บทที่ 419: เขาอาจจะคิดไม่ดีกับท่าน
“กลิ่นของท่าน…” มู่ไป๋ไป่ขยับเข้าไปสูดดมกลิ่นนั้นโดยไม่รู้ตัว เธออยากได้กลิ่นให้ชัดขึ้นกว่านี้ แต่จังหวะนั้นเธอรู้สึกเจ็บที่ข้อมือจนทำให้เธอส่งเสียงร้องออกมาเบา ๆ
แล้วเลือดสีแดงสดก็หยดลงบนอ่างน้ำที่มีไอร้อนพลุ่งพล่าน พร้อมกับที่มันเกิดประกายแสงสีแดง
“แม่นางพูดว่าอะไรนะ?” เซียวถังอี้มองรอยแดงบนข้อมือของหญิงสาว ในขณะที่ดวงตาของเขามืดมนลง ก่อนที่เขาจะแสร้งทำเป็นผ่อนคลายและถามว่า “เจ้าเป็นอะไรไปหรือ?”
มู่ไป๋ไป่มองบาดแผลบนข้อมือของตนและอดไม่ได้ที่จะแอบบ่นในใจว่าผู้ชายคนนี้ลงมือได้เฉียบขาดยิ่งนัก “อ๋อ ไม่มีอะไร ข้าแค่อยากจะถามว่าท่านนำถุงหอมติดตัวมาด้วยหรือไม่? กลิ่นมันหอมมาก ข้าอยากจะรู้ว่ามันมีส่วนผสมของอะไรบ้าง”
“ถุงหอม?” เซียวถังอี้ตกตะลึงไปชั่วขณะ จากนั้นเขาก็เข้าใจว่านางกำลังหมายถึงอะไร มันยิ่งทำให้แววตาของเขาหม่นแสงลง “ข้าไม่เคยพกถุงหอมติดกาย แต่ข้ามีนิสัยชอบใช้กำยานมากกว่า ถ้าแม่นางไป๋ชอบ ข้าจะแบ่งให้เจ้าดีหรือไม่?”
หญิงสาวพยักหน้าและกำลังจะถามเรื่องอื่น แต่จังหวะนั้นจู่ ๆ เธอก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดังขัดขึ้นมา
“คุณหนู?” จื่อเฟิงทำท่าทางเหมือนพยายามจะส่องให้ทะลุผ่านประตูเข้ามาด้านใน ซึ่งมู่ไป๋ไป่สามารถจินตนาการได้ถึงท่าทางสงสัยใคร่รู้ของเขาได้โดยไม่ต้องเห็นมันด้วยซ้ำ
“ท่านไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่?”
ชายหนุ่มได้ยินเสียงผู้เป็นนายร้องดังมาจากด้านในเมื่อครู่นี้ เขาจึงเป็นกังวลขึ้นมา
มู่ไป๋ไป่ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องเก็บคำพูดที่กำลังจะเปล่งออกมากลับลงไป และตะโกนตอบอีกฝ่ายว่า “ข้าไม่เป็นไร! ท่านไม่ต้องห่วง!”
“ขอรับ” จื่อเฟิงตอบรับแบบไม่แน่ใจนัก ก่อนจะพูดขึ้นมาอย่างเป็นกังวลว่า “คุณหนู ทำไมท่านถึงไม่เปิดประตูให้ข้าเข้าไปอยู่ข้างใน เซียวถังถังบอกให้ข้าจับตาดูผู้ชายแซ่จวงคนนั้นเอาไว้ เราต้องระวังไว้เพราะเขาอาจจะคิดไม่ดีกับท่านก็ได้”
ชายหนุ่มเป็นคนตรงไปตรงมา เขาจึงพูดทุกอย่างที่ตัวเองคิด
ทันทีที่เขาพูดจบ ภายในห้องก็ตกอยู่ในบรรยากาศที่น่าขนลุก
มู่ไป๋ไป่เหลือบมองจวงอี้หรานด้วยท่าทางอึดอัดพลางยิ้มแหย ๆ ให้เขา “ฮ่า ๆๆ ถังถังมีนิสัยตรงไปตรงมา จอมยุทธ์จวงอย่าได้ถือสานางเลย”
เธอคิดว่าชายหนุ่มจะทำเพียงแค่ยิ้มแล้วบอกปัดเหมือนเช่นเคย
แต่หญิงสาวไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะถามกลับเสียงจริงจังว่า “เหตุใดเจ้าถึงไม่ใส่ใจล่ะ?”
มู่ไป๋ไป่ตกตะลึงกับคำถามของเขา ในชั่วขณะหนึ่งเธอรู้สึกสับสนว่าเขาต้องการจะบอกอะไรกันแน่
“แม่นางไป๋ เจ้าอย่าได้ประเมินตัวเองต่ำเกินไป” เมื่อเซียวถังอี้เห็นสีหน้าตะลึงงันของหญิงสาว ดวงตาของเขาก็เป็นประกาย เขาอดไม่ได้ที่จะพูดหยอกล้อนางต่อไปว่า “บางทีข้าอาจจะตกหลุมรักแม่นางไป๋แล้ว…”
เซียวถังอี้ตัวสูงกว่ามู่ไป๋ไป่เกือบ 1 ช่วงศีรษะ ยามที่ชายหนุ่มโน้มใบหน้าลงมาใกล้ ๆ หญิงสาว เพียงเท่านี้ร่างสูงใหญ่ของเขาก็แทบจะบดบังร่างบางจนมิด
การกระทำนั้นส่งผลให้ลมหายใจของมู่ไป๋ไป่สะดุด ร่างกายของเธอตอบสนองก่อนสมองด้วยการผลักชายหนุ่มออกไปเต็มแรง
เซียวถังอี้ไม่คาดคิดว่าปฏิกิริยาของอีกฝ่ายจะเป็นเช่นนี้ เขาจึงไม่ทันได้ตั้งตัวและล้มลงไปในอ่างน้ำ
ซู่ม!
แล้วน้ำก็สาดกระเซ็นไปทั่วจนเสื้อผ้าของทั้งคู่เปียก
ในตอนนั้นเอง จื่อเฟิงซึ่งอยู่หน้าประตูได้ยินเสียงอึกทึกครึกโครมจากภายในก็เริ่มรู้สึกเป็นกังวลมากยิ่งขึ้น เขาไม่อาจทนรออยู่เฉยได้อีกต่อไป
ขณะนั้นชายหนุ่มไม่สนใจแม้แต่ของกินในมือ เขายืนเขย่งเท้า สอดสายตาผ่านรอยแยกของประตูเพื่อพยายามดูว่าเกิดอะไรขึ้นภายใน “คุณหนู? ...ท่านเป็นอะไรไป!”
“ทำไมข้าได้ยินเสียงน้ำ? คุณหนู! ตอบข้าด้วย!” เขาตะโกนถามองค์หญิงหกด้วยความกระวนกระวายใจและกลัวว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับอีกฝ่าย
มู่ไป๋ไป่ปาดน้ำออกจากใบหน้าตัวเอง ในขณะที่เธอจ้องจวงอี้หรานด้วยความไม่พอใจ จากนั้นจึงตอบจื่อเฟิงอย่างใจเย็นว่า “ไม่เป็นไร จอมยุทธ์จวงแค่ลื่นล้มน่ะ”
“หา?” ฝ่ายที่อยู่ด้านนอกห้องเกาหัว “แล้วจอมยุทธ์จวงไม่ได้ลื่นล้มจนเจ็บตัวใช่หรือไม่?”
“ข้าไม่เป็นไร” เซียวถังอี้ตอบกลั้วหัวเราะเบา ๆ
จื่อเฟิงถอนหายใจด้วยความโล่งทันทีเมื่อได้ยินคำตอบของทั้ง 2 คนว่าไม่มีเรื่องอันตรายเกิดขึ้น “ถ้าอย่างนั้นคุณหนู หากมีปัญหาอะไรก็เรียกข้าได้เลยนะ”
“อืม…” ยามนี้สายตาของมู่ไป๋ไป่ยังคงจับจ้องอยู่ที่คนในอ่างอาบน้ำ แล้วแสงที่คมชัดก็ฉายผ่านดวงตาสีดำบริสุทธิ์ “ก่อนหน้านี้จอมยุทธ์จวงได้รับบาดเจ็บหรือ?”
เซียวถังอี้กำลังจะตอบว่าไม่ใช่ แต่จังหวะนั้นเขาก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เขาจึงก้มลงไปมองที่ไหล่ของตัวเอง
แน่นอนว่าหลังจากชุดสีขาวเปียกน้ำแล้ว มันก็ทำให้เห็นบาดแผลบนไหล่ได้ชัดเจน
ชายหนุ่มที่เห็นดังนั้นก็ลอบถอนหายใจในใจ… ดูเหมือนว่าเขาคงจะปิดบังมันเอาไว้ไม่ได้อีกแล้ว
“บาดแผลนี้ดูไม่เหมือนบาดแผลเก่าเลย” มู่ไป๋ไป่ขยับเข้าไปดูแผลนั้นใกล้ ๆ และคราวนี้เธอก็จ้องไปที่คนตรงหน้านิ่ง “ท่านได้รับบาดเจ็บตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมข้าถึงไม่เคยได้ยินจอมยุทธ์จวงพูดถึงมาก่อนเลย?”
เซียวถังอี้ผลักมือที่รุ่มร่ามของหญิงสาวออกไปโดยที่ไม่ให้ดูน่าเกลียดเกินไป แล้วตอบด้วยรอยยิ้ม “ตอนที่เราถูกขังอยู่ที่จวนตระกูลเจิ้ง ถังเป่ยเฉินเป็นคนลงมือ ท่านเจ้าหุบเขาเจียงรักษาบาดแผลนี้เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นข้าจึงไม่ได้แจ้งแม่นางไป๋”
“ขอบคุณแม่นางไป๋ที่ห่วงใยข้า”
ทางด้านมู่ไป๋ไป่หรี่ตาลงมองอีกฝ่าย
ผู้ชายคนนี้กำลังโกหกเธอ!
ในตอนที่เขาถูกช่วยเหลือออกมาจากจวนตระกูลเจิ้ง เธอตรวจร่างกายของเขาและพบว่าไม่มีบาดแผลอะไร
และ… แผลนี้มันเป็นแผลที่ถูกธนูยิง
ในขณะนั้นเอง ความคิดที่ค่อนข้างเหลวไหลก็ผุดขึ้นมาในหัวของหญิงสาว
มู่ไป๋ไป่ยกมือขึ้นมาป้องปากไอเบา ๆ ก่อนจะแสร้งทำเป็นนิ่งเฉย “อ๋อ เป็นเช่นนี้นี่เอง ในเมื่อท่านอาจารย์รักษาแผลให้ท่านแล้ว มันก็คงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง”
“ท่านจอมยุทธ์ เชิญท่านแช่ตัวในสมุนไพรนี้ก่อน รอให้น้ำเย็นลงแล้วค่อยออกมา” หลังจากพูดจบเธอก็หันหลังเดินออกไปโดยไม่รอให้อีกฝ่ายตอบรับ
เซียวถังอี้มองตามแผ่นหลังของหญิงสาวไปด้วยท่าทีที่ซับซ้อน
นางรู้แล้วหรือ?
“อ้าว คุณหนู ทำไมออกมาเร็วนัก?” จื่อเฟิงลุกขึ้นยืนเมื่อเห็นว่ามู่ไป๋ไป่ออกมาจากห้อง ขณะที่เขากำลังจะเอ่ยปากถามเพิ่มเติม เขาก็เหลือบไปเห็นว่าข้อมือของอีกฝ่ายมีเลือดออก สีหน้าของเขาจึงเปลี่ยนไปทันที
“คุณหนู ท่านบาดเจ็บได้อย่างไร?”
“ท่านใจเย็นก่อน ข้าไม่เป็นไร” บัดนี้หญิงสาวยังคงรู้สึกสับสนไม่น้อยจนไม่อยากอธิบายให้จื่อเฟิงฟัง เธอทำเพียงแค่สั่งว่า “ข้าเหนื่อยแล้ว จื่อเฟิง ข้าอยากจะไปพักผ่อนสักหน่อย ท่านช่วยข้าเฝ้าประตูเอาไว้ที อย่าให้ใครเข้าไปด้านใน”
ชายหนุ่มมองข้อมือขององค์หญิงหกอย่างกระวนกระวายใจ เขาอยากจะพูดบางสิ่ง ทว่าความจงรักภักดีก็ทำให้เขาเชื่อฟังคำพูดของผู้เป็นนาย เขาจึงไม่กล้าพูดอะไรออกมา แล้วทำได้เพียงแค่เดินตามหญิงสาวไป ซึ่งภาพนั้นทั้งน่าขบขันและน่าเอ็นดูในเวลาเดียวกัน
เมื่อมู่ไป๋ไป่เห็นเขาเป็นเช่นนี้ เธอก็สงบลงเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มอ่อนโยนให้อีกฝ่าย “ข้าไม่เป็นไร นี่เป็นแค่บาดแผลเล็กน้อยเท่านั้น”
“พอทายาแล้วพรุ่งนี้ก็ตกสะเก็ด ท่านอย่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่เลย”
จื่อเฟิงเม้มปากโดยไม่พูดอะไร แต่หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็พูดเสียงลอดไรฟันว่า “ไอ้คนแซ่จวงเป็นคนทำหรือ?”
“ฮึ่ม! เซียวถังถังพูดถูก เจ้าคนแซ่จวงนั่นมีเจตนาไม่ดีต่อท่านจริง ๆ”
“คราวที่แล้วคุณหนูได้ช่วยเขาขับพิษออกจากร่างกายจนทำให้ล้มป่วยอยู่ตั้งหลายวัน วันนี้ท่านก็ได้บาดแผลเพิ่มอีกแล้ว! ข้าจะไปแก้แค้นให้ท่านเอง!”
ในขณะที่ชายหนุ่มพูดอย่างนั้น เขาก็หันหลังหมายจะพุ่งเข้าไปในห้องของจวงอี้หราน
มู่ไป๋ไป่รีบห้ามอีกฝ่ายพร้อมกับพูดด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มว่า “ท่านจะแก้แค้นเขาด้วยเรื่องอะไร… เขาไม่ได้ทำร้ายข้า ข้าเป็นคนทำตัวเอง”
พอหญิงสาวเห็นสีหน้าซับซ้อนของจื่อเฟิง เธอจึงถอนหายใจแล้วพูดอย่างอ่อนใจว่า “เอาล่ะ เพราะเลือดของข้าสามารถรักษาพิษในร่างกายของเขาได้ ในเมื่อตอนนี้เลือดก็หลั่งออกมาแล้ว ถ้าท่านเข้าไปสุ่มสี่สุ่มห้าแล้วตีเขาตายไปตอนนี้ มันก็เหมือนทำให้ข้าเจ็บตัวเปล่าไม่ใช่หรือ?”
หลังจากชายหนุ่มได้ยินผู้เป็นนายเอ่ยเช่นนี้ เขาก็สงบลงและจ้องมองอีกฝ่ายด้วยสายตาขุ่นเคืองใจ
เมื่อมู่ไป๋ไป่เห็นท่าทางของคนตรงหน้า เธอก็อยากจะเอื้อมมือไปลูบหัวเขา แต่จื่อเฟิงโตเร็วมากจนขนาดที่ว่าแม้เธอจะยืนเขย่งเท้าก็ไม่สามารถสัมผัสศีรษะเขาได้แล้ว
--------------------------------------------------
พูดคุยท้ายตอนกับเสี่ยวเถียว: ว้ายยยย คุณพี่เล่นรุกอย่างนี้เลยเหรอ! ไป๋ไป่ไม่ตบหน้าก็บุญแล้ว 55555
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 150
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น