที่เธอจะพูดออกไปอย่างซาบซึ้งว่า
“ขอบคุณค่ะหัวหน้า ขอบคุณนะทุกคน”
“เธอไม่ต้องเกรงใจพวกเขาไปหรอก ตอนนี้มีแค่สมาชิกกิลด์ใหญ่ ๆ ที่สมาชิกมีเลเวลถึง 30 ส่วนผู้เล่นธรรมดายังมีเลเวล 20 กว่า ๆ อยู่เลย พื้นที่รอบ ๆ ป้อมปราการต่างก็เป็นพื้นที่เลเวล 30 ขึ้นไปทั้งหมด ส่วนแบ่งรายได้ 30% จากป้อมปราการในช่วงแรกคงจะสร้างเงินให้เธอได้ไม่มากเท่าไหร่นักหรอก กว่าที่ป้อมปราการจะทำเงินให้กับเธอได้เป็นกอบเป็นกำ ในเวลานั้นทุกคนก็น่าจะมีป้อมปราการเป็นของตัวเองกันหมดแล้ว” ลู่หยางกล่าว
“หัวหน้าอย่าพูดขัดแบบนั้นสิ ผมอุตส่าห์คิดจะให้หยู่เว่ยเต้นแทนคำขอบคุณให้พวกเราดูสักหน่อย” ฉิงชางกล่าวอย่างผิดหวัง
“ใช่ ๆ ๆ นายนี้ไม่เข้าใจอะไรเอาซะเลย” เจียงเจ๋อกล่าวอย่างหงุดหงิด
“ไอ้พวกกะล่อน!” เซี่ยหยู่เว่ยกัดริมฝีปากด้วยใบหน้าที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ
“โอ๊ย! ช่วยด้วย ๆ ดาเมจของเธอแรงมาก” ฉิงชางกล่าวพร้อมกับยกมือขึ้นมากุมหัวใจ
“โอ๊ย! ฉันก็โดนเหมือนกัน ทุกคนมาช่วยฉันเร็วเข้า!!” เจียงเจ๋อกล่าวด้วยท่าทางราวกับคนจะสิ้นใจ
ทุกคนต่างก็ส่งเสียงหัวเราะขึ้นมายกใหญ่ ซึ่งมันก็ทำให้เซี่ยหยู่เว่ยเขินอายไปมากกว่าเดิม
“เอาล่ะเลิกเล่นกันได้แล้ว พวกเรามาคุยเรื่องจริงจังกันต่อดีกว่า” ลู่หยางกล่าวทำให้ทุกคนกลับมามีสีหน้าเคร่งขรึมอีกครั้ง
“ฉันมีคำขอร้องอยู่เพียงแค่อย่างเดียว ช่วงนี้ขอให้ทุกคนออกไปใช้ชีวิตนอกบ้านกันให้น้อยที่สุดและพยายามกินเนื้อสัตว์กับผักใบเขียวเป็นหลักเพื่อจะได้มีสุขภาพที่แข็งแรง” ลู่หยางกล่าว
“หา?” ทุกคนต่างก็อุทานขึ้นมาด้วยความสับสน
“เชื่อฉันสิ ฉันไม่ได้คิดร้ายกับพวกนายหรอก” ลู่หยางกล่าว
สถานการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อเซคคัลเวิลด์มากที่สุดในชาติก่อนคือการแพร่ระบาดของไวรัสไข้หวัดใหญ่ ซึ่งในตอนแรกผู้คนทั่วทั้งโลกไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้มากนัก แต่ในเวลาเพียงแค่ไม่นานพวกเขาก็ได้ตระหนักว่าไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์นี้ มันได้กลายเป็นโรคระบาดระดับโลกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ด้วยวิทยาการทางการแพทย์ในปัจจุบัน มันก็ยังไม่มีวิธีใดที่สามารถรักษาไข้หวัดใหญ่ชนิดนี้ได้ แม้แต่การควบคุมไม่ให้ไวรัสแพร่กระจายก็เป็นไปได้อย่างยากลำบาก รัฐบาลแต่ละประเทศจึงขอความร่วมมือให้ประชาชนใช้ชีวิตอยู่แต่ในบ้าน แม้แต่โรงเรียนก็ยังถูกสั่งให้ปิดการเรียนการสอน
ช่วงแรกทุกประเทศต่างก็คิดว่าวิกฤตในครั้งนี้คงจะไม่ใช่เรื่องใหญ่มากนัก แต่พวกเขาไม่ได้คาดการณ์เอาไว้ก่อนเลยว่าโรคระบาดจะยืดเยื้อยาวนานมาเป็นเวลาถึง 3 ปี
อย่างไรก็ตามวิกฤตในครั้งนี้ก็เป็นสิ่งที่ช่วยทำให้เซคคัลเวิลด์ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม เพราะเนื่องมาจากทุกคนต้องใช้ชีวิตอยู่แต่ในบ้าน จำนวนผู้เล่นที่ออนไลน์จึงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ช่วงแรกประชากรภายในเกมเพิ่มขึ้นจากหลักร้อยล้านไปจนถึงหลักพันล้าน และในช่วงที่มีผู้เล่นออนไลน์มากที่สุดมันก็มีประชากรออนไลน์พร้อมกันเป็นจำนวนถึง 3 พันล้านคน
โรคนี้มันคุ้น ๆ อยู่นะว่าไหม?
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 152
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น