บทที่ 423: เราก็ต้องฆ่าเขาด้วย
“เป็นท่านนี่เอง!” มู่ไป๋ไป่มองคนที่ยืนอยู่ด้านหลังในขณะที่หัวใจกระตุกวูบ “ถังเป่ยเฉิน…”
ชายหนุ่มกางพัดของตัวเองออกแล้วยิ้มจาง ๆ “แม่นางไป๋ยังจำข้าได้ด้วย ข้ารู้สึกเป็นเกียรติมาก”
“ทำไมท่านเจ้าสำนักถังถึงมาอยู่ที่นี่?” หญิงสาวถามขณะกระชับแส้ในมือเอาไว้แน่น “ท่านเจ้าสำนักถัง การเดิมพันของพวกเราทั้ง 2 จบลงแล้ว ตามที่เราตกลงกันไว้ ข้าจะออกเดินทางพร้อมกับคนของหุบเขาหมอเทวดา”
“นี่ท่านพยายามจะทำลายข้อตกลงด้วยการตามรังควานข้าอย่างนั้นหรือ?”
ดวงตาของถังเป่ยเฉินมืดลงทันทีที่ได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย “แม่นางไป๋ ท่านกำลังพูดถึงเรื่องอะไร ท่านเห็นข้าเป็นคนไม่น่าไว้วางใจถึงเพียงนั้นเลยหรือ?”
เขาไม่เคยเอ่ยถึงประกาศล่าค่าหัวหลัวเซียวเซียวกับฉู่เสวียนครั้งก่อนเลย
“ช่างบังเอิญเสียจริงที่ท่านเจ้าสำนักถังปรากฏตัวที่นี่”
“บังเอิญอย่างนั้นหรือ?” เซียวถังถังอดไม่ได้ที่จะพูดขัดจังหวะขึ้นมา “ใครจะเชื่อกัน”
“ไม่ว่าแม่นางทั้ง 2 จะเชื่อหรือไม่ มันก็ไม่ใช่เรื่องของข้า” ถังเป่ยเฉินเผยรอยยิ้มแห่งความสำเร็จบนใบหน้า “ถึงอย่างไรข้าก็ได้ทำตามสิ่งที่ข้ารับปากเอาไว้แล้ว”
ทันทีที่ชายหนุ่มพูดจบ มู่ไป๋ไป่กับเซียวถังถังก็ได้ยินเสียงกรีดร้องน่าเวทนาดังมาจากด้านหลังจวน
“ฉู่เสวียน! หยุดนะ!”
“ไป๋ไป่… นั่นมันเสียงของเซียวเซียว!” เซียวถังถังพูดพร้อมกับกำแขนเสื้อของศิษย์พี่ใหญ่ด้วยท่าทางกระวนกระวาย
แน่นอนว่ามู่ไป๋ไป่ก็ได้ยินเสียงนั้นเช่นกัน แต่สิ่งที่ทำให้เธอประหลาดใจมากยิ่งขึ้นก็คือ ชื่อที่หลัวเซียวเซียวเปล่งออกมา
ฉู่เสวียน… เขากลับมาหาถังเป่ยเฉินได้อย่างไร?
มู่ไป๋ไป่มองดูถังเป่ยเฉินด้วยสายตาล้ำลึกในขณะที่อีกฝ่ายกำลังยิ้มเยาะพวกเธอ ก่อนที่เธอกัดฟันจะดึงเซียวถังถังไปที่ด้านหลังจวน
เมื่อหญิงสาวก้าวเข้าไปที่ประตูด้านหลัง เธอก็ได้พบกับเลือดสด ๆ วาดกระจายไปทั่ว
บัดนี้มู่จวินเซิ่งถือกระบี่เอาไว้ในมือข้างหนึ่ง แล้วใช้มืออีกข้างกุมบาดแผลเอาไว้ ขณะที่เลือดค่อย ๆ ไหลจากปลายนิ้วหยดลงบนพื้นทีละหยด
ในเวลาเดียวกัน หลัวเซียวเซียวกำลังกางแขนยืนอยู่ข้างหน้าแม่ทัพหนุ่มโดยที่เผชิญหน้ากับฉู่เสวียนเงียบ ๆ
“หยุด?” ชายหนุ่มสะบัดเลือดออกจากกระบี่พลางพูดเยาะเย้ย “เจ้ามีความรู้สึกลึกซึ้งต่อเขา ถ้าเช่นนั้นข้าก็จะส่งพวกเจ้า 2 คนให้ไปลงนรกด้วยกัน!”
สิ้นเสียงตะโกน ฉู่เสวียนก็ยกกระบี่ขึ้นหมายจะฟาดฟันหลัวเซียวเซียวกับมู่จวินเซิ่ง
หญิงสาวไม่คาดคิดว่าจ่ายตรงหน้าจะลงมือในทันที นางจ้องมองคนที่พุ่งเข้ามาหานาง สีหน้าของเขาในตอนนี้มีเพียงความโกรธแค้นซึ่งมันทำให้นางรู้สึกแปลกประหลาดและไม่อยากจะเชื่อ
ทางด้านเซียวถังถังกังวลมากเมื่อเห็นว่าหลัวเซียวเซียวไม่ยอมขยับ นางจึงรีบตะโกนเตือนเสียงดัง “เซียวเซียวหลบไป!”
จังหวะที่กระบี่ของฉู่เสวียนกำลังจะเฉือนเนื้อลำคอของหญิงสาว จู่ ๆ ก็มีเสียงโลหะกระทบกันดังขึ้น และแส้ก็พันอยู่รอบกระบี่ของเขาเพื่อหยุดการโจมตีนั้น
มู่จวินเซิ่งไม่พลาดโอกาสนี้ เขาใช้กระบี่พยุงตัวเองพร้อมกับลากหลัวเซียวเซียวให้ถอยออกมาอย่างรวดเร็ว
“พี่รอง พาเซียวเซียวออกไป!” มู่ไป๋ไป่ตะโกนบอกพี่ชายคนรองและดึงแส้ว่านกู่กลับมา ก่อนที่เธอจะฟาดแส้เข้าใส่ฉู่เสวียนโดยตรง
“เจ้าจะให้พี่รองทิ้งเจ้าไว้ที่นี่ได้อย่างไรกัน?” มู่จวินเซิ่งกัดฟันส่งหลัวเซียวเซียวไปให้เซียวถังถัง แล้วผลักพวกนางทั้ง 2 ให้ออกจากเรือนด้านหลังไป
“ท่านหญิง เจ้าภาพเซียวเซียวออกไปก่อน แล้วรีบไปตามคนของข้าให้มาช่วยเหลือเร็วเข้า”
แม่ทัพหนุ่มไม่รอให้เซียวถังถังตอบ หลังจากพูดจบเขาก็หันหลังพุ่งออกไปเข้าร่วมการต่อสู้ระหว่างมู่ไป๋ไป่กับฉู่เสวียน
“โธ่! ข้าจะไปได้อย่างไร!” เซียวถังถังมองสองพี่น้องตระกูลมู่ในขณะที่เหงื่อไหลซึมทั้งตัว “รู้หรือไม่ว่าพวกท่าน 2 คนทำให้ข้าเป็นห่วงมาก”
จากนั้นนางก็หันไปหาหลัวเซียวเซียว “เซียวเซียว ทำอะไรหน่อยสิ! มีดสั้นของเจ้าอยู่ที่ไหน เจ้าเอามาด้วยหรือไม่?”
ฝ่ายที่ถูกถามพยักหน้าตอบเหมือนคนที่กำลังตกอยู่ในภวังค์ และนางก็หน้าซีดมาก “ข้าเอามันมา…”
“ถ้าเจ้าเอามันมาด้วยก็เอาออกมาใช้ซะ!” เซียวถังถังจับไหล่เพื่อเรียกสติของอีกคนแล้วพูดด้วยท่าทางจริงจัง “เจ้าสำนักตระกูลถังเองก็อยู่ที่นี่ด้วย ข้าบังเอิญพบเขาตอนที่ไป๋ไป่กับข้าเพิ่งมาถึงได้ไม่นาน”
“คนผู้นั้นดูเหมือนมีเจตนาไม่ดี บางทีเขาอาจกำลังวางแผนอะไรบางอย่างอยู่ เราไม่สามารถออกไปทั้งแบบนี้ได้ ไม่อย่างนั้นเราจะต้องตกหลุมพรางเขาแน่”
“เจ้ารีบหยิบอาวุธออกมาแล้วไปช่วยไป๋ไป่กับพี่รองมู่จัดการฉู่เสวียนก่อนเถอะ”
เซียวถังถังต่างไปจากมู่ไป๋ไป่ นางไม่คิดว่าการที่จู่ ๆ ฉู่เสวียนที่เพิ่งถูกถังเป่ยเฉินออกประกาศล่าค่าหัวเปลี่ยนท่าทีไปอย่างกะทันหันนั้นเป็นเรื่องปกติ
ในเรื่องเช่นนี้สัญชาตญาณของนางเฉียบคมมาก
หญิงสาวรู้ว่าถ้านางพาหลัวเซียวเซียวออกไปตอนนี้ จะต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นแน่นอน
นางจึงเลือกที่จะอยู่ต่อที่นี่เสียดีกว่า
คำพูดของเซียวถังถังทำให้หลัวเซียวเซียวได้สติขึ้นมา
นางกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ในระหว่างที่ดึงมีดสั้นออกมาจากแขนเสื้อและตอบด้วยเสียงทุ้มลึก “เจ้าค่ะ”
“ดีมาก” เซียวถังถังถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายดูมีสติมากขึ้น ก่อนที่นางจะกระซิบบอกแผนการของตนให้ฟัง “ข้าจะหาโอกาสโรยผงพิษใส่ตาเขา จากนั้นให้เจ้าหาจังหวะเหมาะ ๆ เข้าไปช่วยไป๋ไป่กับพี่รองมู่”
ทางด้านมู่ไป๋ไป่ที่กำลังเพ่งสมาธิอยู่กับการจัดการฉู่เสวียนสังเกตเห็นว่าเซียวถังถังกับหลัวเซียวเซียวยังอยู่ที่นั่นไม่ยอมหนีไป คิ้วเรียวจึงขมวดเข้าหากันโดยไม่รู้ตัว
ทำไม 2 คนนั้นถึงไม่หนีไปล่ะ?
เธอกำลังจะร้องเตือนเซียวถังถังให้รีบพาหลัวเซียวเซียวออกไป แต่เธอกลับได้ยินเสียงศิษย์น้องตะโกนขึ้นมาว่า “ไป๋ไป่! ให้ข้าช่วยท่านเถอะ!”
จากนั้นหญิงสาวก็พุ่งเข้ามาด้วยท่าทางดุดัน
หัวใจของมู่ไป๋ไป่แทบจะหลุดออกจากอก แต่จากความเข้าใจของเธอเกี่ยวกับนิสัยของเซียวถังถัง เธอก็คาดเดาได้ว่าอีกฝ่ายต้องการทำอะไร เธอจึงดึงมู่จวินเซิ่งออกไปทันที
และเกือบจะในเวลาเดียวกันนั้น เซียวถังถังก็หยิบผงยาขว้างเข้าใส่ฉู่เสวียน
ไม่ว่าชายหนุ่มจะตอบสนองเร็วแค่ไหน แต่เขาก็ยังหลบไม่พ้น หลังจากสูดผงพิษเข้าไป การเคลื่อนไหวที่รวดเร็วยิ่งกว่าสายฟ้าของเขาก็ชะงักไป
“เซียวเซียว… ลงมือ!”
“ทำอะไรของเจ้าน่ะ!” มู่ไป๋ไป่คว้าตัวเซียวถังถังที่กำลังมุ่งมั่นที่จะจัดการฉู่เสวียนแล้วพาวิ่งออกไป ขณะนั้นเธอหันไปพูดกับหญิงสาวอีกคนว่า “เซียวเซียว รีบหนีกันเถอะ อย่าสู้กันอีกเลย”
หลัวเซียวเซียวถอยเท้าที่ก้าวไปข้างหน้าครึ่งก้าวและถอนหายใจด้วยความโล่งอก
แล้วนางก็รีบก้าวเข้าไปช่วยมู่ไป๋ไป่พยุงมู่จวินเซิ่ง ทำให้ทั้ง 4 คนหนีออกมาจากสวนด้านหลังได้รวดเร็วมากขึ้น
“ไป๋ไป่ ท่านจะไม่ฆ่าฉู่เสวียนจริง ๆ หรือ?” เซียวถังถังมองย้อนกลับไปอย่างเป็นกังวล นางกลัวว่าผู้ชายคนนั้นจะตามมาทัน “จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเขาตามเราทัน แล้วยังมีถังเป่ยเฉินอยู่ด้านนอกอีก”
“ไอ้คนแซ่ถังนั่นจะต้องรอเราอยู่ข้างนอกแน่!”
“เช่นนั้นเราก็ต้องฆ่าเขาด้วย” ตอนที่มู่ไป๋ไป่พูด เธอเหลือบมองหลัวเซียวเซียวและเห็นว่ามือของอีกฝ่ายที่กำลังถือมีดสั่นเล็กน้อย
“วรยุทธ์ของฉู่เสวียนพัฒนาขึ้นมากกว่าเดิม แม้แต่พี่รองก็ยังสู้เขาไม่ได้...”
บางทีอาจเป็นเพราะว่าก่อนหน้านี้ฉู่เสวียนเมตตาพวกเธอ ดังนั้นเธอจึงไม่รู้ว่าคนผู้นั้นแข็งแกร่งมากแค่ไหนในการต่อสู้หลายครั้งที่ผ่านมา
แต่ครั้งนี้มันแตกต่างออกไป
หญิงสาวรู้สึกได้ว่าฉู่เสวียนมีเจตนาที่จะฆ่าพวกเธอ และทุกการเคลื่อนไหวล้วนมีจุดมุ่งหมายที่จะปลิดชีวิตพวกเธอให้ได้
ถ้าเมื่อกี้มู่จวินเซิ่งไม่ช่วยเธอเอาไว้ เธออาจจะเสียท่าไปแล้ว
“ไป๋ไป่ พี่รองไม่เป็นไร” แม่ทัพหนุ่มสกัดจุดเพื่อหยุดเลือดจากบาดแผลของเขาและพูดเสียงต่ำกว่า “พี่รองของเจ้าคนนี้ได้รับบาดแผลสารพัดมาจากการสู้รบที่ชายแดน เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับแผลเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้”
“มันอาจจะไม่สำคัญสำหรับพี่รอง แต่สำหรับข้ามันสำคัญมาก” มู่ไป๋ไป่จ้องผู้เป็นพี่ชายอย่างไม่พอใจ “ตอนนี้ข้าปวดหัวและหงุดหงิดมากที่เนื้อตัวของท่านเปื้อนเลือด ท่านต้องฟังข้า แล้วรีบหาทางออกจากที่นี่ก่อน”
“ว่าแต่ ลูกน้องของท่านอยู่ที่ไหน พี่รอง พวกเขาไม่ได้ตามท่านมาด้วยหรือ ทำไมข้าถึงไม่เห็นพวกเขาเลย?”
มู่จวินเซิ่งเม้มปากแล้วตอบว่า “พวกเขากำลังต่อสู้พัวพันกับคนของสำนักตระกูลถัง”
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 155
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น