บทที่ 424: อย่าโทษที่ข้าไม่ให้โอกาสเจ้า
ที่แท้ประตูของจวนตระกูลเฉินก็ถูกเปิดออกกว้างตั้งแต่ตอนที่มู่จวินเซิ่งกับลูกน้องมาถึงแล้ว
ตอนนั้นชายหนุ่มสัมผัสได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติจึงได้สั่งทหารส่วนตัวให้ระมัดระวัง และแบ่งทหารออกเป็น 2 กลุ่มเพื่อตามหาหลัวเซียวเซียว
ขณะที่พวกเขากำลังไปถึงที่สวนด้านหลัง ก็มีกลุ่มคนของสำนักตระกูลถังกระโดดออกมาโจมตีพวกเขา
“ทหารของข้าถ่วงเวลาคนของสำนักตระกูลถังเอาไว้เพื่อให้ข้าสามารถไปหาเซียวเซียวได้สะดวก” มู่จวินเซิ่งกลืนของเหลวที่มีกลิ่นสนิมในลำคอ ในขณะที่เขาพยายามระงับความเจ็บปวดเอาไว้เต็มที่
หากเขาไม่ได้รับบาดเจ็บมาก่อน เขาคงไม่แพ้ให้กับฉู่เสวียน
“ไป๋ไป่ ตอนที่เจ้าเข้ามา เจ้าเห็นพวกเขาหรือไม่?” มู่จวินเซิ่งกัดฟันข่มความเจ็บปวดเอาไว้และถามถึงลูกน้องของตน
มู่ไป๋ไป่รู้ว่าเขาต้องการจะสื่อถึงอะไร เธอจึงตอบออกไปว่า “พี่รอง ท่านฝึกทหารพวกนั้นมากับมือ พวกเขาต้องไม่เป็นอะไรแน่”
“นอกจากนี้ถังเป่ยเฉินก็เจ้าเล่ห์มาก เขาไม่มีความกล้าที่จะลงมือกับคนของราชสำนักหรอก หลังจากออกไปแล้ว เราจะส่งคนให้ไปตามหาพวกเขา”
“แม่นางไป๋… วันนี้ท่านคงจะออกไปไม่ได้ง่าย ๆ” จู่ ๆ เจ้าสำนักตระกูลถังก็มายืนขวางทางคนทั้ง 4 “ข้าสัญญากับฉู่เสวียนแล้วว่าจะช่วยถ่วงเวลาท่านเอาไว้”
ถังเป่ยเฉินเหลือบมองกลุ่มคนด้านหน้าพร้อมกับยิ้มมุมปาก และสุดท้ายสายตาของเขาก็ไปหยุดอยู่ที่หลัวเซียวเซียว “แม่นางหลัว ไม่เจอกันนานเลยนะ”
“ต้องขอบคุณเจ้า หากวันนั้นเจ้าไม่ทิ้งฉู่เสวียนให้กระโดดลงจากหน้าผา ข้าคงไม่มีโอกาสให้เขากลับมาคอยรับใช้ข้าต่อไป”
“ท่านทำอะไรกับฉู่เสวียน?” ในที่สุดหลัวเซียวเซียวก็ตั้งสติได้และนึกถึงท่าทางของฉู่เสวียนที่สวนด้านหลังจวนเมื่อครู่
แม้ว่านางจะเกลียดการฆ่าคนบริสุทธิ์แบบไม่เลือกหน้าของฉู่เสวียน แต่นางก็รู้ว่าอีกฝ่ายไม่มีทางกลับไปหาถังเป่ยเฉิน
ย้อนกลับไปในเวลานั้น ตอนที่ทั้งคู่ถูกตั้งค่าหัว ชายหนุ่มคิดจะพานางหนีไปด้วยจริง ๆ ดังนั้นเขาจึงทรยศถังเป่ยเฉิน
หญิงสาวไม่เชื่อว่าฉู่เสวียนจะเปลี่ยนใจกะทันหันแล้วกลับไปหาเจ้าสำนักตระกูลถัง อีกทั้งยังมีความคิดหมายที่จะเอาชีวิตพวกนางทุกคนเช่นนี้
“ทำไมเจ้าถึงพูดแบบนั้น?” ถังเป่ยเฉินหัวเราะเยาะอีกฝ่าย “เรื่องนี้ดูน่าเหลือเชื่อสำหรับเจ้าขนาดนั้นเลยหรือ หรือว่าแท้จริงแล้วแม่นางหลัวไม่อยากจะยอมรับว่าเป็นคนทำให้หัวใจของฉู่เสวียนแตกสลาย ทำให้เขาหมดหวังจนยินดีจะกลับมาอยู่ข้างกายข้า?”
หลัวเซียวเซียวรู้สึกเจ็บปวดในใจและกำลังจะพูดโต้ตอบ ทว่าสายตาของนางถูกแผ่นหลังกว้างของมู่จวินเซิ่งบดบังเอาไว้ก่อน
“ฉู่เสวียนไม่ใช่เด็ก 3 ขวบ” แม่ทัพหนุ่มจ้องมองศัตรูตรงหน้าอย่างเย็นชา “เส้นทางที่เขาเลือกนั้นขึ้นอยู่กับตัวเขาเอง”
“ถูกต้อง” มู่ไป๋ไป่ขมวดคิ้วพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของพี่ชายคนรอง “ท่านเจ้าสำนักถัง ท่านอย่าคิดกล่าวอ้างศีลธรรมเพื่อโยนความผิดทั้งหมดมาให้เซียวเซียวของเรา นางไม่มีทางหลงกลหรอก”
“โยนความผิด?” ถังเป่ยเฉินเอียงคอทำหน้าฉงนราวกับว่าเขากำลังได้ยินเรื่องที่น่าสนใจ “นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้ยินคำพูดเช่นนี้ ช่างน่าสนใจยิ่งนัก”
มู่ไป๋ไป่แอบกลอกตาในใจทันที
“ไม่ว่าแม่นางจะพูดเช่นไรก็ตาม” เจ้าสำนักตระกูลถังรวบเก็บพัดในมือ ขณะที่ดวงตาเปลี่ยนเป็นดุดัน “ถึงอย่างไรวันนี้ข้าก็ไม่มีทางปล่อยให้พวกท่านออกไปจากที่นี่!”
“ไป๋ไป่ เจ้า—”
“พี่รองหุบปากไปซะ! ข้ารู้ว่าท่านกำลังจะพูดอะไร ไม่มีทาง!” มู่ไป๋ไป่หันไปจ้องมู่จวินเซิ่งด้วยสายตาแน่วแน่ “วันนี้ความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวก็คือ เราจะออกไปจากที่นี่ด้วยกัน”
ชายหนุ่มมองดูใบหน้าเกลี้ยงเกลาของน้องสาวและยิ้มจาง ๆ “ไป๋ไป่ของพี่รองโตแล้ว…”
เด็กคนนี้แตกต่างไปจากคนทั่วไป
ในตอนที่นางอายุเพียง 4 ขวบ นางกล้าที่จะเจรจากับคนของแคว้นหนานซวนเพื่อช่วยชีวิตทุกคนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ชายแดน
เด็กเช่นนี้จะกล้าทิ้งพี่ชายไว้เพียงลำพังได้อย่างไรเล่า?
“พี่รอง ทำไมจู่ ๆ ท่านถึงได้เอาแต่พูดไร้สาระ?” มู่ไป๋ไป่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ “ท่านเสียเลือดมากเกินไปจนจิตใจสับสนไปหมดแล้วหรือ?”
“ถังถัง รีบเอายาให้พี่รองกินเร็ว!”
“ได้!” เซียวถังถังหยิบยาขวดหนึ่งออกมาอย่างเชื่อฟัง
มู่จวินเซิ่งพยายามห้ามนางด้วยสีหน้าที่ไม่รู้ว่าควรหัวเราะหรือร้องไห้ดี “ข้าไม่เป็นไร…”
ในเวลาเดียวกัน เมื่อถังเป่ยเฉินเห็นพวกมู่ไป๋ไป่พูดคุยกันประหนึ่งว่าไม่มีเขายืนอยู่ตรงนั้น คิ้วรูปกระบี่ก็กระตุกพร้อมกับที่เขากัดฟันพูดว่า “แม่นางไป๋ นี่ท่านจะโอหังเกินไปแล้ว!”
“โอหัง?” หญิงสาวยิ้มเยาะ “ท่านเจ้าสำนักถังไม่รู้สึกละอายที่พูดเช่นนี้เลยหรือ หรือว่าท่านเจ้าสำนักถังอยากให้ข้าพูดย้อนถึงเรื่องเก่า ๆ?”
“ไม่เป็นไร ข้ายังมีเวลาเหลืออีกเยอะ”
มู่ไป๋ไป่ตั้งท่าทำเหมือนจะก้าวเดินออกไปข้างหน้าโดยไม่เกรงกลัวสิ่งใด
“แม่นางไป๋ ท่านจะถ่วงเวลาไปถึงเมื่อใดกัน?” สีหน้าของถังเป่ยเฉินเปลี่ยนเป็นเย็นชา “ถึงอย่างไรแผนการของท่านก็ไม่เป็นผล ไม่มีใครมาช่วยท่านหรอก”
“...” หญิงสาวรู้สึกเสียหน้าที่แผนการของตนถูกค้นพบง่ายดาย ในทางกลับกัน เธอกลับใจกล้าสารภาพออกไปว่า “ถ้าเราไม่ลองดูแล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าจะไม่มีใครมาช่วย”
ในตอนที่เซียวถังถังมาเรียกเธอที่โรงเตี๊ยม นางทำเสียเอิกเกริกขนาดนั้น อวี้เซิ่งจะต้องได้ยินมันแน่นอน
หากเวลาผ่านไปนานแล้วเขาพบว่าพวกเธอยังไม่กลับไปที่โรงเตี๊ยม เขาจะต้องสังเกตเห็นความผิดปกติและพาคนมาช่วยเหลือพวกเธอแน่นอน
ถึงแม้ว่าอวี้เซิ่งจะไม่มา แต่ก็ยังมีคนผู้หนึ่งอยู่ไม่ใช่หรือ?
หญิงสาวไม่รู้ว่าเพราะอะไรเธอถึงมั่นใจนักว่าเซียวถังอี้จะมาที่นี่
เธอรู้เพียงว่าผู้ชายคนนั้นจะต้องมาแน่นอน
ถังเป่ยเฉินรู้สึกว่ามู่ไป๋ไป่กำลังพยายามดิ้นรนเฮือกสุดท้าย เขาจึงกระหยิ่มยิ้มย่องและเปิดการโจมตีด้วยพัดในมือ
ในเวลาเดียวกันนั้น เข็มเงิน 3 เล่มได้พุ่งแหวกอากาศมาพร้อมกับแรงลมกระโชก โดยที่มันมุ่งตรงไปที่เจ้าสำนักตระกูลถังทำให้เขาต้องล่าถอยไป
“นั่นใคร!” ถังเป่ยเฉินหันไปยังทิศทางที่เข็มเงินพุ่งออกมา
บนหลังคา มีชายหนุ่มร่างสูงที่สวมชุดสีดำพร้อมกับหน้ากากสีเงินดูโดดเด่นยามที่อยู่ภายใต้แสงแดดยืนอยู่บนนั้น
มู่ไป๋ไป่จ้องมองเซียวถังอี้ด้วยความรู้สึกมึนงงอยู่ชั่วขณะหนึ่ง เธอไม่รู้ว่านี่เป็นเพียงภาพลวงตาของตัวเองหรือไม่
“ท่านพี่!” เซียวถังถังเงยหน้าขึ้นมองพี่ชายของตนด้วยท่าทางตื่นเต้น “ท่านพี่ ทำไมท่านถึงมาอยู่ที่นี่? แต่ช่างเถอะ เรื่องนี้ไม่สำคัญ สิ่งสำคัญก็คือไอ้สารเลวนั่น!”
“ท่านพี่ เขารังแกข้ากับไป๋ไป่ ท่านมาช่วยจัดการเขาที!”
เซียวถังอี้หรี่ตามองเจ้าสำนักตระกูลถังด้วยสายตาเย็นชา
ทันใดนั้นถังเป่ยเฉินก็สัมผัสได้ถึงไอสังหารรุนแรงที่ทิ่มแทงร่างกายของเขา
เขาต้านทานความรู้สึกที่อยากจะก้าวถอยหลังขณะจ้องมองเซียวถังอี้อย่างระมัดระวัง “เจ้าเป็นใครกัน?”
“นี่เจ้าหูหนวกหรืออย่างไร? เจ้าไม่ได้ยินที่ข้าเรียกเขาว่าพี่ชายหรือ?” ตอนนี้เซียวถังถังกำลังรู้สึกโล่งใจมากที่มีคนคอยหนุนหลังตน “หึ ข้าจะบอกให้นะว่าพี่ชายของข้าแข็งแกร่งมาก เขาเก่งถึงขั้นฆ่าเจ้าได้ง่าย ๆ เลย!”
ถังเป่ยเฉินหรี่ตามองผู้มาใหม่อย่างไม่แน่ใจนัก แต่เขาสัมผัสได้ว่ารอบกายอีกฝ่ายนั้นมีรัศมีที่พิเศษมาก
“เจ้ามี 2 ทางเลือก” เซียวถังอี้สะบัดมือเบา ๆ ก็มีเข็มเงิน 3 เล่มปรากฏที่ปลายนิ้ว “พาคนของเจ้าออกไป หรือไม่ก็ตายอยู่ที่นี่”
เจ้าสำนักตระกูลถังขมวดคิ้วเข้าหากันโดยไม่พูดอะไร
เขาไม่อยากจะละทิ้งโอกาสดี ๆ ในการจับตัวพวกมู่ไป๋ไป่ในคราวเดียวเช่นนี้ไปง่าย ๆ
แต่ผู้ชายตรงหน้าก็ไม่ใช่คนที่เขากล้าเสี่ยงแตะต้อง เพราะเขายังไม่รู้ตัวตนของอีกฝ่ายอย่างแน่ชัด
ขณะที่ถังเป่ยเฉินกำลังลังเลอยู่นั้น เขาก็เห็นคนหลายคนค่อย ๆ ล้มไปกองอยู่กับพื้นพร้อมกับฝุ่นฟุ้งกระจาย
เมื่อถังเป่ยเฉินเห็นหน้าของคนพวกนั้นชัดเจน สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที
คนเหล่านั้นคือคนที่เขาวางกำลังให้ซ่อนตัวอยู่รอบ ๆ
“เจ้าสำนักถัง อย่าโทษที่ข้าไม่ให้โอกาสเจ้า” เซียวถังอี้นั่งลงบนหลังคาด้วยท่าทางสบายอกสบายใจพร้อมกับเล่นเข็มเงินในมือ “จะอยู่หรือจะตาย ก็เลือกเอา”
ถังเป่ยเฉินมองดูลูกน้องที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น ก่อนจะกัดฟันแล้วตัดสินใจบินหนีไป
วิชาตัวเบาที่คล่องตัวเช่นนี้ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะสามารถทำได้อย่างแน่นอน แล้วชายหนุ่มก็หายตัวไปในพริบตา
--------------------------------------------------
พูดคุยท้ายตอนกับเสี่ยวเถียว: มีหรือที่พ่อหนุ่มคนนี้จะไม่มา!
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 153
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น